question_id
int32 1
4k
| article_id
int32 665
954k
| context
stringlengths 75
87.2k
| question
stringlengths 11
135
| answers
sequence |
---|---|---|---|---|
3,857 | 312,945 | ภัสสร บุณยเกียรติ ภัสสร เหลียวรักวงศ์ หรือ ภัสสร บุณยเกียรติ (8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512) ประกวดนางสาวไทยได้รางวัลขวัญใจช่างภาพนางสาวไทยปี 2531และได้เป็นตัวแทนสาวไทยไปประกวดนางงามนานาชาติ ปี 1988 ที่ญี่ปุ่นได้รางวัลขวัญใจช่างภาพ เมื่อเธอก้าวลงมาจากเวทีนางงาม สู่การเป็นนักแสดงภาพยนตร์และละครหลายเรื่อง แต่งานที่โด่งดังสุดขีด ทำให้ชาวบ้านเรียกฮันนี่ได้สนิทปาก ก็เห็นจะเป็นงานเพลงชุดแรกในชีวิตในมาดนางเสือสาว ที่ตั้งชื่ออัลบั้มยืดยาวมากกว่าอัลบั้มเพลงยุคนั้น "ดวงตาข้างขวาของฉันคล้ายเป็นเนื้อเยื่อพิเศษ" ภายใต้สังกัด "คีตาเรคคอร์ด" แม้ว่าประสบการณ์การเป็นนักร้องยังอยู่ในระดับที่ยังไม่ถึงที่สุด แต่ตัวเพลงต่างๆ ก็สามารถวางภาพลักษณ์ของเธอได้ดีสมน้ำสมเนื้อไม่น่าเกลียด แต่ที่ยิ่งรักและยิ่งเกลียดที่สุดก็คือ การแสดงคอนเสิร์ตครั้งใหญ่ของเธอ ที่ชาวบ้านเรียกว่า "คอนเสิร์ตเรทอาร์" จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากหลายๆ ฝ่าย ถึงขั้นมีการจัดอภิปรายและเสวนาเกี่ยวกับความแรงของเธอตามสถาบันชั้นนำต่างๆ เรียกว่าเธอสมเป็นเสือปืนไวจริงๆ ความแรงของงานเพ ลงชุดแรกที่ขายดีมาก บวกกับกระแส จนมีต้องเพิ่มปกพิเศษ "ไม่อยากจะบอกว่าดวงตาข้างซ้ายของฉันก็มีเนื้อเยื่อพิเศษ" ตามออกมาด้วยการเอาบทเพลง "เสือ" มารีมิกซ์ดนตรีใหม่ให้คึกคักกว่าเดิม ฮันนี่ประสบความสำเร็จสูงสุดในช่วงสั้น ๆ เมื่อจู่ๆ เธอทิ้งงานเพลงชุดที่ 2 ที่จะต่อยอดให้เธอกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ ซึ่งทางทีมงานได้เตรียมชื่ออัลบั้มไว้แล้วว่า "น้ำผึ้งร้อนดั่งไฟ ใครโดนมันหลอมละลายทันที" และได้บันทึกเสียงเพลง "จูบสุดท้าย" ที่เป็นซิงเกิ้ลแรกเอาไวเรียบร้อย แต่ฮันนี่ทิ้งทุกอย่าง เพื่อไปใช้ชีวิตครอบครัว และต่อมาในปี 2539 ฮันนี่กกลับมาร้องเพลงอีกครั้งในชุด "ไม่กัดหรอก" โดยภาพลักษณ์ยังยึดคอนเซปท์เดิม แต่ด้วยวัยที่เพิ่มขึ้นจึงสวนทางกับภาพเซ็กซี่ในแบบเก่า จึงทำให้เธอต้องถอยหลัง และกลับไปตั้งหลักกับงานแสดงเป็นงานหลัก ด้านบทบาทการแสดง เริ่มแสดงละครโทรทัศน์เรื่อง ช่อปาริชาต ทางช่อง 7 สี และแสดงภาพยนตร์เรื่อง นักเลง และ แม่เบี้ย ในปี พ.ศ. 2532 จนได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง 2 ตัวในปีเดียวกันคือ สาขาผู้แสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากเรื่อง แม่เบี้ย และรางวัลดาวรุ่งหญิงยอดเยี่ยมจากเรื่อง นักเลง ฮันนี่จบจากเซ็นต์โยเซฟแล้วเข้าเรียนต่อที่พระนครธุรกิจ ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยหลากหลายบทบาททั้งแสดงภาพยนตร์ และถ่ายแบบ ในภาพลักษณ์ที่เน้นความเซ็กซี่ ชีวิตส่วนตัวสมรสกับธีรพงษ์ เหลียวรักวงศ์ ช่างภาพนู้ด มีบุตรชาย 1 คน ชื่อ อินทัช เหลียวรักวงศ์ ปัจจุบันได้เป็นนักแสดงแล้ว จากนั้นหายจากวงการไปพักใหญ่ จนกลับมาแสดงละครให้กับช่องต่าง ๆ อีกครั้ง โดยในปี 2550 ได้รับรางวัล ok!award : sexy foever จากนิตยสาร ok!ผลงานละครเวทีผลงาน. ละครเวที. - ละครเวทีมณเฑียรทองเธียเตอร์ พรายน้ำ (2532) ภัสสร, แสงระวี, ทรงสิทธิ์ - ละครเพลง เธอคือดวงใจ (2549) จักพรรณ, เข็มอัปสร,ภัสสรภาพยนตร์ภาพยนตร์. - 2532 นักเลง ...ตำรวจหญิง คู่กับ สามารถ พยัคฆ์อรุณ - 2532 แม่เบี้ย ...เมขลา คู่กับ ลิขิต เอกมงคล - 2533 หัวใจห้องที่ 5 ...คุณใหญ่ คู่กับ ยุรนันท์ ภมรมนตรี - 2533 น้องเมีย ...ปรางค์ คู่กับ ฉัตรชัย เปล่งพานิช - 2533 หลงไฟ ...ก้านแก้ว คู่กับ สันติสุข พรหมศิริ - 2533 แรงฤทธิ์พิษสวาท ... เจนจิรา คู่กับ ยุรนันท์ ภมรมนตรี - 2533 ก่อนจะสิ้นแสงตะวัน ...ส่องหล้า คู่กับ ลิขิต เอกมงคล - 2553 สมานฉัน - 2553 ผู้ชายลั้นลา ...เจ๊จุ๋ม คู่กับ เกลือ เป็นต่อละครละคร. - 2529 กุหลาบไร้หนาม ช่อง 3 - 2530 หมู่บ้านหุบกะพง - 2530 ความดีที่ต้องรักษา - 2531 ช่อปาริชาต ช่อง 7 - 2532 ปริศนาของเวตาล ช่อง 7 - 2532 เจ้าสาวในชุดสีดำ ช่อง 7 - 2533 อุ้มบุญ ช่อง 7 - 2536 โสดยกกำลังสาม ช่อง 3 - 2538 เติมรักให้เต็ม ช่อง 7 - 2539 บันทึกรักหน้าเหลือง / ดอกเอื้อง - 2539 อำพรางอำยวน / แค้นของคนตาย ช่อง 7 - 2539 แผ่นดินของเรา ช่อง 5 - 2540 หุบเขากินคน ช่อง 7 (รับเชิญ) - 2540 กุหลาบที่ไร้หนาม ช่อง 7 - 2541 ซอยปรารถนา ๒๕๐๐ ช่อง 7 - 2542 ตาเบบูญ่า ช่อง 5 - 2542 รักไร้พรมแดน ช่อง 7 - 2542 ลูกแม่ ช่อง 7 - 2542 เพชรตาแมว ช่อง 5 - 2542 ละครเทิดพระเกียรติชุดใต้แสงตะวัน ตอน แผ่นดินของเรา ช่อง 7 - 2543 มิติใหม่หัวใจเดิม ช่อง 7 (รับเชิญ) - 2543 โสนบานเช้าคัดเค้าบานเย็น ช่อง 7 - 2544 คาวน้ำค้าง ไอทีวี - 2544 เศรษฐีตีนเปล่า ช่อง 7 - 2545 นางมาร ช่อง 7 - 2545 ล่าสุดขอบฟ้า ช่อง 7 - 2545 ใครกำหนด ช่อง 7 - 2545 มหัศจรรย์แห่งรัก ช่อง 7 - 2545 เฮี้ยวนักรักซะเลย ช่อง 3 - 2546 โซ่เสน่หา ช่อง 7 - 2546 ทีเด็ดครูพันธุ์ใหม่จิตพิสัยเดือด ช่อง 3 (รับเชิญ) - 2547 มาทาดอร์ ช่อง 7 - 2547 ขอพลิกฟ้าตามล่าเธอ ช่อง 3 - 2547 หลงทางรัก ช่อง 7 - 2547 เรือนไม้สีเบจ ช่อง 3 - 2547 เล็กใหญ่ไม่เกี่ยวขอเอี่ยวด้วยคน ช่อง 7 - 2547 กลับบ้านเรานะ รักรออยู่ ช่อง 7 (รับเชิญ) - 2547 พี่น้อง 2 เลือด ช่อง 9 - 2548 รักนิดๆ ต้องซิทอัพ ช่อง 7 - 2548 อยู่กับก๋ง ช่อง 5 - 2548 อังกอร์ ๒ ช่อง 7 - 2548 กลิ่นแก้วตำหนักขาว ช่อง 3 - 2548 บ้านร้อยดอกไม้ ช่อง 7 - 2548 นางสาวส้มหล่น ช่อง 7 - 2548 ใต้ร่มเงารัก ช่อง 3 - 2548 ลูกไม้หลากสี ช่อง 7 - 2548 รักของนายดอกไม้ ช่อง 3 - 2549 กุหลาบตัดเพชร ช่อง 3 - 2549 เขยใหญ่ สะใภ้เล็ก ช่อง 3 - 2549 สาวน้อยร้อยล้าน ช่อง 7 - 2549 เธอคือดวงใจ ช่อง 3 - 2549 ขิงก็รา ข่าก็แรง ช่อง 7 - 2550 รักไร้พรมแดน ช่อง ITV - 2550 เงื่อนริษยา ช่อง 7 - 2550 ฝนเหนือ ช่อง 7 (รับเชิญ) - 2550 ยอดกตัญูญู ช่อง 3 - 2550 สุดแต่ฟ้ากำหนด ช่อง 3 - 2550 บุพเพเล่ห์รัก ช่อง 7 - 2550 มายาพิศวาส ช่อง 5 (รับเชิญ) - 2550 คู่ปั่นคู่ป่วน ช่อง 7 - 2551 หน่วยเปิ่นเกินพิกัด ช่อง 7 - 2551 คู่ป่วนอลวน ช่อง 7 (รับเชิญ) - 2551 สงครามนางฟ้า ช่อง 5 - 2551 มนตราแห่งรัก ช่อง 7 - 2552 หัวใจสองภาค ช่อง 3 - 2552 ปอบผีฟ้า ช่อง 7 - 2552 บริษัทบำบัดแค้น ช่อง 3 (รับเชิญ) - 2552 ชิงชัง ช่อง 5 - 2552 ดำขำ ช่อง 7 - 2552 นางกรี๊ด ช่อง 7 - 2553 บ้านนาคาเฟ่ ช่อง 7 - 2553 โรงแรมผี ช่อง 5 - 2553 วิวาห์ว้าวุ่น ช่อง 3 - 2553 นักฆ่าขนตางอน ช่อง 7 - 2553 หัวใจพลอยโจร ช่อง 5 - 2554 รหัสทรชน ช่อง 3 - 2554 ค่าของคน ช่อง 7 - 2554 ล้างรถตัดขนหมา ช่อง 7 - 2554 เรือนแพ ช่อง 5 - 2554 เมียแต่ง ช่อง 3 - 2554 บันทึกรักซุปตาร์ ช่อง 8 - 2554 หมวดโอภาส ตอน จอนนี่ที่รัก ช่อง 9 (รับเชิญ) - 2555 ก่อนบ่ายคลายเครียด ช่อง 3 (รับเชิญ) - 2555 มุกเหลี่ยมเพชร ช่อง 3 - 2555 ลิขิตฟ้าชะตาดิน ช่อง 5 - 2555 รักสุดปลายฟ้า ช่อง 3 - 2555 มารยาริษยา ช่อง 5 - 2555 แม่ยายคงกะพัน ช่อง 3 - 2556 เงาะแท้แซ่ฮีโร่ ช่อง 3 - 2556 มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ช่อง 3 - 2556 โดมทอง ช่อง 7 - 2556 สาปพระเพ็ง ช่อง 3 (รับเชิญ) - 2556 ซิทคอม รักจัดเต็ม ช่อง 3 - 2556 วุ่นนักรักหรือหลอก ช่อง 5 - 2556 ดอกอ้อสายขวัญ ช่อง 3 - 2557 นางร้ายซัมเมอร์ ช่อง 3 - 2557 รักออกฤทธิ์ ช่อง 3 - 2557 เรือนริษยา ช่อง 3 (รับเชิญ) - 2557 ผัวชั่วคราว ช่อง 8 - 2558 แม้เลือกเกิดได้ ช่อง 8 - 2558 กระตุกหนวดเสือ ช่อง 3 - 2558 ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ช่อง 7 - 2558 เลือดตัดเลือด ช่อง 7 - 2558 เจ้าสาวเฉพาะกิจ ช่อง 8 - 2559 เจ้าเวหา ตอน ฝั่งน้ำจรดฝั่งฟ้า ช่อง ทรูโฟร์ยู - 2559 ลูกไม้ไกลต้น ช่อง 7 - 2559 นางฟ้าเปื้อนฝุ่น ช่อง 7 - 2560 กามเทพซ้อนกล ช่อง 3 - 2560 เรือนพะยอม ช่อง 7 - 2560 เพลิงรักไฟมาร ช่อง 8 - 2561 คู่ซี้ผีมือปราบ ช่องเวิร์คพอยท์ - 2561 ลิขิตรัก ช่อง 3 (รับเชิญ) - 2561 เงา ช่อง จีเอ็มเอ็ม 25 - 2561 ไร้เสน่หา ช่อง จีเอ็มเอ็ม 25 - 2561 ริมฝั่งน้ำ ช่อง 3 - 2561 สวยซ่อนคม ช่อง 7 - 2561 ลิขิตรักข้ามดวงดาว ช่อง 3 - 2561 บุญหล่นทับ ช่อง 3ผลงานเพลงผลงานเพลง. - นางเอกมิวสิควีดีโอเพลง แคนลำโขง คู่กับ เฮนรี่ ปรีชาพานิช ของเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์วัลยลักษณ์ - นางเอกมิวสิควีดีโอเพลง ฉากสุดท้าย ของ พัณนิดา เศวตาสัย - นางเอกมิวสิควีดีโอเพลง เธอคนเดียว ของ ฟอร์เอฟเวอร์ - อัลบั้ม ดวงตาข้างขวาของฉันคล้ายมีเนื้อเยื่อพิเศษ (2533) - อัลบั้ม ไม่กัดหรอก (2540) - เพลงประกอบละคร ผู้ชายไม้ประดับ (2538) - เพลงประกอบละคร เติมรักให้เต็ม คอนเสิร์ต- คอนเสิร์ต เรทอาร์ 2533 - คอนเสิรต บานฉ่ำ 2535 - คอนเสิร์ต ขอเป็นพระเอก (นีโน่) 2534 (ฮันนี่ถูกวางตัวเป็นแขกรับเชิญแต่ป่วยจนขึ้นเวทีไม่ได้) - คอนเสิร์ต Kita Back to The Future 2550 - กรีนคอนเสิร์ตครั้งที่ 18 The Lost Love Song ร้อยเพลงรักที่หายไป 2558 - ทัวร์ทั่วประเทศคอนเสิร์ตเรทอาร์ 2533 - 2535รางวัลที่ได้รับรางวัลที่ได้รับ. - รางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี ครั้งที่ 13 ประจำปี พ.ศ. 2532 สาขารางวัลพิเศษตุกตาเงินดาวรุ่งฝ่ายหญิง จากภาพยนตร์เรื่อง นักเลง - รางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี ครั้งที่ 13 ประจำปี พ.ศ. 2532 สาขาผู้แสดงนำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง แม่เบี้ย - รางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี ครั้งที่ 14 ประจำปี พ.ศ. 2533 สาขาผู้แสดงนำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง หลงไฟ - รางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี ครั้งที่ 15 ประจำปี พ.ศ. 2534 มีรายชื่อติด 1ใน5เข้าชิงรางวัลผู้แสดงนำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง น้องเมีย
| ภัสสร บุณยเกียรติเป็นตัวแทนสาวไทยไปประกวดนางงามนานาชาติ ปีค.ศ. 1988 ที่ประเทศใด | {
"answer": [
"ญี่ปุ่น"
],
"answer_begin_position": [
287
],
"answer_end_position": [
294
]
} |
3,858 | 7,382 | สตีล บอล รัน สตีล บอล รัน () () เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น เขียนโดยฮิโรฮิโกะ อารากิ () โดยดำเนินเรื่องเป็นโลกคู่ขนานของการ์ตูนเรื่องโจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ในภายหลังนับเป็นภาคที่ 7 ของเรื่องนี้ ในประเทศไทยจัดพิมพ์โดยเนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ และเคยลงพิมพ์เป็นตอนในนิตยสารบูมเนื้อเรื่อง เนื้อเรื่อง. ปี 1890 ที่อเมริกา มิสเตอร์สตีล โปรโมเตอร์ชื่อดังได้จัดงาน "สตีล บอล รัน" คือการแข่งขันขี่ม้าข้ามประเทศจากซานดิเอโกจนถึงนิวยอร์กในระยะทางกว่า 6,000 กิโลเมตร โดยมีเงินรางวัลสูงถึง 50,000,000 ดอลลาร์ ทำให้มีนักแข่งม้าจากทุกสารทิศมาร่วมแข่งรวมไปถึง ไจโร่ เซปเปลลี่ เพชฌฆาตจากอาณาจักรนีอาโปลิส และโจนี่ โจสตาร์ อดีตนักแข่งม้าอัจฉริยะที่กลายเป็นอัมพาตครึ่งล่าง โจนี่ได้เห็นพลังพิเศษของไจโร่จากสิ่งที่เรียกว่า "ลูกเหล็ก" ของไจโร่จึงต้องการที่จะขอร่วมการแข่งขันไปพร้อมกับไจโร่ด้วย ในการแข่งขันทั้งไจโร่และโจนี่ต้องพบกับอุปสรรคมากมายไม่ว่าจะเป็นภูมิประเทศ สิ่งแวดล้อม และกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่เข้ามาเล่นงานทั้ง 2 คน จนกระทั่งโจนี่ได้ค้นพบพลังพิเศษที่เรียกว่า "สแตนด์" ที่ตนได้มาโดยบังเอิญที่ทะเลทรายแอริโซน่า อย่างไรก็ตามทั้ง 2 คนได้ล่วงรู้ถึงสิ่งที่เป็นเป้าหมายที่แท้จริงของการจัดงานแข่งขันครั้งนี้นั่นคือการตามหา "ซากศพศักดิ์สิทธิ์ของนักบุญ" ที่กระจัดกระจายอยู่ในพื้นแผ่นดินของประเทศอเมริกา โดยผู้ที่ต้องการครอบครองซากศพเหล่านี้คือฟันนี่ วาเลนไทน์ประธานาธิบดีคนที่ 23 ของอเมริกา โจนี่กับไจโร่พยายามรวบรวมซากศพแต่ก็ถูกสมุนของประธานาธิบดีคอยขัดขวางอยู่ตลอดจนกระทั่งวาเลนไทน์ได้ครอบครองซากศพเกือบทุกส่วน รวมไปถึงมีลูซี่ซึ่งเป็นภรรยาของสตีลที่ถูกซากศพศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นรวมร่างเข้าไป ในการไล่ล่าประธานาธิบดีนั้นนอกจากพวกไจโร่แล้วยังมี "ฮอต แพนท์" แม่ชีแห่งวาติกันที่ต้องการซากศพเพื่อชำระความผิดของตนในอดีตและดีเอโก้ "ดีโอ" บรันโด นักแข่งม้าผู้ทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูงจากอังกฤษผู้มีความสามารถสแตนด์ที่ทำให้ตนเองเปลี่ยนร่างเป็นไดโนเสาร์ ทั้งฮอต แพนท์และดีโอต่างเสียท่าให้ความสามารถสแตนด์อันลึกลับของวาเลนไทน์จนถูกฆ่าตาย ไจโร่และโจนี่ต่างต่อสู้กับวาเลนไทน์ด้วยความยากลำบาก ไจโร่ถูกประธานาธิบดีฆ่าตาย โจนี่ใช้ความสามารถสแตนด์ของตนเองที่พัฒนาไปจนถึงขีดสุดจนเอาชนะวาเลนไทน์ได้ โจนี่ต้องแข่งขันต่อไปโดยที่ไม่มีไจโร่อยู่ข้างกาย หลังจากการต่อสู้กับวาเลนไทน์จบลง โจนี่ถูกคนขโมยซากศพศักดิ์สิทธิ์ที่มีทุกส่วนไป โจนี่ได้พบว่าคนที่ขโมยซากศพนั้นคือ "ดีโอ" ที่มาจากอีกมิติหนึ่งซึ่งเป็นผลของความสามารถสแตนด์ของวาเลนไทน์ โดยที่ดีโอคนนี้มีความสามารถ "หยุดเวลา" ได้ 5 วินาที โจนี่พ่ายแพ้ให้กับดีโอในศึกครั้งสุดท้าย ทำให้ดีโอกลายเป็นผู้ชนะการแข่งขัน SBR ขณะที่ดีโอกำลังย่ามใจนั้น ลูซี่ได้นำ "หัว" ของดีโอคนเก่าที่ถูกวาเลนไทน์ฆ่าตาย หากคนทั้ง 2 คนจากคนละมิติมาสัมผัสกันจะทำให้อันตรธานไป ดีโออันตรธานหายไป ส่วนซากศพศักดิ์สิทธิ์นั้นก็อยู่ในห้องนิรภัยภายในโบสถ์ทรินิตี้ในนิวยอร์กซึ่งเป็นเส้นชัยของการแข่งขันสตีล บอล รัน โจนี่ได้นำหีบศพของไจโร่ออกเดินทางไปที่นีอาโปลิส บ้านเกิดของไจโร โดยที่โจนี่นั้นหายจากอัมพาตแล้ว ระหว่างทางโจนี่นึกถึงเรื่องราวต่างๆของการแข่งขันที่ผ่านมารวมไปถึงไจโร่เพื่อนที่เขาจะไม่มีวันลืมตัวละครผู้เข้าแข่งขัน ตัวละคร. ผู้เข้าแข่งขัน. ไจโร่ เซปเปลี่ (Gyro Zeppeli) หล่อมากหล่อสุดๆ โคตรพระเอก- สัญชาติ : นีอาโปลีส - ชื่อม้าประจำตัว : วัลคีรี่ ชายหนุ่มที่ปกปิดที่มาของตนเอง เข้าร่วมการแข่งสตีล บอล รัน ด้วยเหตุผลบางประการ ชื่อของเขาไม่เคยปรากฏในวงการแข่งม้ามาก่อน แต่ฝีมือการบังคับม้าและการต่อสู้นั้นถือว่ายอดเยี่ยม เป็นทายาทรุ่นปัจจุบันของตระกูลเซปเปลี่ ที่สืบทอดหลักวิชาและความรู้หลายแขนงมาแล้วนับศตวรรษ- ความสามารถ : ลูกเหล็กหมายเลข1 และ ลูกเหล็กหมายเลข2 ซึ่งไจโร่ห้อยไว้ข้างกายตลอดเวลานั้นสามารถแปรเปลี่ยนเป็นอาวุธร้ายแรงได้ด้วยวิชาการหมุนที่สืบทอดกันมาในตระกูล โดยสามารถใช้เป็นทั้งอาวุธโจมตีและประยุกต์พลิกแพลงได้หลากหลายรูปแบบ - ความสามารถสแตนด์ : สแกน (スキャン - Scan) ไจโร่ได้พลังแสตนด์นี้มาหลังจากครอบครองชิ้นส่วนลูกตาของซากศพ ทำให้นัยน์ตาข้างซ้ายของเขาถูกเชื่อมการมองเห็นเข้ากับลูกเหล็ก เขาสามารถมองเห็นได้ไกลขึ้นในระยะที่ลูกเหล็กจะไปถึง รวมทั้งเมื่อหมุนลูกเหล็กอย่างรวดเร็วก็จะเห็นทะลุสิ่งกีดขวางได้ราวกับเรดาร์ จอห์นนี่ โจสตาร์ (Johnny Joestar - ฉบับภาษาไทยยึดหลักการออกเสียงแบบญี่ปุ่นเป็น โจนี่ โจสตาร์)- สัญชาติ : อเมริกา - ชื่อม้าประจำตัว : สโลว์แดนเซอร์ อดีตจ๊อกกี้อัจฉริยะ ในขณะที่หลงระเริงไปกับชื่อเสียงซึ่งกำลังรุ่งโรจน์ถึงขีดสุดนั้น ก็ประสบเหตุทำให้ขาทั้งสองข้างพิการ และตกต่ำลงในทันที จนเมื่อมาพบกับไจโร่ และวิชาการหมุนลูกเหล็กซึ่งทำให้ขาของเขากลับมาใช้การได้ในชั่วระยะเวลาหนึ่ง เขาจึงตัดสินใจเข้าแข่งขันร่วมกับไจโร่ เพื่อค้นหาความลับที่อาจเป็นกุญแจสำคัญให้เขากลับมาเดินได้อีกครั้ง- ความสามารถ : จากการเรียนรู้เคล็ดวิชาการหมุนจากไจโร่ โจนี่จึงสามารถ"หมุนเล็บ"ของตนเองได้ โดยจะใช้เล็บที่หมุนจนแหลมคมเป็นเหมือนใบมีดโจมตี - ความสามารถสแตนด์ : ทัสค์ (タスク - Tusk) หรือ เขี้ยว พลังของโจนี่อยู่ในรูปของสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายลูกแกะตัวเล็กขนาดฝ่ามือที่ชื่อทัสค์ ทำให้โจนี่สามารถหมุนเล็บมือหรือเล็บเท้าแล้วยิงมันออกไปได้เหมือนกระสุน เล็บที่ยิงออกไปแล้วจะงอกขึ้นมาใหม่ทันที - ทัสค์ สี่เหลี่ยมผืนผ้าทองคำ เป็นวิชาการหมุนสมบูรณ์แบบของตระกูลเซปเปลี่ที่ไจโร่สอนให้โจนี่ นั่นคือจะลอกแบบจากรูปทรงธรรมชาติเปลี่ยนเป็นการหมุนที่ไร้ขีดจำกัด ทำให้รูที่เกิดจากการยิงกระสุนเล็บนั้นไล่กวดเป้าหมายได้ต่อไปเป็นระยะทางสั้นๆ แต่เมื่อยิงด้วยวิธีนี้ไปแล้วจะต้องรอเวลาเล็บงอกประมาณ 1 นาที จึงจะยิงได้อีกครั้ง - - Tusk เป็นชื่อของหนึ่งในอัลบั้มที่ขายดีตลอดกาล ของวงดนตรีที่ชื่อ Fleetwood Mac. โดยเป็นสตูดิโออัลบั้มที่ 11 ของวง ออกในปี 1969 - - Slow Dancer ชื่อม้า มาจากชื่ออัลบั้มลำดับที่ 6 ของ Boz Scaggs นักแต่งเพลงและมือกีตาร์ชาวอเมริกัน ออกในปี 1974 แซนด์แมน (ซาวด์แมน) (Soundman)- สัญชาติ : อเมริกา - ชื่อม้าประจำตัว : ไม่มี (ลงแข่งด้วยการวิ่ง) ชายหนุ่มลูกหลานชนเผ่าอินเดียนแดง ที่ดินของเขาถูกรุกรานโดยพวกคนขาวในสมัยบุกเบิกอเมริกา เขาจึงร่วมแข่งขันเพื่อชิงเงินรางวัลกลับไปซื้อที่ดินของเผ่าตนคืนมา แม้การแข่งสตีล บอล รัน จะเป็นการแข่งโดยใช้ม้าเป็นพาหนะหลัก แต่แซนด์แมนกลับลงแข่งด้วยสองเท้าของเขาเอง- ความสามารถ: แซนด์แมนมีวิธีการวิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ โดยการกระจายแรงปะทะจากเท้าและแปรเปลี่ยนเป็นแรงส่งในการวิ่งก้าวต่อไป ทำให้เขาสามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงโดยไม่แหน็ดหนื่อย - ความสามารถสแตนด : อิน อะ ไซเลนท์ เวย์ (イン・ア・サイレント・ウェイ - In a Silent Way) พลังของแซนด์แมนคือการสร้าง"อักษรแทนเสียง" ขึ้น แล้วบรรจุลงในตัวกลางถ่ายทอดไปยังเป้าหมาย เมื่อสิ้นสุดการเดินทางของเสียงแล้ว ก็จะเปลี่ยนเป็นผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไปตามเสียงที่สร้างขึ้น - - In a Silent Way มาจากชื่อเพลง ในอัลบั้มที่มีชื่อเดียวกันของ Mile Davis นักทรัมเป็ตแนวฟิวชั่นแจ๊ส ออกในปี 1969 เมาเท่น ทิม (Mountain Tim)- สัญชาติ : อเมริกา - ชื่อม้าประจำตัว : โกสต์ ไรเดอร์ส อิน เดอะ สกาย คาวบอยหนุ่มรูปงามจากไวโอมิ่ง ผู้ต้อนฝูงวัวกว่าสามพันตัวข้ามทุ่งหญ้า 400 กิโลเมตรในทุกๆปี เข้าร่วมการแข่งขันด้วยจุดประสงค์บางอย่างที่ไม่ใช่เงินรางวัล- ความสามารถ : เมาเท่น ทิม มีความเชี่ยวชาญในการใช้บ่วงบาศก์เชือกได้แม่นราวกับจับวาง - ความสามารถสแตนด์ : โอ้! โลนซั่ม มี (オー!ロンサム・ミー - Oh! Lonesome me) พลังสแตนด์ของเท่นทิมคือ เขาสามารถแยกชิ้นส่วนร่างกายของตัวเองและเป้าหมาย เพื่อส่งผ่านไปตามเชือกได้ แล้วต่อกลับคืนเหมือนเดิมที่ปลายทาง - - "Oh! Lonesome me มาจากชื่ออัลบั้ม ของนักร้องเพลงคันทรี Don Gibson ในปี 1958 ซึ่งในวงการเพลงคันทรีได้ขนานนามอัลบั้มนี้ ว่าเป็นต้นกำเนิดของซาวนด์ในแบบฉบับแนชวิล (Nashville Sound) - - Ghost Riders in the Sky ชื่อม้าของเขา มาจากเพลงคันทรี (Ghost) Riders in the Sky: A Cowboy Legend ของ Stan Jones นักแต่งเพลงแนวอเมริกันคันทรี โดยถูกเขียนขึ้นในปี 1948 ฮ็อตแพนท์ (Hot Pant)- สัญชาติ : อเมริกา - ชื่อม้าประจำตัว : บราวน์ - ความสามารถสแตนด์ : ครีม สตาร์ทเตอร์ (Cream Starter) เมื่อฮ็อตแพนท์แตะต้องเนื้อของใคร (รวมทั้งของตัวเองด้วย) ก็จะสามารถสูบเอาเนื้อที่แตะนั้นมาเปลี่ยนเป็นสเปรย์เนื้อฉีดออกทางกระบอกสเปรย์เล็กๆที่พกติดตัวไว้ได้ โดยเมื่อฉีดออกไปแล้วก็สามารถคืนรูปเป็นอวัยวะได้เหมือนเดิมในภายหลัง ใช้ในการรักษาบาดแผลได้ด้วยโดยการฉีดเนื้อลงบนส่วนที่บาดเจ็บ ดิเอโก้ แบรนโด้ (Diego Brando-DIO)- สัญชาติ : อังกฤษ - ชื่อม้าประจำตัว : ซิลเวอร์ บุลเล็ต จ๊อกกี้หนุ่มอัจฉริยะจากประเทศอังกฤษ ในสมัยเด็กเคยยากจนแร้นแค้นและโดนกลั่นแกล้งมากมาย จึงสาบานตนว่าเมื่อโตขึ้นจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินตราโดยไม่สนวิธีการใดๆทั้งสิ้น- ความสามารถสแตนด์ : สแครี่ มอนสเตอร์ (スケアリー・モンスター - Scary Monster) เป็นความสามารถที่หลงเหลือมาจาก ดร.เฟอร์ดินานด์ ดิโอสามารถแปลงร่างเป็นไดโนเสาร์เพื่อเพิ่มพลังความสามารถทางกายได้ - - Scary Monster น่าจะมาจากชื่อเพลงและอัลบั้ม Scary Monsters (and Super Creeps) ของ David Bowie ในปี 1980 - - Silver Bullet ชื่อม้าของเขา น่าจะมาจากเพลงชื่อเดียวกันของ Hawthorne Heights วงดนตรีอีโม-สครีโม จากอัลบั้ม The Silence in Black and White ในปี 2004 บูมบูม แฟมิลี่ (Boomboom Family - ฉบับภาษาไทยยึดหลักการออกเสียงตามภาษาญี่ปุ่นเป็น บูนบูน)- ความสามารถสแตนด์ : (ไม่ทราบชื่อ) สมาชิกตระกูลทั้งสามคนมีสแตนด์ที่รูปร่างและความสามารถคล้ายกัน หลักๆแล้วคือการใช้เลือดของตัวเองเป็นตัวเหนี่ยวนำโลหะให้ดึงดูดเข้าหากันเหมือนมีแรงแม่เหล็ก ยิ่งเป้าหมายอยู่ใกล้กัน แรงดูดก็ยิ่งเพิ่มขึ้น เบนจามิน บูนบูน (Benjamin Boomboom)- สัญชาติ : อเมริกา - ชื่อม้าประจำตัว : ครอสทาวน์ แทรฟฟิค - ความสามารถ : บูนบูนคนพ่อ สามารถใช้พลังสแตนด์ในการดูดวัตถุทำจากโลหะเข้าไปในร่างกายตัวเอง เพื่อเปลี่ยนรูปร่างเป็นคนอื่นได้ อังเดร บูนบูน (Andre Boomboom)- สัญชาติ : อเมริกา - ชื่อม้าประจำตัว : ฟ็อกซี่เลดี้ - ความสามารถ : ลูกชายคนโตของตระกูล เลือดในร่างกายเขาทนต่อพิษประเภทต่างๆได้ แอลเอ บูนบูน (L.A. Boomboom)- สัญชาติ : อเมริกา - ชื่อม้าประจำตัว : ลิตเติ้ลวิงค์ - ความสามารถ : ลูกชายคนเล็กของตระกูล แต่รูปลักษณ์ภายนอก (และนิสัย) ดูเหมือนกะเทย สามารถควบคุมผงเหล็กเพื่อใช้โจมตีได้ โอเยโคโมวา (Oyecomova)- สัญชาติ : อิตาลี - ชื่อม้าประจำตัว : ไม่ทราบชื่อ - ความสามารถสแตนด์ : (ไม่ทราบชื่อ) พลังของโอเยโคโมวาสามารถติดสลักระเบิดลงบนวัตถุใดๆที่เขาสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นของที่จับต้องได้หรือกระแสอากาศก็ตาม เมื่อสลักหลุดออกก็จะเกิดการระเบิดขึ้น - - Oyecomova มาจากชื่อเพลง ของ Tito Puente นักดนตรีแนวลาติน-แจ๊ส,แมมโบ ในปี 1963 แต่มาเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายอีกครั้ง ในอัลบั้ม Abraxas (1970) โดยการคัฟเวอร์ของ Carlos Santanaศัตรูอื่นๆ ศัตรูอื่นๆ. เจ้าหนูพอร์ค พาย แฮ็ท (Pork Pie Hat Kid)- ความสามารถสแตนด์ : ไวเออร์ด (Wired) พลังของเขาอยู่ในรูปของปั้นจั่นเล็กๆสองอันที่เก็บไว้ในปาก แต่แข็งแรงขนาดสามารถยกวัวได้ทั้งตัว นอกจากนี้ยังสามารถส่งผ่านปั้นจั่นไปในระยะไกลได้โดยมีจานใส่น้ำเป็นสื่อกลาง - - Wired มาจากชื่อโซโล่อัลบั้มของ Jeff Beck หนึ่งในมือกีตาร์ระดับตำนาน โดยออกในปี 1976 ดร.เฟอร์ดินานด์ (Dr.Ferdinand)- ความสามารถสแตนด์ : สแครี่ มอนสเตอร์ส (Scary Monsters) พลังของเธอคือการแปรเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตให้กลายเป็นไดโนเสาร์ และใช้ไดโนเสาร์เหล่านี้เปลี่ยนคนอื่นๆให้เป็นไดโนเสาร์ไปด้วยโดยการสร้างบาดแปลให้กับคนๆนั้น แต่ตัวของเฟอร์ดินานด์เองไม่สามารถเปลี่ยนร่างได้ เป็นเหมือนกับหอบังคับการเท่านั้น - - ชื่อของเขา น่าจะมาจากชื่อวง Franz Ferdinand ริงโก้ โร้ดอะเกน (Ringo Roadagain)- ความสามารถสแตนด์ : แมนดั้ม (Mandom) สามารถย้อนเวลากลับไปได้ 6 วินาที โดยใช้การหมุนเข็มนาฬิกาข้อมือเป็นเครื่องมือ แบล็คมอร์ (Blackmore)- ความสามารถสแตนด์ : แคทช์ เดอะ เรนโบว์ (Catch the Rainbow) พลังของเขาคือการทำให้หยดน้ำหยุดนิ่งกลางอากาศ และขึ้นเหยียบได้หรือใช้มันเป็นใบมีดที่แหลมคมในการจู่โจม ดังนั้นในวันฝนตกจึงเป็นวันที่เขาจะเก่งกาจที่สุด นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าสามารถแยกร่างตัวเองผ่านไปตามสายฝนได้อีกด้วย ชูการ์ เมาเท่น (Sugar Mountain) เด็กหญิงที่เฝ้าบ่อน้ำลึกลับมานานนับสิบปีแล้ว ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าบ่อน้ำนี้คือพลังสแตนด์หรืออะไรกันแน่ แต่มันจะทดสอบผู้ที่ผ่านเข้ามาโดยการหยิบยื่นของที่คนผู้นั้นทำตกลงในบ่อน้ำให้เลือก สิ่งหนึ่งจะเป็นของชั้นดี และอีกสิ่งจะเป็นของชั้นเลว หากผู้ถูกทดสอบเกิดความโลภและเลือกของชั้นดีไปก็จะถูกกระชากลิ้นจนตาย แต่หากมีความซื่อสัตย์ก็จะได้รับสมบัติมีค่ามาแทน โดยมีข้อแม้ว่าต้องใช้สมบัติที่ได้มานั้นให้หมดก่อนตะวันตกดิน มิฉะนั้นจะถูกทำให้กลายเป็นต้นไม้เฝ้าบ่อน้ำนี้ต่อไป ชาย 11 คน (Eleven men)- ความสามารถสแตนด์ : แท็ตทู ยู (Tatto You) เป็นรอยสักที่อยู่ด้านหลังของชายทั้ง 11 คน ทั้ง 11 คนสามารถมุดลอดเข้าออกระหว่างกันและกันผ่านทางรอยสักนี้ได้อย่างอิสระ ไมค์ โอ (Mike O')- ความสามารถสแตนด์ : ทิวบูล่าร์ เบลส์ (Tubular Bells) พลังของเขาคือการเป่าลมใส่ตะปูให้กลายเป็นลูกโป่ง และบิดมันเป็นรูปร่างสัตว์ต่างๆได้ สัตว์ลูกโป่งเหล่านี้จะมีความสามารถเหมือนกับสัตว์จริงๆ เป็นสแตนด์ที่รวมเอาความยืดหยุ่นของลูกโป่งและความแหลมคมอันตรายของตะปูเข้าด้วยกัน เวคอัพพีเพิล (Wekapepo - Wake up People- ความสามารถ : เรคกิ้งบอล (Wreking Ball) ไม่ใช่ความสามารถสแตนด์ แต่เป็นวิชาหมุนลูกเหล็กที่สืบทอดมาเช่นเดียวกับของไจโร่ ลูกเหล็กของเขาประกอบด้วยลูกบริวารเล็กๆอีกหลายลูก ซึ่งจะกระจายออกไปโจมตีศัตรูหลังจากที่ขว้างลูกเหล็กแรกออกไปแล้ว หากโดนเข้าจังๆก็อาจถึงตายได้ แต่หากโดนเฉี่ยวๆจะทำให้ร่างกายซีกซ้ายเป็นอัมพาต และมองไม่เห็นทุกๆสิ่งที่อยู่ทางซ้ายของตน มาเจนต้า มาเจนต้า (Magenta Magenta)- ความสามารถสแตนด์ : ทเวนตี้ เซนจูรี่ บอย (20th Century Boy) เป็นเหมือนชุดสูทที่จะถ่ายทอดแรงปะทะทั้งหมดลงสู่ดิน ทำให้ไม่เกิดความเสียหายใดๆแก่ร่างต้น แต่ขณะที่สวมไว้จะไม่สามารถขยับตัวได้เลย แอ็คเซล โร (Axel RO)- ความสามารถสแตนด์ : ซีวิล วอร์ (Civil War) ผู้ที่เข้ามาอยู่ในระยะจู่โจมของสแตนด์ จะถูกบาปในอดีตกลับมาตามหลอกหลอน วิธีที่จะหลุดพ้นได้คือต้องชำระล้างด้วยน้ำสะอาด หรือโยนบาปนั้นให้คนอื่น ดิสโก้ (Disco)- ความสามารถสแตนด์ : ช็อคโกแลต ดิสโก้ (Chocolate Disco) สามารถนำวัตถุใด้ๆที่มีเป้าหมายมาที่ตนเอง ให้เปลี่ยนตำแหน่งไปในพิกัดที่ต้องการได้อย่างแม่นยำตัวละครอื่นๆ ตัวละครอื่นๆ. สตีเฟ่น สตีล (Stephen Steel)- โปรโมเตอร์งานแข่งสตีล บอล รัน ในอดีตเคยเป็นโปรโมเตอร์จัดงานแสดงต่างๆมากมาย จนวันหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกลวงโลก ชีวิตจึงตกต่ำจนถึงขีดสุด ในตอนนั้นเองที่ได้พบกับลูซี่ ซึ่งเป็นคนเสนอให้จัดงานแข่งม้าข้ามทวีปขึ้น แม้ตัวสตีลเองจะคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล แต่กลับได้รับความสนใจจากสปอนเซอร์มากมาย กำหนดการแข่งสตีล บอล รัน จึงเกิดขึ้นในอีกสองปีถัดมา ซึ่งณ เวลานั้น สตีลก็นึกถึงบุญคุณของลูซี่ขึ้นมาได้ จึงขอเธอแต่งงาน ลูซี่ สตีล (Lucy Steel)- หญิงสาวอายุ 14 ปี ที่เป็นผู้จุดกำเนิดการแข่งสตีล บอล รัน แม้จะยังเด็กแต่ก็ตอบรับคำขอแต่งานของสตีลอย่างเต็มใจ เป็นหญิงสาวที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวมาก และจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องสามีของตนเอง ฟันนี่ วาเลนไทน์ (Funny Valenine,the President)- ประธานาธิบดีคนที่ 23 แห่งสหรัฐอเมริกา เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการแข่งสตีล บอล รัน โดยมีจุดมุ่งหมายแท้จริงเพื่อรวบรวมชิ้นส่วนซากศพนักบุญให้ครบ สการ์เล็ต วาเลนไทน์ (Scarlet Valentine)- ภรรยาของประธานาธิบดีสหรัฐ จริงๆแล้วเป็นพวกชอบผู้หญิงด้วยกัน? เจ้าหน้าที่งานแข่ง (Competition Officer)- เจ้าหน้าที่ชายร่างเล็กที่คอยประจำอยู่ในทุกๆจุดของสถานีบริการสำหรับงานแข่ง มีรูปร่างหน้าตาที่เหมือนกันไปหมดไม่ว่าจะประจำอยู่ที่ไหนก็ตามรายชื่อตอน
| ใครคือผู้เขียนการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง สตีล บอล รัน | {
"answer": [
"ฮิโรฮิโกะ อารากิ"
],
"answer_begin_position": [
142
],
"answer_end_position": [
158
]
} |
3,859 | 7,382 | สตีล บอล รัน สตีล บอล รัน () () เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น เขียนโดยฮิโรฮิโกะ อารากิ () โดยดำเนินเรื่องเป็นโลกคู่ขนานของการ์ตูนเรื่องโจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ในภายหลังนับเป็นภาคที่ 7 ของเรื่องนี้ ในประเทศไทยจัดพิมพ์โดยเนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ และเคยลงพิมพ์เป็นตอนในนิตยสารบูมเนื้อเรื่อง เนื้อเรื่อง. ปี 1890 ที่อเมริกา มิสเตอร์สตีล โปรโมเตอร์ชื่อดังได้จัดงาน "สตีล บอล รัน" คือการแข่งขันขี่ม้าข้ามประเทศจากซานดิเอโกจนถึงนิวยอร์กในระยะทางกว่า 6,000 กิโลเมตร โดยมีเงินรางวัลสูงถึง 50,000,000 ดอลลาร์ ทำให้มีนักแข่งม้าจากทุกสารทิศมาร่วมแข่งรวมไปถึง ไจโร่ เซปเปลลี่ เพชฌฆาตจากอาณาจักรนีอาโปลิส และโจนี่ โจสตาร์ อดีตนักแข่งม้าอัจฉริยะที่กลายเป็นอัมพาตครึ่งล่าง โจนี่ได้เห็นพลังพิเศษของไจโร่จากสิ่งที่เรียกว่า "ลูกเหล็ก" ของไจโร่จึงต้องการที่จะขอร่วมการแข่งขันไปพร้อมกับไจโร่ด้วย ในการแข่งขันทั้งไจโร่และโจนี่ต้องพบกับอุปสรรคมากมายไม่ว่าจะเป็นภูมิประเทศ สิ่งแวดล้อม และกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่เข้ามาเล่นงานทั้ง 2 คน จนกระทั่งโจนี่ได้ค้นพบพลังพิเศษที่เรียกว่า "สแตนด์" ที่ตนได้มาโดยบังเอิญที่ทะเลทรายแอริโซน่า อย่างไรก็ตามทั้ง 2 คนได้ล่วงรู้ถึงสิ่งที่เป็นเป้าหมายที่แท้จริงของการจัดงานแข่งขันครั้งนี้นั่นคือการตามหา "ซากศพศักดิ์สิทธิ์ของนักบุญ" ที่กระจัดกระจายอยู่ในพื้นแผ่นดินของประเทศอเมริกา โดยผู้ที่ต้องการครอบครองซากศพเหล่านี้คือฟันนี่ วาเลนไทน์ประธานาธิบดีคนที่ 23 ของอเมริกา โจนี่กับไจโร่พยายามรวบรวมซากศพแต่ก็ถูกสมุนของประธานาธิบดีคอยขัดขวางอยู่ตลอดจนกระทั่งวาเลนไทน์ได้ครอบครองซากศพเกือบทุกส่วน รวมไปถึงมีลูซี่ซึ่งเป็นภรรยาของสตีลที่ถูกซากศพศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นรวมร่างเข้าไป ในการไล่ล่าประธานาธิบดีนั้นนอกจากพวกไจโร่แล้วยังมี "ฮอต แพนท์" แม่ชีแห่งวาติกันที่ต้องการซากศพเพื่อชำระความผิดของตนในอดีตและดีเอโก้ "ดีโอ" บรันโด นักแข่งม้าผู้ทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูงจากอังกฤษผู้มีความสามารถสแตนด์ที่ทำให้ตนเองเปลี่ยนร่างเป็นไดโนเสาร์ ทั้งฮอต แพนท์และดีโอต่างเสียท่าให้ความสามารถสแตนด์อันลึกลับของวาเลนไทน์จนถูกฆ่าตาย ไจโร่และโจนี่ต่างต่อสู้กับวาเลนไทน์ด้วยความยากลำบาก ไจโร่ถูกประธานาธิบดีฆ่าตาย โจนี่ใช้ความสามารถสแตนด์ของตนเองที่พัฒนาไปจนถึงขีดสุดจนเอาชนะวาเลนไทน์ได้ โจนี่ต้องแข่งขันต่อไปโดยที่ไม่มีไจโร่อยู่ข้างกาย หลังจากการต่อสู้กับวาเลนไทน์จบลง โจนี่ถูกคนขโมยซากศพศักดิ์สิทธิ์ที่มีทุกส่วนไป โจนี่ได้พบว่าคนที่ขโมยซากศพนั้นคือ "ดีโอ" ที่มาจากอีกมิติหนึ่งซึ่งเป็นผลของความสามารถสแตนด์ของวาเลนไทน์ โดยที่ดีโอคนนี้มีความสามารถ "หยุดเวลา" ได้ 5 วินาที โจนี่พ่ายแพ้ให้กับดีโอในศึกครั้งสุดท้าย ทำให้ดีโอกลายเป็นผู้ชนะการแข่งขัน SBR ขณะที่ดีโอกำลังย่ามใจนั้น ลูซี่ได้นำ "หัว" ของดีโอคนเก่าที่ถูกวาเลนไทน์ฆ่าตาย หากคนทั้ง 2 คนจากคนละมิติมาสัมผัสกันจะทำให้อันตรธานไป ดีโออันตรธานหายไป ส่วนซากศพศักดิ์สิทธิ์นั้นก็อยู่ในห้องนิรภัยภายในโบสถ์ทรินิตี้ในนิวยอร์กซึ่งเป็นเส้นชัยของการแข่งขันสตีล บอล รัน โจนี่ได้นำหีบศพของไจโร่ออกเดินทางไปที่นีอาโปลิส บ้านเกิดของไจโร โดยที่โจนี่นั้นหายจากอัมพาตแล้ว ระหว่างทางโจนี่นึกถึงเรื่องราวต่างๆของการแข่งขันที่ผ่านมารวมไปถึงไจโร่เพื่อนที่เขาจะไม่มีวันลืมตัวละครผู้เข้าแข่งขัน ตัวละคร. ผู้เข้าแข่งขัน. ไจโร่ เซปเปลี่ (Gyro Zeppeli) หล่อมากหล่อสุดๆ โคตรพระเอก- สัญชาติ : นีอาโปลีส - ชื่อม้าประจำตัว : วัลคีรี่ ชายหนุ่มที่ปกปิดที่มาของตนเอง เข้าร่วมการแข่งสตีล บอล รัน ด้วยเหตุผลบางประการ ชื่อของเขาไม่เคยปรากฏในวงการแข่งม้ามาก่อน แต่ฝีมือการบังคับม้าและการต่อสู้นั้นถือว่ายอดเยี่ยม เป็นทายาทรุ่นปัจจุบันของตระกูลเซปเปลี่ ที่สืบทอดหลักวิชาและความรู้หลายแขนงมาแล้วนับศตวรรษ- ความสามารถ : ลูกเหล็กหมายเลข1 และ ลูกเหล็กหมายเลข2 ซึ่งไจโร่ห้อยไว้ข้างกายตลอดเวลานั้นสามารถแปรเปลี่ยนเป็นอาวุธร้ายแรงได้ด้วยวิชาการหมุนที่สืบทอดกันมาในตระกูล โดยสามารถใช้เป็นทั้งอาวุธโจมตีและประยุกต์พลิกแพลงได้หลากหลายรูปแบบ - ความสามารถสแตนด์ : สแกน (スキャン - Scan) ไจโร่ได้พลังแสตนด์นี้มาหลังจากครอบครองชิ้นส่วนลูกตาของซากศพ ทำให้นัยน์ตาข้างซ้ายของเขาถูกเชื่อมการมองเห็นเข้ากับลูกเหล็ก เขาสามารถมองเห็นได้ไกลขึ้นในระยะที่ลูกเหล็กจะไปถึง รวมทั้งเมื่อหมุนลูกเหล็กอย่างรวดเร็วก็จะเห็นทะลุสิ่งกีดขวางได้ราวกับเรดาร์ จอห์นนี่ โจสตาร์ (Johnny Joestar - ฉบับภาษาไทยยึดหลักการออกเสียงแบบญี่ปุ่นเป็น โจนี่ โจสตาร์)- สัญชาติ : อเมริกา - ชื่อม้าประจำตัว : สโลว์แดนเซอร์ อดีตจ๊อกกี้อัจฉริยะ ในขณะที่หลงระเริงไปกับชื่อเสียงซึ่งกำลังรุ่งโรจน์ถึงขีดสุดนั้น ก็ประสบเหตุทำให้ขาทั้งสองข้างพิการ และตกต่ำลงในทันที จนเมื่อมาพบกับไจโร่ และวิชาการหมุนลูกเหล็กซึ่งทำให้ขาของเขากลับมาใช้การได้ในชั่วระยะเวลาหนึ่ง เขาจึงตัดสินใจเข้าแข่งขันร่วมกับไจโร่ เพื่อค้นหาความลับที่อาจเป็นกุญแจสำคัญให้เขากลับมาเดินได้อีกครั้ง- ความสามารถ : จากการเรียนรู้เคล็ดวิชาการหมุนจากไจโร่ โจนี่จึงสามารถ"หมุนเล็บ"ของตนเองได้ โดยจะใช้เล็บที่หมุนจนแหลมคมเป็นเหมือนใบมีดโจมตี - ความสามารถสแตนด์ : ทัสค์ (タスク - Tusk) หรือ เขี้ยว พลังของโจนี่อยู่ในรูปของสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายลูกแกะตัวเล็กขนาดฝ่ามือที่ชื่อทัสค์ ทำให้โจนี่สามารถหมุนเล็บมือหรือเล็บเท้าแล้วยิงมันออกไปได้เหมือนกระสุน เล็บที่ยิงออกไปแล้วจะงอกขึ้นมาใหม่ทันที - ทัสค์ สี่เหลี่ยมผืนผ้าทองคำ เป็นวิชาการหมุนสมบูรณ์แบบของตระกูลเซปเปลี่ที่ไจโร่สอนให้โจนี่ นั่นคือจะลอกแบบจากรูปทรงธรรมชาติเปลี่ยนเป็นการหมุนที่ไร้ขีดจำกัด ทำให้รูที่เกิดจากการยิงกระสุนเล็บนั้นไล่กวดเป้าหมายได้ต่อไปเป็นระยะทางสั้นๆ แต่เมื่อยิงด้วยวิธีนี้ไปแล้วจะต้องรอเวลาเล็บงอกประมาณ 1 นาที จึงจะยิงได้อีกครั้ง - - Tusk เป็นชื่อของหนึ่งในอัลบั้มที่ขายดีตลอดกาล ของวงดนตรีที่ชื่อ Fleetwood Mac. โดยเป็นสตูดิโออัลบั้มที่ 11 ของวง ออกในปี 1969 - - Slow Dancer ชื่อม้า มาจากชื่ออัลบั้มลำดับที่ 6 ของ Boz Scaggs นักแต่งเพลงและมือกีตาร์ชาวอเมริกัน ออกในปี 1974 แซนด์แมน (ซาวด์แมน) (Soundman)- สัญชาติ : อเมริกา - ชื่อม้าประจำตัว : ไม่มี (ลงแข่งด้วยการวิ่ง) ชายหนุ่มลูกหลานชนเผ่าอินเดียนแดง ที่ดินของเขาถูกรุกรานโดยพวกคนขาวในสมัยบุกเบิกอเมริกา เขาจึงร่วมแข่งขันเพื่อชิงเงินรางวัลกลับไปซื้อที่ดินของเผ่าตนคืนมา แม้การแข่งสตีล บอล รัน จะเป็นการแข่งโดยใช้ม้าเป็นพาหนะหลัก แต่แซนด์แมนกลับลงแข่งด้วยสองเท้าของเขาเอง- ความสามารถ: แซนด์แมนมีวิธีการวิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ โดยการกระจายแรงปะทะจากเท้าและแปรเปลี่ยนเป็นแรงส่งในการวิ่งก้าวต่อไป ทำให้เขาสามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงโดยไม่แหน็ดหนื่อย - ความสามารถสแตนด : อิน อะ ไซเลนท์ เวย์ (イン・ア・サイレント・ウェイ - In a Silent Way) พลังของแซนด์แมนคือการสร้าง"อักษรแทนเสียง" ขึ้น แล้วบรรจุลงในตัวกลางถ่ายทอดไปยังเป้าหมาย เมื่อสิ้นสุดการเดินทางของเสียงแล้ว ก็จะเปลี่ยนเป็นผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไปตามเสียงที่สร้างขึ้น - - In a Silent Way มาจากชื่อเพลง ในอัลบั้มที่มีชื่อเดียวกันของ Mile Davis นักทรัมเป็ตแนวฟิวชั่นแจ๊ส ออกในปี 1969 เมาเท่น ทิม (Mountain Tim)- สัญชาติ : อเมริกา - ชื่อม้าประจำตัว : โกสต์ ไรเดอร์ส อิน เดอะ สกาย คาวบอยหนุ่มรูปงามจากไวโอมิ่ง ผู้ต้อนฝูงวัวกว่าสามพันตัวข้ามทุ่งหญ้า 400 กิโลเมตรในทุกๆปี เข้าร่วมการแข่งขันด้วยจุดประสงค์บางอย่างที่ไม่ใช่เงินรางวัล- ความสามารถ : เมาเท่น ทิม มีความเชี่ยวชาญในการใช้บ่วงบาศก์เชือกได้แม่นราวกับจับวาง - ความสามารถสแตนด์ : โอ้! โลนซั่ม มี (オー!ロンサム・ミー - Oh! Lonesome me) พลังสแตนด์ของเท่นทิมคือ เขาสามารถแยกชิ้นส่วนร่างกายของตัวเองและเป้าหมาย เพื่อส่งผ่านไปตามเชือกได้ แล้วต่อกลับคืนเหมือนเดิมที่ปลายทาง - - "Oh! Lonesome me มาจากชื่ออัลบั้ม ของนักร้องเพลงคันทรี Don Gibson ในปี 1958 ซึ่งในวงการเพลงคันทรีได้ขนานนามอัลบั้มนี้ ว่าเป็นต้นกำเนิดของซาวนด์ในแบบฉบับแนชวิล (Nashville Sound) - - Ghost Riders in the Sky ชื่อม้าของเขา มาจากเพลงคันทรี (Ghost) Riders in the Sky: A Cowboy Legend ของ Stan Jones นักแต่งเพลงแนวอเมริกันคันทรี โดยถูกเขียนขึ้นในปี 1948 ฮ็อตแพนท์ (Hot Pant)- สัญชาติ : อเมริกา - ชื่อม้าประจำตัว : บราวน์ - ความสามารถสแตนด์ : ครีม สตาร์ทเตอร์ (Cream Starter) เมื่อฮ็อตแพนท์แตะต้องเนื้อของใคร (รวมทั้งของตัวเองด้วย) ก็จะสามารถสูบเอาเนื้อที่แตะนั้นมาเปลี่ยนเป็นสเปรย์เนื้อฉีดออกทางกระบอกสเปรย์เล็กๆที่พกติดตัวไว้ได้ โดยเมื่อฉีดออกไปแล้วก็สามารถคืนรูปเป็นอวัยวะได้เหมือนเดิมในภายหลัง ใช้ในการรักษาบาดแผลได้ด้วยโดยการฉีดเนื้อลงบนส่วนที่บาดเจ็บ ดิเอโก้ แบรนโด้ (Diego Brando-DIO)- สัญชาติ : อังกฤษ - ชื่อม้าประจำตัว : ซิลเวอร์ บุลเล็ต จ๊อกกี้หนุ่มอัจฉริยะจากประเทศอังกฤษ ในสมัยเด็กเคยยากจนแร้นแค้นและโดนกลั่นแกล้งมากมาย จึงสาบานตนว่าเมื่อโตขึ้นจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินตราโดยไม่สนวิธีการใดๆทั้งสิ้น- ความสามารถสแตนด์ : สแครี่ มอนสเตอร์ (スケアリー・モンスター - Scary Monster) เป็นความสามารถที่หลงเหลือมาจาก ดร.เฟอร์ดินานด์ ดิโอสามารถแปลงร่างเป็นไดโนเสาร์เพื่อเพิ่มพลังความสามารถทางกายได้ - - Scary Monster น่าจะมาจากชื่อเพลงและอัลบั้ม Scary Monsters (and Super Creeps) ของ David Bowie ในปี 1980 - - Silver Bullet ชื่อม้าของเขา น่าจะมาจากเพลงชื่อเดียวกันของ Hawthorne Heights วงดนตรีอีโม-สครีโม จากอัลบั้ม The Silence in Black and White ในปี 2004 บูมบูม แฟมิลี่ (Boomboom Family - ฉบับภาษาไทยยึดหลักการออกเสียงตามภาษาญี่ปุ่นเป็น บูนบูน)- ความสามารถสแตนด์ : (ไม่ทราบชื่อ) สมาชิกตระกูลทั้งสามคนมีสแตนด์ที่รูปร่างและความสามารถคล้ายกัน หลักๆแล้วคือการใช้เลือดของตัวเองเป็นตัวเหนี่ยวนำโลหะให้ดึงดูดเข้าหากันเหมือนมีแรงแม่เหล็ก ยิ่งเป้าหมายอยู่ใกล้กัน แรงดูดก็ยิ่งเพิ่มขึ้น เบนจามิน บูนบูน (Benjamin Boomboom)- สัญชาติ : อเมริกา - ชื่อม้าประจำตัว : ครอสทาวน์ แทรฟฟิค - ความสามารถ : บูนบูนคนพ่อ สามารถใช้พลังสแตนด์ในการดูดวัตถุทำจากโลหะเข้าไปในร่างกายตัวเอง เพื่อเปลี่ยนรูปร่างเป็นคนอื่นได้ อังเดร บูนบูน (Andre Boomboom)- สัญชาติ : อเมริกา - ชื่อม้าประจำตัว : ฟ็อกซี่เลดี้ - ความสามารถ : ลูกชายคนโตของตระกูล เลือดในร่างกายเขาทนต่อพิษประเภทต่างๆได้ แอลเอ บูนบูน (L.A. Boomboom)- สัญชาติ : อเมริกา - ชื่อม้าประจำตัว : ลิตเติ้ลวิงค์ - ความสามารถ : ลูกชายคนเล็กของตระกูล แต่รูปลักษณ์ภายนอก (และนิสัย) ดูเหมือนกะเทย สามารถควบคุมผงเหล็กเพื่อใช้โจมตีได้ โอเยโคโมวา (Oyecomova)- สัญชาติ : อิตาลี - ชื่อม้าประจำตัว : ไม่ทราบชื่อ - ความสามารถสแตนด์ : (ไม่ทราบชื่อ) พลังของโอเยโคโมวาสามารถติดสลักระเบิดลงบนวัตถุใดๆที่เขาสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นของที่จับต้องได้หรือกระแสอากาศก็ตาม เมื่อสลักหลุดออกก็จะเกิดการระเบิดขึ้น - - Oyecomova มาจากชื่อเพลง ของ Tito Puente นักดนตรีแนวลาติน-แจ๊ส,แมมโบ ในปี 1963 แต่มาเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายอีกครั้ง ในอัลบั้ม Abraxas (1970) โดยการคัฟเวอร์ของ Carlos Santanaศัตรูอื่นๆ ศัตรูอื่นๆ. เจ้าหนูพอร์ค พาย แฮ็ท (Pork Pie Hat Kid)- ความสามารถสแตนด์ : ไวเออร์ด (Wired) พลังของเขาอยู่ในรูปของปั้นจั่นเล็กๆสองอันที่เก็บไว้ในปาก แต่แข็งแรงขนาดสามารถยกวัวได้ทั้งตัว นอกจากนี้ยังสามารถส่งผ่านปั้นจั่นไปในระยะไกลได้โดยมีจานใส่น้ำเป็นสื่อกลาง - - Wired มาจากชื่อโซโล่อัลบั้มของ Jeff Beck หนึ่งในมือกีตาร์ระดับตำนาน โดยออกในปี 1976 ดร.เฟอร์ดินานด์ (Dr.Ferdinand)- ความสามารถสแตนด์ : สแครี่ มอนสเตอร์ส (Scary Monsters) พลังของเธอคือการแปรเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตให้กลายเป็นไดโนเสาร์ และใช้ไดโนเสาร์เหล่านี้เปลี่ยนคนอื่นๆให้เป็นไดโนเสาร์ไปด้วยโดยการสร้างบาดแปลให้กับคนๆนั้น แต่ตัวของเฟอร์ดินานด์เองไม่สามารถเปลี่ยนร่างได้ เป็นเหมือนกับหอบังคับการเท่านั้น - - ชื่อของเขา น่าจะมาจากชื่อวง Franz Ferdinand ริงโก้ โร้ดอะเกน (Ringo Roadagain)- ความสามารถสแตนด์ : แมนดั้ม (Mandom) สามารถย้อนเวลากลับไปได้ 6 วินาที โดยใช้การหมุนเข็มนาฬิกาข้อมือเป็นเครื่องมือ แบล็คมอร์ (Blackmore)- ความสามารถสแตนด์ : แคทช์ เดอะ เรนโบว์ (Catch the Rainbow) พลังของเขาคือการทำให้หยดน้ำหยุดนิ่งกลางอากาศ และขึ้นเหยียบได้หรือใช้มันเป็นใบมีดที่แหลมคมในการจู่โจม ดังนั้นในวันฝนตกจึงเป็นวันที่เขาจะเก่งกาจที่สุด นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าสามารถแยกร่างตัวเองผ่านไปตามสายฝนได้อีกด้วย ชูการ์ เมาเท่น (Sugar Mountain) เด็กหญิงที่เฝ้าบ่อน้ำลึกลับมานานนับสิบปีแล้ว ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าบ่อน้ำนี้คือพลังสแตนด์หรืออะไรกันแน่ แต่มันจะทดสอบผู้ที่ผ่านเข้ามาโดยการหยิบยื่นของที่คนผู้นั้นทำตกลงในบ่อน้ำให้เลือก สิ่งหนึ่งจะเป็นของชั้นดี และอีกสิ่งจะเป็นของชั้นเลว หากผู้ถูกทดสอบเกิดความโลภและเลือกของชั้นดีไปก็จะถูกกระชากลิ้นจนตาย แต่หากมีความซื่อสัตย์ก็จะได้รับสมบัติมีค่ามาแทน โดยมีข้อแม้ว่าต้องใช้สมบัติที่ได้มานั้นให้หมดก่อนตะวันตกดิน มิฉะนั้นจะถูกทำให้กลายเป็นต้นไม้เฝ้าบ่อน้ำนี้ต่อไป ชาย 11 คน (Eleven men)- ความสามารถสแตนด์ : แท็ตทู ยู (Tatto You) เป็นรอยสักที่อยู่ด้านหลังของชายทั้ง 11 คน ทั้ง 11 คนสามารถมุดลอดเข้าออกระหว่างกันและกันผ่านทางรอยสักนี้ได้อย่างอิสระ ไมค์ โอ (Mike O')- ความสามารถสแตนด์ : ทิวบูล่าร์ เบลส์ (Tubular Bells) พลังของเขาคือการเป่าลมใส่ตะปูให้กลายเป็นลูกโป่ง และบิดมันเป็นรูปร่างสัตว์ต่างๆได้ สัตว์ลูกโป่งเหล่านี้จะมีความสามารถเหมือนกับสัตว์จริงๆ เป็นสแตนด์ที่รวมเอาความยืดหยุ่นของลูกโป่งและความแหลมคมอันตรายของตะปูเข้าด้วยกัน เวคอัพพีเพิล (Wekapepo - Wake up People- ความสามารถ : เรคกิ้งบอล (Wreking Ball) ไม่ใช่ความสามารถสแตนด์ แต่เป็นวิชาหมุนลูกเหล็กที่สืบทอดมาเช่นเดียวกับของไจโร่ ลูกเหล็กของเขาประกอบด้วยลูกบริวารเล็กๆอีกหลายลูก ซึ่งจะกระจายออกไปโจมตีศัตรูหลังจากที่ขว้างลูกเหล็กแรกออกไปแล้ว หากโดนเข้าจังๆก็อาจถึงตายได้ แต่หากโดนเฉี่ยวๆจะทำให้ร่างกายซีกซ้ายเป็นอัมพาต และมองไม่เห็นทุกๆสิ่งที่อยู่ทางซ้ายของตน มาเจนต้า มาเจนต้า (Magenta Magenta)- ความสามารถสแตนด์ : ทเวนตี้ เซนจูรี่ บอย (20th Century Boy) เป็นเหมือนชุดสูทที่จะถ่ายทอดแรงปะทะทั้งหมดลงสู่ดิน ทำให้ไม่เกิดความเสียหายใดๆแก่ร่างต้น แต่ขณะที่สวมไว้จะไม่สามารถขยับตัวได้เลย แอ็คเซล โร (Axel RO)- ความสามารถสแตนด์ : ซีวิล วอร์ (Civil War) ผู้ที่เข้ามาอยู่ในระยะจู่โจมของสแตนด์ จะถูกบาปในอดีตกลับมาตามหลอกหลอน วิธีที่จะหลุดพ้นได้คือต้องชำระล้างด้วยน้ำสะอาด หรือโยนบาปนั้นให้คนอื่น ดิสโก้ (Disco)- ความสามารถสแตนด์ : ช็อคโกแลต ดิสโก้ (Chocolate Disco) สามารถนำวัตถุใด้ๆที่มีเป้าหมายมาที่ตนเอง ให้เปลี่ยนตำแหน่งไปในพิกัดที่ต้องการได้อย่างแม่นยำตัวละครอื่นๆ ตัวละครอื่นๆ. สตีเฟ่น สตีล (Stephen Steel)- โปรโมเตอร์งานแข่งสตีล บอล รัน ในอดีตเคยเป็นโปรโมเตอร์จัดงานแสดงต่างๆมากมาย จนวันหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกลวงโลก ชีวิตจึงตกต่ำจนถึงขีดสุด ในตอนนั้นเองที่ได้พบกับลูซี่ ซึ่งเป็นคนเสนอให้จัดงานแข่งม้าข้ามทวีปขึ้น แม้ตัวสตีลเองจะคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล แต่กลับได้รับความสนใจจากสปอนเซอร์มากมาย กำหนดการแข่งสตีล บอล รัน จึงเกิดขึ้นในอีกสองปีถัดมา ซึ่งณ เวลานั้น สตีลก็นึกถึงบุญคุณของลูซี่ขึ้นมาได้ จึงขอเธอแต่งงาน ลูซี่ สตีล (Lucy Steel)- หญิงสาวอายุ 14 ปี ที่เป็นผู้จุดกำเนิดการแข่งสตีล บอล รัน แม้จะยังเด็กแต่ก็ตอบรับคำขอแต่งานของสตีลอย่างเต็มใจ เป็นหญิงสาวที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวมาก และจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องสามีของตนเอง ฟันนี่ วาเลนไทน์ (Funny Valenine,the President)- ประธานาธิบดีคนที่ 23 แห่งสหรัฐอเมริกา เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการแข่งสตีล บอล รัน โดยมีจุดมุ่งหมายแท้จริงเพื่อรวบรวมชิ้นส่วนซากศพนักบุญให้ครบ สการ์เล็ต วาเลนไทน์ (Scarlet Valentine)- ภรรยาของประธานาธิบดีสหรัฐ จริงๆแล้วเป็นพวกชอบผู้หญิงด้วยกัน? เจ้าหน้าที่งานแข่ง (Competition Officer)- เจ้าหน้าที่ชายร่างเล็กที่คอยประจำอยู่ในทุกๆจุดของสถานีบริการสำหรับงานแข่ง มีรูปร่างหน้าตาที่เหมือนกันไปหมดไม่ว่าจะประจำอยู่ที่ไหนก็ตามรายชื่อตอน
| เนื้อหาของการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง สตีล บอล รัน เป็นโลกคู่ขนานของการ์ตูนเรื่องใด | {
"answer": [
"โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ"
],
"answer_begin_position": [
207
],
"answer_end_position": [
226
]
} |
3,860 | 881,360 | ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางยุโรป () เป็นธนาคารกลางของสกุลเงินยูโรและเป็นผู้กำหนดนโยบายของยูโรโซนซึ่งประกอบด้วย 19 รัฐสมาชิก ธนาคารกลางยุโรปถือเป็นหนึ่งในสี่ธนาคารกลางที่สำคัญที่สุดของโลก และเป็นหนึ่งในเจ็ดสถาบันของสหภาพยุโรปตามที่บัญญัติไว้ในสนธิสัญญาว่าด้วยสหภาพยุโรป ทุนเรือนหุ้นของธนาคารกลางยุโรปอยู่ในการถือครองโดยบรรดาธนาคารกลางของรัฐสมาชิกทั้ง 28 ของอียู ธนาคารกลางยุโรปมีทุนสำรองคิดเป็นมูลค่ากว่า 5.26 แสนล้านยูโร ธนาคารกลางยุโรปจัดตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1998 ตามผลของสนธิสัญญาอัมสเตอร์ดัม มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในนครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี ได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อทดแทนสถาบันเงินตรายุโรป (European Monetary Institute) ซึ่งสถาบันเงินตรายุโรปนี้ถูกจัดตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1994 เพื่อดำเนินการตามแผนการขั้นที่สองของสหภาพเศรษฐกิจและเงินตรา (Economic and Monetary Union) ในการเตรียมวางระบบและระเบียบทางธุรกรรมสำหรับสกุลเงินยูโรที่มีแผนจะประกาศใช้ หลังจัดตั้งธนาคารกลางยุโรปได้ 6 เดือน ก็มีการประกาศใช้งานสกุลเงินยูโรในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1999 ถือเป็นการก้าวเข้าสู่แผนการขั้นที่สามของสหภาพเศรษฐกิจและเงินตรา แม้ธนาคารกลางยุโรปจะอยู่ภายใต้ข้อบังคับทางกฎหมายยุโรปโดยตรงแต่ก็มีการดำเงินงานในลักษณะบริษัท มีทุนจดทะเบียนเริ่มแรกราว 5 พันล้านยูโร ในรายงานของปี ค.ศ. 2015 หุ้นสามัญราวร้อยละ 70 ของธนาคารมีรัฐสมาชิกสหภาพยุโรปเป็นผู้ถือครอง และอีกราวร้อยละ 30 มีรัฐนอกสหภาพยุโรปเป็นผู้ถือครอง ประเทศที่ถือหุ้นใหญ่ที่สุดห้าอันดับแรกได้แก่ เยอรมนี (ร้อยละ 18), ฝรั่งเศส (ร้อยละ 14.2), อังกฤษ (ร้อยละ 13.6), อิตาลี (ร้อยละ 12.3) และสเปน (ร้อยละ 8.8) โดยที่หุ้นสามัญเหล่านี้ไม่สามารถโอนหรือใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้
| ธนาคารกลางยุโรปเป็นธนาคารกลางของสกุลเงินใด | {
"answer": [
"ยูโร"
],
"answer_begin_position": [
150
],
"answer_end_position": [
154
]
} |
3,861 | 881,360 | ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางยุโรป () เป็นธนาคารกลางของสกุลเงินยูโรและเป็นผู้กำหนดนโยบายของยูโรโซนซึ่งประกอบด้วย 19 รัฐสมาชิก ธนาคารกลางยุโรปถือเป็นหนึ่งในสี่ธนาคารกลางที่สำคัญที่สุดของโลก และเป็นหนึ่งในเจ็ดสถาบันของสหภาพยุโรปตามที่บัญญัติไว้ในสนธิสัญญาว่าด้วยสหภาพยุโรป ทุนเรือนหุ้นของธนาคารกลางยุโรปอยู่ในการถือครองโดยบรรดาธนาคารกลางของรัฐสมาชิกทั้ง 28 ของอียู ธนาคารกลางยุโรปมีทุนสำรองคิดเป็นมูลค่ากว่า 5.26 แสนล้านยูโร ธนาคารกลางยุโรปจัดตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1998 ตามผลของสนธิสัญญาอัมสเตอร์ดัม มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในนครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี ได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อทดแทนสถาบันเงินตรายุโรป (European Monetary Institute) ซึ่งสถาบันเงินตรายุโรปนี้ถูกจัดตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1994 เพื่อดำเนินการตามแผนการขั้นที่สองของสหภาพเศรษฐกิจและเงินตรา (Economic and Monetary Union) ในการเตรียมวางระบบและระเบียบทางธุรกรรมสำหรับสกุลเงินยูโรที่มีแผนจะประกาศใช้ หลังจัดตั้งธนาคารกลางยุโรปได้ 6 เดือน ก็มีการประกาศใช้งานสกุลเงินยูโรในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1999 ถือเป็นการก้าวเข้าสู่แผนการขั้นที่สามของสหภาพเศรษฐกิจและเงินตรา แม้ธนาคารกลางยุโรปจะอยู่ภายใต้ข้อบังคับทางกฎหมายยุโรปโดยตรงแต่ก็มีการดำเงินงานในลักษณะบริษัท มีทุนจดทะเบียนเริ่มแรกราว 5 พันล้านยูโร ในรายงานของปี ค.ศ. 2015 หุ้นสามัญราวร้อยละ 70 ของธนาคารมีรัฐสมาชิกสหภาพยุโรปเป็นผู้ถือครอง และอีกราวร้อยละ 30 มีรัฐนอกสหภาพยุโรปเป็นผู้ถือครอง ประเทศที่ถือหุ้นใหญ่ที่สุดห้าอันดับแรกได้แก่ เยอรมนี (ร้อยละ 18), ฝรั่งเศส (ร้อยละ 14.2), อังกฤษ (ร้อยละ 13.6), อิตาลี (ร้อยละ 12.3) และสเปน (ร้อยละ 8.8) โดยที่หุ้นสามัญเหล่านี้ไม่สามารถโอนหรือใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้
| ธนาคารกลางยุโรปจัดตั้งขึ้นตามผลของสนธิสัญญาใด | {
"answer": [
"อัมสเตอร์ดัม"
],
"answer_begin_position": [
566
],
"answer_end_position": [
578
]
} |
3,862 | 312,914 | ลูกเป็ดขี้เหร่ ลูกเป็ดขี้เหร่ (; ) เป็นนิทานเรื่องสั้นของฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1843 เป็นภาษาเดนมาร์ก ในหนังสือชื่อ Nye Eventyr. Første Bind. Første Samling. 1844 เนื้อเรื่องกล่าวถึงลูกเป็ดตัวหนึ่งที่มีหน้าตาขี้ริ้วแตกต่างจากเพื่อนๆ จนถูกรังเกียจและกีดกันออกจากฝูง เมื่อลูกเป็ดโตขึ้นจึงพบว่าตัวเองไม่ใช่เป็ด แต่เป็นหงส์สีขาว ที่มีรูปร่างงดงามกว่าใครๆ เรื่องลูกเป็ดขี้เหร่นี้เป็นผลงานแต่งของฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน โดยนำมาจากประสบการณ์ส่วนตัวของเขาเอง ไม่ได้ดัดแปลงมาจากเรื่องแต่งของผู้อื่นเหมือนเรื่องอื่นๆ และเป็นนิทานเรื่องหนึ่งของเขาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ถูกนำไปถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันโดยวอลต์ ดิสนีย์ ในปี 1931 และ 1939 ในปี 2006 ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องยาว เรื่อง The Ugly Duckling and Me! (ชื่อไทย ลูกเป็ดขี้เหร่อั๊กลี่กะพ่อหนูผีแรทโซ่)
| ใครคือผู้แต่งนิทานเรื่องสั้นชื่อว่า ลูกเป็ดขี้เหร่ | {
"answer": [
"ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน"
],
"answer_begin_position": [
146
],
"answer_end_position": [
173
]
} |
3,863 | 312,914 | ลูกเป็ดขี้เหร่ ลูกเป็ดขี้เหร่ (; ) เป็นนิทานเรื่องสั้นของฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1843 เป็นภาษาเดนมาร์ก ในหนังสือชื่อ Nye Eventyr. Første Bind. Første Samling. 1844 เนื้อเรื่องกล่าวถึงลูกเป็ดตัวหนึ่งที่มีหน้าตาขี้ริ้วแตกต่างจากเพื่อนๆ จนถูกรังเกียจและกีดกันออกจากฝูง เมื่อลูกเป็ดโตขึ้นจึงพบว่าตัวเองไม่ใช่เป็ด แต่เป็นหงส์สีขาว ที่มีรูปร่างงดงามกว่าใครๆ เรื่องลูกเป็ดขี้เหร่นี้เป็นผลงานแต่งของฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน โดยนำมาจากประสบการณ์ส่วนตัวของเขาเอง ไม่ได้ดัดแปลงมาจากเรื่องแต่งของผู้อื่นเหมือนเรื่องอื่นๆ และเป็นนิทานเรื่องหนึ่งของเขาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ถูกนำไปถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันโดยวอลต์ ดิสนีย์ ในปี 1931 และ 1939 ในปี 2006 ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องยาว เรื่อง The Ugly Duckling and Me! (ชื่อไทย ลูกเป็ดขี้เหร่อั๊กลี่กะพ่อหนูผีแรทโซ่)
| นิทานเรื่องสั้นชื่อว่า ลูกเป็ดขี้เหร่ ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1843 เป็นภาษาใด | {
"answer": [
"เดนมาร์ก"
],
"answer_begin_position": [
213
],
"answer_end_position": [
221
]
} |
3,864 | 181,055 | โรบิน วิลเลียมส์ โรบิน แม็กลอริม วิลเลียมส์ () เกิดเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ค.ศ. 1951 เป็นนักแสดงชาวอเมริกัน ผู้ชนะเลิศรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในภาพยนตร์เรื่อง Good Will Hunting ทั้งยังได้รางวัลลูกโลกทองคำ 6 ครั้ง และ Screen Actors Guild Awards 2 ครั้ง และรางวัลแกรมมี่ 3 ครั้งประวัติ ประวัติ. วิลเลียมส์ เกิดในชิคาโก้ เขาใช้ชีวิตในวัยเด็กที่มิชิแกน บิดาของเขาเป็นผู้บริหารคนหนึ่งในบริษัทฟอร์ด มอเตอร์ หลังจากที่พ่อของเขาเกษียณ ครอบครัวของเขาก็ย้ายไปอยู่ในแคลิฟอร์เนีย วิลเลียมส์เรียนที่ Juilliard School ในนิวยอร์ก สาขาวิชารัฐศาสตร์แต่ก็ลาออกมาก่อนโดยหันมาเรียนทางด้านดรามาแทน เขาเริ่มต้นการแสดง ด้วยละครใบ้ และตัวตลกของคณะละครสัตว์ West Coast วิลเลียมส์ประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงทศวรรษที่ 70 รวมไปถึงธุรกิจร้าน Comedy Store ในลอสแอนเจลิส เขาได้รับเชิญในเรื่อง Happy Days เขามีผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกคือ Popeye ในปี 1980 และเขาก็ได้รับการชมเชยจากเรื่อง The World According to Garp ในปี 1982 หลังจากนั้นเขาก็มีโปรเจกต์เล็กๆ กับเรื่อง Club Paradise ในปี 1986 ปีต่อมาเขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จากเรื่อง Good Morning, Vietnam ที่รับบทเป็นดีเจคนที่ได้รับมอบหมายให้ไปยังกองทัพสหรัฐในเวียดนาม เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์อีกครั้งในบทของครู ในภาพยนตร์เรื่อง Dead Poets Society ต่อมาเขารับบทหมอรักษาคนไข้ที่เคลื่อนไหวไม่ได้ เรื่อง Awakenings ก็ได้รับการชมเชยเช่นกัน ต่อมาในปี 1991 เขารับบทเป็นปีเตอร์ แพน ของผู้กำกับ สตีเฟ่น สปีลเบิร์ก ในเรื่อง Hook แต่ภาพยนตร์ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ในปีเดียวกับเขาได้รับ รางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม จากเรื่อง The Fisher King และในปี 1992 เขาพากย์เสียงให้กับการ์ตูนดิสนีย์เรื่อง Aladdin และยังพากย์ให้กับเรื่อง Toys และในปีต่อมาแสดงในภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จทางได้อย่างเรื่อง Mrs. Doubtfire หลังจากนั้น 3 ปี วิลเลียมส์ก็ประสบความสำเร็จในภาพยนตร์เรื่อง The Birdcage ในปี 1995 เขามีผลงานแนวผจญภัยเรื่อง จูแมนจี้ เกมดูดโลกมหัศจรรย์ และในปีต่อมากับภาพยนตร์เรื่อง Jack และรับบทเป็น ออสริค ในภาพยนตร์ของเช็คสเปียร์ครั้งแรกในเรื่อง Hamlet ในปี 1997 เขาประสบความสำเร็จในเรื่อง Flubber และในปีเดียวกับได้รับรางวัลออสการ์เป็นครั้งที่ 2 กับภาพยนตร์เรื่อง Good Will Hunting ในสาขาผู้แสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ในปลายทศวรรษที่ 90 เขาไม่ค่อยมีผลงานโดดเด่นมากนัก แต่ก็มีผลงานอย่าง One Hour Photo และ Insomniaการเสียชีวิต การเสียชีวิต. โรบิน วิลเลียมส์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 2014 ซึ่งทางเจ้าหน้าที่นิติเวชได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ เบื้องต้นคาดว่าเป็นการฆ่าตัวตาย เนื่องจากมีสาเหตุการเสียชีวิตคล้ายกับขาดอากาศหายใจ (Asphyxia)
| นักแสดงชาวอเมริกันชื่อว่า โรบิน วิลเลียมส์ ได้รับรางวัลออสการ์จากเรื่อง The Fisher King ในสาขาใด | {
"answer": [
"นักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม"
],
"answer_begin_position": [
1553
],
"answer_end_position": [
1578
]
} |
3,865 | 181,055 | โรบิน วิลเลียมส์ โรบิน แม็กลอริม วิลเลียมส์ () เกิดเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ค.ศ. 1951 เป็นนักแสดงชาวอเมริกัน ผู้ชนะเลิศรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในภาพยนตร์เรื่อง Good Will Hunting ทั้งยังได้รางวัลลูกโลกทองคำ 6 ครั้ง และ Screen Actors Guild Awards 2 ครั้ง และรางวัลแกรมมี่ 3 ครั้งประวัติ ประวัติ. วิลเลียมส์ เกิดในชิคาโก้ เขาใช้ชีวิตในวัยเด็กที่มิชิแกน บิดาของเขาเป็นผู้บริหารคนหนึ่งในบริษัทฟอร์ด มอเตอร์ หลังจากที่พ่อของเขาเกษียณ ครอบครัวของเขาก็ย้ายไปอยู่ในแคลิฟอร์เนีย วิลเลียมส์เรียนที่ Juilliard School ในนิวยอร์ก สาขาวิชารัฐศาสตร์แต่ก็ลาออกมาก่อนโดยหันมาเรียนทางด้านดรามาแทน เขาเริ่มต้นการแสดง ด้วยละครใบ้ และตัวตลกของคณะละครสัตว์ West Coast วิลเลียมส์ประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงทศวรรษที่ 70 รวมไปถึงธุรกิจร้าน Comedy Store ในลอสแอนเจลิส เขาได้รับเชิญในเรื่อง Happy Days เขามีผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกคือ Popeye ในปี 1980 และเขาก็ได้รับการชมเชยจากเรื่อง The World According to Garp ในปี 1982 หลังจากนั้นเขาก็มีโปรเจกต์เล็กๆ กับเรื่อง Club Paradise ในปี 1986 ปีต่อมาเขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จากเรื่อง Good Morning, Vietnam ที่รับบทเป็นดีเจคนที่ได้รับมอบหมายให้ไปยังกองทัพสหรัฐในเวียดนาม เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์อีกครั้งในบทของครู ในภาพยนตร์เรื่อง Dead Poets Society ต่อมาเขารับบทหมอรักษาคนไข้ที่เคลื่อนไหวไม่ได้ เรื่อง Awakenings ก็ได้รับการชมเชยเช่นกัน ต่อมาในปี 1991 เขารับบทเป็นปีเตอร์ แพน ของผู้กำกับ สตีเฟ่น สปีลเบิร์ก ในเรื่อง Hook แต่ภาพยนตร์ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ในปีเดียวกับเขาได้รับ รางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม จากเรื่อง The Fisher King และในปี 1992 เขาพากย์เสียงให้กับการ์ตูนดิสนีย์เรื่อง Aladdin และยังพากย์ให้กับเรื่อง Toys และในปีต่อมาแสดงในภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จทางได้อย่างเรื่อง Mrs. Doubtfire หลังจากนั้น 3 ปี วิลเลียมส์ก็ประสบความสำเร็จในภาพยนตร์เรื่อง The Birdcage ในปี 1995 เขามีผลงานแนวผจญภัยเรื่อง จูแมนจี้ เกมดูดโลกมหัศจรรย์ และในปีต่อมากับภาพยนตร์เรื่อง Jack และรับบทเป็น ออสริค ในภาพยนตร์ของเช็คสเปียร์ครั้งแรกในเรื่อง Hamlet ในปี 1997 เขาประสบความสำเร็จในเรื่อง Flubber และในปีเดียวกับได้รับรางวัลออสการ์เป็นครั้งที่ 2 กับภาพยนตร์เรื่อง Good Will Hunting ในสาขาผู้แสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ในปลายทศวรรษที่ 90 เขาไม่ค่อยมีผลงานโดดเด่นมากนัก แต่ก็มีผลงานอย่าง One Hour Photo และ Insomniaการเสียชีวิต การเสียชีวิต. โรบิน วิลเลียมส์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 2014 ซึ่งทางเจ้าหน้าที่นิติเวชได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ เบื้องต้นคาดว่าเป็นการฆ่าตัวตาย เนื่องจากมีสาเหตุการเสียชีวิตคล้ายกับขาดอากาศหายใจ (Asphyxia)
| นักแสดงชาวอเมริกันชื่อว่า โรบิน วิลเลียมส์ ได้รับรางวัลลูกโลกทองคำกี่ครั้ง | {
"answer": [
"6"
],
"answer_begin_position": [
310
],
"answer_end_position": [
311
]
} |
3,867 | 4,402 | ประเทศลิเบีย ลิเบีย () เป็นประเทศในแอฟริกาเหนือ มีชายฝั่งบนทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตั้งอยู่ระหว่างประเทศอียิปต์ไปทางตะวันออก ประเทศซูดานไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศชาดและประเทศไนเจอร์ไปทางใต้ และประเทศแอลจีเรียและตูนิเซียไปทางตะวันตก มีเมืองหลวงชื่อตริโปลี ประเทศลิเบียมีพื้นที่เกือบ 1,800,000 ตารางกิโลเมตร นับเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ในทวีปแอฟริกา และประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลกอันดับที่ 17 เมืองหลวง กรุงตริโปลี มีชาวลิเบียอาศัยอยู่ 1.7 ล้านคน จากทั้งประเทศ 6.4 ล้านคน ตามข้อมูลเมื่อปี พ.ศ. 2552 ลิเบียมีดัชนีการพัฒนามนุษย์ (HDI) สูงที่สุดในแอฟริกา และมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (อำนาจซื้อ) สูงสุดเป็นอันดับ 4 ในแอฟริกา ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณปิโตรเลียมสำรองขนาดใหญ่และจำนวนประชากรที่ค่อนข้างน้อย ลิเบียเป็นหนึ่งในสิบประเทศผลิตน้ำมันที่ร่ำรวยที่สุดในโลก หลังจากที่ได้รับเอกราชเป็นราชอาณาจักรลิเบียใน พ.ศ. 2494 นับตั้งแต่ พ.ศ. 2512 เป็นต้นมา ลิเบียอยู่ภายใต้การปกครองของมูอัมมาร์ อัล-กัดดาฟี ผู้ซึ่งก้าวขึ้นสู่อำนาจจากการรัฐประหาร กลางเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 มีการประท้วงและการเดินขบวนครั้งใหญ่ทั่วประเทศต่อต้านรัฐบาลกัดดาฟี เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ฝ่ายกบฏสามารถควบคุมหัวเมืองและนครชายฝั่งได้หลายแห่ง โดยที่ฝ่ายที่สนับสนุนกัดดาฟียังคงควบคุมเมืองชายฝั่งบ้านเกิดของกัดดาฟี เซิร์ทและเมืองบานีวาลิคทางตอนใต้ของกรุงตริโปลี วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554 กองกำลังฝ่ายกบฏเข้ายึดครองกรุงตริโปลีได้อย่างเบ็ดเสร็จ และสามารถขับไล่กัดดาฟีกับผู้สนับสนุนจนต้องถอยร่นออกไปยังที่มั่นแห่งสุดท้ายคือเมืองเซิร์ท สงครามกลางเมืองระหว่างสองฝ่ายดำเนินมาถึงวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ที่เมืองเซิร์ท ขบวนรถของกัดดาฟีและผู้ติดตามถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธของนาโต้ระหว่างการหลบหนี ผู้ติดตามถูกสังหารระหว่างการสู้รบ ขณะที่กัดดาฟีในสภาพบาดเจ็บสาหัสถูกควบคุมตัวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนมูตัสซิมบุตรชายของกัดดาฟีและอาบู บาค์ร ยูนิส อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ก็ถูกสังหารเสียชีวิตในวันเดียวกัน แม้รัฐบาลกัดดาฟีจะถูกโค่นล้มไป แต่ลิเบียก็ยังคงประสบปัญหาความขัดแย้ง หลังการเลือกตั้งในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2557 ลิเบียก็แตกออกเป็นสองฝ่าย โดยฝ่าย Government of National Accord ซึ่งเป็นรัฐบาลที่สหประชาชาติให้การรับรอง มีศูนย์กลางอยู่ที่ตริโปลี ด้านฝ่าย House of Representatives มีฐานอยู่ที่โตบรูค ทั้งสองฝ่ายรวมทั้งฝ่ายรัฐอิสลามอิรักและเลแวนต์ ต่างก็สู้กันในสงครามกลางเมืองครั้งใหม่ชื่อ ชื่อ. ในกรีกโบราณ ชื่อ "ลิเบีย" ใช้ในความหมายที่กว้างขวางกว่า คือ แอฟริกาเหนือทั้งหมดที่อยู่ทางตะวันตกของอียิปต์ และในบางกรณีก็ใช้อ้างถึงแอฟริกาทั้งทวีป 3 ส่วนของประเทศนี้ตามประเพณีคือตริโปลิเตเนีย (Tripolitania) เฟซซัน (Fezzan) และไซเรไนกา (Cyrenaica) ในวรรณคดีกรีก ไดโดอาศัยอยู่ในลิเบียเขตการปกครอง
| ประเทศลิเบียมีเมืองหลวงชื่อว่าอะไร | {
"answer": [
"ตริโปลี"
],
"answer_begin_position": [
329
],
"answer_end_position": [
336
]
} |
3,868 | 40,128 | คาร์ล แอดอล์ฟ เกลเลอโรป คาร์ล แอดอล์ฟ เกลเลอโรป (; 2 มิถุนายน ค.ศ. 1857 - 13 ตุลาคม ค.ศ. 1919) เป็นกวีและนักเขียนนวนิยายชาวเดนมาร์ก ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ปี ค.ศ. 1917 ร่วมกับเฮนริก พอนทอปพีดัน (Henrik Pontoppidan) นับเป็นพวกความคิดสมัยใหม่ เขาใช้นามปากกาว่า Epigonos ผลงานของเขาที่คนไทยรู้จักกันดี ก็คือเรื่อง "Der Pilger Kamanita" หรือ The Pilgrim Kamanita ซึ่งได้รับการแปลเป็นภาษาไทยโดยเสฐียรโกเศศและนาคะประทีปในชื่อ "กามนิต" นั่นเอง นอกจากผลงานเรื่องนี้ เขายังได้ประพันธ์งานอีกหลายชิ้นที่ส่อว่าเขาได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนา ศาสนาพราหมณ์ และปรัชญาและวัฒนธรรมอินเดีย
| กวีและนักเขียนนวนิยายชาวเดนมาร์กชื่อว่า คาร์ล แอดอล์ฟ เกลเลอโรป ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมในปี ค.ศ. ใด | {
"answer": [
"1917"
],
"answer_begin_position": [
266
],
"answer_end_position": [
270
]
} |
3,871 | 40,128 | คาร์ล แอดอล์ฟ เกลเลอโรป คาร์ล แอดอล์ฟ เกลเลอโรป (; 2 มิถุนายน ค.ศ. 1857 - 13 ตุลาคม ค.ศ. 1919) เป็นกวีและนักเขียนนวนิยายชาวเดนมาร์ก ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ปี ค.ศ. 1917 ร่วมกับเฮนริก พอนทอปพีดัน (Henrik Pontoppidan) นับเป็นพวกความคิดสมัยใหม่ เขาใช้นามปากกาว่า Epigonos ผลงานของเขาที่คนไทยรู้จักกันดี ก็คือเรื่อง "Der Pilger Kamanita" หรือ The Pilgrim Kamanita ซึ่งได้รับการแปลเป็นภาษาไทยโดยเสฐียรโกเศศและนาคะประทีปในชื่อ "กามนิต" นั่นเอง นอกจากผลงานเรื่องนี้ เขายังได้ประพันธ์งานอีกหลายชิ้นที่ส่อว่าเขาได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนา ศาสนาพราหมณ์ และปรัชญาและวัฒนธรรมอินเดีย
| กวีและนักเขียนนวนิยายชาวเดนมาร์กชื่อว่า คาร์ล แอดอล์ฟ เกลเลอโรป ใช้นามปากกาว่าอะไร | {
"answer": [
"Epigonos"
],
"answer_begin_position": [
362
],
"answer_end_position": [
370
]
} |
3,874 | 906,038 | เครื่องอิสริยาภรณ์ซามูซนิสท์ เครื่องอิสริยาภรณ์ "ซามูซนิสท์" () เป็นเครื่องอิสริยาภรณ์ของประเทศยูเครน ถูกจัดทำขึ้นในสมัยประธานาธิบดีลีโอนิส คุชมา เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2539รางวัลสำหรับประธานาธิบดียูเครนที่มีความกล้าหาญเครื่องราช, ดาว และแพรแถบเครื่องอิสริยาภรณ์ซามูซนิสท์ผู้ที่ได้รับผู้ที่ได้รับ. - Viktor Gurniak (1987-2014) - ทหารพราน, นักถ่ายภาพ, อาสาสมัคร ถูกสังหารในสงครามชาวรัสเซีย - ยูเครน
| เครื่องอิสริยาภรณ์ซามูซนิสท์ของประเทศยูเครน ถูกจัดทำขึ้นในสมัยประธานาธิบดีคนใด | {
"answer": [
"ลีโอนิส คุชมา"
],
"answer_begin_position": [
235
],
"answer_end_position": [
248
]
} |
3,984 | 906,038 | เครื่องอิสริยาภรณ์ซามูซนิสท์ เครื่องอิสริยาภรณ์ "ซามูซนิสท์" () เป็นเครื่องอิสริยาภรณ์ของประเทศยูเครน ถูกจัดทำขึ้นในสมัยประธานาธิบดีลีโอนิส คุชมา เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2539รางวัลสำหรับประธานาธิบดียูเครนที่มีความกล้าหาญเครื่องราช, ดาว และแพรแถบเครื่องอิสริยาภรณ์ซามูซนิสท์ผู้ที่ได้รับผู้ที่ได้รับ. - Viktor Gurniak (1987-2014) - ทหารพราน, นักถ่ายภาพ, อาสาสมัคร ถูกสังหารในสงครามชาวรัสเซีย - ยูเครน
| เครื่องอิสริยาภรณ์ซามูซนิสท์เป็นเครื่องอิสริยาภรณ์ของประเทศใด | {
"answer": [
"ยูเครน"
],
"answer_begin_position": [
198
],
"answer_end_position": [
204
]
} |
3,875 | 372,908 | เผ่าทอง ทองเจือ เผ่าทอง ทองเจือ หรือที่รู้จักในนาม อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ เกิดเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2499 ท่านเป็นบุตรของ นายพานทอง ทองเจือ กับ นางไพบูลย์บุญ ทองเจือ สกุลเดิม : เนติกุล อาจารย์เผ่าทองจึงมีศักดิ์เป็นหลานปู่ พระยาไพชยนต์เทพ (ทองเจือ ทองเจือ) ท่านเป็นต้นสกุล "ทองเจือ" และ ท้าวอนงค์รักษา (พร้อง ทองเจือ) อาจารย์เผ่าทองเป็นนักประวัติศาสตร์ไทย นักโบราณคดี พิธีกรและวิทยากรผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ไทย ท่านมีชื่อเล่นว่า "แพน" เป็นน้องชายคนละแม่กับ ภิญโญ ทองเจือ อดีตนักแสดงละครโทรทัศน์ และ ปรางค์ทิพย์ ทวีพาณิชย์ เผ่าทองจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ระดับอุดมศึกษาจากคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ด้วยความชอบในเรื่องโบราณคดีมาแต่เด็ก ๆ ขณะที่ศึกษาอยู่นั้นถืออาจารย์เผ่าทองเป็นบุคคลคณะแรก ๆ ที่ได้เข้าไปขุดค้นในแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ที่จังหวัดอุดรธานีด้วย ในทางวิชาการเคยเป็นอาจารย์ในคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอาจารย์ในคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จนกระทั่งอาจารย์เผ่าทองได้เป็นคณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นอาจารย์พิเศษตามสถาบันต่าง ๆ เช่น โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.), คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , โรงเรียนจิตรลดา เป็นต้น ก่อนอาจารย์เผ่าทองจะเกษียณตัวเองออกมาก่อนอายุครบ 60 ปี ในแวดวงบันเทิงเคยเป็นนายแบบ พิธีกรและวิทยากรที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมของไทยหลายรายการ อาทิ คุณพระช่วย ทางช่อง 9,มิติลี้ลับ ทางช่อง 7 อาจารย์เผ่าทองเคยเป็นตัวประกอบในละครโทรทัศน์เรื่อง ศิลามณี ทางช่อง 7 ในปี พ.ศ. 2551 อาจารย์เผ่าทองได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ไทยเรื่อง ฉันผู้ชายนะยะ ในปี พ.ศ. 2530 อาจารย์เผ่าทองได้เป็นผู้ติดต่อประสานงานและเป็นนักแสดงประกอบในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด เรื่อง Anna and the King ที่ได้เข้าไปถ่ายทำในประเทศมาเลเซีย เมื่อปี พ.ศ. 2542 และ รอยไหม ในปี พ.ศ. 2554 กับช่อง 3 ด้วย ชีวิตส่วนตัว เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องผ้าไทยและเป็นเจ้าของ ห้องเสื้อเผ่าทอง ทองเจือ หรือ Paothong's PRIVATE COLLECTION ที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมไปถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงความเป็นมาของกรุงเทพมหานคร ที่ถนนราชดำเนิน ปัจจุบันอาจารย์เผ่าทองท่านมีปัญหาด้านสุขภาพ คือ เป็นโรคมะเร็งและมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือ ลูคิเมีย โดยท่านเป็นมาตั้งแต่อายุ 37 ปี ที่เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดจากโรคที่เป็นผลงานภาพยนตร์ละครโทรทัศน์ผลงานละครชุดผลงานละครเทิดพระเกียรติซิทคอมผลงานพิธีกรผลงาน. ผลงานพิธีกร. - เปิดตำนานกับเผ่าทอง ทองเจือ ทุกวันเสาร์ เวลา 10.35 - 11.30 น. ทางช่องพีพีทีวีเครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย (ประถมาภรณ์มงกุฎไทย) (ป.ม.) ประเทศไทย - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก (ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก) (ท.ช.) ประเทศไทย - เหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ) ประเทศไทย
| เผ่าทอง ทองเจือหรือที่รู้จักในนามอาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ เกิดเมื่อวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"3"
],
"answer_begin_position": [
180
],
"answer_end_position": [
181
]
} |
3,876 | 372,908 | เผ่าทอง ทองเจือ เผ่าทอง ทองเจือ หรือที่รู้จักในนาม อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ เกิดเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2499 ท่านเป็นบุตรของ นายพานทอง ทองเจือ กับ นางไพบูลย์บุญ ทองเจือ สกุลเดิม : เนติกุล อาจารย์เผ่าทองจึงมีศักดิ์เป็นหลานปู่ พระยาไพชยนต์เทพ (ทองเจือ ทองเจือ) ท่านเป็นต้นสกุล "ทองเจือ" และ ท้าวอนงค์รักษา (พร้อง ทองเจือ) อาจารย์เผ่าทองเป็นนักประวัติศาสตร์ไทย นักโบราณคดี พิธีกรและวิทยากรผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ไทย ท่านมีชื่อเล่นว่า "แพน" เป็นน้องชายคนละแม่กับ ภิญโญ ทองเจือ อดีตนักแสดงละครโทรทัศน์ และ ปรางค์ทิพย์ ทวีพาณิชย์ เผ่าทองจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ระดับอุดมศึกษาจากคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ด้วยความชอบในเรื่องโบราณคดีมาแต่เด็ก ๆ ขณะที่ศึกษาอยู่นั้นถืออาจารย์เผ่าทองเป็นบุคคลคณะแรก ๆ ที่ได้เข้าไปขุดค้นในแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ที่จังหวัดอุดรธานีด้วย ในทางวิชาการเคยเป็นอาจารย์ในคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอาจารย์ในคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จนกระทั่งอาจารย์เผ่าทองได้เป็นคณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นอาจารย์พิเศษตามสถาบันต่าง ๆ เช่น โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.), คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , โรงเรียนจิตรลดา เป็นต้น ก่อนอาจารย์เผ่าทองจะเกษียณตัวเองออกมาก่อนอายุครบ 60 ปี ในแวดวงบันเทิงเคยเป็นนายแบบ พิธีกรและวิทยากรที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมของไทยหลายรายการ อาทิ คุณพระช่วย ทางช่อง 9,มิติลี้ลับ ทางช่อง 7 อาจารย์เผ่าทองเคยเป็นตัวประกอบในละครโทรทัศน์เรื่อง ศิลามณี ทางช่อง 7 ในปี พ.ศ. 2551 อาจารย์เผ่าทองได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ไทยเรื่อง ฉันผู้ชายนะยะ ในปี พ.ศ. 2530 อาจารย์เผ่าทองได้เป็นผู้ติดต่อประสานงานและเป็นนักแสดงประกอบในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด เรื่อง Anna and the King ที่ได้เข้าไปถ่ายทำในประเทศมาเลเซีย เมื่อปี พ.ศ. 2542 และ รอยไหม ในปี พ.ศ. 2554 กับช่อง 3 ด้วย ชีวิตส่วนตัว เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องผ้าไทยและเป็นเจ้าของ ห้องเสื้อเผ่าทอง ทองเจือ หรือ Paothong's PRIVATE COLLECTION ที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมไปถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงความเป็นมาของกรุงเทพมหานคร ที่ถนนราชดำเนิน ปัจจุบันอาจารย์เผ่าทองท่านมีปัญหาด้านสุขภาพ คือ เป็นโรคมะเร็งและมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือ ลูคิเมีย โดยท่านเป็นมาตั้งแต่อายุ 37 ปี ที่เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดจากโรคที่เป็นผลงานภาพยนตร์ละครโทรทัศน์ผลงานละครชุดผลงานละครเทิดพระเกียรติซิทคอมผลงานพิธีกรผลงาน. ผลงานพิธีกร. - เปิดตำนานกับเผ่าทอง ทองเจือ ทุกวันเสาร์ เวลา 10.35 - 11.30 น. ทางช่องพีพีทีวีเครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย (ประถมาภรณ์มงกุฎไทย) (ป.ม.) ประเทศไทย - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก (ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก) (ท.ช.) ประเทศไทย - เหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ) ประเทศไทย
| บิดาของอาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ คือใคร | {
"answer": [
"นายพานทอง ทองเจือ"
],
"answer_begin_position": [
215
],
"answer_end_position": [
232
]
} |
3,877 | 68,463 | คาเธ่ย์แปซิฟิค คาเธ่ย์แปซิฟิค () (IATA:CX, ICAO:CPA, Callsign:Cathay) คือสายการบินประจำชาติฮ่องกง ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1946 เป็นสมาชิกของ วันเวิลด์ โดยคาเธ่ย์ แปซิฟิค เป็น 1 ใน 6 สายการบินที่บริการลูกค้าได้ในระดับ 5 ดาวจากการสำรวจของ สกายแทร็กซ์จุดหมายปลายทางฝูงบินเครื่องบินโดยสารเครื่องบินขนส่งสินค้า
| คาเธ่ย์แปซิฟิคคือสายการบินประจำชาติใด | {
"answer": [
"ฮ่องกง"
],
"answer_begin_position": [
178
],
"answer_end_position": [
184
]
} |
3,878 | 68,463 | คาเธ่ย์แปซิฟิค คาเธ่ย์แปซิฟิค () (IATA:CX, ICAO:CPA, Callsign:Cathay) คือสายการบินประจำชาติฮ่องกง ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1946 เป็นสมาชิกของ วันเวิลด์ โดยคาเธ่ย์ แปซิฟิค เป็น 1 ใน 6 สายการบินที่บริการลูกค้าได้ในระดับ 5 ดาวจากการสำรวจของ สกายแทร็กซ์จุดหมายปลายทางฝูงบินเครื่องบินโดยสารเครื่องบินขนส่งสินค้า
| สายการบินประจำชาติฮ่องกงชื่อว่า คาเธ่ย์แปซิฟิค ก่อตั้งในปีค.ศ.ใด | {
"answer": [
"1946"
],
"answer_begin_position": [
202
],
"answer_end_position": [
206
]
} |
3,881 | 531,024 | นางงามจักรวาล 1960 นางงามจักรวาล 1960 () เป็นการจัดการประกวดนางงามจักรวาลครั้งที่ 9 จัดเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2503 ณ ไมแอมีบีช รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ในปีนี้มีผู้เข้าประกวด 43 คน จากทั่วโลก โดยมี อากิโกะ โคจิมะ นางงามจักรวาล 1959 เป็นผู้มอบมงกุฏให้กับ ลินดา เบเมนต์ สาวงามจากประเทศสหรัฐอเมริกา ครองตำแหน่งนางงามจักรวาลในปีนี้ผลการประกวดลำดับที่รางวัลพิเศษผู้เข้าประกวด ผู้เข้าประกวด. มี 43 ผู้เข้าประกวด ต่อไปนี้- – โรส แมรี่ ลินก์ - – อลิซาเบธ โฮดากส์ - – ฮูเบิร์ต บ๊อกซ์ - – แนนซี่ อกิร์เร่ - – จีน จีน่า แมคเฟอร์สัน - – มยินท์ มยินท์ เมย์ - – เอดนา ไดแอนน์ แมควิการ์ - – มารินซ่า โปลแฮมเมร์ - – มาเรีย สเตลล่า มาร์เกซ - – เลย์ล่า รอดริเกซ - – ฟลอร่า ลอทเทน - – ลิซซี่ เอลลินอร์ เฮสส์ - – อิสซาเบล โรลานโด - – โจน เอลลินอร์ บอร์ดแมน - – มาร์จา-ลีน่า มานนิเนน - – ฟลอคร์องซ์ นอร์มองด์ - – อิงกรุน มอคเกล - – แมกดา ปาซาลอกลู - – คาริน่า เวอร์บีก - – วิเวียน เฉิง - – สวานฮิลดูร์ จาคอบสดอตเตอร์ - – อลิซ่า กูร์- – ดาเนียลา บลานชิ - – ยาโยอิ ฟุรุโนะ - – เฮเลน เจียตานาปูลุส - – โซน มี ฮี จา - – เกลดิส ตาเบต - – โฌซี่ เบนตูรี่ - – มาริลินน์ เอสโกบาร์ - – ลอร์เรน โจนส์ - – แรกไนฮล์ด์ อาสส์ - – เมเซร์เดส รุกเกีย - – เมดาดิต กาญิโน่ - – มาเรีย เทเรซ่า โมโตอา - – นิโคลเลตต์ คาราส - – มาเรีย เทเรเซ่า เดล ริโอ - – คริสติน จี แซม ฟอก - – เบอร์จิตตา ออฟลิงก์ - – เอเลน เมารัธ - – แมรี่-หลุยส์ คาร์ริเกส - – อิริส ตูบาล - – ลินดา เบเมนต์ - – มารี่ กิโรซกรรมการกรรมการ. - แม็กซ์เวลล์ อาร์นาว - โคลด เบอร์ - เออร์วิน แฮนเซน - รัสเซล แพตเตอร์สัน - วุค วูชินิช - มิโยโกะ ยานากิดะรายละเอียดการประกวดรายละเอียดการประกวด. - ชนะเลิศคว้ามงกุฎได้เป็นคนที่ 3 ของประเทศ - ประเทศที่ผ่านเข้ารอบในปีที่แล้วด้วย ได้แก่ , , , , , , , , และ - และ เข้ารอบก่อนหน้านี้เมื่อปี 1957 - เข้ารอบก่อนหน้านี้เมื่อปี 1953 - และ เข้ารอบได้เป็นครั้งแรก - เข้าร่วมประกวดเป็นครั้งแรก และผ่านเข้ารอบได้สำเร็จ - ผ่านเข้ารอบเป็นปีที่ 9 ติดต่อกัน - ผ่านเข้ารอบเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน - ผ่านเข้ารอบเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน - ผ่านเข้ารอบเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน - , , ผ่านเข้ารอบเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน - ชนะรางวัล ขวัญใจช่างภาพ เป็นครั้งแรก - ปีนี้เป็นปีแรกที่มีการมอบรางวัลนางงามมิตรภาพ 2 คน - ชนะรางวัล นางงามมิตรภาพ เป็นครั้งแรก - ชนะรางวัล นางงามมิตรภาพ เป็นครั้งที่สาม (ในนามสหรัฐอเมริกา) ในปีนี้การประกวดนางงามจักรวาลและนางงามสหรัฐอเมริกาจัดการประกวดร่วมกัน
| ใครคือนางงามจักรวาลประจำปีค.ศ. 1960 | {
"answer": [
"ลินดา เบเมนต์"
],
"answer_begin_position": [
350
],
"answer_end_position": [
363
]
} |
3,882 | 531,024 | นางงามจักรวาล 1960 นางงามจักรวาล 1960 () เป็นการจัดการประกวดนางงามจักรวาลครั้งที่ 9 จัดเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2503 ณ ไมแอมีบีช รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ในปีนี้มีผู้เข้าประกวด 43 คน จากทั่วโลก โดยมี อากิโกะ โคจิมะ นางงามจักรวาล 1959 เป็นผู้มอบมงกุฏให้กับ ลินดา เบเมนต์ สาวงามจากประเทศสหรัฐอเมริกา ครองตำแหน่งนางงามจักรวาลในปีนี้ผลการประกวดลำดับที่รางวัลพิเศษผู้เข้าประกวด ผู้เข้าประกวด. มี 43 ผู้เข้าประกวด ต่อไปนี้- – โรส แมรี่ ลินก์ - – อลิซาเบธ โฮดากส์ - – ฮูเบิร์ต บ๊อกซ์ - – แนนซี่ อกิร์เร่ - – จีน จีน่า แมคเฟอร์สัน - – มยินท์ มยินท์ เมย์ - – เอดนา ไดแอนน์ แมควิการ์ - – มารินซ่า โปลแฮมเมร์ - – มาเรีย สเตลล่า มาร์เกซ - – เลย์ล่า รอดริเกซ - – ฟลอร่า ลอทเทน - – ลิซซี่ เอลลินอร์ เฮสส์ - – อิสซาเบล โรลานโด - – โจน เอลลินอร์ บอร์ดแมน - – มาร์จา-ลีน่า มานนิเนน - – ฟลอคร์องซ์ นอร์มองด์ - – อิงกรุน มอคเกล - – แมกดา ปาซาลอกลู - – คาริน่า เวอร์บีก - – วิเวียน เฉิง - – สวานฮิลดูร์ จาคอบสดอตเตอร์ - – อลิซ่า กูร์- – ดาเนียลา บลานชิ - – ยาโยอิ ฟุรุโนะ - – เฮเลน เจียตานาปูลุส - – โซน มี ฮี จา - – เกลดิส ตาเบต - – โฌซี่ เบนตูรี่ - – มาริลินน์ เอสโกบาร์ - – ลอร์เรน โจนส์ - – แรกไนฮล์ด์ อาสส์ - – เมเซร์เดส รุกเกีย - – เมดาดิต กาญิโน่ - – มาเรีย เทเรซ่า โมโตอา - – นิโคลเลตต์ คาราส - – มาเรีย เทเรเซ่า เดล ริโอ - – คริสติน จี แซม ฟอก - – เบอร์จิตตา ออฟลิงก์ - – เอเลน เมารัธ - – แมรี่-หลุยส์ คาร์ริเกส - – อิริส ตูบาล - – ลินดา เบเมนต์ - – มารี่ กิโรซกรรมการกรรมการ. - แม็กซ์เวลล์ อาร์นาว - โคลด เบอร์ - เออร์วิน แฮนเซน - รัสเซล แพตเตอร์สัน - วุค วูชินิช - มิโยโกะ ยานากิดะรายละเอียดการประกวดรายละเอียดการประกวด. - ชนะเลิศคว้ามงกุฎได้เป็นคนที่ 3 ของประเทศ - ประเทศที่ผ่านเข้ารอบในปีที่แล้วด้วย ได้แก่ , , , , , , , , และ - และ เข้ารอบก่อนหน้านี้เมื่อปี 1957 - เข้ารอบก่อนหน้านี้เมื่อปี 1953 - และ เข้ารอบได้เป็นครั้งแรก - เข้าร่วมประกวดเป็นครั้งแรก และผ่านเข้ารอบได้สำเร็จ - ผ่านเข้ารอบเป็นปีที่ 9 ติดต่อกัน - ผ่านเข้ารอบเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน - ผ่านเข้ารอบเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน - ผ่านเข้ารอบเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน - , , ผ่านเข้ารอบเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน - ชนะรางวัล ขวัญใจช่างภาพ เป็นครั้งแรก - ปีนี้เป็นปีแรกที่มีการมอบรางวัลนางงามมิตรภาพ 2 คน - ชนะรางวัล นางงามมิตรภาพ เป็นครั้งแรก - ชนะรางวัล นางงามมิตรภาพ เป็นครั้งที่สาม (ในนามสหรัฐอเมริกา) ในปีนี้การประกวดนางงามจักรวาลและนางงามสหรัฐอเมริกาจัดการประกวดร่วมกัน
| การประกวดนางงามจักรวาลประจำปีค.ศ. 1960 เป็นการจัดการประกวดนางงามจักรวาลครั้งที่เท่าไร | {
"answer": [
"9"
],
"answer_begin_position": [
175
],
"answer_end_position": [
176
]
} |
3,884 | 106,696 | อุทยานแห่งชาติกูนุงมูลู อุทยานแห่งชาติกูนุงมูลู คืออุทยานมรดกโลกที่ตั้งอยู่ในรัฐซาราวะก์ ประเทศมาเลเซีย ติดกับชายแดนของประเทศบรูไน ได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลก ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 24 ที่ประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี พ.ศ. 2543 อุทยานแห่งชาติมีพื้นที่ประมาณ 754 ตร. กม. ข้อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2517
| อุทยานแห่งชาติกูนุงมูลู คืออุทยานมรดกโลกที่ตั้งอยู่ในประเทศใด | {
"answer": [
"มาเลเซีย"
],
"answer_begin_position": [
193
],
"answer_end_position": [
201
]
} |
3,889 | 6,263 | จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นจังหวัดในภาคกลางของประเทศไทย (หน่วยงานบางแห่งถือเป็นส่วนหนึ่งของภาคตะวันตก) มีขนาดพื้นที่เล็กที่สุดของประเทศ คือประมาณ 416.7 ตารางกิโลเมตร ทั้งยังมีจำนวนประชากรน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศด้วย นับเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและมีชายฝั่งทะเลติดอ่าวไทยยาวประมาณ 23 กิโลเมตรซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์มากเพราะเป็นดินดอนปากแม่น้ำ มีภูเขา 1 ลูก (เขายี่สาร) ไม่มีเกาะ มีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มโดยพื้นที่ฝั่งตะวันตกจะสูงกว่าฝั่งตะวันออกเล็กน้อย ปลายปี พ.ศ. 2550 ผลการสำรวจดัชนีความมั่นคงของมนุษย์พบว่า สมุทรสงครามเป็นจังหวัดที่มีความมั่นคงของมนุษย์สูงที่สุดในประเทศไทยประวัติ ประวัติ. จังหวัดสมุทรสงครามหรือเมืองแม่กลอง ในอดีตคือแขวงบางช้างของเมืองราชบุรี ชื่อบางช้างอาจตั้งตามพระนามในเจ้าพลาย (ในปี พ.ศ. 2173 เจ้าพลายและเจ้าแสนซึ่งเป็นพระราชโอรสองค์ที่หนึ่งและพระราชโอรสองค์ที่สองตามลำดับในสมเด็จพระเอกาทศรถ (องค์ขาว) ซึ่งเป็นพระอนุชาพระองค์เดียวที่เราทราบในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (องค์ดำ) ซึ่งไม่มีพระราชโอรส ได้หนีราชภัยมาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่แขวงบางช้าง) แขวงบางช้างมีศูนย์กลางอยู่ที่ตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม (ตามการแบ่งเขตการปกครองในปัจจุบัน) แขวงบางช้างมีอีกชื่อว่าสวนนอก (มีคำกล่าวที่ว่า "สวนในบางกอก สวนนอกบางช้าง") ต่อมาปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาต่อเนื่องกับสมัยกรุงธนบุรี แขวงบางช้างแยกออกจากจังหวัดราชบุรีเรียกว่า "เมืองแม่กลอง" สมุทรสงครามมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในช่วงที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี พม่าส่งกองทัพผ่านเข้ามาถึงบริเวณตำบลบางกุ้ง พระเจ้าตากสินมหาราชทรงรวบรวมผู้คนสร้างค่ายป้องกันทัพพม่าจนข้าศึกพ่ายแพ้ไป ณ บริเวณค่ายบางกุ้ง นับเป็นการป้องกันการรุกรานของพม่าเข้ามายังไทยครั้งสำคัญในช่วงเวลานั้น ชื่อเมืองแม่กลองเปลี่ยนเป็นสมุทรสงครามในปีใดนั้นไม่ปรากฏแน่ชัด แต่สันนิษฐานไว้ว่าเปลี่ยนราวปี พ.ศ. 2295 ถึงปี พ.ศ. 2299 เพราะจากหลักฐานในหนังสือกฎหมายตราสามดวงว่าด้วยพระราชกำหนดเรื่องการเรียกสินไหมพินัยความ ได้ปรากฏชื่อเมืองแม่กลอง เมืองสาครบุรี และเมืองสมุทรปราการอยู่ และต่อมาพบข้อความในพระราชกำหนดซึ่งตราขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เมื่อปี พ.ศ. 2299 ความระบุว่าโปรดเกล้าฯ ให้พระยารัตนาธิเบศร์ สมุหมณเฑียรบาล เอาตัวขุนวิเศษวานิช (จีนอะปั่นเต็ก) ขุนทิพ และหมื่นรุกอักษร ที่บังอาจกราบบังคมทูลขอตั้งบ่อนเบี้ยในแขวงเมืองจังหวัดสมุทรสงคราม เมืองราชบุรี และเมืองสมุทรปราการทั้ง ๆ ที่มีกฎหมายสั่งห้ามไว้ก่อนแล้ว มาลงโทษ จังหวัดสมุทรสงครามเป็นแผ่นดินที่เกิดขึ้นใหม่จากการทับถมของโคลนตะกอนบริเวณปากแม่น้ำ เกิดเป็นที่ดอนจนกลายมาเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำขนาดใหญ่ ปรากฏชื่อครั้งแรกในนาม “แม่กลอง” นอกจากนั้นตามประวัติของราชินิกุลบางช้าง (ดูเพิ่มเติม ณ บางช้าง) สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินีซึ่งเป็นพระราชินีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและพระบรมราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และพระญาติวงศ์ มีพระนิวาสสถานดั้งเดิมอยู่ที่แขวงบางช้าง สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินีทรงสืบเชื้อสายจากกษัตริย์ราชวงศ์สุโขทัยแห่งอาณาจักรอยุธยาและราชวงศ์พระร่วง (ราชวงศ์สุโขทัย) แห่งอาณาจักรสุโขทัยโดยที่เจ้าพลายและเจ้าแสน แห่งราชวงศ์สุโขทัยแห่งอาณาจักรอยุธยา ทรงหนีราชภัยมาตั้งถิ่นฐานที่แขวงบางช้าง จังหวัดสมุทรสงครามจึงเป็นเมืองราชินิกุลบางช้างและราชสกุลแห่งราชวงศ์สุโขทัย มีการสืบทอดนาฏศิลป์ วรรณศิลป์ และการทำอาหาร (โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารชาววัง) ของสมัยสุโขทัยเป็นต้นมา สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีซึ่งเคยประทับกับสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินีที่แขวงบางช้างทรงรับถ่ายถอดการทำอาหารจากที่นี่และทรงเป็นผู้ทำอาหารในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานและว่าด้วยงานนักขัตฤกษ์สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง. หลวงพ่อบ้านแหลม วัดเพชรสมุทรวรวิหารหรือวัดบ้านแหลม ในสมัยโบราณมีชื่อเรียกว่า วัดศรีจำปา ตั้งอยู่ในตำบลแม่กลอง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม ซึ่งเหตุที่ว่าชื่อวัดเป็นชื่อสถานที่ในพื้นที่แห่งหนึ่งในเมืองใกล้เคียงนั้น ก็เพราะว่าในสมัย พ.ศ. 2307 พม่าได้เข้าตีเมืองตะนาวศรี เมืองทวาย เมืองมะริด เมืองเพชรบุรี โดยเข้ามาทางด่านสิงขร ราชสำนักกรุงศรีอยุธยาได้ส่งพระยาพิพัฒน์โกสากับพระยาตากสินเข้ามาตั้งรับข้าศึกที่เมืองเพชรบุรี การสู้รบครั้งนั้นชาวบ้านแหลมในเมืองเพชรบุรี ต้องประสบชะตากรรมสงคราม อพยพไปอยู่ในลุ่มแม่น้ำแม่กลองบริเวณเหนือวัดจำปาซึ่งไม่ไกลจากทะเล อันเป็นพื้นที่สามารถประกอบอาชีพ (ประมง) จึงได้ตั้งรกรากกันในบริเวณนี้ แล้วไปมาหาสู่กันระหว่างแม่กลองกับอำเภอบ้านแหลม มาวันหนึ่งขณะออกเรือหาปลา ชาวประมงบ้านแหลม ได้พระพุทธรูป 2 องค์ ขณะกำลังจะกลับฝั่ง ปรากฏว่ามีพายุลมแรง ชาวประมงจึงตัดสินใจนำเรือเข้าฝั่งมาทางแม่กลอง แล้วเข้ามาในแม่น้ำแม่กลองเพื่อหลบพายุ แต่เรือก็ยังโคลงเคลงอยู่จนกระทั่งมาถึงวัดศรีจำปา พระพุทธรูปยืนอุ้มบาตรได้ตกลงน้ำ ทำให้ชาวประมงบ้านแหลมกลุ่มนั้นต้องลงไปในแม่น้ำงมหา แต่ก็ไม่พบ จนชาวบ้านแหลมที่มาตั้งรกรากที่แม่กลองได้งมหาเจอ จึงได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดศรีจำปา ความทราบถึงพี่น้องชาวบ้านแหลมที่อยู่ที่เพชรบุรีเข้า ก็ยกขบวนมาทวงพระคืน พี่น้องบ้านแหลมที่มาตั้งรกรากที่แม่กลองขอพระพุทธรูปประดิษฐานไว้ที่วัดศรีจำปา โดยยินยอมที่จะเปลี่ยนชื่อวัดจากชื่อวัดศรีจำปาเป็น วัดบ้านแหลม เพื่อเป็นเกียรติไว้แก่ชาวบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรีที่เป็นผู้ได้พระพุทธรูปองค์นี้ ชาวบ้านแหลมเพชรบุรีจึงได้กลับไป พระพุทธรูปยืนอุ้มบาตรขนาดเท่าคนจริง สูงประมาณ 167 เซนติเมตร ส่วนอีกองค์ (หลวงพ่อทอง) ได้ไปประดิษฐาน ณ วัดเขาตะเครา ตำบลบางครก อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรีภูมิศาสตร์อาณาเขตติดต่อ ภูมิศาสตร์. อาณาเขตติดต่อ. พื้นที่จังหวัดสมุทรสงครามมีพื้นที่ติดกับจังหวัดอื่น ๆ ดังนี้- ทิศเหนือ จรดจังหวัดราชบุรีและจังหวัดสมุทรสาคร - ทิศตะวันออก จรด อ่าวไทยชั้นใน (พื้นที่เขตจังหวัดสมุทรสงครามทางทะเลติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดเพชรบุรี - ทิศใต้ จรดจังหวัดเพชรบุรี (อำเภอเขาย้อย และอำเภอบ้านแหลม) - ทิศตะวันตก จรดจังหวัดราชบุรีทรัพยากรน้ำ ทรัพยากรน้ำ. แหล่งน้ำธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม ได้รับน้ำส่วนใหญ่จากแม่น้ำแม่กลอง1. คลองสุนัขหอน เป็นคลองเชื่อมระหว่างแม่น้ำท่าจีนกับแม่น้ำแม่กลอง ไหลผ่านเริ่มจากอำเภอเมืองสมุทรสาคร ออกสู่แม่น้ำแม่กลองที่จังหวัดสมุทรสงคราม 2. คลองดำเนินสะดวก ไหลผ่านอำเภอบ้านแพ้ว ผ่านอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี และผ่านอำเภอบางคนฑี จังหวัดสมุทรสงครามสัญลักษณ์ประจำจังหวัดสัญลักษณ์ประจำจังหวัด. - คำขวัญประจำจังหวัด: เมืองหอยหลอด ยอดลิ้นจี่ มีอุทยาน ร.2 แม่กลองไหลผ่าน นมัสการหลวงพ่อบ้านแหลม - ตราประจำจังหวัด: รูปกลองลอยน้ำ - ต้นไม้ประจำจังหวัด: ต้นจิกเล () - ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกจิกเล - สัตว์น้ำประจำจังหวัด: หอยหลอดชนิด - ลักษณะรูปร่างของจังหวัด: ลักษณะรูปร่างของจังหวัดสมุทรสงครามมีรูปร่างคล้ายกับหัวของสมเสร็จการเมืองการปกครองการแบ่งเขตการปกครองการปกครองส่วนภูมิภาค การเมืองการปกครอง. การแบ่งเขตการปกครอง. การปกครองส่วนภูมิภาค. การปกครองแบ่งออกเป็น 3 อำเภอ 36 ตำบล 284 หมู่บ้าน 1 เทศบาลเมือง 6 เทศบาลตำบล 28 องค์การบริหารส่วนตำบลการปกครองส่วนท้องถิ่น การปกครองส่วนท้องถิ่น. จังหวัดสมุทรสงครามมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวม 36 แห่ง ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง (องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสงคราม), เทศบาลเมือง 1 แห่ง (เทศบาลเมืองสมุทรสงคราม), เทศบาลตำบล 8 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 26 แห่ง รายชื่อเทศบาลทั้งหมดในจังหวัดสมุทรสงครามมีดังนี้- เทศบาลเมืองสมุทรสงคราม อำเภอเมืองสมุทรสงคราม - เทศบาลตำบลบางจะเกร็ง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม - เทศบาลตำบลกระดังงา อำเภอบางคนที - เทศบาลตำบลบางนกแขวก อำเภอบางคนที - เทศบาลตำบลบางยี่รงค์ อำเภอบางคนที - เทศบาลตำบลบางกระบือ อำเภอบางคนที - เทศบาลตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา - เทศบาลตำบลเหมืองใหม่ อำเภออัมพวา - เทศบาลตำบลสวนหลวง อำเภออัมพวาผู้ว่าราชการเมือง ข้าหลวงประจำจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัดผู้ว่าราชการเมือง ข้าหลวงประจำจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัด. - ผู้ว่าราชการเมือง1. พระแม่กลอง (เสม วงศาโรจน์) สมัยกรุงธนบุรี 2. พระแม่กลอง (สอน ณ บางช้าง) สมัยรัชกาลที่ 1 3. พระแม่กลอง (ตู้ ณ บางช้าง) สมัยรัชกาลที่ 2 4. พระแม่กลอง (ทองคำ ณ บางช้าง) สมัยรัชกาลที่ 2 5. พระแม่กลอง (นุช วงศาโรจน์) สมัยรัชกาลที่ 3 6. พระแม่กลอง (โนรี วงศาโรจน์) สมัยรัชกาลที่ 3 7. พระราชพงษานุรักษ์ศิริศักดิ์สมบูรณ์ มนูญอัธยาศัยอภัยพิริยพาหะ (กุน ณ บางช้าง) พ.ศ. 2413 - 2419 8. พระราชพงษานุรักษ์ศิริศักดิ์สมบูรณ์ มนูญอัธยาศัยอภัยพิริยพาหะ (ชม บุนนาค) พ.ศ. 2419 - 2437 9. พระราชพงษานุรักษ์ศิริศักดิ์สมบูรณ์ มนูญอัธยาศัยอภัยพิริยพาหะ (แฉ่ บุนนาค) พ.ศ. 2438 - 2439 10. หลวงอร่าม เรืองฤทธิ์ (ชวน บุนนาค) พ.ศ. 2439 - 2441 11. พระยาวรวิไชย (ปลอด บุนนาค) พ.ศ. 2442 - 2443 - ผู้ว่าราชการจังหวัด1. พระยาราชพงษานุรักษ์ (ชาย บุนนาค) พ.ศ. 2443 - 2460 2. พระยารัษฎานุประดิษฐ์ (สิน เทพหัสดิน ณ อยุธยา) พ.ศ. 2460 - 2462 3. พระยาบริหารราชการอาณาเขต (เจิม วิเศษรัตน์) พ.ศ. 2462 - 2466 4. พระยาวิชิตภักดีศรีสุราษฎร์ธานินทร์ (รอด สาริมาน) พ.ศ. 2466 - 2471 5. พระราชญาติรักษา (ประกอบ บุนนาค) พ.ศ. 2471 - 2474 6. พระนิกรบดี (จอน สาลิกานนท์) พ.ศ. 2474 - 2477 7. หลวงบุเรศบำรุงการ (เจริญ วงศ์ตลาดขวัญ) พ.ศ. 2477 - 2478 8. พระบำรุงบุรีราช (วิง สิทธิเทศานนท์) พ.ศ. 2478 - 2479 9. หลวงอรรถวิจิตรจรรยารักษ์ (กิมฮ๊อก วงษ์สกุล) พ.ศ. 2479 - 2481 10. นายอุดม บุญประกอบ พ.ศ. 2481 - 2482 11. หลวงอรรถวิจิตรจรรยารักษ์ (กังวาน วงษ์สกุล) พ.ศ. 2482 - 2484 12. ขุนรัฐวุฒิวิจารณ์ (สุวงศ์ วัฏฏสิงห์) พ.ศ. 2484 - 2487 13. นายจรัส ธารีสาร พ.ศ. 2487 - 2491 14. นายเวศน์ เพชรรานนท์ พ.ศ. 2490 - 2491 15. ขุนบริรักษ์บทวสัญช์ (ชุ่ม เธียรพงศ์) พ.ศ. 2491 - 2492 16. นายแสวง รุจิรัตน์ พ.ศ. 2492 - 2492 17. ขุนอารีราชการัณย์ (ชิต สุมนดิษฐ์) พ.ศ. 2492 - 2493 18. นายวิฑูร จักกะพาก พ.ศ. 2493 - 2495 19. นายเกษม สุขุม พ.ศ. 2495 - 2497 20. นายเจริญ ภมรบุตร 10 ก.ค.2497 – 12 ก.พ.2501 21. นายชาติ อภิศลย์ บุญยะรัตน์พันธ์ 17 ก.พ.2501 – 26 เม.ย.2502 22. นายกาลัญ อมาตยกุล 18 มิ.ย.2502 – 24 พ.ย.2502 23. นายชูสง่า ไชยพันธ์ 25 พ.ย.2502 – 18 ธ.ค.2504 24. นายประสิทธิ์ อุไรรัตน์ 19 ธ.ค.2504 – 10 ต.ค.2510 25. นายธวัชชัย เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา 11 ต.ค.2510 – 30 ก.ย.2515 26. นายชาญ กาญจนาคพันธ์ 1 ต.ค.2515 – 30 ก.ย.2519 27. นายพิบูลย์ ธุรภาคพิบูลย์ 1 ต.ค.2519 – 30 ก.ย.2521 28. นายเสถียร จันทรจำนง 14 ต.ค.2521 – 23 ส.ค.2522 29. นายชัยวัฒน์ หุตะเจริญ 24 ส.ค.2522 – 30 ก.ย.2523 30. นายวุฒินันท์ พงศ์อารยะ 1 ต.ค.2523 – 30 ก.ย.2528 31. นายบรรโลม ภุชงคกุล 1 ต.ค.2528 – 30 ก.ย.2530 32. นายวิธาน สุวรรณทัต 1 ต.ค.2530 – 30 ก.ย.2535 33. นายมนุชญ์ วัฒนโกเมร 1 ต.ค.2535 – 30 ก.ย.2537 34. นายประวิทย์ สีห์โสภณ 1 ต.ค.2537 – 30 ก.ย.2539 35. นายสุรพล กาญจนะจิตรา 1 ต.ค.2539 – 19 ต.ค.2540 36. นายคงศักดิ์ ลิ่วมโนมนต์ 20 ต.ค.2540 – 30 ก.ย.2543 37. นายนาวิน ขันธหิรัญ 1 ต.ค.2543 – 30 ก.ย.2544 38. นายอัครพงศ์ พยัคฆันตร 1 ต.ค.2544 – 30 ก.ย.2546 39. นายวรเกียรติ สมสร้อย 21 เม.ย.2546 – 30 ก.ย.2547 40. นายวิชชา ประสานเกลียว 1 ต.ค.2547 – 30 ก.ย.2548 41. นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ 1 ต.ค.2548 – 12 พ.ย.2549 42. นายวีระยุทธ เอี่ยมอำภา 13 พ.ย.2549 – 30 ก.ย.2550 43. ว่าที่ร้อยตรีโอภาส เศวตมณี 1 ต.ค.2550 – 19 ต.ค.2551 44. นายประภาศ บุญยินดี 20 ต.ค.2551 – 27 พ.ย.2554 45. นายธนน เวชกรกานนท์ 28 พ.ย.2554 – 30 ก.ย.2556 46. นายชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์ 1 ต.ค.2556 – 30 ก.ย.2557 47. นายปัญญา งานเลิศ 3 พ.ย.2557 – 30 ก.ย.2558 48. นางสาวจิตรา พรหมชุติมา 1 ต.ค. 2558 – 30 ก.ย.2559 49. นายคันฉัตร ตันเสถียร 1 ต.ค. 2559 – ปัจจุบันเศรษฐกิจ เศรษฐกิจ. ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและการประมง ส่วนอุตสาหกรรมนั้นส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็ก โดยอุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมผลิตน้ำปลา อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น้ำ อุตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร และมีโรงงานทั้งสิ้น 270 โรงงาน ทุนจดทะเบียนรวม 5,068,084,947 บาท จำนวนการจ้างงาน 7,099 คน สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดสมุทรสงครามขยายตัวเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย และการประมงเป็นสาขาการผลิตในภาคเกษตรที่ทำรายได้สูงสุดของจังหวัด รองลงมาก็คือ กสิกรรม และการแปรรูปสินค้าเกษตรอย่างง่ายโครงสร้างพื้นฐานการขนส่ง โครงสร้างพื้นฐาน. การขนส่ง. ในจังหวัดสมุทรสงครามมีทางหลวงแผ่นดินทั้งหมด 2 สาย ได้แก่ ถนนพระรามที่ 2 หรือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 35 สายธนบุรี–ปากท่อ โดยสามารถเดินทางจากกรุงเทพมหานครถึงสมุทรสงครามโดยใช้ทางหลวงสายนี้ด้วยระยะทางประมาณ 65 กิโลเมตร และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 325 สายบางแพ–สมุทรสงคราม ส่วนการขนส่งทางราง ปัจจุบันมีทางรถไฟสายแม่กลอง ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับการสัญจรและขนส่งเสบียงอาหารของประชาชน และการขนส่งทางน้ำ จังหวัดสมุทรสงครามมีแม่น้ำไหลผ่านทั้ง 3 อำเภอ เป็นระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ออกสู่ปากอ่าวแม่กลอง มีคลองเล็ก ๆ อีกประมาณ 300 คลอง การคมนาคมในจังหวัดจึงใช้เรือเป็นสำคัญ ซึ่งโดยมากได้แก่ เรือยนต์ เรือหางยาว เรือแจว และมีท่าเทียบเรืออีก 7 แห่ง การติดต่อกันระหว่างจังหวัดก็มีทางเรือ คือ- จังหวัดสมุทรสงคราม – จังหวัดราชบุรี ใช้แม่น้ำแม่กลองเป็นเส้นทางคมนาคม - จังหวัดสมุทรสงคราม – อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ใช้เส้นทางทะเล - จังหวัดสมุทรสงคราม – กรุงเทพมหานคร แต่เดิมใช้ลำคลอง เช่น คลองแม่กลอง คลองภาษีเจริญ ฯลฯ ปัจจุบันนิยมใช้เรือเดินทะเลขนส่งสินค้าขึ้นตามแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีเป็นประจำทุกวันสาธารณสุข สาธารณสุข. โรงพยาบาลในจังหวัดสมุทรสงคราม เช่น โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า อำเภอเมืองสมุทรสงคราม, โรงพยาบาลอัมพวา อำเภออัมพวา, โรงพยาบาลนภาลัย อำเภอบางคนที เป็นต้นการศึกษา การศึกษา. จังหวัดสมุทรสงครามมีสถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ ได้แก่ สถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชน เป็นสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2553 จัดการเรียนการสอนด้านการพัฒนาท้องถิ่น และการพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน ทั้งในระดับปริญญาตรี และระดับปริญญาโท นอกจากนี้ยังมี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา วิทยาเขตสมุทรสงคราม และอาชีวศึกษา เช่น วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงครามบุคคลที่มีชื่อเสียงบุคคลที่มีชื่อเสียง. - พระพรหมเวที (สุเทพ ผุสฺสธมฺโม) – พระราชาคณะเจ้าคณะรอง เจ้าคณะภาค 15 เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร - พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย – พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรี - สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี ในรัชกาลที่ 1 - สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี ในรัชกาลที่ 2 - ท่านผู้หญิง ศรีรัศมิ์ สุวะดี – อดีตพระวรชายาในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร - หลวงประดิษฐไพเราะ – นักดนตรีไทย - จอมพล ผิน ชุณหะวัณ – บิดาของ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ - ครูเอื้อ สุนทรสนาน – นักแต่งเพลง นักร้อง - ทูล ทองใจ – นักร้อง - ศรีไพร ลูกราชบุรี – นักร้องลุกทุ่ง - ศ.ดร.อุทิศ นาคสวัสดิ์ – ศิษย์เอกของหลวงประดิษฐ์ไพเราะ - บุญยัง เกตุคง – ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ลิเก) - ช่วง มูลพินิจ – ศิลปินอิสระ - ศรคีรี ศรีประจวบ – นักร้องเพลงลูกทุ่ง - แฝดสยาม อิน-จัน – ฝาแฝดตัวติดกัน - อภิเดช ศิษย์หิรัญ – นักมวยไทย - เปลว สีเงิน – นักหนังสือพิมพ์ - ศรัณยู วงษ์กระจ่าง – นักแสดง พิธีกร ผู้กำกับ - ม้า อรนภา – ดารา นักแสดง พิธีกร - อุดม ชวนชื่น – ดารา นักแสดง ตลก - จารุณี สุขสวัสดิ์ – ดารา นักแสดง - อารีย์ นักดนตรี จันเกษม – ดารา นักแสดง พิธีกร นักร้อง - วัลลี บุญเส็ง – ดาราภาพยนตร์เพื่อชีวิต - แคล้ว ธนิกุล – โปรโมเตอร์มวย - ช.อ้น ณ บางช้าง – นักดนตรีเฮฟวีเมทัล - อนุสรณ์ คล้ายวิเชียร – นักดนตรี - จิรากร สมพิทักษ์ – นักดนตรี - ทองคำ กิ่งมณี – นักกีฬาแบดมินตัน - ดร.ชำนาญ บัวทวน – ผู้ฝึกสอนแบดมินตัน 2 - อรวรรณ นวมศิริ – นักร้องเพลงลูกทุ่งสถานที่ท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยว. - อุทยาน ร.2 - ค่ายบางกุ้ง - ดอนหอยหลอด - ตลาดน้ำท่าคา - วัดบางกะพ้อม - วัดจุฬามณี - ตลาดน้ำอัมพวา - ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนคลองโคน - พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (วัดอัมพวันเจติยาราม)
| จังหวัดใดของประเทศไทยมีขนาดพื้นที่เล็กที่สุด | {
"answer": [
"สมุทรสงคราม"
],
"answer_begin_position": [
115
],
"answer_end_position": [
126
]
} |
3,899 | 6,263 | จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นจังหวัดในภาคกลางของประเทศไทย (หน่วยงานบางแห่งถือเป็นส่วนหนึ่งของภาคตะวันตก) มีขนาดพื้นที่เล็กที่สุดของประเทศ คือประมาณ 416.7 ตารางกิโลเมตร ทั้งยังมีจำนวนประชากรน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศด้วย นับเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและมีชายฝั่งทะเลติดอ่าวไทยยาวประมาณ 23 กิโลเมตรซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์มากเพราะเป็นดินดอนปากแม่น้ำ มีภูเขา 1 ลูก (เขายี่สาร) ไม่มีเกาะ มีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มโดยพื้นที่ฝั่งตะวันตกจะสูงกว่าฝั่งตะวันออกเล็กน้อย ปลายปี พ.ศ. 2550 ผลการสำรวจดัชนีความมั่นคงของมนุษย์พบว่า สมุทรสงครามเป็นจังหวัดที่มีความมั่นคงของมนุษย์สูงที่สุดในประเทศไทยประวัติ ประวัติ. จังหวัดสมุทรสงครามหรือเมืองแม่กลอง ในอดีตคือแขวงบางช้างของเมืองราชบุรี ชื่อบางช้างอาจตั้งตามพระนามในเจ้าพลาย (ในปี พ.ศ. 2173 เจ้าพลายและเจ้าแสนซึ่งเป็นพระราชโอรสองค์ที่หนึ่งและพระราชโอรสองค์ที่สองตามลำดับในสมเด็จพระเอกาทศรถ (องค์ขาว) ซึ่งเป็นพระอนุชาพระองค์เดียวที่เราทราบในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (องค์ดำ) ซึ่งไม่มีพระราชโอรส ได้หนีราชภัยมาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่แขวงบางช้าง) แขวงบางช้างมีศูนย์กลางอยู่ที่ตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม (ตามการแบ่งเขตการปกครองในปัจจุบัน) แขวงบางช้างมีอีกชื่อว่าสวนนอก (มีคำกล่าวที่ว่า "สวนในบางกอก สวนนอกบางช้าง") ต่อมาปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาต่อเนื่องกับสมัยกรุงธนบุรี แขวงบางช้างแยกออกจากจังหวัดราชบุรีเรียกว่า "เมืองแม่กลอง" สมุทรสงครามมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในช่วงที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี พม่าส่งกองทัพผ่านเข้ามาถึงบริเวณตำบลบางกุ้ง พระเจ้าตากสินมหาราชทรงรวบรวมผู้คนสร้างค่ายป้องกันทัพพม่าจนข้าศึกพ่ายแพ้ไป ณ บริเวณค่ายบางกุ้ง นับเป็นการป้องกันการรุกรานของพม่าเข้ามายังไทยครั้งสำคัญในช่วงเวลานั้น ชื่อเมืองแม่กลองเปลี่ยนเป็นสมุทรสงครามในปีใดนั้นไม่ปรากฏแน่ชัด แต่สันนิษฐานไว้ว่าเปลี่ยนราวปี พ.ศ. 2295 ถึงปี พ.ศ. 2299 เพราะจากหลักฐานในหนังสือกฎหมายตราสามดวงว่าด้วยพระราชกำหนดเรื่องการเรียกสินไหมพินัยความ ได้ปรากฏชื่อเมืองแม่กลอง เมืองสาครบุรี และเมืองสมุทรปราการอยู่ และต่อมาพบข้อความในพระราชกำหนดซึ่งตราขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เมื่อปี พ.ศ. 2299 ความระบุว่าโปรดเกล้าฯ ให้พระยารัตนาธิเบศร์ สมุหมณเฑียรบาล เอาตัวขุนวิเศษวานิช (จีนอะปั่นเต็ก) ขุนทิพ และหมื่นรุกอักษร ที่บังอาจกราบบังคมทูลขอตั้งบ่อนเบี้ยในแขวงเมืองจังหวัดสมุทรสงคราม เมืองราชบุรี และเมืองสมุทรปราการทั้ง ๆ ที่มีกฎหมายสั่งห้ามไว้ก่อนแล้ว มาลงโทษ จังหวัดสมุทรสงครามเป็นแผ่นดินที่เกิดขึ้นใหม่จากการทับถมของโคลนตะกอนบริเวณปากแม่น้ำ เกิดเป็นที่ดอนจนกลายมาเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำขนาดใหญ่ ปรากฏชื่อครั้งแรกในนาม “แม่กลอง” นอกจากนั้นตามประวัติของราชินิกุลบางช้าง (ดูเพิ่มเติม ณ บางช้าง) สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินีซึ่งเป็นพระราชินีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและพระบรมราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และพระญาติวงศ์ มีพระนิวาสสถานดั้งเดิมอยู่ที่แขวงบางช้าง สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินีทรงสืบเชื้อสายจากกษัตริย์ราชวงศ์สุโขทัยแห่งอาณาจักรอยุธยาและราชวงศ์พระร่วง (ราชวงศ์สุโขทัย) แห่งอาณาจักรสุโขทัยโดยที่เจ้าพลายและเจ้าแสน แห่งราชวงศ์สุโขทัยแห่งอาณาจักรอยุธยา ทรงหนีราชภัยมาตั้งถิ่นฐานที่แขวงบางช้าง จังหวัดสมุทรสงครามจึงเป็นเมืองราชินิกุลบางช้างและราชสกุลแห่งราชวงศ์สุโขทัย มีการสืบทอดนาฏศิลป์ วรรณศิลป์ และการทำอาหาร (โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารชาววัง) ของสมัยสุโขทัยเป็นต้นมา สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีซึ่งเคยประทับกับสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินีที่แขวงบางช้างทรงรับถ่ายถอดการทำอาหารจากที่นี่และทรงเป็นผู้ทำอาหารในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานและว่าด้วยงานนักขัตฤกษ์สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง. หลวงพ่อบ้านแหลม วัดเพชรสมุทรวรวิหารหรือวัดบ้านแหลม ในสมัยโบราณมีชื่อเรียกว่า วัดศรีจำปา ตั้งอยู่ในตำบลแม่กลอง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม ซึ่งเหตุที่ว่าชื่อวัดเป็นชื่อสถานที่ในพื้นที่แห่งหนึ่งในเมืองใกล้เคียงนั้น ก็เพราะว่าในสมัย พ.ศ. 2307 พม่าได้เข้าตีเมืองตะนาวศรี เมืองทวาย เมืองมะริด เมืองเพชรบุรี โดยเข้ามาทางด่านสิงขร ราชสำนักกรุงศรีอยุธยาได้ส่งพระยาพิพัฒน์โกสากับพระยาตากสินเข้ามาตั้งรับข้าศึกที่เมืองเพชรบุรี การสู้รบครั้งนั้นชาวบ้านแหลมในเมืองเพชรบุรี ต้องประสบชะตากรรมสงคราม อพยพไปอยู่ในลุ่มแม่น้ำแม่กลองบริเวณเหนือวัดจำปาซึ่งไม่ไกลจากทะเล อันเป็นพื้นที่สามารถประกอบอาชีพ (ประมง) จึงได้ตั้งรกรากกันในบริเวณนี้ แล้วไปมาหาสู่กันระหว่างแม่กลองกับอำเภอบ้านแหลม มาวันหนึ่งขณะออกเรือหาปลา ชาวประมงบ้านแหลม ได้พระพุทธรูป 2 องค์ ขณะกำลังจะกลับฝั่ง ปรากฏว่ามีพายุลมแรง ชาวประมงจึงตัดสินใจนำเรือเข้าฝั่งมาทางแม่กลอง แล้วเข้ามาในแม่น้ำแม่กลองเพื่อหลบพายุ แต่เรือก็ยังโคลงเคลงอยู่จนกระทั่งมาถึงวัดศรีจำปา พระพุทธรูปยืนอุ้มบาตรได้ตกลงน้ำ ทำให้ชาวประมงบ้านแหลมกลุ่มนั้นต้องลงไปในแม่น้ำงมหา แต่ก็ไม่พบ จนชาวบ้านแหลมที่มาตั้งรกรากที่แม่กลองได้งมหาเจอ จึงได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดศรีจำปา ความทราบถึงพี่น้องชาวบ้านแหลมที่อยู่ที่เพชรบุรีเข้า ก็ยกขบวนมาทวงพระคืน พี่น้องบ้านแหลมที่มาตั้งรกรากที่แม่กลองขอพระพุทธรูปประดิษฐานไว้ที่วัดศรีจำปา โดยยินยอมที่จะเปลี่ยนชื่อวัดจากชื่อวัดศรีจำปาเป็น วัดบ้านแหลม เพื่อเป็นเกียรติไว้แก่ชาวบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรีที่เป็นผู้ได้พระพุทธรูปองค์นี้ ชาวบ้านแหลมเพชรบุรีจึงได้กลับไป พระพุทธรูปยืนอุ้มบาตรขนาดเท่าคนจริง สูงประมาณ 167 เซนติเมตร ส่วนอีกองค์ (หลวงพ่อทอง) ได้ไปประดิษฐาน ณ วัดเขาตะเครา ตำบลบางครก อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรีภูมิศาสตร์อาณาเขตติดต่อ ภูมิศาสตร์. อาณาเขตติดต่อ. พื้นที่จังหวัดสมุทรสงครามมีพื้นที่ติดกับจังหวัดอื่น ๆ ดังนี้- ทิศเหนือ จรดจังหวัดราชบุรีและจังหวัดสมุทรสาคร - ทิศตะวันออก จรด อ่าวไทยชั้นใน (พื้นที่เขตจังหวัดสมุทรสงครามทางทะเลติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดเพชรบุรี - ทิศใต้ จรดจังหวัดเพชรบุรี (อำเภอเขาย้อย และอำเภอบ้านแหลม) - ทิศตะวันตก จรดจังหวัดราชบุรีทรัพยากรน้ำ ทรัพยากรน้ำ. แหล่งน้ำธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม ได้รับน้ำส่วนใหญ่จากแม่น้ำแม่กลอง1. คลองสุนัขหอน เป็นคลองเชื่อมระหว่างแม่น้ำท่าจีนกับแม่น้ำแม่กลอง ไหลผ่านเริ่มจากอำเภอเมืองสมุทรสาคร ออกสู่แม่น้ำแม่กลองที่จังหวัดสมุทรสงคราม 2. คลองดำเนินสะดวก ไหลผ่านอำเภอบ้านแพ้ว ผ่านอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี และผ่านอำเภอบางคนฑี จังหวัดสมุทรสงครามสัญลักษณ์ประจำจังหวัดสัญลักษณ์ประจำจังหวัด. - คำขวัญประจำจังหวัด: เมืองหอยหลอด ยอดลิ้นจี่ มีอุทยาน ร.2 แม่กลองไหลผ่าน นมัสการหลวงพ่อบ้านแหลม - ตราประจำจังหวัด: รูปกลองลอยน้ำ - ต้นไม้ประจำจังหวัด: ต้นจิกเล () - ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกจิกเล - สัตว์น้ำประจำจังหวัด: หอยหลอดชนิด - ลักษณะรูปร่างของจังหวัด: ลักษณะรูปร่างของจังหวัดสมุทรสงครามมีรูปร่างคล้ายกับหัวของสมเสร็จการเมืองการปกครองการแบ่งเขตการปกครองการปกครองส่วนภูมิภาค การเมืองการปกครอง. การแบ่งเขตการปกครอง. การปกครองส่วนภูมิภาค. การปกครองแบ่งออกเป็น 3 อำเภอ 36 ตำบล 284 หมู่บ้าน 1 เทศบาลเมือง 6 เทศบาลตำบล 28 องค์การบริหารส่วนตำบลการปกครองส่วนท้องถิ่น การปกครองส่วนท้องถิ่น. จังหวัดสมุทรสงครามมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวม 36 แห่ง ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง (องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสงคราม), เทศบาลเมือง 1 แห่ง (เทศบาลเมืองสมุทรสงคราม), เทศบาลตำบล 8 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 26 แห่ง รายชื่อเทศบาลทั้งหมดในจังหวัดสมุทรสงครามมีดังนี้- เทศบาลเมืองสมุทรสงคราม อำเภอเมืองสมุทรสงคราม - เทศบาลตำบลบางจะเกร็ง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม - เทศบาลตำบลกระดังงา อำเภอบางคนที - เทศบาลตำบลบางนกแขวก อำเภอบางคนที - เทศบาลตำบลบางยี่รงค์ อำเภอบางคนที - เทศบาลตำบลบางกระบือ อำเภอบางคนที - เทศบาลตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา - เทศบาลตำบลเหมืองใหม่ อำเภออัมพวา - เทศบาลตำบลสวนหลวง อำเภออัมพวาผู้ว่าราชการเมือง ข้าหลวงประจำจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัดผู้ว่าราชการเมือง ข้าหลวงประจำจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัด. - ผู้ว่าราชการเมือง1. พระแม่กลอง (เสม วงศาโรจน์) สมัยกรุงธนบุรี 2. พระแม่กลอง (สอน ณ บางช้าง) สมัยรัชกาลที่ 1 3. พระแม่กลอง (ตู้ ณ บางช้าง) สมัยรัชกาลที่ 2 4. พระแม่กลอง (ทองคำ ณ บางช้าง) สมัยรัชกาลที่ 2 5. พระแม่กลอง (นุช วงศาโรจน์) สมัยรัชกาลที่ 3 6. พระแม่กลอง (โนรี วงศาโรจน์) สมัยรัชกาลที่ 3 7. พระราชพงษานุรักษ์ศิริศักดิ์สมบูรณ์ มนูญอัธยาศัยอภัยพิริยพาหะ (กุน ณ บางช้าง) พ.ศ. 2413 - 2419 8. พระราชพงษานุรักษ์ศิริศักดิ์สมบูรณ์ มนูญอัธยาศัยอภัยพิริยพาหะ (ชม บุนนาค) พ.ศ. 2419 - 2437 9. พระราชพงษานุรักษ์ศิริศักดิ์สมบูรณ์ มนูญอัธยาศัยอภัยพิริยพาหะ (แฉ่ บุนนาค) พ.ศ. 2438 - 2439 10. หลวงอร่าม เรืองฤทธิ์ (ชวน บุนนาค) พ.ศ. 2439 - 2441 11. พระยาวรวิไชย (ปลอด บุนนาค) พ.ศ. 2442 - 2443 - ผู้ว่าราชการจังหวัด1. พระยาราชพงษานุรักษ์ (ชาย บุนนาค) พ.ศ. 2443 - 2460 2. พระยารัษฎานุประดิษฐ์ (สิน เทพหัสดิน ณ อยุธยา) พ.ศ. 2460 - 2462 3. พระยาบริหารราชการอาณาเขต (เจิม วิเศษรัตน์) พ.ศ. 2462 - 2466 4. พระยาวิชิตภักดีศรีสุราษฎร์ธานินทร์ (รอด สาริมาน) พ.ศ. 2466 - 2471 5. พระราชญาติรักษา (ประกอบ บุนนาค) พ.ศ. 2471 - 2474 6. พระนิกรบดี (จอน สาลิกานนท์) พ.ศ. 2474 - 2477 7. หลวงบุเรศบำรุงการ (เจริญ วงศ์ตลาดขวัญ) พ.ศ. 2477 - 2478 8. พระบำรุงบุรีราช (วิง สิทธิเทศานนท์) พ.ศ. 2478 - 2479 9. หลวงอรรถวิจิตรจรรยารักษ์ (กิมฮ๊อก วงษ์สกุล) พ.ศ. 2479 - 2481 10. นายอุดม บุญประกอบ พ.ศ. 2481 - 2482 11. หลวงอรรถวิจิตรจรรยารักษ์ (กังวาน วงษ์สกุล) พ.ศ. 2482 - 2484 12. ขุนรัฐวุฒิวิจารณ์ (สุวงศ์ วัฏฏสิงห์) พ.ศ. 2484 - 2487 13. นายจรัส ธารีสาร พ.ศ. 2487 - 2491 14. นายเวศน์ เพชรรานนท์ พ.ศ. 2490 - 2491 15. ขุนบริรักษ์บทวสัญช์ (ชุ่ม เธียรพงศ์) พ.ศ. 2491 - 2492 16. นายแสวง รุจิรัตน์ พ.ศ. 2492 - 2492 17. ขุนอารีราชการัณย์ (ชิต สุมนดิษฐ์) พ.ศ. 2492 - 2493 18. นายวิฑูร จักกะพาก พ.ศ. 2493 - 2495 19. นายเกษม สุขุม พ.ศ. 2495 - 2497 20. นายเจริญ ภมรบุตร 10 ก.ค.2497 – 12 ก.พ.2501 21. นายชาติ อภิศลย์ บุญยะรัตน์พันธ์ 17 ก.พ.2501 – 26 เม.ย.2502 22. นายกาลัญ อมาตยกุล 18 มิ.ย.2502 – 24 พ.ย.2502 23. นายชูสง่า ไชยพันธ์ 25 พ.ย.2502 – 18 ธ.ค.2504 24. นายประสิทธิ์ อุไรรัตน์ 19 ธ.ค.2504 – 10 ต.ค.2510 25. นายธวัชชัย เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา 11 ต.ค.2510 – 30 ก.ย.2515 26. นายชาญ กาญจนาคพันธ์ 1 ต.ค.2515 – 30 ก.ย.2519 27. นายพิบูลย์ ธุรภาคพิบูลย์ 1 ต.ค.2519 – 30 ก.ย.2521 28. นายเสถียร จันทรจำนง 14 ต.ค.2521 – 23 ส.ค.2522 29. นายชัยวัฒน์ หุตะเจริญ 24 ส.ค.2522 – 30 ก.ย.2523 30. นายวุฒินันท์ พงศ์อารยะ 1 ต.ค.2523 – 30 ก.ย.2528 31. นายบรรโลม ภุชงคกุล 1 ต.ค.2528 – 30 ก.ย.2530 32. นายวิธาน สุวรรณทัต 1 ต.ค.2530 – 30 ก.ย.2535 33. นายมนุชญ์ วัฒนโกเมร 1 ต.ค.2535 – 30 ก.ย.2537 34. นายประวิทย์ สีห์โสภณ 1 ต.ค.2537 – 30 ก.ย.2539 35. นายสุรพล กาญจนะจิตรา 1 ต.ค.2539 – 19 ต.ค.2540 36. นายคงศักดิ์ ลิ่วมโนมนต์ 20 ต.ค.2540 – 30 ก.ย.2543 37. นายนาวิน ขันธหิรัญ 1 ต.ค.2543 – 30 ก.ย.2544 38. นายอัครพงศ์ พยัคฆันตร 1 ต.ค.2544 – 30 ก.ย.2546 39. นายวรเกียรติ สมสร้อย 21 เม.ย.2546 – 30 ก.ย.2547 40. นายวิชชา ประสานเกลียว 1 ต.ค.2547 – 30 ก.ย.2548 41. นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ 1 ต.ค.2548 – 12 พ.ย.2549 42. นายวีระยุทธ เอี่ยมอำภา 13 พ.ย.2549 – 30 ก.ย.2550 43. ว่าที่ร้อยตรีโอภาส เศวตมณี 1 ต.ค.2550 – 19 ต.ค.2551 44. นายประภาศ บุญยินดี 20 ต.ค.2551 – 27 พ.ย.2554 45. นายธนน เวชกรกานนท์ 28 พ.ย.2554 – 30 ก.ย.2556 46. นายชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์ 1 ต.ค.2556 – 30 ก.ย.2557 47. นายปัญญา งานเลิศ 3 พ.ย.2557 – 30 ก.ย.2558 48. นางสาวจิตรา พรหมชุติมา 1 ต.ค. 2558 – 30 ก.ย.2559 49. นายคันฉัตร ตันเสถียร 1 ต.ค. 2559 – ปัจจุบันเศรษฐกิจ เศรษฐกิจ. ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและการประมง ส่วนอุตสาหกรรมนั้นส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็ก โดยอุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมผลิตน้ำปลา อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น้ำ อุตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร และมีโรงงานทั้งสิ้น 270 โรงงาน ทุนจดทะเบียนรวม 5,068,084,947 บาท จำนวนการจ้างงาน 7,099 คน สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดสมุทรสงครามขยายตัวเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย และการประมงเป็นสาขาการผลิตในภาคเกษตรที่ทำรายได้สูงสุดของจังหวัด รองลงมาก็คือ กสิกรรม และการแปรรูปสินค้าเกษตรอย่างง่ายโครงสร้างพื้นฐานการขนส่ง โครงสร้างพื้นฐาน. การขนส่ง. ในจังหวัดสมุทรสงครามมีทางหลวงแผ่นดินทั้งหมด 2 สาย ได้แก่ ถนนพระรามที่ 2 หรือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 35 สายธนบุรี–ปากท่อ โดยสามารถเดินทางจากกรุงเทพมหานครถึงสมุทรสงครามโดยใช้ทางหลวงสายนี้ด้วยระยะทางประมาณ 65 กิโลเมตร และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 325 สายบางแพ–สมุทรสงคราม ส่วนการขนส่งทางราง ปัจจุบันมีทางรถไฟสายแม่กลอง ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับการสัญจรและขนส่งเสบียงอาหารของประชาชน และการขนส่งทางน้ำ จังหวัดสมุทรสงครามมีแม่น้ำไหลผ่านทั้ง 3 อำเภอ เป็นระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ออกสู่ปากอ่าวแม่กลอง มีคลองเล็ก ๆ อีกประมาณ 300 คลอง การคมนาคมในจังหวัดจึงใช้เรือเป็นสำคัญ ซึ่งโดยมากได้แก่ เรือยนต์ เรือหางยาว เรือแจว และมีท่าเทียบเรืออีก 7 แห่ง การติดต่อกันระหว่างจังหวัดก็มีทางเรือ คือ- จังหวัดสมุทรสงคราม – จังหวัดราชบุรี ใช้แม่น้ำแม่กลองเป็นเส้นทางคมนาคม - จังหวัดสมุทรสงคราม – อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ใช้เส้นทางทะเล - จังหวัดสมุทรสงคราม – กรุงเทพมหานคร แต่เดิมใช้ลำคลอง เช่น คลองแม่กลอง คลองภาษีเจริญ ฯลฯ ปัจจุบันนิยมใช้เรือเดินทะเลขนส่งสินค้าขึ้นตามแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีเป็นประจำทุกวันสาธารณสุข สาธารณสุข. โรงพยาบาลในจังหวัดสมุทรสงคราม เช่น โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า อำเภอเมืองสมุทรสงคราม, โรงพยาบาลอัมพวา อำเภออัมพวา, โรงพยาบาลนภาลัย อำเภอบางคนที เป็นต้นการศึกษา การศึกษา. จังหวัดสมุทรสงครามมีสถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ ได้แก่ สถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชน เป็นสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2553 จัดการเรียนการสอนด้านการพัฒนาท้องถิ่น และการพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน ทั้งในระดับปริญญาตรี และระดับปริญญาโท นอกจากนี้ยังมี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา วิทยาเขตสมุทรสงคราม และอาชีวศึกษา เช่น วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงครามบุคคลที่มีชื่อเสียงบุคคลที่มีชื่อเสียง. - พระพรหมเวที (สุเทพ ผุสฺสธมฺโม) – พระราชาคณะเจ้าคณะรอง เจ้าคณะภาค 15 เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร - พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย – พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรี - สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี ในรัชกาลที่ 1 - สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี ในรัชกาลที่ 2 - ท่านผู้หญิง ศรีรัศมิ์ สุวะดี – อดีตพระวรชายาในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร - หลวงประดิษฐไพเราะ – นักดนตรีไทย - จอมพล ผิน ชุณหะวัณ – บิดาของ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ - ครูเอื้อ สุนทรสนาน – นักแต่งเพลง นักร้อง - ทูล ทองใจ – นักร้อง - ศรีไพร ลูกราชบุรี – นักร้องลุกทุ่ง - ศ.ดร.อุทิศ นาคสวัสดิ์ – ศิษย์เอกของหลวงประดิษฐ์ไพเราะ - บุญยัง เกตุคง – ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ลิเก) - ช่วง มูลพินิจ – ศิลปินอิสระ - ศรคีรี ศรีประจวบ – นักร้องเพลงลูกทุ่ง - แฝดสยาม อิน-จัน – ฝาแฝดตัวติดกัน - อภิเดช ศิษย์หิรัญ – นักมวยไทย - เปลว สีเงิน – นักหนังสือพิมพ์ - ศรัณยู วงษ์กระจ่าง – นักแสดง พิธีกร ผู้กำกับ - ม้า อรนภา – ดารา นักแสดง พิธีกร - อุดม ชวนชื่น – ดารา นักแสดง ตลก - จารุณี สุขสวัสดิ์ – ดารา นักแสดง - อารีย์ นักดนตรี จันเกษม – ดารา นักแสดง พิธีกร นักร้อง - วัลลี บุญเส็ง – ดาราภาพยนตร์เพื่อชีวิต - แคล้ว ธนิกุล – โปรโมเตอร์มวย - ช.อ้น ณ บางช้าง – นักดนตรีเฮฟวีเมทัล - อนุสรณ์ คล้ายวิเชียร – นักดนตรี - จิรากร สมพิทักษ์ – นักดนตรี - ทองคำ กิ่งมณี – นักกีฬาแบดมินตัน - ดร.ชำนาญ บัวทวน – ผู้ฝึกสอนแบดมินตัน 2 - อรวรรณ นวมศิริ – นักร้องเพลงลูกทุ่งสถานที่ท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยว. - อุทยาน ร.2 - ค่ายบางกุ้ง - ดอนหอยหลอด - ตลาดน้ำท่าคา - วัดบางกะพ้อม - วัดจุฬามณี - ตลาดน้ำอัมพวา - ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนคลองโคน - พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (วัดอัมพวันเจติยาราม)
| ต้นไม้ประจำจังหวัดสมุทรสงครามคือต้นใด | {
"answer": [
"จิกเล"
],
"answer_begin_position": [
5899
],
"answer_end_position": [
5904
]
} |
3,896 | 201,475 | นิชคุณ หรเวชกุล นิชคุณ หรเวชกุล นักร้องชาวไทย เชื้อชาติไทย-จีน เป็นหนึ่งในสมาชิกในหกคน ของวงดนตรีเกาหลีใต้ "ทูพีเอ็ม" สังกัดเจวายพีเอ็นเตอร์เทนเมนท์ นอกจากนั้น ยังเป็นพิธีกรในหลายรายการโทรทัศน์ของเกาหลีประวัติ ประวัติ. นิชคุณเกิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2531 ที่เมืองแรนโค คูคามอนกา (Rancho Cucamonga) รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ในครอบครัวไทยและนับถือศาสนาพุทธ บิดาเป็นชาวไทยชื่อ ธีรเกียรติ หรเวชกุล และมารดาเป็นชาวไทยชื่อ เย็นจิต หรเวชกุล นิชคุณเป็นลูกคนที่ 2 จาก 4 คนในครอบครัว มีพี่ชาย 1 คน คือ ณิชฌาน หรเวชกุล จบการศึกษาในคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ ที่ University of California riverside และมีน้องสาวอีก 2 คน คือนิธิกานต์ ญาณิน หรเวชกุล จบการศึกษาแล้วจาก คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร กับ ณัฐจารี หรเวชกุล ผู้เข้าประกวดในรายการเดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ปี 9 ซึ่งกำลังศึกษาในระดับปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เมื่ออายุได้ 1 ปี ครึ่ง นิชคุณย้ายกลับมาประเทศไทยพร้อมครอบครัว โดยในช่วงแรกนิชคุณพักอาศัยอยู่ที่บ้านในซอยจรัญสนิทวงศ์ 37 และศึกษาระดับชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 4 ณ โรงเรียนเทพกาญจนา ซึ่งตั้งอยู่ย่านพรานนก ในระหว่างที่ศึกษาอยู่นั้นนิชคุณได้รับรางวัลนักเรียนสุขภาพฟันดีเสมอมา ในช่วงที่ศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 นิชคุณและครอบครัวย้ายไปพักอยู่ที่บ้านย่านถนนพุทธมณฑลสาย 3 นิชคุณจึงต้องย้ายไปศึกษา ณ โรงเรียนแห่งใหม่ คือ โรงเรียนตั้งพิรุฬห์ธรรม จนสำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษา หลังจากนั้นได้เข้าศึกษาต่อระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ณ โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล หลังจากสำเร็จชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น นิชคุณย้ายไปศึกษาที่ประเทศนิวซีแลนด์ ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งดำเนินการสอนแบบคาทอลิก และมีอายุเก่าแก่กว่า 150 ปี โดยในช่วงแรก นิชคุณพักอาศัยอยู่กับพี่ชายซึ่งศึกษาอยู่ใน นิวซีแลนด์ด้วยเช่นกัน แต่ภายหลังพี่ชายย้ายไปศึกษาต่อใน สหรัฐอเมริกา เป็นเหตุให้นิชคุณรู้สึกเหงา คิดถึงบ้านเป็นอย่างมาก และโทรติดต่อกับครอบครัวในประเทศไทยอยู่บ่อยครั้ง แต่ในที่สุดก็สามารถปรับตัวกับการอยู่เพียงลำพังคนเดียวได้ ในขณะที่นิชคุณอายุได้ 12 ปี และสำเร็จการศึกษาหลักสูตรภาษาอังกฤษโดยใช้เวลาศึกษาประมาณ 1 ปีครึ่ง ในประเทศนิวซีแลนด์ ป้าของนิชคุณซึ่งมีถิ่นพำนักอยู่ในสหรัฐอเมริกาแจ้งให้ครอบครัวของนิชคุณทราบว่ามีห้องพักว่างและหากนิชคุณต้องการที่จะย้ายมาศึกษาที่สหรัฐอเมริกา ก็สามารถมาพักอาศัยอยู่ด้วยได้ นิชคุณจึงตัดสินใจย้ายมาศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา ในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในรัฐ แคลิฟอร์เนีย โดยเริ่มศึกษาในระดับ (เกรด) 9 ในช่วงแรกของการศึกษา ผลการศึกษาของนิชคุณ (คะแนนเฉลี่ย) อยู่ที่ประมาณ 3.8-3.9 แต่ในภายหลัง คะแนนเฉลี่ยลดลงเหลือ 3.7 เนื่องจากทุ่มเทเวลาให้กับการเรียนน้อยลงแต่ให้กับเพื่อนๆ มากขึ้น เมื่อศึกษาไปได้ระยะหนึ่ง นิชคุณย้ายไปศึกษาต่อ ณ โรงเรียนมัธยม Los Osos ในลอสแอนเจลิส ซึ่งเป็นโรงเรียนที่เพิ่งเปิดใหม่ ตั้งอยู่ใกล้บ้านพัก พี่ชายของนิชคุณต้องการให้นิชคุณย้ายมาศึกษาในโรงเรียนแห่งใหม่นี้ เนื่องจากเห็นว่าโรงเรียนเก่ามีสภาพแวดล้อมไม่ค่อยดีนักและไม่ปลอดภัย ในขณะที่โรงเรียนแห่งใหม่มีขนาดใหญ่กว่า และสภาพแวดล้อมดีกว่า แม้ว่านิชคุณจะค่อนข้างอิดออดเนื่องจากความคุ้นเคยกับโรงเรียนเก่าและเพื่อนๆ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจย้ายโรงเรียน ภายหลังจากที่ปรับตัวเข้าการเรียนในโรงเรียนแห่งใหม่และรู้จักเพื่อนมากขึ้น ผลการเรียนของนิขคุณต่ำลงเล็กน้อย คะแนนเฉลี่ยลดลงเหลือ 3.4 อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ศึกษาระดับมัธยมใน สหรัฐอเมริกา นิชคุณเป็นที่รู้จักของบรรดานักเรียนในโรงเรียน และเป็นแบบอย่างในด้านการแต่งตัว มีนักเรียนจำนวนมากที่แต่งตัวเลียนแบบนิชคุณ และประวัติครอบครัวการทำงานเข้าสังกัดเจวายพีเอนเตอร์เทนเมนต์ การทำงาน. เข้าสังกัดเจวายพีเอนเตอร์เทนเมนต์. ในปี พ.ศ. 2548 ขณะที่ศึกษาที่สหรัฐอเมริกา เพื่อนชาวเกาหลีชวนไปเที่ยวงานเทศกาลดนตรีเกาหลี (Korean Music Festival) ในเมืองลอสแอนเจลิส ซึ่งในวันนั้นบริษัทเจวายพี ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนในฮอลลีวูดกำลังหาคนมาออดิชั่นอยู่ จึงมีคนเข้ามาชักชวน และยังมีบริษัทพีเจ ซึ่งเป็นบริษัททำเพลงเช่นกันก็เข้ามาชวนเช่นกัน ในระหว่างที่ทั้งสองฝั่งคุยกันว่าใครมาก่อนมาหลัง นิชคุณก็เดินออกมา แต่ก็ให้เบอร์โทรศัพท์กับทั้ง 2 ซึ่งในวันรุ่งขึ้นบริษัทพีเจโทรมาก่อน แต่นิชคุณบอกไปว่ายังไม่สนใจ ในวันเดียวกันบริษัทเจวายพีก็โทรมา บอกว่าเป็นบริษัทที่เรนสังกัดอยู่ จึงสนใจขึ้นมาหน่อย ตื๊ออยู่นานจึงตกลงจะไปออดิชั่นให้ โดยนัดกันเจอที่ร้านสตาร์บัคส์ ซึ่งมีการตั้งกล้องหน้าร้าน นิชคุณร้องเพลง "All Or Nothing" ของวงโอทาวน์ จากนั้นก็เต้น จนคนในร้านมองกันทั้งร้าน หลังจากนั้นผ่านไป 2 อาทิตย์ก็โทรกลับมา โดยบริษัทชวนมาอยู่เกาหลี โดยจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้ ถือเป็นเด็กไทยคนแรกและคนเดียวที่ผ่านการออดิชั่น และเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่สามารถทำการออดิชั่นผ่านจากผู้เข้าออดิชั่นทั้งหมด 11 ประเทศทั่วโลก ปี 2549 นิชคุณได้เป็นนักแสดงหน้าใหม่ในสังกัดของ เจวายพี เอนเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งในขณะนั้นมีนักร้องนักแสดงดังอย่าง เรน อยู่ในสังกัดนี้ด้วย ซึ่งเซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 8 ปี โดยได้เปิดตัวงานแรกจากสังกัดเจวายพี กับการรับหน้าที่เป็นพิธีกรให้กับรายการ Super Star Survival ที่จัดขึ้นที่ประเทศไทย เป็นรายการเรียลลิตี้หลังจากนั้นบินไปเกาหลี ดูการทำงานของบริษัท ดูการฝึกซ้อม เป็นเวลา 1 อาทิตย์ แล้วกลับเมืองไทยอีก 2 อาทิตย์ ถ่ายทำรายการที่สยามสแควร์ เริ่มมีคนมาขอถ่ายรูป เริ่มมีนักข่าว หนังสือแนวเกาหลีขอสัมภาษณ์ ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จึงกลับไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา แต่เกิดปัญหาเรื่องส่งหนังสือลาไม่ถึง ทำให้ถูกปรับตก ไม่ได้จบแบบเต็มตัวแต่จบแบบ Diplomaสมาชิกวงทูพีเอ็ม สมาชิกวงทูพีเอ็ม. นิชคุณเข้าฝึกที่หอพักฝึกของบริษัทเจวายพี ที่มีการเรียน การเต้น การแสดงและเรียนภาษาเกาหลี โดยเรียนตั้งแต่ 11 โมงถึง 3 ทุ่ม โดยทุกเดือนจะมีการทดสอบวัดความสามารถ มีอาร์ตทิสเทรนนิงเป็นผู้รายงานพัฒนาการของเด็กที่ฝึกหัด และยังดูเรื่องมนุษยสัมพันธ์ หอฝึกมีกฎห้าม อย่างห้ามกินเหล้า ห้ามมีแฟน ใครฝ่าฝืนโดนไล่ออก มีคนอยู่ร่วมโครงการเดียวกับนิชคุณ 5 คน ส่วนด้านการเรียนต่อระดับอุดมศึกษานิชคุณ พักการเรียนไว้ก่อนเนื่องจากความยุ่งยากในการเรียนที่เกาหลี แต่ก็ฝันว่าอยากจะเรียนต่อด้านการทำอาหาร ในช่วงกลางปี พ.ศ. 2550 เจวายพีประกาศพวกเขาจะมีวงบอยแบนด์ ที่ประกอบด้วยสมาชิกประมาณ 11,12 หรือ 13 คน แต่ต่อมากลางเดือนสิงหาคม ประกาศรายชื่อสมาชิก 12 คน โดยมีนิชคุณอยู่ในกลุ่มนั้น โดยเป็นกลุ่มเดียวกับที่อยู่ในรายการเรียลลิตี้ ของพวกเขาที่ชื่อ Hot Blood Guys หรือชื่อไทย "ปฏิบัติการหนุ่มล่าฝัน" ออกอากาศทางช่องเอ็มเน็ต ต่อมามีซิงเกิ้ลแรกออกอากาศทางเอ็ม! เคาน์ดาวน์ เมื่อ 4 กันยายน พ.ศ. 2551 กับซิงเกิ้ลที่ชื่อ "Hottest Time of the Day" ที่มีเพลงอย่าง "10 out of 10" ภายใต้วงทูพีเอ็ม ส่วนสมาชิกที่เหลือคือวงทูเอเอ็ม ซึ่งทั้งหมดรวมกันภายใต้ชื่อ วันเดย์ ผลงานทางด้านพิธีกร เมื่อปี 2007 นิชคุณเป็นพิธีกรรายการ J's Studio ซึ่งคุณได้เป็นพิธีกรร่วมกับแทกยอนจากเกาหลี แต่ออกอากาศได้ 2 ตอน รายการก็ถูกยกเลิกไป นิชคุณเป็นพิธีกรร่วมกับนักร้อง-นักแสดง และพิธีกรชื่อดังของเกาหลี คือ คัง โฮดง, ยูนจองชิน, คิมแจดง, ชอนจิน, เอ็มซี มง และซออินยอง ในรายการ Ya Shim Man Man 2 ซึ่งเริ่มออกอากาศเมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2551 ออกอากาศทั้งหมด 15 ตอน ก็ต้องขอถอนตัวออกเนื่องด้วยภาษาที่ยังไม่แข็งแรง แต่นิชคุณยังเป็นแขกรับเชิญประจำของรายการวาไรตี้ที่ชื่อ Star King เดือนเมษายน 2552 นิชคุณเดินทางกลับมาประเทศไทย เพื่อเข้ารับการคัดเลือกทหาร ที่วัดโกมุทพุทธรังษี ถนนพุทธมณฑลสาย 3 กรุงเทพฯ แต่เนื่องจากในพื้นที่นี้มีผู้สมัครเป็นทหารครบตามจำนวนแล้ว จึงไม่ต้องเข้ารับ การจับใบดำใบแดง (จับได้ใบแดง ในการสาธิต) ต่อมาในเดือนเดียวกันเมื่อวันที่ 16 เมษายน พวกเขาปล่อยซิงเกิ้ลที่สองคือ "2:00PM Time for change" และหลังจากนั้นวันที่ 23 เมษายน ได้แสดงโชว์โชว์คัมแบ็คในเวทีเอ็มเน็ตเอ็มเคานต์ดาวน์ กับเพลง "Again & Again" หลังจากนั้นนิชคุณ กลับมาประเทศไทยอีกครั้งในเดือนมิถุนายน 2552 เพื่อเป็นแขกรับเชิญในคอนเสิร์ต "Mai-Tina Beauty On The Beat Concert" ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2552 นิชคุณและวงทูพีเอ็มเข้าพบนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร่วมรณรงค์โครงการฉันรักประเทศไทย ต่อมา 4 กรกฎาคม 2552 วงทูพีเอ็มแสดงในงานป็อปมิวสิกอวอร์ดส 2009 ที่พัทยา อีก 2 วันถัดมาแสดงโชว์เคสที่ลานหน้าสยามพารากอน เดือนพฤศจิกายน 2552 วงทูพีเอ็มออกผลงานอัลบั้มใหม่กับสมาชิก 6 คนในผลงานชุด 1:59PM มีเพลงเปิดตัวคือ "Heartbeat" หลังจากนั้นไม่นานวงทูพีเอ็มยังได้รับรางวัล 2 รางวัลใหญ่จากรางวัลเอ็มเนตเอเชียนมิวสิกอวอร์ดส ในสาขาศิลปินแห่งปีและรางวัลกลุ่มชาย ขณะนี้อยู่ในช่วงพักงานทบทวนสัญญาจากทางค่ายชั่วคราวก่อนคัมแบ็คภาพลักษณ์พรีเซนเตอร์โครงการ ภาพลักษณ์. พรีเซนเตอร์โครงการ. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเลือกนิชคุณเป็นพรีเซนเตอร์ของโครงการคัมทูไทยแลนด์ "เลตส์เทกอะเบรก" เพื่อรุกตลาดนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ โดยเหตุผลที่เลือกนิชคุณเพราะเป็นคนไทยที่สร้างชื่อเสียง เป็นนักร้องในวงทูพีเอ็มที่เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นเกาหลีและอยู่ในวัยเดียวกับกลุ่มเป้าหมายของโครงการนี้ เนื้อหาของภาพยนตร์โฆษณา มีเรื่องราวเกี่ยวกับนิชคุณที่สนุกกับกิจกรรมต่าง ๆ ในประเทศไทย เช่น ตีกอล์ฟ มวยไทย เทศกาลประเพณีต่างๆ เพื่อสื่อให้เห็นว่าเมืองไทยมีธรรมชาติที่สวยงาม มีกิจกรรมหลากหลายและมีศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ นอกจากนั้นยังเปิดเว็บไซต์ www.nichkhunbreak.com เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการ เผยแพร่ข้อมูลและยังเป็นเว็บแฟนคลับของนิชคุณ เว็บไซต์บันเทิงยอดนิยม และมีการจัดทำคู่มือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองไทยการจัดอันดับและรางวัลด้านภาพลักษณ์ การจัดอันดับและรางวัลด้านภาพลักษณ์. ส่วนในเรื่องการจัดอันดับต่าง ๆ นิชคุณ อยู่ในอันดับที่ 17 จากการจัดอันดับ 100 ไอดอล ของคนเกาหลี ประจำปี 2009 ของเว็บไซต์วงการบันเทิงเอ็มเน็ตส์ ในการจัดอันดับหนุ่มน่ารักของเกาหลี นิชคุณติดอยู่ในรายชื่อจากการสำรวจนี้ที่อันดับที่ 9 ได้อันดับที่ 6 จากการจัด 10 อันดับ นักร้องที่มีดวงตาเป็นเสน่ห์อันดับที่ 3 จากการจัด 10 อันดับ นักร้องผู้ใสซื่อ นิชคุณยังถูกจัดให้อยู่อันดับที่ 2 ในการจัดอันดับศิลปินฝ่ายชายที่ผู้หญิงเกาหลีอยากแต่งงานด้วย โดยหลังจากที่ได้ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ล่าสุดที่ชื่อ Niga Mibda ออกไป นิชคุณได้กระแสตอบรับที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน และนิชคุณได้ถูกจัดอันดับหนุ่มน่ารักของเกาหลีอีกรอบ จากอันดับที่ 9 เป็นอันดับที่ 8 จากการจัดอันดับ 100 ไอดอลของคนเกาหลี ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในลำดับที่ 7 ในสุดยอดหนุ่มหน้าสวยประจำปี 2009 หรือ Mnet Super 100 Flower Boys! (2009) ที่จัดขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์ Mnet อยู่ในลำดับที่ 16 จากการจัดอันดับ Mnet Super 100 Endorphins Star หรือ "ดาราสร้างความสุข" ดาราอารมณ์ดีที่เห็นกี่ทีก็มีความสุข จากผลสำรวจของ Bugs กับหัวข้อ 'ศิลปินที่คุณอยากไปเที่ยวพักผ่อนในฤดูร้อนมากที่สุดคือใคร?' จากผู้ร่วมตอบคำถามในโพลกว่า 4,130 คน นิชคุณติดอยู่อันดับ 3 เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 นิชคุณได้ลำดับที่ 1 จากการจัดอันดับในหัวข้อ "ริมฝีปากของสตาร์ที่อยากขโมย" (Mnet Super 100 Star's Lips that Everyone Wants To Steal) ของรายการ Wide News Super 100 นอกจากนั้นยังได้รางวัล MR.Beauty จากการประกาศผลรางวัล MNET 20's Choice 2009 วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2553 รายการ 'Section TV Entertainment' ทางสถานีโทรทัศน์ MBC จัดลำดับดาราชาวต่างชาติที่กำลังได้รับความนิยมทั้งในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ในเกาหลีใต้ ซึ่งนิชคุณได้ลำดับที่ 2รางวัลที่ได้รับการเสนอชื่อผลงานภาพยนตร์วารตี้โชว์ /ละครอัลบั้มผลงาน. อัลบั้ม. - 2008 มินิอัลบั้มแรกกับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม "Hottest Time of the Day" - 2009 มินิอัลบั้มที่สองกับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม "2:00 PM Time for change" - 2009 อัลบั้มแรกกับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม "1:59PM" - 2010 มินิอัลบั้มที่สามกับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม "Don't Stop Can't Stop" - 2010 มินิอัลบั้มที่สี่กับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม "Still 2:00pm" - 2011 อัลบั้มที่สองกับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม "Hands Up" - 2013 อัลบั้มที่สามกับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม "GROWN" - 2014 อัลบั้มที่สี่กับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม "Go Crazy " - 2015 อัลบัมที่ห้ากับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบัม "NO.5"คอนเสิร์ตคอนเสิร์ต. - มิถุนายน 2552 MAI-TINA BEAUTY ON THE BEAT CONCERT ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี - 4 กรกฎาคม 2552 วงทูพีเอ็มแสดงในงานป็อปมิวสิกอวอร์ดส 2009 ที่พัทยา - 5 กรกฎาคม 2552 วงทูพีเอ็มแสดงในงานป็อปมิวสิกอวอร์ดส 2009 ที่พัทยา - 8 เมษายน 2556 วงทูพีเอ็มแสดงในอิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ที่ กรุงเทพฯ - 11 ตุลาคม 2557 วงทูพีเอ็มแสดงในอิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ที่ กรุงเทพฯ - 20 มีนาคม 2559 วงทูพีเอ็มแสดงในอิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ที่ กรุงเทพฯมิวสิกวิดีโอมิวสิกวิดีโอ. - เพลง Touch ของ Wilber Pan - เพลง เจ็บและชินไปเอง ของ อีทีซี (ETC.) - เพลง 이별이온다 (Farewell Is Coming) ของ 8eight - เพลง Your Wedding (결혼식) ของ JUN.Kจำนวนโฆษณา จำนวนโฆษณา. ก่อนเดบิว 2006-2008- 1. Cornetto Royale –thailand (Nichkhun) - 2. DutchMill Thailand( Rain+Nichkhun) - 3. Splash Thailand (Nichkhun) - 4. BSC Ice Shock (Nichkhun) 2008 (เดบิวปลายปี 2008)- 1. Elite Uniforms (with SNSD) 2009- 1. EXR - 2. Santafe Coffee - 3. "I Love Thailand" Tourism Campaign(Nichkhun) - 4. Anycall Omnia (NichKhun&JYP) - 5. The Body Shop "Soft Hands, Kind Heart" Campaign - 6. Hanami - Thailand - 7. Market O's Real Brownie - 8. Samsung Corby - 9. Paris Baguette - 10. "Come to Thailand; Let's Take a Break!" Campaign (Nichkhun) - 11. Suzuki Jelato Motorcycle (Nichkhun) 2010- 1. Coca Cola - 2. 10 x 10 - 3. Spris - 4. Calvin Klein (Nichkhun) - 5. Oppo Mobile - Thailand - 6. Cass Beer - 7. It's Skin - 8. Caribbean Bay (2pm with SNSD) - 9. Minute Maid Pulpy (Nichkhun) - 10. Spris Autumn Collections - 11. Ottogi Boddle Boddle Cheese Ramen (Nichkhun) - 12. Samsung Anycall NORi - 13. Samsung Anycall Galaxy - 14. Brand's Chicken Essence (Nichkhun) - 15. Customellow (Nichkhun) - 16. Hanami - Thailand - 17. Cass Beer Summer/Winter - 18. Baskin Robbins Ice Cream (Nichkhun) - 19. Suzuki Jelato Motorcycle (Nichkhun) 2011- 1. Coca Cola - 2. NEPA - 3. It’s Skin "Prestige Cream Descargo" (Nichkhun) - 4. J.ESTINA(Nichkhun) - 5. LG U+ "International Calling 002 – Long Call, Small Fees" (Nichkhun) - 6. Look Optical (2pm with T-Ara) - 7. Lotte Duty Free "Enter-Tour-Ment" Marketing Campaign - 8. Eversense - Thailand - 9. Oppo Mobile - Thailand - 10. Coca Cola (Taecyeon & Nichkhun) - 11. Caribbean Bay (nichkhun with 2pm, Victoria) - 12. Korea Tourism Organization (with miss A) - 13. Edwin (Nichkhun with miss A) - 14. Everland Horror Maze - 15. Sumsung MultiView MV800 Digital Camera (Nichkhun) - 16. E-Nature - 17. Mr. Pizza - 18. Sudden Attack (Nichkhun) 2012- 1. Brand's (Nichkhun) - 2. Woongjin Coway - 3. Eversense - Thailand - 4. Mitsubishi Mirage (Nichkhun) - 5. Sempio Black Vinegar - Japan - 6. Carribean Bay(2pm & SNSD) - 7. Look Optical (with T-Ara) - 8. Coca Cola - 9. Lotte Duty Free - 10. Edwin (Nichkhun with miss A) - 11. Samsung Galaxy Team S III Campaign (Nichkhun & Junho) - 12. NEPA - 13. Everland Horror Maze (with miss A's Suzy) - 14. Mr. Pizza - 15. Easy Dict - Thailand 2013- 1. NEPA - 2. Brand's (Nichkhun) - 3. Mitsubishi Mirage (Nichkhun) - 4. Easy Dict - Thailand - 5. Tao Kae Noi Seaweed Snack - Thailand - 6. Bench - Philippines (Nichkhun) - 7. QQ Dance 2 – China - 8. Unicef (Nichkhun) - 9. Lotte Duty Free - 10. Coway Thailand(Nichkhun) - 11. Look Optical - 12. It's Skin (Nichkhun) - 13. Good Downloader (2013) avec Lee Hyun Woo, Han Hyo Joo, Cha Tae Hyun,Suzy ,Junho……….. - 14. Naver Band - 15. Seoul Hot Summer Sale 2013 - 16. Woongjin Coway - 17. Line play (Nichkhun) - 18. Crossfire (with miss A) 2014- 1. Line play -Thailland (Nichkhun) - 2. Brand's -Thailand (Nichkhun) - 3. Mitsubishi Mirage -Thailand (Nichkhun) - 4. Bench -Philippines (Nichkhun) - 5. Lotte Duty Free (2pm korea) - 6. Look Optical (2pm korea) - 7. It's Skin Thai (Thailand+ korea +China) Nichkhun - 8. Unicef -Thailand (Nichkhun) - 9. Crossfire (2pm with miss A...Korea+ china) - 10. I'm David - China (Nichkhun) - 11. Yonex -Korea (Nichkhun) - 12. Coca Cola - Thailand (Nichkhun ) - 13. Lotte solleuim -China (Nichkhun) - 14. AJelectronics -Thailand (Nichkhun) - 15. Lotte lollipop -China (Nichkhun) - 16. Rosa.k -Korea (Nichkhun) - 17. Pelicana Chicken -China - 18. Pelicana Chicken -Korea (2pm) - 19. Carbonell cocktails -china (Nichkhun) - 20. Fanxi Shop CF – china (Nichkhun) 2015- 1. Line play -Thailland (Nichkhun) - 2. Brand's -Thailand (Nichkhun) - 3. Mitsubishi Mirage -Thailand (Nichkhun) - 4. Lotte Duty Free (2pm )) - 5. Unicef -Thailand (Nichkhun) - 6. Crossfire (2pm with miss A...Korea+ china) - 7. I'm David - China (Nichkhun) - 8. Yonex -Korea (Nichkhun) - 9. Lotte solleuim -China (Nichkhun) - 10. AJelectronics -Thailand (Nichkhun) - 11. Lotte lollipop -China (Nichkhun) - 12. Rosa.k -Korea (Nichkhun) - 13. Pelicana Chicken -China - 14. Pelicana Chicken -Korea (2pm) - 15. Carbonell cocktails -china (Nichkhun) - 16. Fanxi Shop CF - china (Nichkhu) - 17. Celucasn-China (2pm+T-ARa) - 18. Heartbeat peach (2pm) - 19. Honorary Ambassador-2015 Korea Culture & Tourism Festival - 20. TONYMOLY (2pm ) 2016- 1. I.Seoul.U CF (Nichkhun with twice ) tourism video for the city of Seoul - 2. Lotte Duty Free (2pm )) - 3. Unicef -Thailand (Nichkhun) - 4. Rosa.k -Korea (Nichkhun) - 5. Pelicana Chicken -Korea+China (2pm) - 6. Carbonell cocktails -china (Nichkhun) - 7. Fanxi Shop CF - china (Nichkhu) - 8. Celucasn-China (2pm) - 9. Heartbeat peach (2pm) - 10. TONYMOLY (2pm ) - 11. Amazing Thailand Media & Agent Meeting (Nichkhun ) tourism video for Thailand
| นิชคุณ หรเวชกุล นักร้องชาวไทย เชื้อชาติไทย-จีน เกิดเมื่อวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"24"
],
"answer_begin_position": [
331
],
"answer_end_position": [
333
]
} |
3,897 | 201,475 | นิชคุณ หรเวชกุล นิชคุณ หรเวชกุล นักร้องชาวไทย เชื้อชาติไทย-จีน เป็นหนึ่งในสมาชิกในหกคน ของวงดนตรีเกาหลีใต้ "ทูพีเอ็ม" สังกัดเจวายพีเอ็นเตอร์เทนเมนท์ นอกจากนั้น ยังเป็นพิธีกรในหลายรายการโทรทัศน์ของเกาหลีประวัติ ประวัติ. นิชคุณเกิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2531 ที่เมืองแรนโค คูคามอนกา (Rancho Cucamonga) รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ในครอบครัวไทยและนับถือศาสนาพุทธ บิดาเป็นชาวไทยชื่อ ธีรเกียรติ หรเวชกุล และมารดาเป็นชาวไทยชื่อ เย็นจิต หรเวชกุล นิชคุณเป็นลูกคนที่ 2 จาก 4 คนในครอบครัว มีพี่ชาย 1 คน คือ ณิชฌาน หรเวชกุล จบการศึกษาในคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ ที่ University of California riverside และมีน้องสาวอีก 2 คน คือนิธิกานต์ ญาณิน หรเวชกุล จบการศึกษาแล้วจาก คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร กับ ณัฐจารี หรเวชกุล ผู้เข้าประกวดในรายการเดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ปี 9 ซึ่งกำลังศึกษาในระดับปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เมื่ออายุได้ 1 ปี ครึ่ง นิชคุณย้ายกลับมาประเทศไทยพร้อมครอบครัว โดยในช่วงแรกนิชคุณพักอาศัยอยู่ที่บ้านในซอยจรัญสนิทวงศ์ 37 และศึกษาระดับชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 4 ณ โรงเรียนเทพกาญจนา ซึ่งตั้งอยู่ย่านพรานนก ในระหว่างที่ศึกษาอยู่นั้นนิชคุณได้รับรางวัลนักเรียนสุขภาพฟันดีเสมอมา ในช่วงที่ศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 นิชคุณและครอบครัวย้ายไปพักอยู่ที่บ้านย่านถนนพุทธมณฑลสาย 3 นิชคุณจึงต้องย้ายไปศึกษา ณ โรงเรียนแห่งใหม่ คือ โรงเรียนตั้งพิรุฬห์ธรรม จนสำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษา หลังจากนั้นได้เข้าศึกษาต่อระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ณ โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล หลังจากสำเร็จชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น นิชคุณย้ายไปศึกษาที่ประเทศนิวซีแลนด์ ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งดำเนินการสอนแบบคาทอลิก และมีอายุเก่าแก่กว่า 150 ปี โดยในช่วงแรก นิชคุณพักอาศัยอยู่กับพี่ชายซึ่งศึกษาอยู่ใน นิวซีแลนด์ด้วยเช่นกัน แต่ภายหลังพี่ชายย้ายไปศึกษาต่อใน สหรัฐอเมริกา เป็นเหตุให้นิชคุณรู้สึกเหงา คิดถึงบ้านเป็นอย่างมาก และโทรติดต่อกับครอบครัวในประเทศไทยอยู่บ่อยครั้ง แต่ในที่สุดก็สามารถปรับตัวกับการอยู่เพียงลำพังคนเดียวได้ ในขณะที่นิชคุณอายุได้ 12 ปี และสำเร็จการศึกษาหลักสูตรภาษาอังกฤษโดยใช้เวลาศึกษาประมาณ 1 ปีครึ่ง ในประเทศนิวซีแลนด์ ป้าของนิชคุณซึ่งมีถิ่นพำนักอยู่ในสหรัฐอเมริกาแจ้งให้ครอบครัวของนิชคุณทราบว่ามีห้องพักว่างและหากนิชคุณต้องการที่จะย้ายมาศึกษาที่สหรัฐอเมริกา ก็สามารถมาพักอาศัยอยู่ด้วยได้ นิชคุณจึงตัดสินใจย้ายมาศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา ในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในรัฐ แคลิฟอร์เนีย โดยเริ่มศึกษาในระดับ (เกรด) 9 ในช่วงแรกของการศึกษา ผลการศึกษาของนิชคุณ (คะแนนเฉลี่ย) อยู่ที่ประมาณ 3.8-3.9 แต่ในภายหลัง คะแนนเฉลี่ยลดลงเหลือ 3.7 เนื่องจากทุ่มเทเวลาให้กับการเรียนน้อยลงแต่ให้กับเพื่อนๆ มากขึ้น เมื่อศึกษาไปได้ระยะหนึ่ง นิชคุณย้ายไปศึกษาต่อ ณ โรงเรียนมัธยม Los Osos ในลอสแอนเจลิส ซึ่งเป็นโรงเรียนที่เพิ่งเปิดใหม่ ตั้งอยู่ใกล้บ้านพัก พี่ชายของนิชคุณต้องการให้นิชคุณย้ายมาศึกษาในโรงเรียนแห่งใหม่นี้ เนื่องจากเห็นว่าโรงเรียนเก่ามีสภาพแวดล้อมไม่ค่อยดีนักและไม่ปลอดภัย ในขณะที่โรงเรียนแห่งใหม่มีขนาดใหญ่กว่า และสภาพแวดล้อมดีกว่า แม้ว่านิชคุณจะค่อนข้างอิดออดเนื่องจากความคุ้นเคยกับโรงเรียนเก่าและเพื่อนๆ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจย้ายโรงเรียน ภายหลังจากที่ปรับตัวเข้าการเรียนในโรงเรียนแห่งใหม่และรู้จักเพื่อนมากขึ้น ผลการเรียนของนิขคุณต่ำลงเล็กน้อย คะแนนเฉลี่ยลดลงเหลือ 3.4 อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ศึกษาระดับมัธยมใน สหรัฐอเมริกา นิชคุณเป็นที่รู้จักของบรรดานักเรียนในโรงเรียน และเป็นแบบอย่างในด้านการแต่งตัว มีนักเรียนจำนวนมากที่แต่งตัวเลียนแบบนิชคุณ และประวัติครอบครัวการทำงานเข้าสังกัดเจวายพีเอนเตอร์เทนเมนต์ การทำงาน. เข้าสังกัดเจวายพีเอนเตอร์เทนเมนต์. ในปี พ.ศ. 2548 ขณะที่ศึกษาที่สหรัฐอเมริกา เพื่อนชาวเกาหลีชวนไปเที่ยวงานเทศกาลดนตรีเกาหลี (Korean Music Festival) ในเมืองลอสแอนเจลิส ซึ่งในวันนั้นบริษัทเจวายพี ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนในฮอลลีวูดกำลังหาคนมาออดิชั่นอยู่ จึงมีคนเข้ามาชักชวน และยังมีบริษัทพีเจ ซึ่งเป็นบริษัททำเพลงเช่นกันก็เข้ามาชวนเช่นกัน ในระหว่างที่ทั้งสองฝั่งคุยกันว่าใครมาก่อนมาหลัง นิชคุณก็เดินออกมา แต่ก็ให้เบอร์โทรศัพท์กับทั้ง 2 ซึ่งในวันรุ่งขึ้นบริษัทพีเจโทรมาก่อน แต่นิชคุณบอกไปว่ายังไม่สนใจ ในวันเดียวกันบริษัทเจวายพีก็โทรมา บอกว่าเป็นบริษัทที่เรนสังกัดอยู่ จึงสนใจขึ้นมาหน่อย ตื๊ออยู่นานจึงตกลงจะไปออดิชั่นให้ โดยนัดกันเจอที่ร้านสตาร์บัคส์ ซึ่งมีการตั้งกล้องหน้าร้าน นิชคุณร้องเพลง "All Or Nothing" ของวงโอทาวน์ จากนั้นก็เต้น จนคนในร้านมองกันทั้งร้าน หลังจากนั้นผ่านไป 2 อาทิตย์ก็โทรกลับมา โดยบริษัทชวนมาอยู่เกาหลี โดยจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้ ถือเป็นเด็กไทยคนแรกและคนเดียวที่ผ่านการออดิชั่น และเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่สามารถทำการออดิชั่นผ่านจากผู้เข้าออดิชั่นทั้งหมด 11 ประเทศทั่วโลก ปี 2549 นิชคุณได้เป็นนักแสดงหน้าใหม่ในสังกัดของ เจวายพี เอนเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งในขณะนั้นมีนักร้องนักแสดงดังอย่าง เรน อยู่ในสังกัดนี้ด้วย ซึ่งเซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 8 ปี โดยได้เปิดตัวงานแรกจากสังกัดเจวายพี กับการรับหน้าที่เป็นพิธีกรให้กับรายการ Super Star Survival ที่จัดขึ้นที่ประเทศไทย เป็นรายการเรียลลิตี้หลังจากนั้นบินไปเกาหลี ดูการทำงานของบริษัท ดูการฝึกซ้อม เป็นเวลา 1 อาทิตย์ แล้วกลับเมืองไทยอีก 2 อาทิตย์ ถ่ายทำรายการที่สยามสแควร์ เริ่มมีคนมาขอถ่ายรูป เริ่มมีนักข่าว หนังสือแนวเกาหลีขอสัมภาษณ์ ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จึงกลับไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา แต่เกิดปัญหาเรื่องส่งหนังสือลาไม่ถึง ทำให้ถูกปรับตก ไม่ได้จบแบบเต็มตัวแต่จบแบบ Diplomaสมาชิกวงทูพีเอ็ม สมาชิกวงทูพีเอ็ม. นิชคุณเข้าฝึกที่หอพักฝึกของบริษัทเจวายพี ที่มีการเรียน การเต้น การแสดงและเรียนภาษาเกาหลี โดยเรียนตั้งแต่ 11 โมงถึง 3 ทุ่ม โดยทุกเดือนจะมีการทดสอบวัดความสามารถ มีอาร์ตทิสเทรนนิงเป็นผู้รายงานพัฒนาการของเด็กที่ฝึกหัด และยังดูเรื่องมนุษยสัมพันธ์ หอฝึกมีกฎห้าม อย่างห้ามกินเหล้า ห้ามมีแฟน ใครฝ่าฝืนโดนไล่ออก มีคนอยู่ร่วมโครงการเดียวกับนิชคุณ 5 คน ส่วนด้านการเรียนต่อระดับอุดมศึกษานิชคุณ พักการเรียนไว้ก่อนเนื่องจากความยุ่งยากในการเรียนที่เกาหลี แต่ก็ฝันว่าอยากจะเรียนต่อด้านการทำอาหาร ในช่วงกลางปี พ.ศ. 2550 เจวายพีประกาศพวกเขาจะมีวงบอยแบนด์ ที่ประกอบด้วยสมาชิกประมาณ 11,12 หรือ 13 คน แต่ต่อมากลางเดือนสิงหาคม ประกาศรายชื่อสมาชิก 12 คน โดยมีนิชคุณอยู่ในกลุ่มนั้น โดยเป็นกลุ่มเดียวกับที่อยู่ในรายการเรียลลิตี้ ของพวกเขาที่ชื่อ Hot Blood Guys หรือชื่อไทย "ปฏิบัติการหนุ่มล่าฝัน" ออกอากาศทางช่องเอ็มเน็ต ต่อมามีซิงเกิ้ลแรกออกอากาศทางเอ็ม! เคาน์ดาวน์ เมื่อ 4 กันยายน พ.ศ. 2551 กับซิงเกิ้ลที่ชื่อ "Hottest Time of the Day" ที่มีเพลงอย่าง "10 out of 10" ภายใต้วงทูพีเอ็ม ส่วนสมาชิกที่เหลือคือวงทูเอเอ็ม ซึ่งทั้งหมดรวมกันภายใต้ชื่อ วันเดย์ ผลงานทางด้านพิธีกร เมื่อปี 2007 นิชคุณเป็นพิธีกรรายการ J's Studio ซึ่งคุณได้เป็นพิธีกรร่วมกับแทกยอนจากเกาหลี แต่ออกอากาศได้ 2 ตอน รายการก็ถูกยกเลิกไป นิชคุณเป็นพิธีกรร่วมกับนักร้อง-นักแสดง และพิธีกรชื่อดังของเกาหลี คือ คัง โฮดง, ยูนจองชิน, คิมแจดง, ชอนจิน, เอ็มซี มง และซออินยอง ในรายการ Ya Shim Man Man 2 ซึ่งเริ่มออกอากาศเมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2551 ออกอากาศทั้งหมด 15 ตอน ก็ต้องขอถอนตัวออกเนื่องด้วยภาษาที่ยังไม่แข็งแรง แต่นิชคุณยังเป็นแขกรับเชิญประจำของรายการวาไรตี้ที่ชื่อ Star King เดือนเมษายน 2552 นิชคุณเดินทางกลับมาประเทศไทย เพื่อเข้ารับการคัดเลือกทหาร ที่วัดโกมุทพุทธรังษี ถนนพุทธมณฑลสาย 3 กรุงเทพฯ แต่เนื่องจากในพื้นที่นี้มีผู้สมัครเป็นทหารครบตามจำนวนแล้ว จึงไม่ต้องเข้ารับ การจับใบดำใบแดง (จับได้ใบแดง ในการสาธิต) ต่อมาในเดือนเดียวกันเมื่อวันที่ 16 เมษายน พวกเขาปล่อยซิงเกิ้ลที่สองคือ "2:00PM Time for change" และหลังจากนั้นวันที่ 23 เมษายน ได้แสดงโชว์โชว์คัมแบ็คในเวทีเอ็มเน็ตเอ็มเคานต์ดาวน์ กับเพลง "Again & Again" หลังจากนั้นนิชคุณ กลับมาประเทศไทยอีกครั้งในเดือนมิถุนายน 2552 เพื่อเป็นแขกรับเชิญในคอนเสิร์ต "Mai-Tina Beauty On The Beat Concert" ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2552 นิชคุณและวงทูพีเอ็มเข้าพบนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร่วมรณรงค์โครงการฉันรักประเทศไทย ต่อมา 4 กรกฎาคม 2552 วงทูพีเอ็มแสดงในงานป็อปมิวสิกอวอร์ดส 2009 ที่พัทยา อีก 2 วันถัดมาแสดงโชว์เคสที่ลานหน้าสยามพารากอน เดือนพฤศจิกายน 2552 วงทูพีเอ็มออกผลงานอัลบั้มใหม่กับสมาชิก 6 คนในผลงานชุด 1:59PM มีเพลงเปิดตัวคือ "Heartbeat" หลังจากนั้นไม่นานวงทูพีเอ็มยังได้รับรางวัล 2 รางวัลใหญ่จากรางวัลเอ็มเนตเอเชียนมิวสิกอวอร์ดส ในสาขาศิลปินแห่งปีและรางวัลกลุ่มชาย ขณะนี้อยู่ในช่วงพักงานทบทวนสัญญาจากทางค่ายชั่วคราวก่อนคัมแบ็คภาพลักษณ์พรีเซนเตอร์โครงการ ภาพลักษณ์. พรีเซนเตอร์โครงการ. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเลือกนิชคุณเป็นพรีเซนเตอร์ของโครงการคัมทูไทยแลนด์ "เลตส์เทกอะเบรก" เพื่อรุกตลาดนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ โดยเหตุผลที่เลือกนิชคุณเพราะเป็นคนไทยที่สร้างชื่อเสียง เป็นนักร้องในวงทูพีเอ็มที่เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นเกาหลีและอยู่ในวัยเดียวกับกลุ่มเป้าหมายของโครงการนี้ เนื้อหาของภาพยนตร์โฆษณา มีเรื่องราวเกี่ยวกับนิชคุณที่สนุกกับกิจกรรมต่าง ๆ ในประเทศไทย เช่น ตีกอล์ฟ มวยไทย เทศกาลประเพณีต่างๆ เพื่อสื่อให้เห็นว่าเมืองไทยมีธรรมชาติที่สวยงาม มีกิจกรรมหลากหลายและมีศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ นอกจากนั้นยังเปิดเว็บไซต์ www.nichkhunbreak.com เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการ เผยแพร่ข้อมูลและยังเป็นเว็บแฟนคลับของนิชคุณ เว็บไซต์บันเทิงยอดนิยม และมีการจัดทำคู่มือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองไทยการจัดอันดับและรางวัลด้านภาพลักษณ์ การจัดอันดับและรางวัลด้านภาพลักษณ์. ส่วนในเรื่องการจัดอันดับต่าง ๆ นิชคุณ อยู่ในอันดับที่ 17 จากการจัดอันดับ 100 ไอดอล ของคนเกาหลี ประจำปี 2009 ของเว็บไซต์วงการบันเทิงเอ็มเน็ตส์ ในการจัดอันดับหนุ่มน่ารักของเกาหลี นิชคุณติดอยู่ในรายชื่อจากการสำรวจนี้ที่อันดับที่ 9 ได้อันดับที่ 6 จากการจัด 10 อันดับ นักร้องที่มีดวงตาเป็นเสน่ห์อันดับที่ 3 จากการจัด 10 อันดับ นักร้องผู้ใสซื่อ นิชคุณยังถูกจัดให้อยู่อันดับที่ 2 ในการจัดอันดับศิลปินฝ่ายชายที่ผู้หญิงเกาหลีอยากแต่งงานด้วย โดยหลังจากที่ได้ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ล่าสุดที่ชื่อ Niga Mibda ออกไป นิชคุณได้กระแสตอบรับที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน และนิชคุณได้ถูกจัดอันดับหนุ่มน่ารักของเกาหลีอีกรอบ จากอันดับที่ 9 เป็นอันดับที่ 8 จากการจัดอันดับ 100 ไอดอลของคนเกาหลี ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในลำดับที่ 7 ในสุดยอดหนุ่มหน้าสวยประจำปี 2009 หรือ Mnet Super 100 Flower Boys! (2009) ที่จัดขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์ Mnet อยู่ในลำดับที่ 16 จากการจัดอันดับ Mnet Super 100 Endorphins Star หรือ "ดาราสร้างความสุข" ดาราอารมณ์ดีที่เห็นกี่ทีก็มีความสุข จากผลสำรวจของ Bugs กับหัวข้อ 'ศิลปินที่คุณอยากไปเที่ยวพักผ่อนในฤดูร้อนมากที่สุดคือใคร?' จากผู้ร่วมตอบคำถามในโพลกว่า 4,130 คน นิชคุณติดอยู่อันดับ 3 เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 นิชคุณได้ลำดับที่ 1 จากการจัดอันดับในหัวข้อ "ริมฝีปากของสตาร์ที่อยากขโมย" (Mnet Super 100 Star's Lips that Everyone Wants To Steal) ของรายการ Wide News Super 100 นอกจากนั้นยังได้รางวัล MR.Beauty จากการประกาศผลรางวัล MNET 20's Choice 2009 วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2553 รายการ 'Section TV Entertainment' ทางสถานีโทรทัศน์ MBC จัดลำดับดาราชาวต่างชาติที่กำลังได้รับความนิยมทั้งในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ในเกาหลีใต้ ซึ่งนิชคุณได้ลำดับที่ 2รางวัลที่ได้รับการเสนอชื่อผลงานภาพยนตร์วารตี้โชว์ /ละครอัลบั้มผลงาน. อัลบั้ม. - 2008 มินิอัลบั้มแรกกับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม "Hottest Time of the Day" - 2009 มินิอัลบั้มที่สองกับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม "2:00 PM Time for change" - 2009 อัลบั้มแรกกับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม "1:59PM" - 2010 มินิอัลบั้มที่สามกับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม "Don't Stop Can't Stop" - 2010 มินิอัลบั้มที่สี่กับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม "Still 2:00pm" - 2011 อัลบั้มที่สองกับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม "Hands Up" - 2013 อัลบั้มที่สามกับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม "GROWN" - 2014 อัลบั้มที่สี่กับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม "Go Crazy " - 2015 อัลบัมที่ห้ากับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบัม "NO.5"คอนเสิร์ตคอนเสิร์ต. - มิถุนายน 2552 MAI-TINA BEAUTY ON THE BEAT CONCERT ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี - 4 กรกฎาคม 2552 วงทูพีเอ็มแสดงในงานป็อปมิวสิกอวอร์ดส 2009 ที่พัทยา - 5 กรกฎาคม 2552 วงทูพีเอ็มแสดงในงานป็อปมิวสิกอวอร์ดส 2009 ที่พัทยา - 8 เมษายน 2556 วงทูพีเอ็มแสดงในอิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ที่ กรุงเทพฯ - 11 ตุลาคม 2557 วงทูพีเอ็มแสดงในอิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ที่ กรุงเทพฯ - 20 มีนาคม 2559 วงทูพีเอ็มแสดงในอิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ที่ กรุงเทพฯมิวสิกวิดีโอมิวสิกวิดีโอ. - เพลง Touch ของ Wilber Pan - เพลง เจ็บและชินไปเอง ของ อีทีซี (ETC.) - เพลง 이별이온다 (Farewell Is Coming) ของ 8eight - เพลง Your Wedding (결혼식) ของ JUN.Kจำนวนโฆษณา จำนวนโฆษณา. ก่อนเดบิว 2006-2008- 1. Cornetto Royale –thailand (Nichkhun) - 2. DutchMill Thailand( Rain+Nichkhun) - 3. Splash Thailand (Nichkhun) - 4. BSC Ice Shock (Nichkhun) 2008 (เดบิวปลายปี 2008)- 1. Elite Uniforms (with SNSD) 2009- 1. EXR - 2. Santafe Coffee - 3. "I Love Thailand" Tourism Campaign(Nichkhun) - 4. Anycall Omnia (NichKhun&JYP) - 5. The Body Shop "Soft Hands, Kind Heart" Campaign - 6. Hanami - Thailand - 7. Market O's Real Brownie - 8. Samsung Corby - 9. Paris Baguette - 10. "Come to Thailand; Let's Take a Break!" Campaign (Nichkhun) - 11. Suzuki Jelato Motorcycle (Nichkhun) 2010- 1. Coca Cola - 2. 10 x 10 - 3. Spris - 4. Calvin Klein (Nichkhun) - 5. Oppo Mobile - Thailand - 6. Cass Beer - 7. It's Skin - 8. Caribbean Bay (2pm with SNSD) - 9. Minute Maid Pulpy (Nichkhun) - 10. Spris Autumn Collections - 11. Ottogi Boddle Boddle Cheese Ramen (Nichkhun) - 12. Samsung Anycall NORi - 13. Samsung Anycall Galaxy - 14. Brand's Chicken Essence (Nichkhun) - 15. Customellow (Nichkhun) - 16. Hanami - Thailand - 17. Cass Beer Summer/Winter - 18. Baskin Robbins Ice Cream (Nichkhun) - 19. Suzuki Jelato Motorcycle (Nichkhun) 2011- 1. Coca Cola - 2. NEPA - 3. It’s Skin "Prestige Cream Descargo" (Nichkhun) - 4. J.ESTINA(Nichkhun) - 5. LG U+ "International Calling 002 – Long Call, Small Fees" (Nichkhun) - 6. Look Optical (2pm with T-Ara) - 7. Lotte Duty Free "Enter-Tour-Ment" Marketing Campaign - 8. Eversense - Thailand - 9. Oppo Mobile - Thailand - 10. Coca Cola (Taecyeon & Nichkhun) - 11. Caribbean Bay (nichkhun with 2pm, Victoria) - 12. Korea Tourism Organization (with miss A) - 13. Edwin (Nichkhun with miss A) - 14. Everland Horror Maze - 15. Sumsung MultiView MV800 Digital Camera (Nichkhun) - 16. E-Nature - 17. Mr. Pizza - 18. Sudden Attack (Nichkhun) 2012- 1. Brand's (Nichkhun) - 2. Woongjin Coway - 3. Eversense - Thailand - 4. Mitsubishi Mirage (Nichkhun) - 5. Sempio Black Vinegar - Japan - 6. Carribean Bay(2pm & SNSD) - 7. Look Optical (with T-Ara) - 8. Coca Cola - 9. Lotte Duty Free - 10. Edwin (Nichkhun with miss A) - 11. Samsung Galaxy Team S III Campaign (Nichkhun & Junho) - 12. NEPA - 13. Everland Horror Maze (with miss A's Suzy) - 14. Mr. Pizza - 15. Easy Dict - Thailand 2013- 1. NEPA - 2. Brand's (Nichkhun) - 3. Mitsubishi Mirage (Nichkhun) - 4. Easy Dict - Thailand - 5. Tao Kae Noi Seaweed Snack - Thailand - 6. Bench - Philippines (Nichkhun) - 7. QQ Dance 2 – China - 8. Unicef (Nichkhun) - 9. Lotte Duty Free - 10. Coway Thailand(Nichkhun) - 11. Look Optical - 12. It's Skin (Nichkhun) - 13. Good Downloader (2013) avec Lee Hyun Woo, Han Hyo Joo, Cha Tae Hyun,Suzy ,Junho……….. - 14. Naver Band - 15. Seoul Hot Summer Sale 2013 - 16. Woongjin Coway - 17. Line play (Nichkhun) - 18. Crossfire (with miss A) 2014- 1. Line play -Thailland (Nichkhun) - 2. Brand's -Thailand (Nichkhun) - 3. Mitsubishi Mirage -Thailand (Nichkhun) - 4. Bench -Philippines (Nichkhun) - 5. Lotte Duty Free (2pm korea) - 6. Look Optical (2pm korea) - 7. It's Skin Thai (Thailand+ korea +China) Nichkhun - 8. Unicef -Thailand (Nichkhun) - 9. Crossfire (2pm with miss A...Korea+ china) - 10. I'm David - China (Nichkhun) - 11. Yonex -Korea (Nichkhun) - 12. Coca Cola - Thailand (Nichkhun ) - 13. Lotte solleuim -China (Nichkhun) - 14. AJelectronics -Thailand (Nichkhun) - 15. Lotte lollipop -China (Nichkhun) - 16. Rosa.k -Korea (Nichkhun) - 17. Pelicana Chicken -China - 18. Pelicana Chicken -Korea (2pm) - 19. Carbonell cocktails -china (Nichkhun) - 20. Fanxi Shop CF – china (Nichkhun) 2015- 1. Line play -Thailland (Nichkhun) - 2. Brand's -Thailand (Nichkhun) - 3. Mitsubishi Mirage -Thailand (Nichkhun) - 4. Lotte Duty Free (2pm )) - 5. Unicef -Thailand (Nichkhun) - 6. Crossfire (2pm with miss A...Korea+ china) - 7. I'm David - China (Nichkhun) - 8. Yonex -Korea (Nichkhun) - 9. Lotte solleuim -China (Nichkhun) - 10. AJelectronics -Thailand (Nichkhun) - 11. Lotte lollipop -China (Nichkhun) - 12. Rosa.k -Korea (Nichkhun) - 13. Pelicana Chicken -China - 14. Pelicana Chicken -Korea (2pm) - 15. Carbonell cocktails -china (Nichkhun) - 16. Fanxi Shop CF - china (Nichkhu) - 17. Celucasn-China (2pm+T-ARa) - 18. Heartbeat peach (2pm) - 19. Honorary Ambassador-2015 Korea Culture & Tourism Festival - 20. TONYMOLY (2pm ) 2016- 1. I.Seoul.U CF (Nichkhun with twice ) tourism video for the city of Seoul - 2. Lotte Duty Free (2pm )) - 3. Unicef -Thailand (Nichkhun) - 4. Rosa.k -Korea (Nichkhun) - 5. Pelicana Chicken -Korea+China (2pm) - 6. Carbonell cocktails -china (Nichkhun) - 7. Fanxi Shop CF - china (Nichkhu) - 8. Celucasn-China (2pm) - 9. Heartbeat peach (2pm) - 10. TONYMOLY (2pm ) - 11. Amazing Thailand Media & Agent Meeting (Nichkhun ) tourism video for Thailand
| บิดาของนิชคุณ หรเวชกุล คือใคร | {
"answer": [
"ธีรเกียรติ หรเวชกุล"
],
"answer_begin_position": [
476
],
"answer_end_position": [
495
]
} |
3,900 | 78,665 | หม่อมราชวงศ์เจตจันทร์ ประวิตร พลตำรวจตรี หม่อมราชวงศ์เจตจันทร์ ประวิตร เกิดที่กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2478 เป็นบุตรคนโตของหม่อมเจ้าจิตรปรีดี ประวิตร และหม่อมหลวงเหมือนจันทร์ ดารากร (ธิดาเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ (หม่อมราชวงศ์มูล ดารากร)) หม่อมราชวงศ์เจตจันทร์ สมรสกับ คุณหญิงสุปรียา ประวิตร ณ อยุธยา (รักตประจิต) มีบุตร 2 คน คือ พ.ต.ท.หม่อมหลวงกิติบดี ประวิตร และพลตรีหม่อมหลวงสุปรีดี ประวิตร รับการศึกษาชั้นประถมที่ โรงเรียนราชินี และมาต่อชั้นมัธยมศึกษาและเตรียมอุดมศึกษา ที่วชิราวุธวิทยาลัยและโรงเรียนเทพศิรินทร์ แล้วเดินทางไปศึกษาต่อที่ โรงเรียน จีลอง แกรมมา สกูล จบการศึกษาด้านวิศวกรรมเครื่องกล เมลเบิร์น เทคนิคอล คอลเลจ ประเทศออสเตรเลีย ศึกษาวิชาตำรวจและสายตรวจวิทยุ ที่สหรัฐอเมริกา ศึกษาวิชาบรรเทาสาธารณภัยที่ประเทศอังกฤษ 2 ปี ก่อนเข้ารับราชการตำรวจเมื่อปี 2498 โดยเป็นตำรวจสังกัดกองตำรวจยานยนต์ สมัย พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ เป็นอธิบดีกรมตำรวจ ต่อมาในปี 2503 ได้ย้ายมาสังกัดกองตำรวจดับเพลิง ได้เลื่อนยศเป็น ร.ต.อ. ในตำแหน่งหัวหน้าแผนกช่าง จนขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจดับเพลิง เมื่อปี 2516 และเป็น ผช.ผบช.น. อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย ทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้งรถวิทยุสายตรวจนครบาล และรถวิทยุตำรวจทางหลวง ก่อตั้งอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยและลูกเสือดับเพลิง และก่อตั้งหน่วยดับเพลิงของประชาชน 111 สถานี รวมถึงเป็นประธานผู้ก่อตั้งสโมสรกีฬาราชประชา และดำรงตำแหน่งนายกสมาคมอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัย แห่งประเทศไทย ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลให้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี อย่างต่อเนื่องมาหลายวาระตั้งแต่ ปี 2533 ได้สร้างราชประชาสปอร์ตชูเล่ย์ สำหรับเก็บตัวนักกีฬา และศูนย์ฝึกดับเพลิงและกู้ภัยที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ม.ร.ว.เจตจันทร์ ประวิตร เคยลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อ พ.ศ. 2528 ในนามพรรคประชากรไทย แต่พ่ายแพ้พลตรีจำลอง ศรีเมือง ไม่ได้รับเลือก พล.ต.ต. ม.ร.ว.เจตจันทร์ ประวิตร ถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจ เมื่อ 29 มกราคม พ.ศ. 2550 เวลา 19.45 น.เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.) - ประถมาภรณ์มงกุฏไทย (ป.ม.) - ตติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ต.จ.ว.)
| พลตำรวจตรี หม่อมราชวงศ์เจตจันทร์ ประวิตร เกิดเมื่อวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"26"
],
"answer_begin_position": [
206
],
"answer_end_position": [
208
]
} |
3,901 | 78,665 | หม่อมราชวงศ์เจตจันทร์ ประวิตร พลตำรวจตรี หม่อมราชวงศ์เจตจันทร์ ประวิตร เกิดที่กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2478 เป็นบุตรคนโตของหม่อมเจ้าจิตรปรีดี ประวิตร และหม่อมหลวงเหมือนจันทร์ ดารากร (ธิดาเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ (หม่อมราชวงศ์มูล ดารากร)) หม่อมราชวงศ์เจตจันทร์ สมรสกับ คุณหญิงสุปรียา ประวิตร ณ อยุธยา (รักตประจิต) มีบุตร 2 คน คือ พ.ต.ท.หม่อมหลวงกิติบดี ประวิตร และพลตรีหม่อมหลวงสุปรีดี ประวิตร รับการศึกษาชั้นประถมที่ โรงเรียนราชินี และมาต่อชั้นมัธยมศึกษาและเตรียมอุดมศึกษา ที่วชิราวุธวิทยาลัยและโรงเรียนเทพศิรินทร์ แล้วเดินทางไปศึกษาต่อที่ โรงเรียน จีลอง แกรมมา สกูล จบการศึกษาด้านวิศวกรรมเครื่องกล เมลเบิร์น เทคนิคอล คอลเลจ ประเทศออสเตรเลีย ศึกษาวิชาตำรวจและสายตรวจวิทยุ ที่สหรัฐอเมริกา ศึกษาวิชาบรรเทาสาธารณภัยที่ประเทศอังกฤษ 2 ปี ก่อนเข้ารับราชการตำรวจเมื่อปี 2498 โดยเป็นตำรวจสังกัดกองตำรวจยานยนต์ สมัย พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ เป็นอธิบดีกรมตำรวจ ต่อมาในปี 2503 ได้ย้ายมาสังกัดกองตำรวจดับเพลิง ได้เลื่อนยศเป็น ร.ต.อ. ในตำแหน่งหัวหน้าแผนกช่าง จนขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจดับเพลิง เมื่อปี 2516 และเป็น ผช.ผบช.น. อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย ทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้งรถวิทยุสายตรวจนครบาล และรถวิทยุตำรวจทางหลวง ก่อตั้งอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยและลูกเสือดับเพลิง และก่อตั้งหน่วยดับเพลิงของประชาชน 111 สถานี รวมถึงเป็นประธานผู้ก่อตั้งสโมสรกีฬาราชประชา และดำรงตำแหน่งนายกสมาคมอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัย แห่งประเทศไทย ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลให้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี อย่างต่อเนื่องมาหลายวาระตั้งแต่ ปี 2533 ได้สร้างราชประชาสปอร์ตชูเล่ย์ สำหรับเก็บตัวนักกีฬา และศูนย์ฝึกดับเพลิงและกู้ภัยที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ม.ร.ว.เจตจันทร์ ประวิตร เคยลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อ พ.ศ. 2528 ในนามพรรคประชากรไทย แต่พ่ายแพ้พลตรีจำลอง ศรีเมือง ไม่ได้รับเลือก พล.ต.ต. ม.ร.ว.เจตจันทร์ ประวิตร ถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจ เมื่อ 29 มกราคม พ.ศ. 2550 เวลา 19.45 น.เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.) - ประถมาภรณ์มงกุฏไทย (ป.ม.) - ตติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ต.จ.ว.)
| มารดาของพลตำรวจตรี หม่อมราชวงศ์เจตจันทร์ ประวิตร คือใคร | {
"answer": [
"หม่อมหลวงเหมือนจันทร์ ดารากร"
],
"answer_begin_position": [
274
],
"answer_end_position": [
302
]
} |
3,903 | 43,301 | ปัญญา นิรันดร์กุล ปัญญา นิรันดร์กุล เป็นพิธีกรและนักแสดงชาวไทย หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)ประวัติ ประวัติ. ปัญญา นิรันดร์กุล มีชื่อเล่นแรกเกิดว่า “เปียง” ปัจจุบันมีชื่อเล่นว่า “ตา” เกิดเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2498 ในครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีน มารดาชื่อ อำพัน นิรันดร์กุล แม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2546- สำเร็จการศึกษาสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี พ.ศ. 2520 - ปริญญานิเทศศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม 6 พ.ย.2548 - ปริญญาบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการตลาด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก 16 ธ.ค.2552 - ปริญญานิเทศศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 22 ธ.ค.2553ชีวิตส่วนตัว ชีวิตส่วนตัว. ปัญญาสมรสกับ วาสนา นิรันดร์กุล มีบุตร-ธิดารวม 4 คน คือ น้ำตาล-ปานวาด (เกิด: พ.ศ. 2527) สมรสกับ อมรฤทธิ์ พูลสวัสดิ์, น้ำหอม-ปานตา (เกิด พ.ศ. 2530) สมรสกับ พงศกร ดาวเรือง, น้ำทอง-ปานฝัน (เกิด: พ.ศ. 2531) สมรสกับ สุกฤษฎิ์ ภูยาธร และ น้ำมนต์-ปรวัธน์ (เกิด: พ.ศ. 2537) ปัจจุบัน ปัญญามีบ้านพักอยู่ภายในหมู่บ้านเมืองเอก ย่านรังสิต ใกล้กับ เวิร์คพอยท์สตูดิโอภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์. เข้าสู่วงการบันเทิงครั้งแรก ด้วยการแสดงภาพยนตร์ไทย เรื่องแรกคือ สืบยัดไส้ ในปี พ.ศ. 2521 ในบทบาทนักแสดงประกอบ และต่อมาในปีเดียวกัน ปัญญาจึงได้แสดงละครในบทพระเอกเป็นเรื่องแรกคือ ศรีธนญชัย ทางไทยทีวีสีช่อง 3 จากการชักชวนของภัทราวดี ศรีไตรรัตน์ และยังได้รับโอกาสแสดงบทพระเอกในภาพยนตร์ และละครโทรทัศน์อีกหลายเรื่อง โดยมีชื่อเสียงคู่กับอรพรรณ พานทอง และเพ็ญพิสุทธิ์ คงสมุทรรายการโทรทัศน์ รายการโทรทัศน์. ในปี พ.ศ. 2527 ปัญญาร่วมเป็นสมาชิกยุคบุคเบิกของรายการเพชฌฆาตความเครียด ทางไทยทีวีสีช่อง 9 โดยใช้ชื่อว่า ซูโม่ตา มีบทบาทซึ่งสร้างชื่อเสียงเป็นที่จดจำของผู้ชมคือ การแสดงเป็นพิธีกรรายการ ภาษาไทยคำละวัน ล้อเลียนรายการ ภาษาไทยวันละคำ ของอาจารย์กาญจนา นาคสกุล และต่อมาในปีเดียวกัน (ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 - พ.ศ. 2532) ปัญญาเข้าร่วมเป็นพิธีกรรายการ พลิกล็อก (ในชื่อ คู่หูพลิกล็อก, พลิกล็อกเพชร และ พลิกล็อกเหนือเมฆ) , ยุทธการขยับเหงือก, มหัศจรรย์วันเสาร์ ของเจเอสแอลทาง ททบ.5 เป็นต้น ในปี พ.ศ. 2532 ปัญญาร่วมกับ ประภาส ชลศรานนท์ นักคิดนักเขียนที่มีผลงานมากมายทางด้านเพลง หนังสือ และโทรทัศน์ ก่อตั้ง บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด () เพื่อผลิตรายการโทรทัศน์ และละครโทรทัศน์ โดยรายการแรกของบริษัทคือ เวทีทอง และ ในปีต่อมาคือ รายการชิงร้อย ชิงล้าน ผลงานรายการ และละครของเวิร์คพอยท์ ได้สร้างชื่อเสียงโด่งดังแก่บริษัทเป็นอย่างมาก จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2547 ปัญญาได้นำบริษัทเวิร์คพอยท์เข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขยายกิจการมาเป็น บริษัทเวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) และวันที่ 24 เมษายน 2551 ได้มีพิธีเปิดอาคารสำนักงานและสตูดิโอบนเนื้อที่กว่า 25 ไร่ ตั้งอยู่ในซอยเลียบคลองเปรมประชากร ตำบลบางพูน อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี เพื่อผลิตรายการคุณภาพในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ได้รับความนิยมอย่างสูงจากประชาชน และได้รับรางวัลต่างๆมากมายจากทุกสถาบันในประเทศไทย รวมทั้งรางวัลในระดับนานาชาติ เช่น Asian Television Awards ที่ประเทศสิงคโปร์ และ INTERNATIONAL EMMY AWARDS จากประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นขยายมาสู่ธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียม ในชื่อ เวิร์คพอยท์ทีวี ต่อมาได้ร่วมประมูลช่องทีวีดิจิตอลความคมชัดมาตรฐาน (SD) และได้รับใบอนุญาตออกอากาศ โดยเริ่มทดลองออกอากาศวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2557 โดยใช้ชื่อช่องเวิร์คพอยท์ ออกอากาศอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 25 เมษายน 2557 หลังจากออกอากาศเรตติ้งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลของ AGB Nielsen พบว่าออกอากาศได้เพียง 6 เดือน เรตติ้งของช่องพุ่งขึ้นเป็นอันดับ 3 ของประเทศ นับรวมทั้งช่องดิจิตอลทีวีและช่องแอนะล็อก และเป็นอันดับ 1 ของทีวีดิจิตอล นอกจากนี้แล้ว ยังได้ร่วมกับ KBank เปิดโรงละคร Kbank สยามพิฆเนศ ที่ชั้น 7 สยามสแควร์วัน โดยเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 มีนาคม 2558เอกลักษณ์เฉพาะตัว เอกลักษณ์เฉพาะตัว. ปัญญาเป็นพิธีกร ซึ่งให้ความเป็นกันเองกับผู้ร่วมรายการอย่างมาก ปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนลักษณะดังกล่าวก็คือ ท่าทางเฉพาะตัวระหว่างดำเนินรายการ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นมาเป็นเวลานาน เช่นขณะเป็นพิธีกรในรายการพลิกล็อก เขาจะยืนกางขา ออกท่าทางตื่นเต้นเร้าใจ พร้อมยื่นมือไปข้างหน้าในระดับไหล่ แล้วกำมือโดยชูนิ้วหัวแม่โป้งขึ้น-ลงสลับกัน พลางกล่าวว่า “มากกว่าหรือน้อยกว่าครับ” หรือเมื่อดำเนินรายการแฟนพันธุ์แท้ ปัญญาจะยืนตรงพลางห่อปากไว้ แล้วยื่นมือไปข้างหน้าในระดับไหล่เช่นกัน โดยกางนิ้วหัวแม่โป้งและนิ้วชี้ออกไปข้างหน้า แล้วค้างท่าไว้หลายวินาที ก่อนจะกล่าวว่า “ถูกต้องนะคร้าบบบบบ!!” ด้วยเสียงอันดัง พร้อมทั้งลากเสียงอย่างยาวนาน ต่อมาเขายังนำลักษณะดังกล่าว ไปใช้ขณะดำเนินรายการเกมโชว์อื่น ที่ตนเป็นพิธีกรด้วย ทั้งนี้ ในระยะราวสิบปีหลัง ปัญญามักตะโกนพูดเสียงดัง เพื่อกระตุ้นให้คนในรายการ รวมถึงผู้ชมเกิดความตื่นเต้น กับสถานการณ์ในรายการ โดยเฉพาะเมื่อกำลังแข่งขันเกม ท่าทางเฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในรายการปริศนาฟ้าแลบ คือ ท่าชูนิ้วชี้ขึ้นฟ้า แล้วพูดว่า "ปริศนาฟ้าแลบ"ผลงานรายการโทรทัศน์รายการที่เป็นพิธีกรอยู่ในปัจจุบันผลงาน. รายการโทรทัศน์. รายการที่เป็นพิธีกรอยู่ในปัจจุบัน. - ชิงร้อยชิงล้าน เริ่มออกอากาศ (17 มกราคม พ.ศ. 2533 ) ปัจจุบันใช้ชื่อ ชิงร้อยชิงล้าน ว้าว ว้าว ว้าว ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.45 น. - 17.00 น. ช่องเวิร์คพอยท์ - ปริศนาฟ้าแลบ (9 มิถุนายน พ.ศ. 2557 - ปัจจุบัน) ทุกวันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 19:15 น. - 20.00 น. ช่องเวิร์คพอยท์รายการที่เคยเป็นพิธีกรและยุติการออกอากาศไปแล้วรายการที่เคยเป็นพิธีกรและยุติการออกอากาศไปแล้ว. - เพชฌฆาตความเครียด (พ.ศ. 2527 - พ.ศ. 2529) - พลิกล็อก (พ.ศ. 2526 - พ.ศ. 2532) - คอนเสิร์ต-คอนเทสต์ (พ.ศ. 2528 - พ.ศ. 2530) - คลายปัญหา ช่อง 9 - มหัศจรรย์วันเสาร์ (พ.ศ. 2530 - พ.ศ. 2532) - ยุทธการขยับเหงือก (พ.ศ. 2532) - เวทีทอง (พ.ศ. 2532) - เกมแก้จน (4 ตุลาคม พ.ศ. 2541 - 28 ธันวาคม พ.ศ. 2546) - อยากออกทีวี (พ.ศ. 2542) - เกมทศกัณฐ์ (1 เมษายน พ.ศ. 2546 - 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551) - เกมทศกัณฐ์เด็ก (3 เมษายน พ.ศ. 2547 - 14 มิถุนายน พ.ศ. 2551) - กล่องดำ/กล่องดำ รักแท้ (1 มกราคม พ.ศ. 2548 - 23 มีนาคม พ.ศ. 2551 / 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 - 26 ธันวาคม พ.ศ. 2551) - อัจฉริยะข้ามคืน (3 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 - 5 มีนาคม พ.ศ. 2550) - หลานปู่ กู้อีจู้ (2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 - 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553) - ยกสยาม (18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 - 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554) - เอสเอ็มอี ตีแตก (5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 - 27 มกราคม พ.ศ. 2555) - ราชรถมาเกย (1 มีนาคม พ.ศ. 2554 - 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556) - บ้านเจ้าปัญญา (5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 - 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556) - นักประดิษฐ์พันล้าน (19 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 31 มีนาคม พ.ศ. 2557) - หนูน้อย กู้อีจู้ (24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 - 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554) - แฟนพันธุ์แท้ (1 กันยายน พ.ศ. 2543 - 20 เมษายน พ.ศ. 2550 / 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555)ละครโทรทัศน์ละครโทรทัศน์. - ขบวนการคนใช้ (พ.ศ. 2520) - ศรีธนญชัย 21 (พ.ศ. 2521) - เทพบุตรผู้ไร้ทวน (พ.ศ. 2521) - จดหมายจากเมืองไทย (พ.ศ. 2525) - คุณยายกายสิทธิ์ (พ.ศ. 2526) - สุดหัวใจ (พ.ศ. 2526) - เศรษฐีลูกทุ่ง (พ.ศ. 2527) - สุดสายป่าน (พ.ศ. 2527) รับบท ประพันธ์ - นายแพทย์สนุกสนาน (พ.ศ. 2528) - เทวดาตกสวรรค์ (พ.ศ. 2529) รับบท วาที - หนุ่มทิพย์ (พ.ศ. 2530) รับบท เด่นชาติ - เลขานินทานาย (พ.ศ. 2530) - ดาวเรือง (พ.ศ. 2530) รับบท สุวรรณ - ที่นี่ไม่มีปัญหา (พ.ศ. 2531) - บริษัทจัดคู่ (พ.ศ. 2531) - นายจ๋าเลขาขอโทษ (พ.ศ. 2531) - อีสา (พ.ศ. 2531) - เกมกามเทพ (พ.ศ. 2531) - รักประกาศิต (พ.ศ. 2531) รับบท นิพนธ์ - มุกดามะดัน (พ.ศ. 2531)- ทายาท (พ.ศ. 2531) - รัตนาวดี (พ.ศ. 2531 - พ.ศ. 2532) รับบท วิศาล ลูกรัฐมนตรี - ใจ (พ.ศ. 2532) - แก้วตาพี่ (พ.ศ. 2532) - เทวดาเดินดิน (พ.ศ. 2532) - สมการวัย (พ.ศ. 2532) - กว่าจะถึง (ท่า) พระจันทร์ (พ.ศ. 2532) - คู่กรรม (พ.ศ. 2533) รับบท หมอทาเคดะ - ปีศาจแสนกล (พ.ศ. 2533) รับบท ไฮไฟ - โหด เลว อ้วน (พ.ศ. 2533) - ตะวันชิงพลบ (พ.ศ. 2534) รับบท ระพี (พ่อนางเอก) - ผีขี้เหงา (พ.ศ. 2534 - พ.ศ. 2535) - ลอดลายมังกร (พ.ศ. 2535) รับบท อาจั๊ว - วิมานมะพร้าว (พ.ศ. 2537) รับบท อากง (เจ้าสัว) - ขอหมอนใบนั้นที่เธอฝันยามหนุน (พ.ศ. 2538) รับบท พ่อ - ไม่ย่อท้อมรสุม (พ.ศ. 2540) - เจ้าสัวน้อย (พ.ศ. 2543) - ผู้หญิงที่อยากกอดตลอดชีวิต (ละครพิเศษเทิดพระเกียรติ พ.ศ. 2547) - คือสายใยแห่งรัก (ละครพิเศษเทิดพระเกียรติ พ.ศ. 2550) - วงษ์คำเหลา เดอะซีรีส์ (พ.ศ. 2554 รับเชิญ)ภาพยนตร์ไทยภาพยนตร์ไทย. - สืบยัดไส้ (พ.ศ. 2521) - ถ้าเธอยังมีรัก (พ.ศ. 2524) - หนูเป็นสาวแล้ว (พ.ศ. 2526) รับบท พายัพ - ไอ้ถึกเกณฑ์ทหาร (พ.ศ. 2527) - กองพันทหารเกณฑ์ (พ.ศ. 2527) - ลูกหนี้ทีเด็ด (พ.ศ. 2527) - ข้ามากับดวง (พ.ศ. 2528) - ผู้การเรือเร่ (พ.ศ. 2528) - รักตะลุมบอน (พ.ศ. 2528) - ลูกสาวป้าแช่ม (พ.ศ. 2528) - รักพลิกล็อก (พ.ศ. 2529) รับบท ปัญญา - เจ้าสาวมะลิซ้อน (พ.ศ. 2529) - ลูกทุ่งฮอลลิเดย์ (พ.ศ. 2529)- ข่าวหน้า 1 (พ.ศ. 2529) - เกมมหาโชค (พ.ศ. 2529) - ผู้พันเรือพ่วง (พ.ศ. 2530) - กะชุ่มกะชวย (พ.ศ. 2531) - ผมรักคุณน่ะ (พ.ศ. 2531) - รักด้วยชีวิต (พ.ศ. 2531) - บ้านเล็กบุกบ้านใหญ่ (พ.ศ. 2532) - ส.อ.ว.ห้อง 2 รุ่น 44 (พ.ศ. 2533) (นักแสดงรับเชิญ) - วิมานมะพร้าว (พ.ศ. 2534) - ไอ้คุณผี (พ.ศ. 2534) (นักแสดงรับเชิญ) - โหน่ง เท่ง นักเลงภูเขาทอง (พ.ศ. 2549) (นักแสดงรับเชิญ) - เท่ง โหน่ง จีวรบิน (พ.ศ. 2554) (นักแสดงรับเชิญ)รางวัล รางวัล. ปี 2530- รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ผู้ดำเนินรายการชายดีเด่น จากรายการ พลิกล็อก ปี 2532- รางวัลเมขลา ผู้แสดงประกอบชายดีเด่น จากละคร สมการวัย ปี 2532 - โล่เกียรติยศ จากสมาคมช่างตัดเสื้อไทย ผู้แต่งกายดีเด่น ประเภทนักแสดง ปี 2533- WYNE BERG ACADEMY โล่ประกาศเกียรติคุณพิธีกรยอดเยี่ยม จาก ชิงร้อย ชิงล้าน - รางวัลเกียรติยศนักบริหารยอดเยี่ยมประจำปี 2532 มอบโดยหนังสือพิมพ์ข่าวธุรกิจ ปี 2534- รางวัลเมขลา ผู้แสดงประกอบชายยอดเยี่ยม จากละคร ตะวันชิงพลบ - รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ผู้แสดงประกอบชายยอดเยี่ยม จากละคร ตะวันชิงพลบ ปี 2535- รางวัลเมขลา ผู้ดำเนินรายการดีเด่นชาย จาก ชิงร้อย ชิงล้าน ปี 2536- เหรียญกาชาดสมนาคุณชั้นที่ 2 ปี 2542- รางวัลศิลปินดีเด่นเพื่อเยาวชน ประเภทพิธีกรชาย จากเกมแก้จน มอบโดย คณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ (สยช.) ปี 2543- รางวัลเมขลา ผู้แสดงประกอบชายดีเด่น จากละคร เจ้าสัวน้อย - TOP AWARDS 2000 รางวัลดาราสมทบชายยอดเยี่ยม จากละคร “เจ้าสัวน้อย” - รางวัลเทพทอง บุคคลดีเด่น “ด้านวิทยุและโทรทัศน์” ประจำปี 2541-2542-2543 ปี 2544- รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ผู้ดำเนินรายการเกมโชว์ดีเด่น จากรายการแฟนพันธุ์แท้ - รางวัลเมขลา ผู้ดำเนินรายการชายดีเด่น จากรายการ แฟนพันธุ์แท้ - รางวัลผลงานบันเทิงดีเด่น (STAR ENTERTAINMENT AWARDS 2002) รางวัลพิธีกรหรือผู้ดำเนินรายการดีเด่นชาย จากรายการ “แฟนพันธุ์แท้” ปี 2545- รางวัลเมขลา ประเภทผู้ดำเนินรายการชายดีเด่น จากรายการ “แฟนพันธุ์แท้” ปี 2546- รางวัลผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่นทางสื่อวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ประเภทผู้ดำเนินรายการที่ใช้ภาษาไทยดีเด่นทางวิทยุโทรทัศน์ ประจำปี พ.ศ. 2545-2546 จากรายการแฟนพันธุ์แท้ จัดโดย กรมประชาสัมพันธ์ - รางวัลสื่อมวลชนนิยมไทยดีเด่นประจำปี 2546 ประเภทสื่อโทรทัศน์ ปี 2547- รางวัลผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่นทางสื่อวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ประเภทผู้ดำเนินรายการที่ใช้ภาษาไทยดีเด่นทางวิทยุโทรทัศน์ ประจำปี พ.ศ. 2547 จากรายการแฟนพันธุ์แท้ จัดโดย กรมประชาสัมพันธ์ - รางวัลBOSS OF THE YEAR 2004 สาขาการบริหารจัดการธุรกิจบันเทิง จัดโดยนิตยสาร BOSS - รางวัลเมขลา ผู้ดำเนินรายการชายดีเด่น จากรายการ “เกมทศกัณฐ์” - รางวัลลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อพ่อ-แม่ ปี 2548- รางวัลผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่นทางสื่อวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ประเภทผู้ดำเนินรายการที่ใช้ภาษาไทยดีเด่นทางวิทยุโทรทัศน์ ประจำปี พ.ศ. 2548 จากรายการแฟนพันธุ์แท้ จัดโดย กรมประชาสัมพันธ์ - รางวัลผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่นทางสื่อวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ประเภทผู้ดำเนินรายการที่ใช้ภาษาไทยดีเด่นทางวิทยุโทรทัศน์ ประจำปี พ.ศ. 2548 จากรายการเกมทศกัณฐ์ จัดโดย กรมประชาสัมพันธ์ - เข็มที่ระลึกทองคำฝังเพชร และใบประกาศเชิดชูเกียรติ รางวัลผู้ดำเนินรายการที่ใช้ภาษาไทยดีเด่นทางวิทยุโทรทัศน์ ต่อเนื่อง 3 ปี จัดโดย กรมประชาสัมพันธ์ - รางวัลเชิดชูเกียรติ “เพชรสยาม” ครั้งที่ 11 ประจำปี 2548 สาขาวิถีชีวิตไทย ด้านการจัดรายการทางโทรทัศน์ที่ส่งเสริมภูมิปัญญา จากมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม - รางวัล ASIAN TELEVISION AWARDS 2005 - Best Entertainment Presenter : Winner พิธีกรชายยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย จากรายการ กล่องดำ (ชนะเลิศ สมัยที่ 1) ปี 2549- รางวัล Ent Biz Award ผู้มีคุณูปการแก่วงการธุรกิจบันเทิงไทย จาก มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย - รางวัล ASIAN TELEVISION AWARDS 2006 - Best Entertainment Presenter : Winner พิธีกรชายยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย จากรายการ ทศกัณฐ์เด็ก (ชนะเลิศ สมัยที่ 2) - รางวัล TV GOSSIP AWARDS 2006 รางวัลผลโหวตสูงสุด พิธีกรชายยอดนิยม จากรายการเกมทศกัณฐ์ยกทัพ จัดโดยนิตยสารทีวีกอสซิปร่วมกับสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ - รางวัล TOP AWARDS 2006 พิธีกรยอดเยี่ยม จากรายการ “แฟนพันธุ์แท้” - รางวัลเทพทอง นักวิทยุโทรทัศน์ดีเด่น จากรายการเกมทศกัณฐ์เด็ก ปี 2550- รางวัล TV GOSSIP AWARDS 2007 รางวัลผลโหวตสูงสุด พิธีกรชายยอดนิยม จากรายการชิงร้อย ชิงล้าน ชะชะช่า จัดโดยนิตยสารทีวีกอสซิปร่วมกับสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ - รางวัลยอดกตัญญู บุคคลที่เป็นแบบอย่างในความรักความกตัญญูที่มีต่อผู้มีพระคุณ จากกระทรวงวัฒนธรรม - รางวัล ASIAN TELEVISION AWARDS 2007 - Best Entertainment Presenter :Runner Up พิธีกรชายยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย จากรายการ กล่องดำ (รองชนะเลิศ สมัยที่ 1) ปี 2551- รางวัลผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่นประจำปี2551 จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม - รางวัลหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร รางวัลสร้างเสริมคนดีมีคุณธรรม ประจำปี 2551 ผู้จัดรายการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ดีเด่นผู้ใช้ภาษาไทยได้ถูกต้องและชัดเจน - รางวัล ASIAN TELEVISION AWARDS 2008 - Best Entertainment Presenter : Highly Commended พิธีกรชายยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย จากรายการ กล่องดำ (รองชนะเลิศ สมัยที่ 2) - รางวัล TOP AWARDS 2008 ประเภทพิธีกรยอดเยี่ยม จากรายการ “หลานปู่กู้อีจู้” ปี 2552- รางวัลผู้มีคุณธรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา เป็นรางวัลที่มอบให้กับศิลปินบุคคลในสังคมและสื่อมวลชน ที่เป็นแบบอย่างของพุทธศาสนิกชนที่ดี เนื่องในวันมาฆบูชา ประจำปี 2552 - รางวัล ASIAN TELEVISION AWARDS 2009 - Best Entertainment Presenter : Highly Commended พิธีกรชายยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย จากรายการ ยกสยาม (รองชนะเลิศ สมัยที่ 3) - รางวัลประกายเพชร สาขาผู้ผลิตรายการส่งเสริมภาษาไทยดีเด่น ประจำปี 2552 จากมูลนิธิเพชรภาษา - รางวัล TOP AWARDS 2009 ประเภทพิธีกรยอดเยี่ยม จากรายการ “ชิงร้อยชิงล้าน” ปี 2554- รางวัลราชบัณฑิตยสถานสรรเสริญ รางวัลผู้ดำเนินรายการชาย ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น จากรายการยกสยาม - รางวัลพิธีกรที่สุดแห่งปี 2011 คุณปัญญา นิรันดร์กุล จัดโดย ดาราเดลี่ - รางวัลเมขลา ครั้งที่ 24 รางวัลผู้ดำเนินรายการชายดีเด่นเมขลามหานิยม จากรายการ SME ตีแตก - โล่ประกาศเกียรติคุณ 25 ปี เพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ - รางวัลระฆังทอง บุคคลแห่งปี ประจำปี 2555 สาขานักพัฒนาองค์กรดีเด่น ประเภทนักธุรกิจ และบุคคล - รางวัล "พิฆเนศวร" รางวัลวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ ครั้งที่ 1 ปี 2555 รางวัลพิธีกรผู้ดำเนินรายการดีเด่นชาย จากรายการ ชิงร้อยชิงล้าน Sunshine Day - รางวัลวัฒนคุณาธร ผู้ทำคุณประโยชน์ด้านวัฒนธรรม จัดโดยกระทรวงวัฒนธรรม ปี 2556- รางวัลเมขลา ผู้ดำเนินรายการชายดีเด่นเมขลามหานิยมแห่งปี จากรายการ “บ้านเจ้าปัญญา” - รางวัล"พิฆเนศวร" รางวัลวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ ครั้งที่ 2 ปี 2556 รางวัลกิตติมศักดิ์ด้านผู้ส่งเสริมวิทยุโทรทัศน์ดีเด่น - รางวัลคนดีศรีสยาม ประจำปี 2556 - รางวัล ASIAN TELEVISION AWARDS 2013 - Best Entertainment Presenter : Winner พิธีกรชายยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย จากรายการ ชิงร้อยชิงล้าน ซันไชน์ เดย์ (ชนะเลิศ สมัยที่ 3) - รางวัลรัษฎากรพิพัฒน์ ประจำปี ๒๕๕๕ บุคคลที่เสียภาษีในระดับที่ดีมีคุณภาพ ควรค่าแก่การยกย่อง จัดโดย กรมสรรพากร ปี 2557- รางวัลผู้บริหารแห่งปี 2557 ( CEO THAILAND AWARDS 2014 ) จัดโดย สมัชชานักจัดรายการข่าววิทยุโทรทัศน์หนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (สนท.) - รางวัล"พิฆเนศวร" รางวัลวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ ครั้งที่ 3 ประจำปี 2557 ประเภทพิธีกรยอดเยี่ยม - รางวัลนาฏราช ครั้งที่ 6 ประจำปี 2557 รางวัลพิธีกรยอดเยี่ยม จากรายการ “ปริศนาฟ้าแลบ” ปี 2558- รางวัล Creative Entertainment Award ในงานประกาศรางวัล Me Awards 2015 - รางวัลเชิดชูเกียรติพิเศษรายการโทรทัศน์ผู้สร้างโอกาสศิลปินลูกทุ่ง จัดโดยกระทรวงวัฒนธรรม - รางวัล “พิฆเนศวร” ครั้งที่ 4 ประจำปี 2558 รางวัลพิธีกรชายดีเด่น จากรายการปริศนาฟ้าแลบ - รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 30 ประจำปี 2558 รางวัลผู้ดำเนินรายการเกมโชว์ดีเด่น จากรายการปริศนาฟ้าแลบ - สุดยอดนักธุรกิจแห่งปี 2558 จากผลโหวตในเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ http://www.bangkokbiznews.com/businessoftheyear/ ปี 2559- รางวัลบุคคลสำคัญแห่งปี WORLD TOP AWARD สาขา CEO บริหารบันเทิงแห่งปี - โล่ประกาศเกียรติคุณจากสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ที่ให้การสนับสนุนการดำเนินงานของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ ในวันแม่แห่งชาติ 2559 - รางวัลพิธีกรชายขวัญใจมหาชน ประจำปี 2559 ในงานประกาศรางวัล Maya Awards “มายามหาชน 2016” จากรายการปริศนาฟ้าแลบ - รางวัล ASIAN TELEVISION AWARDS 2016 - Best Entertainment Presenter : Winner พิธีกรชายยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย จากรายการ ปริศนาฟ้าแลบ (ชนะเลิศ สมัยที่ 4) ปี 2561- รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 32 สาขารางวัลเกียรติยศคนทีวีเครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - พ.ศ. 2540 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้น เหรียญทองดิเรกคุณาภรณ์
| ปัญญา นิรันดร์กุล มีชื่อเล่นแรกเกิดว่า เปียง ปัจจุบันมีชื่อเล่นว่า ตา เกิดเมื่อวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"24"
],
"answer_begin_position": [
341
],
"answer_end_position": [
343
]
} |
3,904 | 43,301 | ปัญญา นิรันดร์กุล ปัญญา นิรันดร์กุล เป็นพิธีกรและนักแสดงชาวไทย หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)ประวัติ ประวัติ. ปัญญา นิรันดร์กุล มีชื่อเล่นแรกเกิดว่า “เปียง” ปัจจุบันมีชื่อเล่นว่า “ตา” เกิดเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2498 ในครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีน มารดาชื่อ อำพัน นิรันดร์กุล แม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2546- สำเร็จการศึกษาสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี พ.ศ. 2520 - ปริญญานิเทศศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม 6 พ.ย.2548 - ปริญญาบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการตลาด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก 16 ธ.ค.2552 - ปริญญานิเทศศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 22 ธ.ค.2553ชีวิตส่วนตัว ชีวิตส่วนตัว. ปัญญาสมรสกับ วาสนา นิรันดร์กุล มีบุตร-ธิดารวม 4 คน คือ น้ำตาล-ปานวาด (เกิด: พ.ศ. 2527) สมรสกับ อมรฤทธิ์ พูลสวัสดิ์, น้ำหอม-ปานตา (เกิด พ.ศ. 2530) สมรสกับ พงศกร ดาวเรือง, น้ำทอง-ปานฝัน (เกิด: พ.ศ. 2531) สมรสกับ สุกฤษฎิ์ ภูยาธร และ น้ำมนต์-ปรวัธน์ (เกิด: พ.ศ. 2537) ปัจจุบัน ปัญญามีบ้านพักอยู่ภายในหมู่บ้านเมืองเอก ย่านรังสิต ใกล้กับ เวิร์คพอยท์สตูดิโอภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์. เข้าสู่วงการบันเทิงครั้งแรก ด้วยการแสดงภาพยนตร์ไทย เรื่องแรกคือ สืบยัดไส้ ในปี พ.ศ. 2521 ในบทบาทนักแสดงประกอบ และต่อมาในปีเดียวกัน ปัญญาจึงได้แสดงละครในบทพระเอกเป็นเรื่องแรกคือ ศรีธนญชัย ทางไทยทีวีสีช่อง 3 จากการชักชวนของภัทราวดี ศรีไตรรัตน์ และยังได้รับโอกาสแสดงบทพระเอกในภาพยนตร์ และละครโทรทัศน์อีกหลายเรื่อง โดยมีชื่อเสียงคู่กับอรพรรณ พานทอง และเพ็ญพิสุทธิ์ คงสมุทรรายการโทรทัศน์ รายการโทรทัศน์. ในปี พ.ศ. 2527 ปัญญาร่วมเป็นสมาชิกยุคบุคเบิกของรายการเพชฌฆาตความเครียด ทางไทยทีวีสีช่อง 9 โดยใช้ชื่อว่า ซูโม่ตา มีบทบาทซึ่งสร้างชื่อเสียงเป็นที่จดจำของผู้ชมคือ การแสดงเป็นพิธีกรรายการ ภาษาไทยคำละวัน ล้อเลียนรายการ ภาษาไทยวันละคำ ของอาจารย์กาญจนา นาคสกุล และต่อมาในปีเดียวกัน (ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 - พ.ศ. 2532) ปัญญาเข้าร่วมเป็นพิธีกรรายการ พลิกล็อก (ในชื่อ คู่หูพลิกล็อก, พลิกล็อกเพชร และ พลิกล็อกเหนือเมฆ) , ยุทธการขยับเหงือก, มหัศจรรย์วันเสาร์ ของเจเอสแอลทาง ททบ.5 เป็นต้น ในปี พ.ศ. 2532 ปัญญาร่วมกับ ประภาส ชลศรานนท์ นักคิดนักเขียนที่มีผลงานมากมายทางด้านเพลง หนังสือ และโทรทัศน์ ก่อตั้ง บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด () เพื่อผลิตรายการโทรทัศน์ และละครโทรทัศน์ โดยรายการแรกของบริษัทคือ เวทีทอง และ ในปีต่อมาคือ รายการชิงร้อย ชิงล้าน ผลงานรายการ และละครของเวิร์คพอยท์ ได้สร้างชื่อเสียงโด่งดังแก่บริษัทเป็นอย่างมาก จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2547 ปัญญาได้นำบริษัทเวิร์คพอยท์เข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขยายกิจการมาเป็น บริษัทเวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) และวันที่ 24 เมษายน 2551 ได้มีพิธีเปิดอาคารสำนักงานและสตูดิโอบนเนื้อที่กว่า 25 ไร่ ตั้งอยู่ในซอยเลียบคลองเปรมประชากร ตำบลบางพูน อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี เพื่อผลิตรายการคุณภาพในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ได้รับความนิยมอย่างสูงจากประชาชน และได้รับรางวัลต่างๆมากมายจากทุกสถาบันในประเทศไทย รวมทั้งรางวัลในระดับนานาชาติ เช่น Asian Television Awards ที่ประเทศสิงคโปร์ และ INTERNATIONAL EMMY AWARDS จากประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นขยายมาสู่ธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียม ในชื่อ เวิร์คพอยท์ทีวี ต่อมาได้ร่วมประมูลช่องทีวีดิจิตอลความคมชัดมาตรฐาน (SD) และได้รับใบอนุญาตออกอากาศ โดยเริ่มทดลองออกอากาศวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2557 โดยใช้ชื่อช่องเวิร์คพอยท์ ออกอากาศอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 25 เมษายน 2557 หลังจากออกอากาศเรตติ้งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลของ AGB Nielsen พบว่าออกอากาศได้เพียง 6 เดือน เรตติ้งของช่องพุ่งขึ้นเป็นอันดับ 3 ของประเทศ นับรวมทั้งช่องดิจิตอลทีวีและช่องแอนะล็อก และเป็นอันดับ 1 ของทีวีดิจิตอล นอกจากนี้แล้ว ยังได้ร่วมกับ KBank เปิดโรงละคร Kbank สยามพิฆเนศ ที่ชั้น 7 สยามสแควร์วัน โดยเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 มีนาคม 2558เอกลักษณ์เฉพาะตัว เอกลักษณ์เฉพาะตัว. ปัญญาเป็นพิธีกร ซึ่งให้ความเป็นกันเองกับผู้ร่วมรายการอย่างมาก ปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนลักษณะดังกล่าวก็คือ ท่าทางเฉพาะตัวระหว่างดำเนินรายการ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นมาเป็นเวลานาน เช่นขณะเป็นพิธีกรในรายการพลิกล็อก เขาจะยืนกางขา ออกท่าทางตื่นเต้นเร้าใจ พร้อมยื่นมือไปข้างหน้าในระดับไหล่ แล้วกำมือโดยชูนิ้วหัวแม่โป้งขึ้น-ลงสลับกัน พลางกล่าวว่า “มากกว่าหรือน้อยกว่าครับ” หรือเมื่อดำเนินรายการแฟนพันธุ์แท้ ปัญญาจะยืนตรงพลางห่อปากไว้ แล้วยื่นมือไปข้างหน้าในระดับไหล่เช่นกัน โดยกางนิ้วหัวแม่โป้งและนิ้วชี้ออกไปข้างหน้า แล้วค้างท่าไว้หลายวินาที ก่อนจะกล่าวว่า “ถูกต้องนะคร้าบบบบบ!!” ด้วยเสียงอันดัง พร้อมทั้งลากเสียงอย่างยาวนาน ต่อมาเขายังนำลักษณะดังกล่าว ไปใช้ขณะดำเนินรายการเกมโชว์อื่น ที่ตนเป็นพิธีกรด้วย ทั้งนี้ ในระยะราวสิบปีหลัง ปัญญามักตะโกนพูดเสียงดัง เพื่อกระตุ้นให้คนในรายการ รวมถึงผู้ชมเกิดความตื่นเต้น กับสถานการณ์ในรายการ โดยเฉพาะเมื่อกำลังแข่งขันเกม ท่าทางเฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในรายการปริศนาฟ้าแลบ คือ ท่าชูนิ้วชี้ขึ้นฟ้า แล้วพูดว่า "ปริศนาฟ้าแลบ"ผลงานรายการโทรทัศน์รายการที่เป็นพิธีกรอยู่ในปัจจุบันผลงาน. รายการโทรทัศน์. รายการที่เป็นพิธีกรอยู่ในปัจจุบัน. - ชิงร้อยชิงล้าน เริ่มออกอากาศ (17 มกราคม พ.ศ. 2533 ) ปัจจุบันใช้ชื่อ ชิงร้อยชิงล้าน ว้าว ว้าว ว้าว ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.45 น. - 17.00 น. ช่องเวิร์คพอยท์ - ปริศนาฟ้าแลบ (9 มิถุนายน พ.ศ. 2557 - ปัจจุบัน) ทุกวันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 19:15 น. - 20.00 น. ช่องเวิร์คพอยท์รายการที่เคยเป็นพิธีกรและยุติการออกอากาศไปแล้วรายการที่เคยเป็นพิธีกรและยุติการออกอากาศไปแล้ว. - เพชฌฆาตความเครียด (พ.ศ. 2527 - พ.ศ. 2529) - พลิกล็อก (พ.ศ. 2526 - พ.ศ. 2532) - คอนเสิร์ต-คอนเทสต์ (พ.ศ. 2528 - พ.ศ. 2530) - คลายปัญหา ช่อง 9 - มหัศจรรย์วันเสาร์ (พ.ศ. 2530 - พ.ศ. 2532) - ยุทธการขยับเหงือก (พ.ศ. 2532) - เวทีทอง (พ.ศ. 2532) - เกมแก้จน (4 ตุลาคม พ.ศ. 2541 - 28 ธันวาคม พ.ศ. 2546) - อยากออกทีวี (พ.ศ. 2542) - เกมทศกัณฐ์ (1 เมษายน พ.ศ. 2546 - 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551) - เกมทศกัณฐ์เด็ก (3 เมษายน พ.ศ. 2547 - 14 มิถุนายน พ.ศ. 2551) - กล่องดำ/กล่องดำ รักแท้ (1 มกราคม พ.ศ. 2548 - 23 มีนาคม พ.ศ. 2551 / 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 - 26 ธันวาคม พ.ศ. 2551) - อัจฉริยะข้ามคืน (3 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 - 5 มีนาคม พ.ศ. 2550) - หลานปู่ กู้อีจู้ (2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 - 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553) - ยกสยาม (18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 - 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554) - เอสเอ็มอี ตีแตก (5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 - 27 มกราคม พ.ศ. 2555) - ราชรถมาเกย (1 มีนาคม พ.ศ. 2554 - 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556) - บ้านเจ้าปัญญา (5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 - 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556) - นักประดิษฐ์พันล้าน (19 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 31 มีนาคม พ.ศ. 2557) - หนูน้อย กู้อีจู้ (24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 - 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554) - แฟนพันธุ์แท้ (1 กันยายน พ.ศ. 2543 - 20 เมษายน พ.ศ. 2550 / 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555)ละครโทรทัศน์ละครโทรทัศน์. - ขบวนการคนใช้ (พ.ศ. 2520) - ศรีธนญชัย 21 (พ.ศ. 2521) - เทพบุตรผู้ไร้ทวน (พ.ศ. 2521) - จดหมายจากเมืองไทย (พ.ศ. 2525) - คุณยายกายสิทธิ์ (พ.ศ. 2526) - สุดหัวใจ (พ.ศ. 2526) - เศรษฐีลูกทุ่ง (พ.ศ. 2527) - สุดสายป่าน (พ.ศ. 2527) รับบท ประพันธ์ - นายแพทย์สนุกสนาน (พ.ศ. 2528) - เทวดาตกสวรรค์ (พ.ศ. 2529) รับบท วาที - หนุ่มทิพย์ (พ.ศ. 2530) รับบท เด่นชาติ - เลขานินทานาย (พ.ศ. 2530) - ดาวเรือง (พ.ศ. 2530) รับบท สุวรรณ - ที่นี่ไม่มีปัญหา (พ.ศ. 2531) - บริษัทจัดคู่ (พ.ศ. 2531) - นายจ๋าเลขาขอโทษ (พ.ศ. 2531) - อีสา (พ.ศ. 2531) - เกมกามเทพ (พ.ศ. 2531) - รักประกาศิต (พ.ศ. 2531) รับบท นิพนธ์ - มุกดามะดัน (พ.ศ. 2531)- ทายาท (พ.ศ. 2531) - รัตนาวดี (พ.ศ. 2531 - พ.ศ. 2532) รับบท วิศาล ลูกรัฐมนตรี - ใจ (พ.ศ. 2532) - แก้วตาพี่ (พ.ศ. 2532) - เทวดาเดินดิน (พ.ศ. 2532) - สมการวัย (พ.ศ. 2532) - กว่าจะถึง (ท่า) พระจันทร์ (พ.ศ. 2532) - คู่กรรม (พ.ศ. 2533) รับบท หมอทาเคดะ - ปีศาจแสนกล (พ.ศ. 2533) รับบท ไฮไฟ - โหด เลว อ้วน (พ.ศ. 2533) - ตะวันชิงพลบ (พ.ศ. 2534) รับบท ระพี (พ่อนางเอก) - ผีขี้เหงา (พ.ศ. 2534 - พ.ศ. 2535) - ลอดลายมังกร (พ.ศ. 2535) รับบท อาจั๊ว - วิมานมะพร้าว (พ.ศ. 2537) รับบท อากง (เจ้าสัว) - ขอหมอนใบนั้นที่เธอฝันยามหนุน (พ.ศ. 2538) รับบท พ่อ - ไม่ย่อท้อมรสุม (พ.ศ. 2540) - เจ้าสัวน้อย (พ.ศ. 2543) - ผู้หญิงที่อยากกอดตลอดชีวิต (ละครพิเศษเทิดพระเกียรติ พ.ศ. 2547) - คือสายใยแห่งรัก (ละครพิเศษเทิดพระเกียรติ พ.ศ. 2550) - วงษ์คำเหลา เดอะซีรีส์ (พ.ศ. 2554 รับเชิญ)ภาพยนตร์ไทยภาพยนตร์ไทย. - สืบยัดไส้ (พ.ศ. 2521) - ถ้าเธอยังมีรัก (พ.ศ. 2524) - หนูเป็นสาวแล้ว (พ.ศ. 2526) รับบท พายัพ - ไอ้ถึกเกณฑ์ทหาร (พ.ศ. 2527) - กองพันทหารเกณฑ์ (พ.ศ. 2527) - ลูกหนี้ทีเด็ด (พ.ศ. 2527) - ข้ามากับดวง (พ.ศ. 2528) - ผู้การเรือเร่ (พ.ศ. 2528) - รักตะลุมบอน (พ.ศ. 2528) - ลูกสาวป้าแช่ม (พ.ศ. 2528) - รักพลิกล็อก (พ.ศ. 2529) รับบท ปัญญา - เจ้าสาวมะลิซ้อน (พ.ศ. 2529) - ลูกทุ่งฮอลลิเดย์ (พ.ศ. 2529)- ข่าวหน้า 1 (พ.ศ. 2529) - เกมมหาโชค (พ.ศ. 2529) - ผู้พันเรือพ่วง (พ.ศ. 2530) - กะชุ่มกะชวย (พ.ศ. 2531) - ผมรักคุณน่ะ (พ.ศ. 2531) - รักด้วยชีวิต (พ.ศ. 2531) - บ้านเล็กบุกบ้านใหญ่ (พ.ศ. 2532) - ส.อ.ว.ห้อง 2 รุ่น 44 (พ.ศ. 2533) (นักแสดงรับเชิญ) - วิมานมะพร้าว (พ.ศ. 2534) - ไอ้คุณผี (พ.ศ. 2534) (นักแสดงรับเชิญ) - โหน่ง เท่ง นักเลงภูเขาทอง (พ.ศ. 2549) (นักแสดงรับเชิญ) - เท่ง โหน่ง จีวรบิน (พ.ศ. 2554) (นักแสดงรับเชิญ)รางวัล รางวัล. ปี 2530- รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ผู้ดำเนินรายการชายดีเด่น จากรายการ พลิกล็อก ปี 2532- รางวัลเมขลา ผู้แสดงประกอบชายดีเด่น จากละคร สมการวัย ปี 2532 - โล่เกียรติยศ จากสมาคมช่างตัดเสื้อไทย ผู้แต่งกายดีเด่น ประเภทนักแสดง ปี 2533- WYNE BERG ACADEMY โล่ประกาศเกียรติคุณพิธีกรยอดเยี่ยม จาก ชิงร้อย ชิงล้าน - รางวัลเกียรติยศนักบริหารยอดเยี่ยมประจำปี 2532 มอบโดยหนังสือพิมพ์ข่าวธุรกิจ ปี 2534- รางวัลเมขลา ผู้แสดงประกอบชายยอดเยี่ยม จากละคร ตะวันชิงพลบ - รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ผู้แสดงประกอบชายยอดเยี่ยม จากละคร ตะวันชิงพลบ ปี 2535- รางวัลเมขลา ผู้ดำเนินรายการดีเด่นชาย จาก ชิงร้อย ชิงล้าน ปี 2536- เหรียญกาชาดสมนาคุณชั้นที่ 2 ปี 2542- รางวัลศิลปินดีเด่นเพื่อเยาวชน ประเภทพิธีกรชาย จากเกมแก้จน มอบโดย คณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ (สยช.) ปี 2543- รางวัลเมขลา ผู้แสดงประกอบชายดีเด่น จากละคร เจ้าสัวน้อย - TOP AWARDS 2000 รางวัลดาราสมทบชายยอดเยี่ยม จากละคร “เจ้าสัวน้อย” - รางวัลเทพทอง บุคคลดีเด่น “ด้านวิทยุและโทรทัศน์” ประจำปี 2541-2542-2543 ปี 2544- รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ผู้ดำเนินรายการเกมโชว์ดีเด่น จากรายการแฟนพันธุ์แท้ - รางวัลเมขลา ผู้ดำเนินรายการชายดีเด่น จากรายการ แฟนพันธุ์แท้ - รางวัลผลงานบันเทิงดีเด่น (STAR ENTERTAINMENT AWARDS 2002) รางวัลพิธีกรหรือผู้ดำเนินรายการดีเด่นชาย จากรายการ “แฟนพันธุ์แท้” ปี 2545- รางวัลเมขลา ประเภทผู้ดำเนินรายการชายดีเด่น จากรายการ “แฟนพันธุ์แท้” ปี 2546- รางวัลผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่นทางสื่อวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ประเภทผู้ดำเนินรายการที่ใช้ภาษาไทยดีเด่นทางวิทยุโทรทัศน์ ประจำปี พ.ศ. 2545-2546 จากรายการแฟนพันธุ์แท้ จัดโดย กรมประชาสัมพันธ์ - รางวัลสื่อมวลชนนิยมไทยดีเด่นประจำปี 2546 ประเภทสื่อโทรทัศน์ ปี 2547- รางวัลผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่นทางสื่อวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ประเภทผู้ดำเนินรายการที่ใช้ภาษาไทยดีเด่นทางวิทยุโทรทัศน์ ประจำปี พ.ศ. 2547 จากรายการแฟนพันธุ์แท้ จัดโดย กรมประชาสัมพันธ์ - รางวัลBOSS OF THE YEAR 2004 สาขาการบริหารจัดการธุรกิจบันเทิง จัดโดยนิตยสาร BOSS - รางวัลเมขลา ผู้ดำเนินรายการชายดีเด่น จากรายการ “เกมทศกัณฐ์” - รางวัลลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อพ่อ-แม่ ปี 2548- รางวัลผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่นทางสื่อวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ประเภทผู้ดำเนินรายการที่ใช้ภาษาไทยดีเด่นทางวิทยุโทรทัศน์ ประจำปี พ.ศ. 2548 จากรายการแฟนพันธุ์แท้ จัดโดย กรมประชาสัมพันธ์ - รางวัลผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่นทางสื่อวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ประเภทผู้ดำเนินรายการที่ใช้ภาษาไทยดีเด่นทางวิทยุโทรทัศน์ ประจำปี พ.ศ. 2548 จากรายการเกมทศกัณฐ์ จัดโดย กรมประชาสัมพันธ์ - เข็มที่ระลึกทองคำฝังเพชร และใบประกาศเชิดชูเกียรติ รางวัลผู้ดำเนินรายการที่ใช้ภาษาไทยดีเด่นทางวิทยุโทรทัศน์ ต่อเนื่อง 3 ปี จัดโดย กรมประชาสัมพันธ์ - รางวัลเชิดชูเกียรติ “เพชรสยาม” ครั้งที่ 11 ประจำปี 2548 สาขาวิถีชีวิตไทย ด้านการจัดรายการทางโทรทัศน์ที่ส่งเสริมภูมิปัญญา จากมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม - รางวัล ASIAN TELEVISION AWARDS 2005 - Best Entertainment Presenter : Winner พิธีกรชายยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย จากรายการ กล่องดำ (ชนะเลิศ สมัยที่ 1) ปี 2549- รางวัล Ent Biz Award ผู้มีคุณูปการแก่วงการธุรกิจบันเทิงไทย จาก มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย - รางวัล ASIAN TELEVISION AWARDS 2006 - Best Entertainment Presenter : Winner พิธีกรชายยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย จากรายการ ทศกัณฐ์เด็ก (ชนะเลิศ สมัยที่ 2) - รางวัล TV GOSSIP AWARDS 2006 รางวัลผลโหวตสูงสุด พิธีกรชายยอดนิยม จากรายการเกมทศกัณฐ์ยกทัพ จัดโดยนิตยสารทีวีกอสซิปร่วมกับสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ - รางวัล TOP AWARDS 2006 พิธีกรยอดเยี่ยม จากรายการ “แฟนพันธุ์แท้” - รางวัลเทพทอง นักวิทยุโทรทัศน์ดีเด่น จากรายการเกมทศกัณฐ์เด็ก ปี 2550- รางวัล TV GOSSIP AWARDS 2007 รางวัลผลโหวตสูงสุด พิธีกรชายยอดนิยม จากรายการชิงร้อย ชิงล้าน ชะชะช่า จัดโดยนิตยสารทีวีกอสซิปร่วมกับสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ - รางวัลยอดกตัญญู บุคคลที่เป็นแบบอย่างในความรักความกตัญญูที่มีต่อผู้มีพระคุณ จากกระทรวงวัฒนธรรม - รางวัล ASIAN TELEVISION AWARDS 2007 - Best Entertainment Presenter :Runner Up พิธีกรชายยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย จากรายการ กล่องดำ (รองชนะเลิศ สมัยที่ 1) ปี 2551- รางวัลผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่นประจำปี2551 จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม - รางวัลหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร รางวัลสร้างเสริมคนดีมีคุณธรรม ประจำปี 2551 ผู้จัดรายการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ดีเด่นผู้ใช้ภาษาไทยได้ถูกต้องและชัดเจน - รางวัล ASIAN TELEVISION AWARDS 2008 - Best Entertainment Presenter : Highly Commended พิธีกรชายยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย จากรายการ กล่องดำ (รองชนะเลิศ สมัยที่ 2) - รางวัล TOP AWARDS 2008 ประเภทพิธีกรยอดเยี่ยม จากรายการ “หลานปู่กู้อีจู้” ปี 2552- รางวัลผู้มีคุณธรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา เป็นรางวัลที่มอบให้กับศิลปินบุคคลในสังคมและสื่อมวลชน ที่เป็นแบบอย่างของพุทธศาสนิกชนที่ดี เนื่องในวันมาฆบูชา ประจำปี 2552 - รางวัล ASIAN TELEVISION AWARDS 2009 - Best Entertainment Presenter : Highly Commended พิธีกรชายยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย จากรายการ ยกสยาม (รองชนะเลิศ สมัยที่ 3) - รางวัลประกายเพชร สาขาผู้ผลิตรายการส่งเสริมภาษาไทยดีเด่น ประจำปี 2552 จากมูลนิธิเพชรภาษา - รางวัล TOP AWARDS 2009 ประเภทพิธีกรยอดเยี่ยม จากรายการ “ชิงร้อยชิงล้าน” ปี 2554- รางวัลราชบัณฑิตยสถานสรรเสริญ รางวัลผู้ดำเนินรายการชาย ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น จากรายการยกสยาม - รางวัลพิธีกรที่สุดแห่งปี 2011 คุณปัญญา นิรันดร์กุล จัดโดย ดาราเดลี่ - รางวัลเมขลา ครั้งที่ 24 รางวัลผู้ดำเนินรายการชายดีเด่นเมขลามหานิยม จากรายการ SME ตีแตก - โล่ประกาศเกียรติคุณ 25 ปี เพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ - รางวัลระฆังทอง บุคคลแห่งปี ประจำปี 2555 สาขานักพัฒนาองค์กรดีเด่น ประเภทนักธุรกิจ และบุคคล - รางวัล "พิฆเนศวร" รางวัลวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ ครั้งที่ 1 ปี 2555 รางวัลพิธีกรผู้ดำเนินรายการดีเด่นชาย จากรายการ ชิงร้อยชิงล้าน Sunshine Day - รางวัลวัฒนคุณาธร ผู้ทำคุณประโยชน์ด้านวัฒนธรรม จัดโดยกระทรวงวัฒนธรรม ปี 2556- รางวัลเมขลา ผู้ดำเนินรายการชายดีเด่นเมขลามหานิยมแห่งปี จากรายการ “บ้านเจ้าปัญญา” - รางวัล"พิฆเนศวร" รางวัลวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ ครั้งที่ 2 ปี 2556 รางวัลกิตติมศักดิ์ด้านผู้ส่งเสริมวิทยุโทรทัศน์ดีเด่น - รางวัลคนดีศรีสยาม ประจำปี 2556 - รางวัล ASIAN TELEVISION AWARDS 2013 - Best Entertainment Presenter : Winner พิธีกรชายยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย จากรายการ ชิงร้อยชิงล้าน ซันไชน์ เดย์ (ชนะเลิศ สมัยที่ 3) - รางวัลรัษฎากรพิพัฒน์ ประจำปี ๒๕๕๕ บุคคลที่เสียภาษีในระดับที่ดีมีคุณภาพ ควรค่าแก่การยกย่อง จัดโดย กรมสรรพากร ปี 2557- รางวัลผู้บริหารแห่งปี 2557 ( CEO THAILAND AWARDS 2014 ) จัดโดย สมัชชานักจัดรายการข่าววิทยุโทรทัศน์หนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (สนท.) - รางวัล"พิฆเนศวร" รางวัลวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ ครั้งที่ 3 ประจำปี 2557 ประเภทพิธีกรยอดเยี่ยม - รางวัลนาฏราช ครั้งที่ 6 ประจำปี 2557 รางวัลพิธีกรยอดเยี่ยม จากรายการ “ปริศนาฟ้าแลบ” ปี 2558- รางวัล Creative Entertainment Award ในงานประกาศรางวัล Me Awards 2015 - รางวัลเชิดชูเกียรติพิเศษรายการโทรทัศน์ผู้สร้างโอกาสศิลปินลูกทุ่ง จัดโดยกระทรวงวัฒนธรรม - รางวัล “พิฆเนศวร” ครั้งที่ 4 ประจำปี 2558 รางวัลพิธีกรชายดีเด่น จากรายการปริศนาฟ้าแลบ - รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 30 ประจำปี 2558 รางวัลผู้ดำเนินรายการเกมโชว์ดีเด่น จากรายการปริศนาฟ้าแลบ - สุดยอดนักธุรกิจแห่งปี 2558 จากผลโหวตในเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ http://www.bangkokbiznews.com/businessoftheyear/ ปี 2559- รางวัลบุคคลสำคัญแห่งปี WORLD TOP AWARD สาขา CEO บริหารบันเทิงแห่งปี - โล่ประกาศเกียรติคุณจากสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ที่ให้การสนับสนุนการดำเนินงานของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ ในวันแม่แห่งชาติ 2559 - รางวัลพิธีกรชายขวัญใจมหาชน ประจำปี 2559 ในงานประกาศรางวัล Maya Awards “มายามหาชน 2016” จากรายการปริศนาฟ้าแลบ - รางวัล ASIAN TELEVISION AWARDS 2016 - Best Entertainment Presenter : Winner พิธีกรชายยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย จากรายการ ปริศนาฟ้าแลบ (ชนะเลิศ สมัยที่ 4) ปี 2561- รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 32 สาขารางวัลเกียรติยศคนทีวีเครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - พ.ศ. 2540 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้น เหรียญทองดิเรกคุณาภรณ์
| มารดาของปัญญา นิรันดร์กุล คือใคร | {
"answer": [
"อำพัน นิรันดร์กุล"
],
"answer_begin_position": [
399
],
"answer_end_position": [
416
]
} |
3,910 | 41,917 | พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) อำมาตย์เอก พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) (10 พฤษภาคม พ.ศ. 2422 - 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2484) เป็นนักเขียน ผู้เชี่ยวชาญทางภาษาไทย ท่านใช้นามปากกาหลายนาม ที่รู้จักกันแพร่หลาย คือ "อ.น.ก.", "อุนิกา", "อนึก คำชูชีพ" และเป็นผู้ริเริ่มคำทักทายคำว่า "สวัสดี" และยังเป็นผู้อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาทางการแพทย์หรือที่เรียกว่าอาจารย์ใหญ่ เป็นท่านแรกของประเทศไทย โดยกล่าวว่า "ฉันเป็นครู ตายแล้วขอเป็นครูต่อไป"ประวัติ ประวัติ. พระยาอุปกิตศิลปสารมีนามเดิมว่า นิ่ม กาญจนาชีวะ เป็นบุตรของ นายหว่าง และ นางปลั่ง เกิดวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2422 ศึกษาหาความรู้ภาษาไทยเบื้องต้นที่วัดบางประทุนนอก อำเภอบางขุนเทียน จังหวัดธนบุรี (ปัจจุบันคือจังหวัดกรุงเทพมหานคร) และที่วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ต่อมาได้บวชเป็นสามเณรและเป็นพระภิกษุที่วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร สมเด็จพระวันรัต (แดง สีลวฑฺฒโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ ระหว่างที่บวชได้ศึกษาพระธรรมวินัย จนสอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยค และศึกษาวิชาครู พระยาอุปกิตศิลปสารได้เริ่มเข้ารับราชการเป็นครูฝึกสอน ที่โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์สายสวลี ต่อมาได้ย้ายไปสอนที่โรงเรียนสวนกุหลาบ วัดมหาธาตุ และ โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์บ้านสมเด็จเจ้าพระยา นอกจากเป็นครูแล้ว พระยาอุปกิตศิลปสารยังเคยดำรงตำแหน่งข้าหลวงตรวจการ พนักงานกรมราชบัณฑิต หัวหน้าการพิมพ์แบบเรียน หัวหน้าแผนกอภิธานสยาม ปลัดกรมตำราและอาจารย์ประจำกรมศึกษาธิการ และได้เลื่อนยศบรรดาศักดิ์มาตามลำดับ จนในปี พ.ศ. 2467 จึงได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นพระยาอุปกิตศิลปสาร มีตำแหน่งในกระทรวงศึกษาธิการ ถือศักดินา 1,000 และมียศเป็นอำมาตย์เอก พระยาอุปกิตศิลปสารเป็นผู้มีความรู้เชี่ยวชาญทางภาษาไทย ภาษาบาลี และวรรณคดีไทย อีกทั้งท่านยังเป็น อาจารย์พิเศษแผนกภาษาไทยและภาษาโบราณตะวันออกในคณะอักษรศาสตร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาจารย์พิเศษสอนภาษาไทยในชุดครูมัธยม และเป็นกรรมการชำระปทานุกรม ท่านถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2484ผลงานผลงาน. - ตำราไวยากรณ์ไทย 4 เล่ม ได้แก่ อักขรวิธี วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ และ ฉันทลักษณ์ - สงครามภารตะคำกลอน - คำประพันธ์บางเรื่อง - ผู้ที่ริเริ่มใช้คำว่า "สวัสดี" - กลอนสุภาพ พ่อแม่รังแกฉัน - กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า (ปรับจาก Elegy Written in a Country Churchyard)- ได้รับการบรรจุเป็นแบบเรียนสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษามานานนับ 10 ปีเครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - พ.ศ. 2470 - เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ร.ด.ม.(ศ))
| พระยาอุปกิตศิลปสาร หรือ นิ่ม กาญจนาชีวะ เกิดเมื่อวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"10"
],
"answer_begin_position": [
654
],
"answer_end_position": [
656
]
} |
3,911 | 41,917 | พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) อำมาตย์เอก พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) (10 พฤษภาคม พ.ศ. 2422 - 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2484) เป็นนักเขียน ผู้เชี่ยวชาญทางภาษาไทย ท่านใช้นามปากกาหลายนาม ที่รู้จักกันแพร่หลาย คือ "อ.น.ก.", "อุนิกา", "อนึก คำชูชีพ" และเป็นผู้ริเริ่มคำทักทายคำว่า "สวัสดี" และยังเป็นผู้อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาทางการแพทย์หรือที่เรียกว่าอาจารย์ใหญ่ เป็นท่านแรกของประเทศไทย โดยกล่าวว่า "ฉันเป็นครู ตายแล้วขอเป็นครูต่อไป"ประวัติ ประวัติ. พระยาอุปกิตศิลปสารมีนามเดิมว่า นิ่ม กาญจนาชีวะ เป็นบุตรของ นายหว่าง และ นางปลั่ง เกิดวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2422 ศึกษาหาความรู้ภาษาไทยเบื้องต้นที่วัดบางประทุนนอก อำเภอบางขุนเทียน จังหวัดธนบุรี (ปัจจุบันคือจังหวัดกรุงเทพมหานคร) และที่วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ต่อมาได้บวชเป็นสามเณรและเป็นพระภิกษุที่วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร สมเด็จพระวันรัต (แดง สีลวฑฺฒโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ ระหว่างที่บวชได้ศึกษาพระธรรมวินัย จนสอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยค และศึกษาวิชาครู พระยาอุปกิตศิลปสารได้เริ่มเข้ารับราชการเป็นครูฝึกสอน ที่โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์สายสวลี ต่อมาได้ย้ายไปสอนที่โรงเรียนสวนกุหลาบ วัดมหาธาตุ และ โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์บ้านสมเด็จเจ้าพระยา นอกจากเป็นครูแล้ว พระยาอุปกิตศิลปสารยังเคยดำรงตำแหน่งข้าหลวงตรวจการ พนักงานกรมราชบัณฑิต หัวหน้าการพิมพ์แบบเรียน หัวหน้าแผนกอภิธานสยาม ปลัดกรมตำราและอาจารย์ประจำกรมศึกษาธิการ และได้เลื่อนยศบรรดาศักดิ์มาตามลำดับ จนในปี พ.ศ. 2467 จึงได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นพระยาอุปกิตศิลปสาร มีตำแหน่งในกระทรวงศึกษาธิการ ถือศักดินา 1,000 และมียศเป็นอำมาตย์เอก พระยาอุปกิตศิลปสารเป็นผู้มีความรู้เชี่ยวชาญทางภาษาไทย ภาษาบาลี และวรรณคดีไทย อีกทั้งท่านยังเป็น อาจารย์พิเศษแผนกภาษาไทยและภาษาโบราณตะวันออกในคณะอักษรศาสตร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาจารย์พิเศษสอนภาษาไทยในชุดครูมัธยม และเป็นกรรมการชำระปทานุกรม ท่านถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2484ผลงานผลงาน. - ตำราไวยากรณ์ไทย 4 เล่ม ได้แก่ อักขรวิธี วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ และ ฉันทลักษณ์ - สงครามภารตะคำกลอน - คำประพันธ์บางเรื่อง - ผู้ที่ริเริ่มใช้คำว่า "สวัสดี" - กลอนสุภาพ พ่อแม่รังแกฉัน - กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า (ปรับจาก Elegy Written in a Country Churchyard)- ได้รับการบรรจุเป็นแบบเรียนสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษามานานนับ 10 ปีเครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - พ.ศ. 2470 - เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ร.ด.ม.(ศ))
| บิดาของพระยาอุปกิตศิลปสาร คือใคร | {
"answer": [
"นายหว่าง"
],
"answer_begin_position": [
621
],
"answer_end_position": [
629
]
} |
3,912 | 97,758 | พระราชวังสนามจันทร์ พระราชวังสนามจันทร์ ตั้งอยู่ในตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ห่างจากพระปฐมเจดีย์ประมาณ 2 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 888 ไร่ 3 งาน 24 ตารางวา สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังจากพระองค์สวรรคต พระราชวังสนามจันทร์ใช้เป็นที่ทำการของส่วนราชการต่าง ๆ ของจังหวัดนครปฐม รวมทั้งเป็นวิทยาเขตหนึ่งของมหาวิทยาลัยศิลปากร ปัจจุบัน พระราชวังสนามจันทร์อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักพระราชวัง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2560 พระราชวังสนามจันทร์ ประกาศปิดปรับปรุงโดยไม่มีกำหนดเปิด มีการติดป้ายประกาศบริเวณด้านหน้าทางเข้าโดยมีข้อความว่า "พระราชวังสนามจันทร์ของดการเข้าชม ออกกำลังกาย และสักการะเพื่อทำการปรับปรุง ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2560"ประวัติ ประวัติ. พระราชวังสนามจันทร์เป็นพระราชวังที่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นบนบริเวณที่คาดว่าเป็นพระราชวังเก่าของกษัตริย์สมัยโบราณที่เรียกว่า"เนินปราสาท" เพื่อเป็นสถานที่ประทับครั้งมานมัสการพระปฐมเจดีย์ และเมื่อบ้านเมืองถึงยามวิกฤต พระราชวังใช้เวลาก่อสร้างนาน 4 ปี โดยมี หลวงพิทักษ์มานพ (น้อย ศิลปี) ซึ่งต่อมาได้รับโปรดเกล้าฯ เลื่อนยศเป็นพระยาวิศุกรรมศิลปประสิทธิ์ (น้อย ศิลปี) เป็นแม่งาน และสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2450 เมื่อสร้างแล้วเสร็จจึงได้พระราชทานนามว่า "พระราชวังสนามจันทร์" ตามชื่อสระน้ำโบราณหน้าโบสถ์พราหมณ์ (ปัจจุบันไม่มีโบสถ์พราหมณ์เหลืออยู่แล้ว) "สระน้ำจันทร์" หรือ "สระบัว" พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชพินัยกรรมแสดงพระราชประสงค์ยกพระราชวังสนามจันทร์ให้เป็นสถานที่ตั้งของโรงเรียนนายร้อยทหารบก โดยมีใจความว่า กรมศิลปากรได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้พระราชวังสนามจันทร์เป็นโบราณสถาน ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 98 ตอนที่ 177 วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2524 ในปัจจุบัน พระราชวังสนามจันทร์อยู่ในความดูแลของสำนักพระราชวัง โดยเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2546 คณะกรรมการอำนวยการบูรณะพระราชวังสนามจันทร์ ซึ่งมีสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นองค์ประธาน ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย นายนาวิน ขันธหิรัญ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม และมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยรองศาสตราจารย์ลิขิต กาญจนาภรณ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ ได้น้อมเกล้าฯ ถวายคืนพระราชวังสนามจันทร์แก่สำนักพระราชวัง เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2560 ได้มีประกาศปลดนายสัญชาติ วัชราภิรักษ์ ข้าราชการพลเรือนในพระองค์ ตำแหน่งผู้อำนวยการพระราชวังสนามจันทร์ออกจากตำแหน่งสิ่งก่อสร้างพระที่นั่งสิ่งก่อสร้าง. พระที่นั่ง. - พระที่นั่งพิมานปฐม พระที่นั่งพิมานปฐม เป็นพระที่นั่งองค์แรกที่สร้างขึ้นเมื่อราวปี พ.ศ. 2450 เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น แบบตะวันตก แต่ดัดแปลงให้เหมาะกับเมืองร้อน ช่องระบายลมและระเบียงลูกกรงโดยรอบฉลุฉลักเป็นลวดลายตามแบบไทยอย่างประณีตงดงาม พระที่นั่งชั้นบนประกอบด้วยห้องต่าง ๆ ซึ่งยังมีป้ายชื่อปรากฏอยู่จวบจนปัจจุบัน คือห้องบรรทม ห้องสรง ห้องบรรณาคม ห้องภูษา ห้องเสวย และห้องพระเจ้า ซึ่งเป็นหอพระ มีพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาอยู่องค์หนึ่ง และยังมีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังฝีมือ พระยาอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) ซึ่งงดงามน่าชมมาก พระที่นั่งองค์นี้ใช้เป็นที่ประทับ (โดยเฉพาะก่อนเสด็จฯ ขึ้นเถลิงถวัลราชย์สมบัติ จนถึงปี พ.ศ. 2458) ที่ทรงพระอักษร ที่เสด็จออกขุนนาง ที่รับรองพระราชอาคันตุกะ และออกให้ราษฎรเข้าเฝ้าฯ มากกว่าพระที่นั่ง และพระตำหนักองค์อื่น ๆ ในปัจจุบันบนพระที่นั่งได้จัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว- พระที่นั่งอภิรมย์ฤดี พระที่นั่งอภิรมย์ฤดี ตั้งอยู่ด้านใต้ของพระที่นั่งพิมานปฐม เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้นแบบตะวันตก ประดับลวดลายไม้ฉลุเหมือนกับพระที่นั่งพิมานปฐมโดยมีทางเชื่อมกับพระที่นั่งพิมานปฐม ใช้เป็นที่ประทับเจ้านายฝ่ายในในสมัยนั้น ปัจจุบันพระที่นั่งอภิรมย์ฤดีชั้นบนจัดแสดงห้องพระบรรทม ห้องทรงงาน เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศในสมัยก่อน ในปัจจุบันบนพระที่นั่งได้จัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีและสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี- พระที่นั่งวัชรีรมยา พระที่นั่งวัชรีรมยา เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2460 พระที่นั่งองค์นี้มีลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบไทยแท้วิจิตรงดงามตระการตา หลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบเป็นหลังคา 2 ชั้นเหมือนกับหลังคาในพระบรมมหาราชวัง มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ นาคสะดุ้ง คันทวย มีมุขเด็จด้านทิศใต้ หน้าบันมุขเด็ดแกะสลักเป็นเข็มวชิราวุธอยู่ภายใต้วงรัศมีมีกรอบล้อมรอบ พร้อมด้วยลายกนกลงรักปิดทอง หน้าพระที่นั่งมีชานชาลาทอดยาวออกมาจรดกับพระที่นั่งพิมานปฐมด้วย พระทวารของบัญชรทั้ง 2 ชั้นของพระที่นั่งองค์นี้มีลักษณะคล้ายกับเรือนแก้ว เป็นบันแถลงเสียบไว้ด้วยยอดวชิราวุธภายในมีเลข 6 อยู่ในลายพิจิตรเลขาเป็นมหามงกุฎ มีลายกนกลงรักปิดทองล้อมรอบบนพื้นที่ประดับตกแต่งไปด้วยกระจกสีน้ำเงิน พื้นเพดานชั้นบนของพระที่นั่งองค์นี้ทาด้วยสีแดงสดเข้มมีดอกดวงประดับประดาละเอียดอ่อนทำด้วยไม้แกะสลักปิดทอง ส่วนชั้นล่างนอกจากจะทาสีแดงและปิดทองแล้วนั้นชั้นล่างมีความแตกต่างกันตรงที่ลายฉลุนั้นเป็นดาวประดับพระที่นั่งองค์นี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงใช้เป็นที่ประทับเป็นครั้งคราว โดยมากจะใช้เป็นห้องทรงพระอักษรในปี พ.ศ. 2462 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จไปทรงซ้อมรบเสือป่าที่อำเภอบ้านโป่ง อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี และพระองค์เสด็จกลับมาประทับ ณ พระที่นั่งองค์นี้เป็นเวลา 1 คืนก่อนจะเสด็จไปประทับ ณ พระราชวังนันทอุทยาน 1 เดือนและกลับมาที่พระราชวังสนามจันทร์เป็นเวลา 1 สัปดาห์ก่อนกลับพระบรมมหาราชวัง- พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ เป็นพระที่นั่งที่มีส่วนเชื่อมต่อกับใกล้เคียงคือพระที่นั่งวัชรีรมยา หน้าบันพระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์อยู่ทางทิศเหนือเป็นรูปหลักท้าวอมรินทราธิราชประทานพรประทับอยู่ในปราสาทสามยอด พระหัตถ์ขวาทรงวชิระ พระหัตถ์ซ้ายทรงประทานพร แวดล้อมด้วยบริวารซึ่งประกอบด้วยเทวดาและมนุษย์ 5 หมู่ ท้องพระโรงยกพื้นสูงจากพื้นดินประมาณ 1 เมตรมีอัฒจันทร์ 2 ข้างต่อกับพระที่นั่งวัชรีรมยา มีพระทวารเปิดถึงกัน 2 ข้าง ซุ้มพระทวารทั้ง 2 และซุ้มพระบัญชรใกล้ ๆ พระทวารทั้ง 2 ข้างแกะสลักเป็นรูปกีรติ มุขลงรักปิดทองภายในพระที่นั่งโดยรอบ มีเสานางจรัลแบ่งเขตท้องพระโรงกับเฉลียงส่วนที่เป็นเฉลียงลดต่ำลงมา 20 เซนติเมตร เสานางจรัลมีลักษณะเป็นเสาทรง 8 เหลี่ยมเช่นเดียวกับพระที่นั่งวัชรีรมยา ทำเป็นลายกลีบบัวจงกลโดยรอบเสาตลอดทั้งต้น เพดานพระที่นั่งมีลักษณะเช่นเดียวกับเพดานชั้นล่างพระที่นั่งวัชรีรมยา เพดานสีแดงเข้มปิดทองฉลุเป็นลายดาวประดับมีโคมขวดห้อยอย่างงดงาม พระที่นั่งองค์นี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงใช้เป็นสถานที่จัดงานหลายอย่าง เช่น งานสโมสรสันนิบาต เสด็จฯ ออกพบปะขุนนาง เป็นสถานที่ฝึกอบรมกองเสือป่า และใช้เป็นที่แสดงโขนละครต่าง ๆ เนื่องจากพระที่นั่งองค์นี้กว้างขวางและสามารถจุคนเป็นจำนวนมาก จึงมีชื่อเรียกติดปากชาวบ้านว่า "โรงโขน" ซึ่งครั้งหนึ่งพระองค์ได้เคยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระมหาเศวตฉัตรมาประดิษฐานไว้ภายในนี้ด้วย เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2456 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงใช้พระที่นั่งองค์นี้ในพระราชพิธีพระราชทานเหรียญตราแก่นายทหาร และทรงประกอบพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาแก่ทหารรวมทั้งเสือป่า และวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2465 มีงานพระราชทานเลี้ยงแก่พระอินทราณี เนื่องในวันเกิด และให้ร่วมประทับโต๊ะเสวยพร้อมด้วยเจ้านายและข้าราชการ มีพระราชดำรัสว่าวันนี้พระองค์จะทรงหลั่งพระมหาสังข์แก่พระอินทราณี และทรงมีพระบรมราชโองการให้สถาปนาขึ้นเป็น พระวรราชชายาเธอ พระอินทรศักดิศจี (พระยศในขณะนั้น)- พระที่นั่งปาฏิหาริย์ทัศไนย พระที่นั่งปาฏิหาริย์ทัศไนย เป็นพระที่นั่งโถงทรงไทย สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2457 หลังจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรปาฏิหาริย์แห่งพระปฐมเจดีย์เมื่อครั้งเสด็จไปประทับ ณ พระราชวังสนามจันทร์ หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงวังย้ายพระที่นั่งปาฏิหาริย์ทัศไนยมาประดิษฐานบนชาลาด้านหน้าพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เมื่อปี พ.ศ. 2470 และกรมศิลปากรได้อัญเชิญพระที่นั่งปาฏิหาริย์ทัศไนยไปประดิษฐานยังสนามหญ้าด้านทิศเหนือของพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย ในปี พ.ศ. 2550 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระราชวังสนามจันทร์ โดยผู้ดูแลพระราชวังได้กราบบังคมทูลขอให้มีการอัญเชิญพระที่นั่งปาฏิหาริย์ทัศไนยกลับมาประดิษฐาน ณ พระราชวังสนามจันทร์ พระองค์จึงมีพระราชดำริให้สำนักพระราชวังส่งหนังสือมายังกรมศิลปากร ในการอัญเชิญพระที่นั่งปาฏิหาริย์ทัศไนยกลับมาประดิษฐาน ณ พระราชวังสนามจันทร์ดังเดิม หลังจากการบูรณะซ่อมแซมเป็นที่เรียบร้อยแล้วพระตำหนักพระตำหนัก. - พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ เป็นพระตำหนักที่โดดเด่นที่สุดในหมู่พระตำหนักและพระที่นั่งในพระราชวังสนามจันทร์ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของสนามใหญ่ สร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 2451 โดยมีหม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์ กฤดากร เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบ เป็นพระตำหนัก 2 ชั้น หลังคามุงกระเบื้องสีแดง ชั้นบนมีเพียง 2 ห้อง ชั้นล่างมี 2 ห้อง มีระเบียงล้อมรอบ 3 ด้านของตัวพระตำหนักทั้ง 2 ชั้น จุดเด่นของพระตำหนักองค์นี้คือสถาปัตยกรรมที่มีลักษณะคล้ายกับปราสาทซึ่งเป็นการผสมระหว่างศิลปะเรอแนซ็องส์ของประเทศฝรั่งเศส กับอาคารแบบฮาล์ฟ ทิมเบอร์ของประเทศอังกฤษ แต่ดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพอากาศในประเทศไทย ผังอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบสมมาตร เป็นอาคาร 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นห้องบันได อีกด้านหนึ่งเป็นห้องเสวยและห้องส่งเครื่อง ชั้นบนประกอบด้วยทางเดินกลางแบ่งอาคารเป็น 2 ข้าง แต่ละข้างมีห้องใหญ่เป็นห้องบรรทม และห้องเล็กเป็นห้องทรงพระอักษร ล้อมด้วยระเบียงสามด้านยกเว้นด้านหลัง ทางด้านตะวันออกและตะวันตกมีเฉลียงเป็นรูปครึ่งวงกลมประกอบด้วยเสาขนาดใหญ่ หลังคามุงด้วยกระเบื้องสีแดง จุดเด่นของพระตำหนักอยู่ที่ป้อมหรือหอคอยที่มุมอาคาร ยอดหลังคาเป็นกรวยแหลม นอกจากนี้ทางเข้ากลางด้านหน้ายังทำเป็นมุขแบบชนบท ลายซุ้มหน้าบันเหนือระเบียงมีลายแบบยุคกลางของยุโรป ด้านใต้มีประตูเปิดไปสู่ฉนวนซึ่งทอดยาวไปพระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์- พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ เป็นพระตำหนัก 2 ชั้น สร้างด้วยไม้สักทอง ทาสีแดง มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิกของประเทศทางตะวันตก แต่ได้มีการปรับปรุงองค์ประกอบบางส่วน ให้เหมาะกับภูมิอากาศแบบเมืองร้อน พระตำหนักองค์นี้สร้างขึ้นคู่กับพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ โดยมีฉนวนทางเดินทำเป็นสะพานจากชั้นบนด้านหลังของพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ ข้ามคูน้ำเชื่อมกับชั้นบนด้านหน้าของพระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ สะพานดังกล่าวหลังคามุงกระเบื้องและติดหน้าต่างกระจกทั้งสองด้าน ตลอดความยาวของสะพานที่เชื่อมติดต่อถึงกัน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักนี้ ในราวปี พ.ศ. 2459 โดยมีหม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์ กฤดากร เป็นสถาปนิกออกแบบ รูปแบบสถาปัตยกรรมภายนอกคล้ายกระท่อมไม้ในชนบททาสีแดง หลังคาทรงปั้นหยายกจั่วสูง ผังอาคารเป็นรูปไม้กางเขนแต่แขนยาวไม่เท่ากัน ภายในแบ่งออกเป็น 2 ชั้น โดยชั้นล่างด้านตะวันออกเป็นโถงใหญ่โล่งถึงชั้นบน ส่วนแกนเหนือใต้เป็นห้องโถงทางเข้าด้านหนึ่ง และห้องนอนมหาดเล็กชั้นบนมี 4 ห้อง ได้แก่ ห้องโถงทางทิศเหนือมีประตูเปิดสู่ฉนวนน้ำที่เชื่อมกับพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ ห้องทรงพระอักษรอยู่ทางทิศเหนือ ห้องบรรทมอยู่ทางทิศใต้มีประตูออกสู่ระเบียง และห้องสรงอยู่ด้านตะวันตกของห้องพระบรรทม- พระตำหนักทับแก้ว พระตำหนักทับแก้ว เป็นอาคาร 2 ชั้น ตั้งอยู่ที่เชิงสะพานสุนทรถวาย เป็นที่ประทับในฤดูหนาวของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นที่ตั้งของกองบัญชาการเสือป่า กองเสนารักษ์ราบเบารักษาพระองค์ระหว่างที่มีการซ้อมรบเสือป่า รวมทั้งเป็นสถานที่พระราชทานสัญญาบัตรแก่ข้าราชการ และเป็นที่ประทับพักผ่อนพระอิริยาบถและเสวยพระสุธารส ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบตะวันตก เป็นตึก 2 ชั้นขนาดเล็กทาสีเขียวอ่อน ภายในมีเตาผิงและหลังคาปล่องไฟตามบ้านของชาวตะวันตก ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปนที่พักของปลัดจังหวัดนครปฐม จนกระทั่งได้รับการบูรณะในปี พ.ศ. 2546 พระตำหนักทับแก้ว เคยเป็นวิทยาลัยทับแก้วของมหาวิทยาลัยศิลปากร ทำให้มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ ชื่อว่า "ม.ทับแก้ว" ปัจจุบัน สำนักพระราชวังได้อนุญาตให้สมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย ดำเนินการจัดแสดงเป็น "พิพิธภัณฑ์คณะฟุตบอลแห่งสยาม" เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้าในพระราชกรณียกิจด้านกีฬาฟุตบอลของชาติ- พระตำหนักทับขวัญ พระตำหนักทับขวัญ เป็นหมู่เรือนไทย มีชานเชื่อมต่อกันหมด เช่นหอนอน 2 หอ เรือนโถง เรือนครัว หอนกอยู่ที่มุมของเรือน ใช้วิธีเข้าไม้แบบโบราณ ฝาเรือนทำเป็นฝาไม้ปะกนกรอบลูกฟังเชิงชายและไม้ค้ำยันสลักสวยงาม ออกแบบโดยพระยาวิศุกรรมศิลปประสิทธิ์ (น้อย ศิลปี) เป็นนายช่างผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างรอบ ๆ เรือนปลูกไม้ไทย เช่น นางแย้ม นมแมว ต้นจัน และจำปี และพระตำหนักหลังนี้ได้รับการบูรณะเมื่อครั้งพระราชพิธีสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อรักษาศิลปะบ้านไทยแบบโบราณ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีขึ้นพระตำหนักใหม่ เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2454 พระองค์ได้ประทับแรม ณ พระตำหนักองค์นี้เป็นเวลา 1 คืน และเมื่อมีการซ้อมรบเสือป่า พระตำหนักองค์นี้ใช้เป็นที่ตั้งกองบัญชาการเสือป่าราบหนักรักษาพระองค์เรือน เรือน. ในพระราชวังสนามจันทร์มีเรือนต่าง ๆ ดังนี้- เรือนพระนนทิการ เดิมเป็นบ้านพักของเจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (หม่อมราชวงศ์ปุ้ม มาลากุล) เป็นเรือนไม้สักชั้นเดียวยกพื้นใต้ถุนสูง และเคยใช้เป็นบ้านพักของผู้ว่าราชการจังหวัด- เรือนพระธเนศวร เดิมเป็นบ้านพักของพระยาอุดมราชภักดี (โถ สุจริตกุล) ในสมัยรัชกาลที่ 6 และใช้เป็นบ้านพักของ พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ อธิบดีผู้พิพากษาในสมัยรัชกาลที่ 7 เป็นเรือนไม้สักชั้นเดียวยกใต้ถุนสูง ตั้งอยู่บนเกาะในลำคูพระราชวังสนามจันทร์ด้านทิศเหนือ มีเนื้อที่ประมาณ 250 ตารางเมตร จัดเป็นเรือนไม้ขนาดใหญ่ปานกลาง มีศาลาริมน้ำซึ่งมีสะพานเชื่อมกับตัวเรือน มีลวดลายฉลุตกแต่งแบบเรือนขนมปังขิงที่งดงาม- เรือนทับเจริญ เดิมเป็นบ้านพักของเจ้าพระยารามราฆพ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ) อธิบดีกรมมหาดเล็ก เป็นเรือนไม้ทรงปั้นหยายกพื้นใต้ถุนสูง- เรือนพระกรรมสักขี เดิมเป็นบ้านพักที่ของพระยาอภัยภูเบศร (เลื่อม อภัยวงศ์) และบุตรี เครือแก้ว อภัยวงศ์ (ต่อมาเป็น พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี) ครั้งยังทรงพระเยาว์ เป็นเรือนไม้สัก โดยในปัจจุบันทางมหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ทำการบูรณะเรือนแห่งนี้ใหม่- เรือนพระสุรภี เดิมเป็นบ้านพักของท้าวอินทรสุริยา (เชื้อ พึ่งบุญ) โดยในปัจจุบันทางมหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ทำการบูรณะเรือนแห่งนี้ใหม่- เรือนราชมนู เดิมเป็นบ้านพักของราชองครักษ์- เรือนชานเล็ก เดิมเป็นบ้านพักของข้าราชการกรมมหรสพ- เรือนพระนนทิเสน - เรือนสุภรักษ์ - เรือนชาวที่ - เรือนคฤหบดี - เรือนพระเอกทันต์ - เรือนพระกรรติเกยะ - เรือนที่พักพระตำรวจหลวง - คลังแสงสถานที่อื่น ๆสถานที่อื่น ๆ. - เทวาลัยคเณศร์ เทวาลัยคเณศร์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น ณ ที่อันเป็นศูนย์กลางของพระราชวังสนามจันทร์ สำหรับประดิษฐานพระพิฆเนศ ซึ่งนับถือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความรู้ เป็นผู้มีปัญญาเป็นเลิศ ปราดเปรื่องในศิลปวิทยาทุกแขนง และเพื่อความเป็นสิริมงคลแห่งพระราชวังสนามจันทร์ และเมื่อมองจากพระที่นั่งพิมานปฐม จะเห็นพระปฐมเจดีย์ เทวาลัยคเณศร์ และพระที่นั่งพิมานปฐมอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน- อนุสาวรีย์ย่าเหล อนุสาวรีย์ย่าเหล เป็นอนุสาวรีย์ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงย่าเหล สุนัขทรงเลี้ยง โดยประดิษฐานไว้หน้าพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์- พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระบรมรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับนั่ง ฉลองพระองค์ชุดเสือป่าราบหลวงอย่างเก่าแบบทรงม้า เป็นฝีมือของช่างจากกรมศิลปากร ส่วนราชการจังหวัดฯ ได้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้กลางพระราชวังสนามจันทร์ หลังเทวาลัยคเณศร์ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2525- ศาลาธรรมมุเทศน์โอฬาร ศาลาธรรมมุเทศน์โอฬาร ในราชกิจจานุเบกษาใช้ว่า "ศาลาธรรมเทศน์โอฬาร" คือ "ธรรมศาลาสำหรับพระราชวังสนามจันทร์" เป็นศาลาที่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประชุมใหญ่และอบรมเสือป่า เนื่องจากเสือป่ามีจำนวนมากขึ้นทุกปี เมื่อมีการประชุมใหญ่พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์จุเสือป่าได้ไม่เพียงพอ แต่จนสิ้นรัชกาลก็ไม่มีการสร้างศาลานี้- ปราสาทศรีวิไชย ปราสาทศรีวิไชย เป็นอนุสาวรีย์แห่งพระเจ้ากรุงศรีวิไชย ตั้งอยู่บนเนินปราสาทเก่า อย่างไรก็ดีตลอดจนสิ้นรัชกาลไม่ปรากฏว่าได้สร้างปราสาทศรีวิไชยขึ้นถนนในพระราชวัง ถนนในพระราชวัง. ในพระราชวังสนามจันทร์มีถนนที่สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมีถนนสายใหญ่ ๆ 2 สาย ดังนี้- ถนนราชดำเนินใน - ถนนราชดำริห์ใน และยังมีถนนสายเล็ก ๆ อีกดังต่อไปนี้- ถนนไก่ป่า - ถนนพญามังกร - ถนนฆรสรณี - ถนนสีมรกฏ - ถนนกลดหรูหรา - ถนนเมฆลาโยนมณี - ถนนปิติยาลัย - ถนนไวเวลา - ถนนฑีฆาภิรมย์ - ถนนอาคมคเชนทร์ - ถนนกระเวนสัญจร - ถนนกลอนสิบสอง - ถนนฆ้องปลาศ - ถนนระนาดประไลย - ถนนไฟสะดุ้ง - ถนนรุ่งสว่าง - ถนนส่างแสง - ถนนแย่งระบำ - ถนนดำนฤมิตรสะพานในพระราชวัง สะพานในพระราชวัง. สะพานในพระราชวังมีสะพานต่าง ๆ ดังนี้- สะพานรามประเวศน์ - สะพานนเรศวร์จรลี - สะพานจักรียาตรา - สะพานสุนทรถวายสิ่งก่อสร้างในอดีตสิ่งก่อสร้างในอดีต. - ศาลาลงสรง เป็นศาลาทรงจตุรมุข สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวสำหรับทรงลงสรงน้ำ ต่อมารัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รื้อศาลาลงสรงและพระที่นั่งปาฏิหารย์ทัศนัยมาประดิษฐานไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร- โรงละคร เป็นโรงละครที่สร้างขึ้นข้างพระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ สร้างขึ้นในเดือนมกราคม พ.ศ. 2461 เป็นโรงละครที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างขึ้น โดยโปรดที่จะมาซ้อมละครอยู่ทุกวันและมีการเล่นละครทุก ๆ คืน ปัจจุบันถูกรื้อไปสร้างเป็นโรงพยาบาลเรือนจำจังหวัดนครปฐม- สถานีรถไฟหลวงพระราชวังสนามจันทร์ ปัจจุบันย้ายไปประกอบใหม่ ตั้งอยู่ที่สถานีรถไฟหัวหิน- เก๋งรถไฟ ปัจจุบันถูกรื้อไปสร้างเป็นกุฏิพระสงฆ์วัดเสนหาพระอารามหลวง- ศาลาเล็ก ปัจจุบันถูกรื้อไปสร้างเป็นห้องสมุดที่วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหารการเดินทางทางรถยนต์ การเดินทาง. ทางรถยนต์. ให้ใช้แยกนครชัยศรีเป็นหลัก ซึ่งถ้าวิ่งมาจากกรุงเทพมหานครจะสามารถมาได้จากถนนเพชรเกษม และถนนบรมราชชนนี เพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครปฐม ทั้งสองเส้นทางด้านบนจะต้องผ่านแยกนครชัยศรี จากแยกนครชัยศรี ขับตรงไปประมาณ 8.5 กิโลเมตร จะถึงแยกบ้านแพ้ว (ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปบ้านแพ้ว ถ้าตรงไปจะไปนครปฐม) ให้ขับตรงไปอีกประมาณ 500 เมตร จะพบสะพานไปตัวเมืองนครปฐม ให้ขับขึ้นสะพาน (ถ้าตรงไปจะไปจังหวัดราชบุรี) จากนั้นขับตรงไปอีกประมาณ 3.4 กิโลเมตร จะพบ 4 แยกไฟแดง (ถ้าตรงไปก็คือพระปฐมเจดีย์ ถ้าเลี้ยวขวาจะเข้าไปยังตลาดนครปฐม ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปจังหวัดสุพรรณบุรี) เลี้ยวซ้าย แล้วขับตรงไปประมาณ 200 เมตร จากนั้นเลี้ยวขวา แล้วขับตรงไปประมาณ 1.9 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวขวาที่ไฟแดง เลี้ยวขวาแล้วให้ขับตรงไปประมาณ 400 เมตร ก็จะถึงพระราชวังสนามจันทร์ทางรถโดยสารประจำทาง ทางรถโดยสารประจำทาง. จากสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (ถนนบรมราชชนนี) (สายใต้ใหม่) นั่งรถสายกรุงเทพฯ-สุพรรณบุรี (รถปรับอากาศชั้น 2 สายเก่า) / กรุงเทพฯ-ดำเนินสะดวก / กรุงเทพฯ-ราชบุรี (รถปรับอากาศชั้น 2) / กรุงเทพฯ-กาญจนบุรี (รถปรับอากาศชั้น 2) ไปลงที่ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จากนั้นเดินเท้าประมาณ 400 เมตร จะถึงพระราชวังสนามจันทร์ทางรถไฟ ทางรถไฟ. มีขบวนรถไฟจากสถานีรถไฟกรุงเทพ / สถานีรถไฟธนบุรี ไปยังสถานีรถไฟนครปฐมวันละหลายขบวน จากนั้นต่อรถรถจักรยานยนต์รับจ้างไปพระราชวังสนามจันทร์ รถไฟจากสถานีรถไฟธนบุรีหลายขบวนหยุดที่ ที่หยุดรถไฟพระราชวังสนามจันทร์ สามารถเข้าพระราชวังสนามจันทร์ผ่านทางด้านมหาวิทยาลัยศิลปากร
| พระราชวังสนามจันทร์ในจังหวัดนครปฐม สร้างขึ้นโดยพระมหากษัตริย์พระองค์ใด | {
"answer": [
"พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว"
],
"answer_begin_position": [
281
],
"answer_end_position": [
317
]
} |
3,913 | 130,058 | ภาษาอะดีเกยา ภาษาอะดืยเก (адыгэбзэ adygebze, adəgăbză; ) เป็นภาษาราชการของสาธารณรัฐอะดืยเกียในรัสเซีย มีผู้พูดเป็นภาษาแม่ในรัสเซีย 125,000 คน และอีก 300,000 คนในตุรกี จัดอยู่ในภาษากลุ่มคอเคซัสตะวันออกเฉียงเหนือ เคยเขียนด้วยอักษรอาหรับและอักษรละติน ปัจจุบันเขียนด้วยอักษรซีริลลิก การเรียงประโยคเป็นแบบประธาน-กรรม-กริยา และใช้รูปประโยคสัมพันธการก
| ภาษาอะดืยเก เป็นภาษาราชการของสาธารณรัฐใดในรัสเซีย | {
"answer": [
"อะดืยเกีย"
],
"answer_begin_position": [
170
],
"answer_end_position": [
179
]
} |
3,914 | 707,965 | วิคาริจโรด วิคาริจโรด () เป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลวอตฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ตั้งอยู่ในเมืองวอตฟอร์ด เทศมณฑลฮาร์ตฟอร์ดเชอร์
| วิคาริจโรด เป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลใดในประเทศอังกฤษ | {
"answer": [
"วอตฟอร์ด"
],
"answer_begin_position": [
137
],
"answer_end_position": [
145
]
} |
3,915 | 43,791 | มะลิ มะลิ () เป็นไม้พุ่มหรือไม้เถาในวงศ์มะลิ มีประมาณ 200 ชนิด มีถิ่นกำเนิดในพื้นที่เขตร้อนและกึ่งเขตร้อนในแถบทวีปยุโรป เอเชีย และแอฟริกา ลักษณะดอกและกลิ่นมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละชนิดหรือพันธุ์ลักษณะทางพฤษศาสตร์ ลักษณะทางพฤษศาสตร์. มะลิมีทั้งชนิดไม้ผลัดใบและไม้ไม่ผลัดใบที่ลำต้นตั้งตรงหรือกางออก หรือเป็นไม้พุ่มและไม้เถา ใบเรียงใบแบบตรงข้ามหรือเรียงใบแบบสลับ สามารถเป็นใบเดี่ยว มีสามใบ หรือเป็นแบบขนนก ดอกมีเส้นผ่าศูนย์กลางราว มีสีขาวหรือเหลือง บางชนิดมีสีแดงเรื่อ ดอกแบบช่อกระจุก หนึ่งกระจุกมีอย่างน้อยสามดอก บางชนิดเป็นดอกเดี่ยวที่ปลายแขนง แต่ละดอกมี 4 - 9 กลีบดอก มี 2 ช่อง และ 1 - 4 ออวุล มันมีเกสรเพศผู้ที่มีก้านชูอับเรณูสั้นๆ 2 เกสร ใบประดับรูปแถบหรือรูปไข่ วงกลีบเลี้ยงรูประฆัง ดอกมีกลิ่นหอม ผลแบบเบอร์รี เปลี่ยนเป็นสีดำเมื่อสุก จำนวนโครโมโซมพื้นฐานของสกุลคือ 13 สปีชีส์ส่วนมากเป็น diploid (2n=26) อย่างไรก็ตาม ยังมี polyploidy (จำนวนโครโมโซมมากว่าปกติ) ปรากฏอยู่ในธรรมชาติ โดยเฉพาะใน Jasminum sambac (2n=39), Jasminum flexile (2n=52), Jasminum primulinum (2n=39), และ Jasminum angustifolium (2n=52)การกระจายพันธุ์และถิ่นอาศัย การกระจายพันธุ์และถิ่นอาศัย. มะลิมีถิ่งกำเนิดในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนในพื้นที่ทวีปเอเชีย, ทวีปแอฟริกา, และออสตราเลเซีย มีประมาณ 200 ชนิด มีเพียงชนิดเดียวที่มีถิ่นกำเนิดในยุโรป มีศูนย์กลางความหลากหลายในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้ว่าจะไม่มีถิ่นกำเนิดในยุโรป มะลิหลายชนิดได้ปรับตัวกลายเป็นพืชพื้นถิ่นในแถบเมดิเตอร์เรเนียน เช่น มะลิสเปน (Jasminum grandiflorum) ที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศอิหร่านและทางตะวันตกของเอเชียใต้ และปัจจุบันได้กลายเป็นพืชท้องถิ่นในคาบสมุทรไอบีเรีย Jasminum fluminense (บางครั้งถูกเข้าใจผิดเป็นมะลิบราซิล) และ Jasminum dichotomum (Gold Coast Jasmine) เป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานในรัฐฮาวายและรัฐฟลอริดา Jasminum polyanthum เป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานในประเทศออสเตรเลียเช่นกันอนุกรมวิธาน อนุกรมวิธาน. สปีชีส์ภายใต้สกุล Jasminum จัดอยู่ภายใต้เผ่า Jasmineae ของวงศ์ Oleaceae Jasminum แบ่งเป็น 5 หมู่ ประกอบด้วย Alternifolia, Jasminum, Primulina, Trifoliolata, และ Unifoliolata ชื่อสกุลกลายมาจากคำว่า Yasameen ("ของขวัญจากพระเจ้า") ในภาษาเปอร์เซียมาเป็นภาษาอาหรับและภาษาละตินสปีชีส์ สปีชีส์. ประกอบด้วย:- J. abyssinicum – forest jasmine - J. adenophyllum – bluegrape jasmine, pinwheel jasmine, princess jasmine - J. angulare - J. angustifolium - J. auriculatum – Indian hasmine, needle-flower jasmine - J. azoricum - J. beesianum – red jasmine - J. dichotomum – Gold Coast jasmine - J. didymum - J. dispermum - J. elegans - J. elongatum - J. floridum - J. fluminense - J. fruticans - J. grandiflorum – Catalonian jasmine, jasmin odorant, royal jasmine, Spanish jasmine - J. humile – Italian jasmine, Italian yellow jasmine - J. anceolarium - J. mesnyi – Japanese jasmine, primrose jasmine, yellow jasmine - J. multiflorum – Indian jasmine, star jasmine, winter jasmine - J. multipartitum – starry wild jasmine - J. nervosum - J. nobile - J. nudiflorum – winter jasmine - J. odoratissimum – yellow jasmine - J. officinale – common jasmine, jasmine, jessamine, poet's jasmine, summer jasmine, white jasmine - J. parkeri – dwarf jasmine - J. polyanthum - J. sambac – Arabian jasmine, Sambac jasmine - J. simplicifolium - J. sinense - J. subhumile - J. subtriplinerve - J. tortuosum - J. urophyllumความเกี่ยวข้องกับวัฒธรรมและชนชาติ ความเกี่ยวข้องกับวัฒธรรมและชนชาติ. เนื่องจากมะลิมีหลายพันธุ์ และขึ้นอยู่ในภูมิภาคเอเชีย มะลิจึงมีความสำคัญต่อวัฒนธรรมของชนชาติต่างๆ ในแถบเอเชียใต้ และตะวันออกเฉียงใต้- คนไทยนิยมนำดอกมะลิมาใช้ลอยน้ำเย็นเพื่อดื่ม ตกแต่ง ร้อยเป็นมาลัยบูชาพระ และทำเครื่องหอม นอกจากนี้มะลิยังเป็นสัญลักษณ์ของวันแม่ด้วยมีสีขาวบริสุทธิ์ ส่งกลิ่นหอมได้ไกลและได้นาน อีกทั้งยังออกดอกได้ตลอดทั้งปี โดยตีความเปรียบกับความรักบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่เสื่อมคลาย - มะลิ (melati putih) เป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศอินโดนีเซีย - มะลิฉัตร หรือ มะลิลา (Arabian jasmine) เป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศฟิลิปปินส์
| ดอกไม้ชนิดใดเป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศฟิลิปปินส์ | {
"answer": [
"มะลิฉัตร"
],
"answer_begin_position": [
4126
],
"answer_end_position": [
4134
]
} |
3,916 | 49,686 | สรรพลี้หวน สรรพลี้หวน (อ่านว่า สับ-พะ-ลี้-หวน) เป็นวรรณกรรมท้องถิ่นทางภาคใต้ (จังหวัดนครศรีธรรมราช) ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าใครเป็นผู้ประพันธ์ สันนิษฐานกันว่าคงจะเป็นปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา ลักษณะการประพันธ์ เป็นแบบ นิทานคำกลอน หรือ กลอนสุภาพหรือ กลอนแปดตามขนบนิยม เนื้อหาเป็นคำผวนเกี่ยวกับเรื่องเพศและอวัยวะเพศ มีเนื้อหาชวนให้ขบขันมากกว่าก่อให้เกิดอารมณ์ทางเพศ มีความยาว 197 บท เนื้อหายังไม่จบสมบูรณ์ สรรพลี้หวนสำนวนเก่าพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2516 โดยขุนพรหมโลก (นามแฝง) ซึ่งผู้พิมพ์ให้ความเห็นไว้ว่า ผู้แต่งอาจเป็นชาวนครศรีธรรมราช แต่งขึ้นประมาณ พ.ศ. 2425 - 2439 ต่อมามีผู้แต่งเลียนแบบขึ้นอีกหลายสำนวน ในหอพระสมุดเองมีหนังสือเรื่องหนึ่งชื่อ "ศัพท์ลี้หวน" ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกันคุณค่าคุณค่า. - เป็นแหล่งรวบรวมศัพท์ภาษาไทยถิ่นใต้ - เป็นต้นแบบวรรณกรรมอื่นได้แก่ สรรพลี้หวนสำนวนยะลา สรรพลี้หวน'75 สรรพลี้หวนสำนวนใหม่ สรรพล้อด้วน - มีลักษณะใกล้เคียงกับบทหนังตะลุงร่วมสมัย อาจเคยใช้เล่นหนังตะลุงมาบ้างแล้วก็ได้
| สรรพลี้หวนเป็นวรรณกรรมท้องถิ่นทางภาคใดของประเทศไทย | {
"answer": [
"ใต้"
],
"answer_begin_position": [
156
],
"answer_end_position": [
159
]
} |
3,917 | 2,295 | ประเทศไต้หวัน ประเทศไต้หวัน (; ) หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐจีน (; ) เป็นรัฐในทวีปเอเชียตะวันออก ปัจจุบันประกอบด้วยเกาะใหญ่ 5 แห่ง คือ จินเหมิน (金門), ไต้หวัน, เผิงหู (澎湖), หมาจู่ (馬祖), และอูชิว (烏坵) กับทั้งเกาะเล็กเกาะน้อยอีกจำนวนหนึ่ง ท้องที่ดังกล่าวเรียกรวมกันว่า "พื้นที่ไต้หวัน" (臺灣地區) ไต้หวันด้านตะวันตกติดกับจีนแผ่นดินใหญ่ ด้านตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือติดกับญี่ปุ่น และด้านใต้ติดกับฟิลิปปินส์ กรุงไทเปเป็นเมืองหลวง ส่วนไทเปใหม่เป็นเขตปกครองที่จัดตั้งขึ้นใหม่ กินพื้นที่กรุงไทเป และเป็นเขตซึ่งประชากรหนาแน่นที่สุดในเวลานี้ เกาะไต้หวันนั้นเดิมเป็นที่อยู่ของชนพื้นเมือง และมีชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่เข้ามาอาศัยร่วมด้วย จนกระทั่งชาววิลันดาและสเปนเดินทางเข้ามาในยุคสำรวจเมื่อศตวรรษที่ 17 และมาตั้งบ้านเรือนกลายเป็นนิคมใหญ่โต ต่อมาในปี 1662 ราชวงศ์หมิงในแผ่นดินใหญ่ถูกราชวงศ์ชิงแทนที่ เจิ้ง เฉิงกง (鄭成功) ขุนศึกหมิง รวมกำลังหนีมาถึงเกาะไต้หวัน และเข้ารุกไล่ฝรั่งออกไปได้อย่างราบคาบ เขาจึงตั้งราชอาณาจักรตงหนิง (東寧) ขึ้นบนเกาะเพื่อ "โค่นชิงฟื้นหมิง" (反清復明) แต่ในปี 1683 ราชวงศ์ชิงปราบปรามอาณาจักรตงหนิงและเข้าครอบครองไต้หวันเป็นผลสำเร็จ ไต้หวันจึงกลายเป็นมณฑลหนึ่งของจีน อย่างไรก็ดี ความบาดหมางระหว่างจีนกับญี่ปุ่นเป็นเหตุให้ญี่ปุ่นได้ไต้หวันไปในปี 1895 ก่อนเสียไต้หวันคืนให้แก่จีนหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ช่วงนั้น มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในจีน พรรคชาตินิยม (國民黨) ได้เป็นใหญ่ แต่ไม่นานก็เสียทีให้แก่พรรคสังคมนิยม (共产党) พรรคชาตินิยมจึงหนีมายังเกาะไต้หวัน แล้วสถาปนาสาธารณรัฐจีนขึ้นบนเกาะไต้หวันแยกต่างหากจากสาธารณรัฐประชาชนจีนบนแผ่นดินใหญ่ อย่างไรก็ดี จีนยังคงถือว่า ไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งของตน และไต้หวันเองก็ยังมิได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่าเป็นประเทศเอกราชมาจนบัดนี้ ในช่วงทศวรรษ 1980 ถึงต้นทศวรรษ 1990 การเมืองการปกครองสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เจริญรุ่งเรืองจนเป็นประชาธิปไตยที่มีพรรคการเมืองหลายพรรคและมีการเลือกตั้งทั่วหน้า อนึ่ง ในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 เศรษฐกิจไต้หวันงอกงามอย่างรวดเร็ว ไต้หวันจึงกลายเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ทั้งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่เสือแห่งเอเชีย มีอุตสาหกรรมล้ำหน้า และมีเศรษฐกิจใหญ่โตเป็นอันดับที่ 19 ของโลก อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงของไต้หวันยังมีบทบาทสำคัญมากในเศรษฐกิจโลก เป็นเหตุให้ไต้หวันได้เป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกและความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก นอกจากนี้ เสรีภาพของสื่อมวลชน เสรีภาพทางเศรษฐกิจ การสาธารณสุข การศึกษา และการพัฒนามนุษย์ในไต้หวันยังได้รับการจัดอยู่ในอันดับสูงด้วยภูมิศาสตร์ ภูมิศาสตร์. สาธารณรัฐจีน มีลักษณะเป็นกลุ่มเกาะ ทำให้ภูมิประเทศติดกับทะเล ไม่ติดกับประเทศใดเลย ห่างจากเกาะไปทางทิศเหนือและทิศตะวันตกเป็นสาธารณรัฐประชาชนจีน ทิศใต้เป็นประเทศฟิลิปปินส์และทะเลจีนใต้ ส่วนทิศตะวันออกเป็นมหาสมุทรแปซิฟิกประวัติศาสตร์ก่อนประวัติศาสตร์อาณานิคมในศตวรรษที่ 17 ประวัติศาสตร์. อาณานิคมในศตวรรษที่ 17. บริษัทอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ได้เข้ามาจัดตั้งสถานีการค้าขึ้นที่หมู่เกาะเผิงหูในปี พ.ศ. 2165 (ค.ศ. 1622) แต่ในภายหลังเนเธอร์แลนด์ได้แพ้สงครามกับจีนและถูกขับไล่ออกไปโดยราชวงศ์หมิง ในปี พ.ศ. 2167 (ค.ศ. 1624) บริษัทได้สร้างฐานที่มั่นซึ่งมีชื่อว่าป้อมซีแลนเดียบนเกาะชายฝั่งเถาหยวน ซึ่งปัจจุบันอยู่ในพื้นที่ของเขตอานผิง เมืองไถหนัน และบริษัทได้เริ่มนำเข้าแรงงานมาจากมณฑลฝูเจี้ยนและเผิงหู ในปี พ.ศ. 2169 (ค.ศ. 1626) ชาวสเปนเดินทางมาถึงและได้เข้ายึดครองบริเวณทางตอนเหนือของไต้หวัน ที่ท่าเรือของนครจีหลงและบริเวณชายฝั่งของนครซินเป่ย์ในปัจจุบัน เพื่อเป็นฐานในการขยายการค้า กลายเป็นยุคอาณานิคมของสเปนอยู่ 16 ปีจนกระทั่ง พ.ศ. 2185 (ค.ศ. 1642) เมื่อป้อมปราการสุดท้ายของสเปนถูกกองทัพเนเธอร์แลนด์เข้าตีได้สำเร็จราชวงศ์ชิงจักรวรรดิญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2. พ.ศ. 2454 (ค.ศ. 1911) -การจลาจลอู่ฮั่นในประเทศจีน เป็นจุดเริ่มต้นการล่มสลายของราชวงศ์ชิง เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้ามามีอำนาจในจีนแผ่นดินใหญ่เมื่อ พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) พรรคก๊กมินตั๋ง พรรคการเมืองเมืองชาตินิยมของจีนที่เป็นฝ่ายแพ้ก็พาผู้คนอพยพหนีออกจากแผ่นดินใหญ่มาตั้งหลักที่ไต้หวัน เพื่อวางแผนกลับไปครองอำนาจในจีนต่อไป ชาวจีนมากกว่า 1 ล้าน 5 แสนคน อพยพตามมาอยู่ที่เกาะไต้หวันในยุคที่เหมา เจ๋อตงมีอำนาจเต็มที่ในจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้นำของประเทศทั้งสองจีน คือผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์กับผู้นำสาธารณรัฐจีนบนเกาะไต้หวัน แย่งกันเป็นกระบอกเสียงของประชาชนจีนในเวทีโลก แต่เสียงของนานาประเทศส่วนใหญ่เกรงอิทธิพลของจีนแผ่นดินใหญ่ จึงให้การยอมรับจีนแผ่นดินใหญ่มากกว่าพรรคก๊กมินตั๋งเรืองอำนาจ พรรคก๊กมินตั๋งเรืองอำนาจ. ในปี พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971) ก่อนที่นายพล เจียง ไคเช็ก (General Chiang Kaishek) (ภาษาจีน:蔣中正) จะถึงอสัญกรรมไม่กี่ปี สาธารณรัฐจีนซึ่งเป็นประเทศที่ร่วมก่อตั้งองค์การสหประชาชาติได้สูญเสียสมาชิกภาพในฐานะตัวแทนชาวจีนให้กับสาธารณรัฐประชาชนจีน ในปี พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) สหประชาชาติก็ประกาศรับรองจีนเดียวคือจีนแผ่นดินใหญ่และตัดสัมพันธ์ทางการเมืองกับสาธารณรัฐจีน ทั้งสหรัฐอเมริกาก็ได้ถอนการรับรองว่าสาธารณรัฐจีนมีฐานะเป็นรัฐ ไต้หวันจึงกลายเป็นเพียงดินแดนที่จีนอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อเจียง ไคเช็ก ถึงแก่อสัญกรรมในปี พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) ลูกชายที่ชื่อ เจี่ยง จิงกั๋ว (Chiang Chingkuo) ได้เป็นผู้สืบทอดการปกครองไต้หวันต่อและเริ่มกระบวนการ วางรากฐานไปสู่ประชาธิปไตยปฏิรูปประชาธิปไตย ปฏิรูปประชาธิปไตย. หลังจากที่ประธานาธิบดีเจียงจิงกั๋วเสียชีวิต ไต้หวันจึงได้เข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ ประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งเกิดในไต้หวัน ชื่อ หลี่ เติงฮุย (Lee Tenghui) ขึ้นบริหารประเทศ โดยการสนับสนุนของเจี่ยง จิงกั๋ว (Chiang Chingkuo) ทั้งที่ หลี่ เติงฮุย (Lee Tenghui) นั้นเคลื่อนไหวสนับสนุนเอกราชไต้หวัน นาย รัฐบาลจีนที่ปักกิ่งได้ตั้งฉายาประธานาธิบดีไต้หวันคนใหม่ว่า "จิ้งจกปากหวาน" (A sweet-Talking Chameleon) ช่วงเวลาที่นายหลี่ เติงฮุย เป็นประธานาธิบดี การเมืองของไต้หวันเกิดการแตกแยกออกเป็น 3 ฝ่ายคือ 1) พวกก๊กมินตั๋ง ที่ต้องการกลับไปรวมประเทศกับจีนแผ่นดินใหญ่(รวมจีนแผ่นดินใหญ่ภายใต้การปกครองของสาธารณรัฐจีน) 2) พวกที่ต้องการให้ไต้หวันเป็นประเทศอิสระไม่เกี่ยวข้องกับจีนแผ่นดินใหญ่ และ 3) พวกที่ต้องการดำรงฐานะของประเทศไว้ดังเดิมต่อไป ไต้หวันกับจีนแผ่นดินใหญ่นัดเจรจาหาทางออกของข้อขัดแย้งทางการเมืองครั้งแรกที่สิงคโปร์เมื่อปี พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) แต่ปรากฏว่าจีนแผ่นดินใหญ่ประวิงเวลาการลงนามในสัญญาหลายฉบับที่เป็นข้อตกลงร่วมกัน ทำให้ผลของการเจรจาคราวนั้นไม่ก้าวหน้าไปถึงไหน ความสัมพันธ์ระหว่างสองจีนเลวร้ายลงทุกที เมื่อประธานาธิบดีหลี่ เติงฮุย เดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกาและได้รับการยอมรับอย่างเอิกเกริก ทำให้จีนแผ่นดินใหญ่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงกระทำการข่มขวัญไต้หวันกับประเทศที่ให้การสนับสนุนไต้หวัน ด้วยการทำการซ้อมรบขึ้นใกล้ ๆ เกาะไต้หวัน สหรัฐอเมริกาออกมาแสดงอาการปกป้องคุ้มครองไต้หวันด้วยการส่งกำลังกองเรือรบของสหรัฐฯ มาป้วนเปี้ยนอยู่ในน่านน้ำที่จีนซ้อมรบ ขณะที่โลกกำลังล่อแหลมกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดในน่านน้ำจีนมากขึ้นทุกทีนั้น ไต้หวันก็จัดให้มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ และในการเลือกตั้งครั้งใหม่นั้นเอง ไต้หวันก็ได้นายหลี่ เติงฮุย เป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง ไต้หวันเข้าสู่สภาวะวิกฤต เมื่อเกิดแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) ทำให้ประชากรส่วนมากที่เป็นชาวพื้นเมืองเสียชีวิตไป 2,000 คน ทั้งเมืองมีแต่เศษซากสิ่งปรักหักพังที่เกิดจากภัยธรรมชาติ และช่วงนี้ไต้หวันต้องเผชิญความยากลำบากจากภัยธรรมชาติร้ายแรง จีนแผ่นดินใหญ่ก็เพิ่มความกดดันไม่ให้นานาชาติเข้ามายุ่งเกี่ยวกับไต้หวันแม้ในยามคับขันเช่นนี้ โดยออกมาประกาศว่า หากมีประเทศใดจะเข้าไปให้ความช่วยเหลือไต้หวัน จะต้องได้รับอนุญาตจากจีนก่อน ซึ่งคำประกาศของจีนแผ่นดินใหญ่สวนทางกับเมตตาธรรมของประเทศทั่วโลกที่ต้องการให้ความช่วยเหลือไต้หวัน เดือนมีนาคม พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) มีการเลือกตั้งใหม่ในไต้หวัน ชาวไต้หวันเลือกผู้แทนจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า คือ นายเฉิน สุยเปี่ยน (Chen Shui-bian) เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของไต้หวัน ผู้ประกาศนโยบายการเมืองแข็งกร้าวว่าไต้หวันต้องการแยกตัวเป็นอิสระจากจีนแผ่นดินใหญ่ ยุติยุคของพรรคชาตินิยมที่ยังฝักใฝ่แผ่นดินใหญ่อยู่ จีนแผ่นดินใหญ่จึงถือว่าเป็นกบฏต่อการปกครองของจีน เพราะแต่ไหนแต่ไรมา ไต้หวันไม่เคยประกาศอย่างเป็นทางการว่าไต้หวันเป็นประเทศอิสระแยกจากจีน และจีนพูดอยู่เสมอว่าไต้หวันเป็นเด็กในปกครองที่ค่อนข้างจะหัวดื้อและเกเร หากไต้หวันประกาศว่าเป็นอิสระจากจีนเมื่อใด จีนก็จะยกกำลังจัดการกับไต้หวันทันที ในขณะที่ความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างสองจีนในสายตาชาวโลกเลวร้ายลง จีนทั้งสองกลับมีการติดต่อทางการค้ากันมากขึ้น มีการผ่อนปรนอนุญาตให้ชาวไต้หวันเดินทางไปจีนแผ่นดินใหญ่เพื่อเยี่ยมญาติได้ เกิดปรากฏการสำคัญคือนักธุรกิจไต้หวันหอบเงินทุนมากกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปลงทุนดำเนินธุรกิจทางตอนใต้ของจีนแผ่นดินใหญ่ จนกระทั่งขณะนี้ชาวไต้หวันกลายเป็นนักลงทุนรายใหญ่เป็นลำดับ 2 ของจีน แต่ความไม่แน่นอนยังคงมีอยู่ต่อไป เมื่อประธานาธิบดีบิลล์ คลินตัน มาเยือนจีนอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) นักวิจารณ์การเมืองเริ่มประเมินกันว่าอนาคตทางการเมืองของไต้หวันเริ่มไม่มั่นคงการปกครอง การปกครอง. การปกครองสาธารณรัฐจีนนั้นสถาปนาขึ้นตามรัฐธรรมนูญและลัทธิไตรราษฎร์ซึ่งระบุว่า สาธารณรัฐจีน "เป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยของประชาชน ปกครองโดยประชาชน และเป็นไปเพื่อประชาชน" การปกครองนั้นแบ่งออกเป็น 5 ฝ่าย เรียกว่า "สภา" (yuan) คือ สภาบริหาร (Executive Yuan) ได้แก่ คณะรัฐมนตรีและฝ่ายบริหารทั้งสิ้น, สภานิติบัญญติ (Legislative Yuan), สภาตุลาการ (Judicial Yuan), สภาควบคุม (Control Yuan) เป็นฝ่ายตรวจสอบ, และสภาสอบคัดเลือก (Examination Yuan) มีหน้าที่จัดสอบคัดเลือกข้าราชการบริหาร บริหาร. ประธานาธิบดีเป็นประมุขแห่งรัฐและเป็นจอมทัพกองทัพสาธารณรัฐจีน(ไต้หวัน) มาจากการเลือกตั้งของประชาชน อยู่ในตำแหน่งวาระ 4 ปี ไม่เกิน 2 วาระ มาและไปพร้อมกับรองประธานาธิบดี ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน คือ ไช่ อิงเหวิน เธอเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (民主進步黨) คนปัจจุบัน และเป็นตัวแทนของพรรคเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 ตำแหน่งซึ่งเธอพลาดไปในการเลือกตั้งปีเมื่อปี 2012 นอกจากนี้ เธอยังเคยเป็นหัวหน้าพรรคมาแล้วหนึ่งสมัยในช่วงปี 2008 ถึง 2012 ประธานาธิบดีมีอำนาจเหนือสภาบริหาร เพราะแต่งตั้งสมาชิกสภาบริหาร ซึ่งรวมถึง นายกรัฐมนตรี ผู้เป็นประธานสภาบริหารโดยตำแหน่ง ส่วนสมาชิกสภาบริหารนั้นรับผิดชอบนโยบายและการบริหารราชการแผ่นดินนิติบัญญัติ นิติบัญญัติ. สภานิติบัญญัตินั้นใช้ระบบสภาเดียว มีสมาชิก 113 คน 73 คนมาจากการเลือกตั้งของประชาชนด้วยระบบแบ่งเขต 34 คนมาจากการเลือกตั้งของพรรคการเมืองตามระบบสัดส่วน ที่เหลือ 6 คนนั้นมาจากการเลือกตั้งตามเขตชนพื้นเมือง 23 เขต สมาชิกสภานิติบัญญัติอยู่ในตำแหน่งคราวละ 4 ปี แต่ก่อนยังมีสมัชชาแห่งชาติทำหน้าที่เป็นคณะผู้เลือกตั้งและสภาร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งยังมีอำนาจนิติบัญญัติบางประการด้วย แต่ภายหลังสมัชชานี้ยุบเลิกไปในปี 2005 อำนาจหน้าที่ของสมัชชาก็โอนต่อไปยังสภานิติบัญญัติและผู้มีสิทธิเลือกตั้งซึ่งแสดงออกด้วยประชามติแทน นายกรัฐมนตรีมาจากการสรรหาของประธานาธิบดี โดยไม่จำต้องได้รับความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติ ขณะเดียวกัน สภานิติบัญญัติสามารถออกกฎหมายโดยไม่ต้องคำนึงประธานาธิบดี ส่วนประธานาธิบดีก็ดี นายกรัฐมนตรีก็ดี ไม่มีอำนาจยับยั้งร่างกฎหมายทั้งสิ้น ฉะนั้น จึงมีน้อยครั้งที่ประธานาธิบดีและสภานิติบัญญัติจะเจรจากันเกี่ยวกับร่างกฎหมายในยามที่เห็นแย้งกัน ตามประวัติศาสตร์แล้ว สาธารณรัฐจีนมีผู้ปกครองจากพรรคการเมืองที่เข้มแข็งอยู่พรรคเดียวมาตลอด ทั้งรัฐธรรมนูญก็มิได้จำกัดอำนาจของประธานาธิบดีได้โดยแจ้งชัด เป็นเหตุให้อำนาจบริหารตกอยู่ในเงื้อมมือของประธานาธิบดียิ่งกว่านายกรัฐมนตรีตุลาการ ตุลาการ. สำหรับฝ่ายตุลาการนั้น สภาตุลาการเป็นองค์กรสูงสุด มีอำนาจตีความรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และกฎ กับทั้งพิจารณาคดีทุกประเภท ไม่ว่าคดีปกครอง คดีรัฐธรรมนูญ หรือคดีอื่น ๆ ประธานสภาตุลาการ รองประธานสภาตุลาการ และตุลาการอื่นอีก 13 คน ประกอบกันเป็น "ที่ประชุมใหญ่ตุลาการ" (Council of Grand Justices) ตุลาการ ณ ที่ประชุมใหญ่เหล่านี้มาจากการเสนอชื่อและแต่งตั้งของประธานาธิบดีเมื่อได้รับความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติ ศาลชั้นสูงสุดของประเทศ คือ ศาลสูงสุด (Supreme Court) ประกอบด้วย แผนกคดีแพ่งและคดีอาญาจำนวนหนึ่ง แต่ละแผนกมีตุลาการหัวหน้าแผนก 1 คน กับตุลาการสมทบอีก 4 คน ทั้ง 5 คนนี้อยู่ในตำแหน่งโดยไม่มีวาระกำกับ อนึ่ง เคยมีการตั้งศาลรัฐธรรมนูญขึ้นเป็นเอกเทศในปี 1993 เพื่อจัดการข้อพิพาทบางประการในทางรัฐธรรมนูญ รวมถึงจัดระเบียบพรรคการเมือง และเร่งรัดกระบวนการประชาธิปไตย สาธารณรัฐจีนไม่ใช้ลูกขุน แต่สิทธิของประชาชนในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอันเป็นธรรมนั้นได้รับความคุ้มครองอย่างเคร่งครัดทั้งในทางกฎหมายและทางปฏิบัติ คดีบางประเภทให้ตุลาการมากคนพิจารณาก็มี โทษประหารยังคงใช้อยู่ในสาธารณรัฐจีน แต่ฝ่ายปกครองพยายามลดการประหารลงให้ได้ กระนั้น ในปี 2006 มีการสำรวจและพบว่า ชาวสาธารณรัฐจีนกว่าร้อยละ 80 ประสงค์ให้รักษาโทษประหารไว้อื่น ๆ อื่น ๆ. สำหรับสภาที่เหลือ คือ สภาควบคุม และสภาสอบคัดเลือกนั้น สภาควบคุมมีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบสภาอื่น ๆ บางทีทำหน้าที่เป็นองค์คณะไต่สวนคดีปกครองด้วย อาจเทียบได้กับศาลตรวจสอบ (Court of Auditors) ของสหภาพยุโรป หรือสำนักงานเพื่อความน่าเชื่อถือของรัฐบาล (Government Accountability Office) ในสหรัฐอเมริกา ส่วนสภาสอบคัดเลือกรับผิดชอบการตรวจสอบคุณสมบัติของข้าราชการ วิธีสอบคัดเลือกยังคงเน้นตามการสอบขุนนางของจีนโบราณ สภานี้อาจเทียบได้กับสำนักงานสรรหาบุคลาการยุโรป (European Personnel Selection Office) ของสหภาพยุโรป หรือสำนักงานบริหารจัดการบุคลากร (Office of Personnel Management) ของสหรัฐอเมริกาการแบ่งเขตการปกครองนโยบายต่างประเทศ นโยบายต่างประเทศ. ปัจจุบันสาธารณรัฐจีนยังคงมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับ 20 ประเทศ (เบลีซ เอลซัลวาดอร์ เฮติ นิการากัว เซนต์คิตส์และเนวิส เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ สาธารณรัฐโดมินิกัน กัวเตมาลา ปารากวัย ฮอนดูรัส เซนต์ลูเซีย บูร์กินาฟาโซ สวาซิแลนด์ นครรัฐวาติกัน คิริบาส นาอูรู หมู่เกาะโซโลมอน ตูวาลู หมู่เกาะมาร์แชลล์ และ ปาเลา) ไต้หวันมีข้อจำกัดในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ เนื่องจากกรอบนโยบายจีนเดียว ไต้หวันจึงให้ความสำคัญกับการกระชับความสัมพันธ์ในกรอบเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการให้ความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีกับประเทศต่างๆ ที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณรัฐประชาชนจีน (จีนแผ่นดินใหญ่) สำหรับนโยบายต่างประเทศของไต้หวันต่อประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น ไต้หวันได้ดำเนิน “นโยบายมุ่งสู่ใต้” (Go South Policy) เป็นนโยบายส่งเสริมให้ชาวไต้หวันมีการลงทุนกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อลดความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไต้หวันต้องพึ่งพาจีนและใช้เศรษฐกิจเป็นช่องทางกระชับความสัมพันธ์กับภูมิภาคนี้ กรอบเวทีระหว่างประเทศที่ไต้หวันเป็นสมาชิก ได้แก่ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (Asia Pacific Economic Cooperartion - APEC) ซึ่งเป็นสมาชิกในฐานะเขตเศรษฐกิจ (economy) และองค์การการค้าโลก (World Trade Organization - WTO) โดยเป็นการเข้าร่วมในฐานะที่เป็นเขตศุลกากรพิเศษ (custom territory) การเข้าร่วมในเวทีทั้งสองของไต้หวันจึงเป็นการเข้าร่วมในสถานะที่ไม่ใช่รัฐความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสาธารณรัฐจีน พ.ศ. 2454-2492 (ค.ศ. 1911-1949)สาธารณรัฐจีนบนเกาะไต้หวัน พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) - ปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ. สาธารณรัฐจีนบนเกาะไต้หวัน พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) - ปัจจุบัน. หลังจากพรรคก๊กมินตั๋งถอยหนีมาอยู่บนเกาะไต้หวัน ประเทศส่วนใหญ่ยังคงรักษาความสัมพันธ์กับรัฐบาลสาธารณรัฐจีนเอาไว้ แต่การรับรองสถานะก็ลดลงเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่องเมื่อในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1970 มีหลายประเทศได้เปลี่ยนไปรับรองสถานะของสาธารณรัฐประชาชนจีนแทน ในปัจจุบัน สาธารณรัฐจีนบนเกาะไต้หวันยังคงได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจาก 17 รัฐ จาก 193 รัฐสมาชิกสหประชาชาติ ซึ่งนอกจากทำเนียบสันตะปาปาแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นประเทศเล็ก ๆ ในแถบอเมริกากลางและแอฟริกา ทางสาธารณรัฐประชาชนจีนมีนโยบายที่จะไม่สานสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศที่รับรองสถานะของสาธารณรัฐจีน และทุกประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตด้วยจะต้องมีแถลงการณ์รับรองสถานะของสาธารณรัฐประชาชนจีนเหนือไต้หวัน ในทางปฏิบัติแล้ว ถึงแม้ว่าประเทศส่วนใหญ่จะไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับไต้หวัน และแถลงการณ์ที่ทางสาธารณรัฐประชาชนจีนต้องการนั้นก็ได้เขียนขึ้นโดยใช้คำกำกวมอย่างยิ่ง ประเทศสำคัญ ๆ บางประเทศที่ไม่ได้รับรองสถานะของสาธารณรัฐจีนก็จะมี "สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป" หรือ "สำนักงานตัวแทนไทเป" ซึ่งปฏิบัติงานต่าง ๆ ในลักษณะเดียวกับสถานทูต เช่น การออกวีซ่า เป็นต้น และในทำนองเดียวกัน หลายประเทศก็ได้จัดตั้งสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจขึ้นในสาธารณรัฐจีนเช่น สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย และสถาบันอเมริกาในไต้หวัน ซึ่งโดยพฤตินัยแล้วก็คือสถานทูตของประเทศต่าง ๆ นั่นเอง สาธารณรัฐจีนเคยเป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติในฐานะสมาชิกก่อตั้ง โดยได้อยู่ในตำแหน่งของประเทศจีนในคณะมนตรีความมั่นคงจนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971) ที่ถูกขับออกโดย "มติสมัชชาสหประชาชาติที่ 2758 (General Assembly Resolution 2758)" และตำแหน่งทั้งหมดในองค์การสหประชาชาติก็ถูกแทนที่ด้วยรัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีน ทางสาธารณรัฐจีนได้แสดงความพยายามหลายครั้งเพื่อกลับเข้าเป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ แต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ (ดูที่ จีนและองค์การสหประชาชาติ) นอกจากความขัดแย้งกับสาธารณรัฐประชาชนจีนเหนือดินแดนบนแผ่นดินใหญ่แล้ว สาธารณรัฐจีนยังมีความขัดแย้งกับมองโกเลียอีกด้วย จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) ที่สาธารณรัฐจีนได้อ้างสิทธิเหนือพื้นที่มองโกเลีย แต่ก็ถูกกดดันจากสหภาพโซเวียตจนกระทั่งยอมรับรองอิสรภาพของมองโกเลียในที่สุด หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้กลับคำรับรองนั้น และกล่าวอ้างสิทธิเหนือมองโกเลียอีกครั้งจนกระทั่งถึงเมื่อไม่นานนี้ นับจากช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา ความสัมพันธ์กับมองโกเลียได้กลายมาเป็นหัวข้อที่สร้างความขัดแย้ง ความเคลื่อนไหวใด ๆ ในการยกเลิกอำนาจอธิปไตยเหนือมองโกเลียจะเกิดการโต้แย้งทันที เนื่องจากทางสาธารณรัฐประชาชนจีนได้อ้างว่า นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการประกาศอิสรภาพไต้หวันกองทัพเศรษฐกิจศักยภาพทางเศรษฐกิจ เศรษฐกิจ. ศักยภาพทางเศรษฐกิจ. สาธารณรัฐจีนเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่14ของโลก หน่วยเงินตราที่ใช้ คือ ดอลลาร์ไต้หวัน ทรัพยากรธรรมชาติส่วนใหญ่มีจำนวนน้อย แต่เป็นประเทศอุตสาหกรรมชั้นสูงอุตสาหกรรมนั้นเป็นเน้นไปที่การผลิต มีการนำเข้าน้ำมันดิบและแร่เหล็ก เพื่อนำไปผลิตรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ ส่งออกไปจำหน่าย ถือเป็นการค้าโดยการผลิต ในปัจจุบันมีการนำเข้าชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์การพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคม และ โทรคมนาคมคมนาคมโทรคมนาคมวิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยีการศึกษาสาธารณสุขประชากรเชื้อชาติศาสนา ประชากร. ศาสนา. รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐจีนคุ้มครองเสรีภาพทางศาสนาและสิทธิในการปฏิบัติตามความเชื่อของประชาชน ตามสถิติในปี ค.ศ. 2005 ประเทศไต้หวันมีพุทธศาสนิกชน 8,086,000 คน (35.1%) ศาสนิกชนเต๋า 7,600,000 คน (33.0%) คริสต์ศาสนิกชน 903,000 คน (3.9%) โดยเป็นโปรเตสแตนต์ 605,000 คน (2.6%) และโรมันคาทอลิก 298,000 คน (1.3%) และศาสนิกชนลัทธิอนุตตรธรรม 810,000 คน (3.5%) เป็นต้นภาษาเมืองใหญ่ เมืองใหญ่. รายชื่อเมืองใหญ่ในสาธารณรัฐจีนเรียงตามประชากรกีฬาฟุตบอลมวยสากล
| กรุงไทเปเป็นเมืองหลวงของประเทศใด | {
"answer": [
"ไต้หวัน"
],
"answer_begin_position": [
104
],
"answer_end_position": [
111
]
} |
3,918 | 2,872 | พวงชมพู พวงชมพู หรือ ชมพูพวง เป็นพืชมีดอกในวงศ์ Polygonaceae เป็นไม้เลื้อยดอกสีชมพูหรือขาวมีถิ่นกำเนิดในประเทศเม็กซิโก จัดเป็นพืชรุกรานในฟลอริดา พวงชมพูเป็นไม้เลื้อยโตเร็ว ใบเป็นรูปหัวใจหรือสามเหลี่ยม ดอกเป็นดอกช่อ สร้างหัวใต้ดินและมีไหลขนาดใหญ่ ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด เมล็ดลอยน้ำได้ แพร่กระจายไปกับสัตว์ที่กินเป็นอาหาร เช่น หมู แรคคูน และนก
| ต้นพวงชมพูเป็นไม้เลื้อยที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอะไร | {
"answer": [
"เม็กซิโก"
],
"answer_begin_position": [
188
],
"answer_end_position": [
196
]
} |
3,919 | 11,781 | วินสตัน เชอร์ชิล เซอร์วินสตัน ลีโอนาร์ด สเปนเซอร์-เชอร์ชิล () เป็นรัฐบุรุษชาวอังกฤษผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรสองสมัย ระหว่างปี 1940 ถึง 1945 และปี 1951 ถึง 1955 ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคสงครามของศตวรรษที่ 20 นอกจากนี้ วินสตันยังเป็นทหารในกองทัพอังกฤษ, นักประวัติศาสตร์, นักเขียน, ตลอดจนศิลปิน เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาอักษรศาสตร์ และยังเป็นบุคคลแรกที่ได้เป็น พลเมืองเกียรติยศแห่งสหรัฐอเมริกา ผู้คนมักนิยมเรียกเขาด้วยชื่อ "วินสตัน" แทนที่จะเรียกด้วยนามสกุล วินสตันเกิดในตระกูลชนชั้นสูงที่สืบเชื้อสายมาจากดยุกแห่งมาร์ลบะระ สาขาหนึ่งของตระกูลสเปนเซอร์ บิดาของเขาคือ ลอร์ดรันดอล์ฟ เชอร์ชิล นักการเมืองผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง ส่วนมารดาของเขาคือ เจนนี จีโรม นักสังคมสงเคราะห์ชาวอเมริกัน ในขณะที่ยังเป็นทหารหนุ่ม เขาได้ปฏิบัติภารกิจในบริติชอินเดีย และซูดาน และในสงครามโบเออร์ครั้งที่สอง เขามีชื่อเสียงขึ้นมาจากการเป็นนักข่าวสงครามและเขียนหนังสือเกี่ยวกับปฏิบัติการของเขา เขาเป็นผู้มีบทบาททางการเมืองแถวหน้ามาตลอดห้าสิบปี ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีมากมาย ก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเขาเป็นหัวหน้ากรรมการการค้า, รัฐมนตรีปิตุภูมิ, และรัฐมนตรียุติธรรม ระหว่างสงคราม เขายังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรม จนกระทั่งความพ่ายแพ้ของอังกฤษในการทัพกัลลิโพลี ทำให้เขาต้องออกจากคณะรัฐบาลและไปประจำการราชการทหารอยู่ที่แนวหน้าภาคตะวันตกในตำแหน่งผู้บัญชาการกองพันลูกเสือที่ 6 จนกระทั่งเขาได้กลับคืนคณะรัฐบาลในตำแหน่งรัฐมนตรียุทธภัณฑ์ รัฐมนตรีว่าการสงคราม และ รัฐมนตรีน่านฟ้า และในปี 1921-1922 เป็นรัฐมนตรีว่าการอาณานิคม และต่อมาในปี 1924-1929 เป็นรัฐมนตรีคลังหลวง โดยเขาได้กำหนดให้สกุลเงินปอนด์กลับไปอิงค่าทองคำเหมือนกับยุคก่อนสงคราม ซึ่งทำให้เกิดภาวะเงินฝืดแพร่ไปทั้งเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร ภายหลังห่างหายจากงานการเมืองไปในทศวรรษที่ 1930 วินสตันก็ได้กลับมาทำงานการเมืองอีกครั้งเมื่อนาซีเยอรมนีเริ่มที่จะสั่งสมกำลังทหารและดูจะเป็นภัยคุกคามต่ออังกฤษ และแล้วการอุบัติขึ้นอย่างฉับพลันของสงครามโลกครั้งที่สอง ก็ทำให้เขาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรียุติธรรมอีกครั้ง และภายหลังการลาออกของนายกรัฐมนตรี เนวิล เชมเบอร์ลิน ในวันที่ 10 พฤษภาคม 1940 วินสตันก็กลายเป็นนายกรัฐมนตรี คำประกาศหนักแน่นของเขาที่จะไม่เป็นผู้ยอมแพ้ได้ช่วยกระตุ้นให้ชาวอังกฤษหันมาต่อต้านนาซีเยอรมนี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงต้นสงครามซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยากเย็นเมื่อสหราชอาณาจักรและอาณานิคมอังกฤษเป็นเพียงฝ่ายเดียวที่ลุกขึ้นอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ วินสตันได้กล่าวสุนทรพจน์ของเขาผ่านวิทยุกระจายเสียงปลุกขวัญกำลังใจชาวอังกฤษ เขาเป็นผู้นำของอังกฤษไปจนกระทั่งสามารถมีชัยเหนือนาซีเยอรมนีได้ แต่ทว่าการได้รับชัยชนะมาต้องแลกกับการสูญเสียการเป็นอภิมหาอำนาจของโลกให้กับสหรัฐอเมริกาไป เหล่าประเทศอาณานิคมที่ยึดครองได้แก่ อินเดีย มาเลเซีย พม่า เป็นต้นต่างก็ได้เรียกร้องเอกราชจนจำใจต้องยอมเป็นเหตุทำให้จักรวรรดิอังกฤษล่มสลายและกลายเป็นเครือจักรภพแห่งชาติแทน ภายหลังพรรคอนุรักษนิยมพ่ายการเลือกตั้งในปี 1945 เขาก็ทำหน้าที่เป็นผู้นำฝ่ายค้านต่อรัฐบาลพรรคแรงงาน เขาได้ออกมาเตือนอย่างเปิดเผยถึงอิทธิพลของโซเวียตในยุโรปผ่านมาตรการ "ม่านเหล็ก" และยังส่งเสริมความเป็นหนึ่งเดียวของยุโรป ภายหลังชนะเลือกตั้งในปี 1951 วินสตันก็กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ในช่วงการดำรงตำแหน่งครั้งที่สองนี้ รัฐบาลของเขาเต็มไปด้วยข้อราชการต่างประเทศ ทั้งวิกฤตการณ์มาลายา, กบฎมาอูมาอูในเคนยา, สงครามเกาหลี ตลอดจนสนับสนุนการรัฐประหารในอิหร่าน ในปี 1953 เขาเริ่มเจ็บป่วยจากภาวะขาดเลือดในสมอง และลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 1955 แต่เขายังคงเป็นสมาชิกสภาสามัญชนไปจนถึงปี 1964 วินสตันถึงแก่อสัญกรรมด้วยวัย 90 ปีในปี 1965 โดยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พระราชทานรัฐพิธีศพให้เป็นเกียรติ เขายังคงได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติอังกฤษ ชื่อของเขาอยู่ในลำดับที่ 1 ของทำเนียบชาวอังกฤษผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลจากการจัดอันดับในปี 2002ชีวิตวัยเยาว์ ชีวิตวัยเยาว์. วินสตันเกิดเมื่อ 30 พฤศจิกายน 1874 ที่วังเบลนิม เกิดมาในครอบครัวชนชั้นสูงซึ่งสืบทอดบรรดาศักดิ์ดยุกแห่งมาร์ลบะระ ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของตระกูลสเปนเซอร์ ตระกูลขุนนางเก่าแก่ ด้วยเหตุนี้บิดาเขาและตัวเขาจึงใช้นามสกุลว่า "สเปนเซอร์-เชอร์ชิล" บรรพบุรุษของเขา จอร์จ สเปนเซอร์ ได้เปลี่ยนไปใช้นามสกุล สเปนเซอร์-เชอร์ชิล เมื่อได้ขึ้นเป็นดยุกแห่งมาร์ลบะระในปี 1817 โดยบิดาของวินสตันคือ ลอร์ด รันดอล์ฟ เชอร์ชิล นั้นเป็นนักการเมืองซึ่งเป็นบุตรของจอห์น สเปนเซอร์-เชอร์ชิล ดยุกที่ 7 แห่งมาร์ลบะระ ส่วนมารดาของเขา ท่านหญิงรันดอล์ฟ เชอร์ชิล เป็นบุตรสาวของเศรษฐีชาวอเมริกันนามว่าลีโอนาร์ด เจอโรม เมื่ออายุได้สองขวบ เขาได้ย้ายไปอาศัยในดับลินในไอร์แลนด์ ซึ่งปู่ของเขาได้รับแต่งตั้งเป็นอุปราชของที่นั่นและแต่งตั้งบิดาของเขาเป็นเลขาส่วนตัว ซึ่งในช่วงเวลานี้ มารดาของเขาได้ให้กำเนิดบุตรคนที่สอง คือ จอห์น สเตรนจ์ สเปนเซอร์-เชอร์ชิล จากการที่วินสตันเป็นหลานของอุปราช ทำให้เขาได้เห็นการสวนสนามบ่อย ๆ ในที่ทำงานของปู่ (ปัจจุบันคือทำเนียบประธานาธิบดีไอร์แลนด์) ทำให้วินสตันตัวน้อยเกิดความชอบทหารขึ้น ในขณะที่อยู่ในดับลิน วินสตันมีพี่เลี้ยงคอยสอนการเขียนอ่านและวิชาคณิตศาสตร์ ด้วยเหตุที่วินสตันไม่ค่อยได้เจอพ่อแม่ ทำให้เขาสนิทสนมกับพี่เลี้ยง นางเอลิซาเบธ อันน์ เอเวอเรสต์ เป็นอย่างมาก นางเป็นทั้งพี่เลี้ยง, พยาบาล และแม่นม โดยทั้งสองมักจะพากันไปเล่นที่สวนสาธารณะฟีนิกซ์เสมอ ๆ วินสตันในวัยเด็กนั้น มีนิสัยดื้อและไม่ชอบเชื่อฟังใคร ดังนั้นเมื่อเข้าศึกษาในโรงเรียนเขาจึงมีผลการเรียนไม่ดีเขาเข้าศึกษาในโรงเรียนเอกชนสามแห่ง คือ โรงเรียนเซนต์จอร์จในเบิร์กเชอร์, โรงเรียนบรันสวิกใกล้กับไบรตัน และ โรงเรียนฮาร์โรวในลอนดอนซึ่งเป็นโรงเรียนที่เขาไม่ชอบเอาเสียเลย ที่ฮาร์โรวนี้ เขาได้เข้าเป็นสมาชิกในหน่วยปืนไรเฟิลฮาร์โรว ในขณะที่เรียนอยู่ที่ฮาร์โรว วินสตันเป็นเด็กอ้วนเตี้ยผมแดงและพูดติดอ่าง ถึงจะมีผลการเรียนในวิชาคณิตศาสตร์เป็นอันดับหนึ่งในชั้นเรียน แต่ผลการเรียนรวมกลับเป็นอันดับที่โหล่ในห้องบ๊วยของชั้นและก็ติดอันดับนี้เรื่อยมา แม้ว่าการเรียนจะทำได้ไม่ดีแต่วินสตันกลับชอบวิชาภาษาอังกฤษ ในช่วงที่เขาเรียนอยู่ฮาร์โรวนี้ มารดาของเขาแทบจะไม่มาเยี่ยมเลยถึงขนาดที่เขาต้องเขียนจดหมายไปขอให้ทางบ้านมาเยี่ยมบ้างหรือไม่ก็ยอมให้เขากลับไปบ้าน ยิ่งความสัมพันธ์กับบิดานั้นยิ่งห่างเหิน บิดาของเขาถึงแก่อนิจกรรมเมื่อ 24 มกราคม 1895 ในวัย 45 ปี การตายของบิดานั้นได้ทำให้วินสตันฉุกคิดขึ้นได้ว่า เขาอาจจะต้องตายเมื่ออายุยังไม่มากเหมือนบิดา ดังนั้นเขาจึงควรรีบทำอะไรซักอย่างเพื่อจารึกชื่อเขาลงในประวัติศาสตร์ราชการทหาร ราชการทหาร. หลังจากวินสตันออกจากแฮร์โรวในปี 1893 เขาก็เข้าเรียนต่อในราชวิทยาลัยการทหาร เมืองแซนด์เฮิสต์ ซึ่งเขาต้องสอบถึงสามครั้งกว่าจะผ่านเข้าเรียน โดยเขาเข้าเรียนในหมวดทหารม้าแทนที่จะเป็นทหารราบ เนื่องจากทหารม้าต้องการผลการเรียนที่ต่ำกว่าและเขาไม่อยากเรียนคณิตศาสตร์อีก เขาจบการศึกษาเป็นคนที่ 8 ของห้องเรียนซึ่งมี 150 คนในเดือนธันวาคม 1894 และแม้ว่าตอนนี้เขาจะสามารถโอนย้ายไปหมวดทหารราบตามที่บิดาหวังไว้ แต่เขากลับเลือกที่จะสังกัดทหารม้าและได้ยศเป็นร้อยตรีประจำ กรมทหาร 4th Queen's Own Hussars ในเดือนกุมภาพันธ์ 1895 ซึ่งปีเดียวกันนี้เขาได้เดินทางไปยังคิวบาเพื่อสังเกตการณ์การต่อสู้ระหว่างกองทัพสเปนกับฝ่ายกองกำลังปลดแอกคิวบา ระหว่างอยู่ที่คิวบานี้เองเขาได้สูบฮาวานาซิการ์และสูบเรื่อยมาตลอดชีวิตเขา ในปี 1941 เขาได้รับโปรดเกล้าเป็นกรณีพิเศษเป็นผู้พันประจำกรมทหาร 4th Hussars ซึ่งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เขาได้รับโปรดเกล้าให้อวยยศนี้ขึ้นอีกเป็นผู้บัญชาการ ซึ่งปกติ สิทธิพิเศษนี้มีแต่สำหรับพระบรมวงศ์เท่านั้น วินสตันได้รับค่าตอบแทนในยศร้อยตรีประจำ 4th Hussars ปีละ 300 ปอนด์ อย่างไรก็ตาม เขาคิดว่าเขาต้องการอย่างน้อยปีละ 500 (เทียบเท่า £55, 000 ในปี 2012) เพื่อให้เขามีวิถีชีวิตที่ดีเทียบเท่านายทหารคนอื่น ๆ ในหน่วย แม้ว่ามารดาจะส่งเงินให้เขาปีละ 400 ปอนด์แต่ก็ไม่พอเนื่องจากเขาเป็นคนมือเติบ วินสตันไม่สนใจการเลื่อนยศมากนักเหมือนที่ทหารคนอื่น ๆ เป็น เขาต้องการเป็นผู้สื่อข่าวสายทหารโดยต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมในปฏิบัติการต่าง ๆ โดยอาศัยเส้นสายของครอบครัวที่มีอยู่ในสังคมชั้นสูง เขาเป็นผู้สื่อข่าวให้แก่หนังสือพิมพ์ในลอนดอนเป็นระยะเวลากว่าเจ็ดปี นอกจากนี้ยังมีงานเขียนเกี่ยวกับปฏิบัติการต่าง ๆ เป็นของตนเองประจำการในอินเดีย ประจำการในอินเดีย. ต้นเดือนตุลาคม 1896 เขาถูกโอนย้ายไปประจำการยังบริติชราช ในขณะที่เรือกำลังเทียบท่าที่มุมไบเขาประสบอุบัติเหตุทำให้ข้อไหล่ขวาหลุด ทำให้เขาใช้แขนขวาได้ไม่เต็มที่ไปตลอดชีวิต เขาเคยเป็นนักโปโลมือหนึ่งในหน่วย แม้หลังบาดเจ็บเขาก็ยังคงเล่นโปโลต่อไปแต่ใช้สายหนังหิ้วแขนขวาแทน ในปีเดียวกันเขาก็เดินทางไปบังคาลอร์ในฐานะนายทหารหนุ่ม ในหนังสือของเขาอธิบายว่า บังคาลอร์เป็นเมืองที่มีสภาพอากาศเยี่ยม และที่อยู่ของเขาเป็นวังสีชมพูขาวใจกลางสวนหย่อมงดงามรายล้อม มีคนใช้ชื่อโธพิ, มีคนสวน, มียาม และมีคนหามน้ำ ในบังคาลอร์นี้เองที่เขาได้พบกับสตรีชื่อ พาเมลลา พลอว์เดน (Pamela Plowden) ลูกสาวของคนใช้และเป็นรักแรกของเขา วินสตันยังได้อธิบายถึงสตรีชาวอังกฤษในอินเดียว่าพวกหล่อนนั้นไม่เป็นที่พึงประสงค์เพราะมีความมั่นใจในความงามของตนเองจนเกินไป จดหมายที่เขาเขียนถึงบ้านยังแสดงให้เห็นว่า เขาพยายามเป็นกลางและหลีกเลี่ยงประเด็นการเมืองอังกฤษซึ่งกำลังมีความขัดแย้งระหว่างสองฝ่าย คือฝ่ายค้านที่มีลอร์ดโรสเบรีกับโจเซฟ เชมเบอร์ลิน และฝ่ายรัฐบาลลอร์ดลันสดาวน์ที่ต้องการเพิ่มงบประมาณกองทัพงานการเมืองสมาชิกสภาสมัยแรก งานการเมือง. สมาชิกสภาสมัยแรก. ในการเลือกตั้งทั่วไป ค.ศ. 1900 เขาชนะการเลือกตั้งได้เป็น ส.ส.จากโอลด์แฮม หลังจากชนะการเลือกตั้งเขาก็เริ่มเดินสายปราศรัยทั้งในเกาะบริเตนและสหรัฐอเมริกา สร้างรายได้ให้แก่เขาถึง 10, 000 ปอนด์ (เทียบเท่า 980, 000 ปอนด์ในปัจจุบัน) นอกจากนี้ระหว่างปี 1903 ถึง 1905 เขายังได้ร่วมเขียนหนังสือชีวประวัติสองเล่มของบิดา ลอร์ดรันดอล์ฟ เชอร์ชิล วาระแรกในรัฐสภา วินสตันไปสมาคมอยู่กับพรรคอนุรักษนิยมซึ่งในขณะนั้นเป็นเสียงข้างน้อยนำโดย ลอร์ดฮิวจ์ เซซิล ซึ่งมีชื่อเรียกลำลองในสภาว่า "พวกฮิวจ์" วินสตันได้อภิปรายคัดค้านรายจ่ายด้านการทหารของรัฐบาล ตลอดจนคัดค้านการเสนอให้ขึ้นภาษีของรัฐมนตรีโจเซฟ เชมเบอร์ลิน การคัดค้านของวินสตันก็เพื่อหวังรักษาอิทธิพลทางเศรษฐกิจของอังกฤษ ในขณะที่พวกฮิวจ์ส่วนใหญ่ดูจะสนับสนุนนโยบายขึ้นภาษี ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปวินสตันก็ยังสามารถรักษาเก้าอี้ส.ส.ของตนเองไว้ได้ แต่ด้วยความขัดแย้งเรื่องนโยบายภาษีกับพรรคอนุรักษนิยม เขาก็ตัดสินใจครั้งสำคัญโดยย้ายไปสังกัดพรรคเสรีนิยมแทน ในฐานะสมาชิกพรรคเสรีนิยม เขายังคงสนับสนุนแนวคิดเรื่องเขตการค้าเสรี และเมื่อพรรคเสรีนิยมได้เป็นรัฐบาลที่นำโดยเซอร์เฮนรี แคมป์เบล-แบนเนอร์มัน ในปี 1905 วินสตันก็ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการอาณานิคม ดูแลนิคมแอฟริกาใต้ภายหลังสงครามโบเออร์ และมีส่วนร่างรัฐธรรมนูญทรานส์วาลซึ่งหวังนำเสถียรภาพมาสู่นิคมแอฟริกาใต้ วินสตันได้สูญเสียเก้าอี้ส.ส.จากโอลด์แฮมไปในการเลือกตั้งปี 1906การเรียกร้องเอกราชของอินเดีย การเรียกร้องเอกราชของอินเดีย. ส.ส. วินสตันเป็นบุคคลที่ต่อต้านความเคลื่อนไหวต่างๆเพื่อปลดแอกอินเดียรวมถึงต่อต้านกฎหมายที่จะให้เอกราชแก่อินเดีย ในปี 1920 เขากล่าวว่า "คานธีควรจะถูกมัดมือมัดเท้าไว้หน้าประตูเมืองเดลี แล้วก็ปล่อยให้ช้างตัวเบ้อเร่อเหยียบ" ยังมีเอกสารระบุในภายหลังอีกว่า วินสตันอยากจะเห็นคานธีอดอาหารให้ตายๆไปซะ วินสตันเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มที่มีชื่อว่า สันนิบาตป้องกันอินเดีย (India Defence League) เป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวเพื่อธำรงไว้ซึ่งอิทธิพลของอังกฤษในอินเดีย ในปี 1930 วินสตันออกมาประกาศว่า กลุ่มคนและทุกอย่างของลัทธิคานธีจะต้องถูกจับกุมและถูกทำลาย วินสตันถึงขนาดแตกหักกับนายกรัฐมนตรีบอลดวินที่จะเริ่มกระบวนการให้เอกราชแก่อินเดีย โดยกล่าวว่าจะไม่ขอรับตำแหน่งใดๆในรัฐบาลอีกตราบใดที่บอลดวินยังเป็นนายกฯอยู่นายกรัฐมนตรีสมัยแรก (ค.ศ. 1940–45)หวนคืนสู่กระทรวงทหารเรือ นายกรัฐมนตรีสมัยแรก (ค.ศ. 1940–45). หวนคืนสู่กระทรวงทหารเรือ. เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองปะทุขึ้น ในวันที่ 3 กันยายน 1939 วันที่สหราชอาณาจักรประกาศสงครามต่อเยอรมัน วินสตันได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงทหารเรือ ตำแหน่งเดิมกับที่เขาเคยดำรงตำแหน่งในช่วงต้นสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ซึ่งเป็นเป็นหนึ่งในสมาชิกคณะรัฐมนตรีฝ่ายสงคราม (War cabinet) ในรัฐบาลของเชมเบอร์ลิน ในตำแหน่งนี้ วินสตันได้พิสูจน์ตนเองเป็นรัฐมนตรีมือดีในยุคที่เรียกว่า "สงครามลวง" ตอนแรกวินสตันเสนอแผนจะส่งกองเรือทะลวงเข้าไปในทะเลบอลติก แต่ก็เปลี่ยนแผนเป็นการวางทุ่นระเบิดเส้นทางเดินเรือไม่ให้นอร์เวย์สามารถส่งแร่เหล็กออกจากเมืองนาร์วิกไปป้อนอุตสาหกรรมทหารของเยอรมันได้ ซึ่งจะบีบเยอรมันให้เปิดฉากโจมตีนอร์เวย์ เป็นโอกาสดีที่ราชนาวีอังกฤษจะมีชัยเหนือกองเรือเยอรมัน อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเชมเบอร์ลินตลอดจนคณะรัฐมนตรีฝ่ายสงครามคัดค้านแผนการนี้ทำให้แผนล่าช้าออกไป แผนวางทุ่นระเบิดอันมีชื่อว่า "ปฏิบัติการวิลเฟรด" นี้เริ่มขึ้นในวันที่ 8 เมษายน 1940 เพียงวันเดียวก่อนที่เยอรมันจะประสบความสำเร็จในการบุกครองนอร์เวย์สุนทรพจน์ "เราจักไม่มีวันยอมแพ้" สุนทรพจน์ "เราจักไม่มีวันยอมแพ้". ในวันที่ 10 พฤษภาคม 1940 ไม่กี่ชั่วโมงก่อนเยอรมนีจะเข้าบุกฝรั่งเศสด้วยกลยุทธ์บลิทซ์ครีกผ่านกลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำ หลังจากความล้มเหลวของปฏิบัติการในประเทศนอร์เวย์ ผู้คนก็สูญเสียความเชื่อมั่นในรัฐบาลของเชมเบอร์ลิน ทำให้เชมเบอร์ลินตัดสินใจลาออก ตัวเต็งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปอย่างเอิร์ลแห่งฮาลิแฟกซ์ก็ถอนตัว เนื่องจากเขาไม่เชื่อมั่นว่าตัวเขาซึ่งมาจากสภาขุนนางจะสามารถบริหารบ้านเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน แม้ว่าโดยจารีตประเพณีแล้วนายกรัฐมนตรีจะมิทูลเกล้าฯเสนอชื่อนายกฯคนต่อไป แต่เชมเบอร์ลินต้องการใครซักคนที่จะได้รับแรงสนับสนุนจากทั้งสามพรรคในสภาสามัญชน จึงเกิดการหารือกันระหว่างเชมเบอร์ลิน, ลอร์ดฮาลิแฟกซ์, วินสตัน และเดวิด มาเกรสสัน ในที่สุดพระเจ้าจอร์จที่ 6 ก็ทรงเสนอชื่อวินสตันขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี โดยสิ่งแรกที่วินสตันทำคือการเขียนจดหมายขอบคุณเชมเบอร์ลินที่สนับสนุนเขา ตอนปลายของยุทธการที่ฝรั่งเศส กองทัพฝรั่งเศสและอังกฤษในภาคพื้นทวีปต่างพ่ายแพ้ต่อเยอรมัน หมู่เกาะอังกฤษตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตที่สุดในประวัติศาสตร์ ผู้คนต่างหวาดผวาต่อการรุกรานโดยนาซีเยอรมนี ทันใดนั้นก็เกิดปาฏิหาริย์แห่งดันเคิร์กขึ้นซึ่งช่วยทหารไว้กว่าสามแสนนาย ในวันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ. 1940 นายกรัฐมนตรีวินสตันได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาสามัญชน สุนทรพจน์นี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ We shall fight on the beaches ซึ่งบางส่วนของสุนทรพจน์ดังกล่าวได้รับการยอมรับว่าเป็นวลีที่ดีที่สุดแห่งยุค
| บุคคลแรกที่ได้เป็นพลเมืองเกียรติยศแห่งสหรัฐอเมริกาคือใคร | {
"answer": [
"วินสตัน เชอร์ชิล"
],
"answer_begin_position": [
89
],
"answer_end_position": [
105
]
} |
3,921 | 32,880 | เทือกเขาแอลป์ เทือกเขาแอลป์ (; ; ; สโลวีเนีย: Alpe; ) เป็นเทือกเขาที่ใหญ่สุดของทวีปยุโรปโดยครอบคลุมตั้งแต่ออสเตรีย, อิตาลี และสโลวีเนียทางด้านตะวันออก ไปจนถึงสวิตเซอร์แลนด์, ลิกเตนสไตน์, เยอรมนี และฝรั่งเศสทางด้านตะวันตก เทือกเขาแอลป์เป็นเทือกเขาอายุน้อย เกิดขึ้นเมื่อแผ่นทวีปแอฟริกามุดใต้แผ่นทวีปยูเรเซีย (อนุทวีปสเปนและอิตาลีชนกับแผ่นดินใหญ่) ภูเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขาแอลป์คือ ยอดเขามองต์บลังก์ ที่ความสูง 4,807 เมตร บริเวณชายแดนฝรั่งเศสกับอิตาลีนิรุกติศาสตร์ นิรุกติศาสตร์. คำว่า "แอลป์" (Alps) ซึ่งเป็นคำในภาษาอังกฤษ นำมาจากคำว่าแอลป์ในภาษาฝรั่งเศสและภาษาละตินจากคำว่า "Albus" ที่แปลว่า "สีขาว" อันหมายถึง "เทือกเขาสีขาวที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ"
| เทือกเขาที่ใหญ่ที่สุดของทวีปยุโรปคือเทือกเขาใด | {
"answer": [
"แอลป์"
],
"answer_begin_position": [
108
],
"answer_end_position": [
113
]
} |
3,922 | 32,880 | เทือกเขาแอลป์ เทือกเขาแอลป์ (; ; ; สโลวีเนีย: Alpe; ) เป็นเทือกเขาที่ใหญ่สุดของทวีปยุโรปโดยครอบคลุมตั้งแต่ออสเตรีย, อิตาลี และสโลวีเนียทางด้านตะวันออก ไปจนถึงสวิตเซอร์แลนด์, ลิกเตนสไตน์, เยอรมนี และฝรั่งเศสทางด้านตะวันตก เทือกเขาแอลป์เป็นเทือกเขาอายุน้อย เกิดขึ้นเมื่อแผ่นทวีปแอฟริกามุดใต้แผ่นทวีปยูเรเซีย (อนุทวีปสเปนและอิตาลีชนกับแผ่นดินใหญ่) ภูเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขาแอลป์คือ ยอดเขามองต์บลังก์ ที่ความสูง 4,807 เมตร บริเวณชายแดนฝรั่งเศสกับอิตาลีนิรุกติศาสตร์ นิรุกติศาสตร์. คำว่า "แอลป์" (Alps) ซึ่งเป็นคำในภาษาอังกฤษ นำมาจากคำว่าแอลป์ในภาษาฝรั่งเศสและภาษาละตินจากคำว่า "Albus" ที่แปลว่า "สีขาว" อันหมายถึง "เทือกเขาสีขาวที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ"
| ยอดเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขาแอลป์คือยอดเขาใด | {
"answer": [
"มองต์บลังก์"
],
"answer_begin_position": [
473
],
"answer_end_position": [
484
]
} |
3,923 | 220,608 | เมทนี บุรณศิริ เมทนี บุรณศิริ ชื่อเล่นว่า นีโน่ (29 พฤศจิกายน 2509) เป็นนักแสดง พิธีกร และนักร้องชาวไทยประวัติ ประวัติ. เมทนี บุรณศิริ มีชื่อเล่นว่า นีโน่ เป็นบุตรคนที่สามจากทั้งหมดสี่คนของสุมิดา บุรณศิริ และธารารัตน์ (สกุลเดิม ณ สงขลา) หรือเชอรี่ มารดาเป็นลูกครึ่งออสเตรเลีย มีพี่น้องคือ ชลิดา, ชุติมา และเฉกชนม์ ตามลำดับ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าสู่วงการบันเทิงโดยการถ่ายแบบลงโฆษณาสินค้าต่างๆ ต่อมาได้แสดงละครและภาพยนตร์ โดยเป็นพระเอกภาพยนตร์เรื่องแรกและเรื่องเดียวคือ "ขอลูกแก้วเป็นพระเอก" คู่กับ สุนิสา สุขบุญสังข์ และมีผลงานทางจอเงินและจอแก้วมากมายหลายเรื่อง ด้านการเป็นนักร้อง มีผลงานเพลงกับค่ายคีตา เรคคอร์ดส ในชื่ออัลบั้มว่า "ขอเป็นพระเอก" ในอัลบั้มนี้มีเพลงดังคือ คนขี้เหงา, ผมรักคุณ และ เรามาจากไหน ซึ่งออกวางแผงในปี พ.ศ. 2534 และในปีต่อมาคือ พ.ศ. 2535 ได้ออกอัลบั้มอีกหนึ่งชุดคือ "นีโน่ คัมแบ๊ก" เมทนี หมั้นกับศรฤทัย อัครอิทธินันท์ (ชื่อเล่น จอย) เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2550 จดทะเบียนสมรสเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน และฉลองมงคลสมรสเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนปีเดียวกันนั้น โดยเขาตั้งใจว่าจะไม่มีลูกด้วยกัน แต่ภายหลังทั้งสองจดทะเบียนหย่ากันเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558ผลงานละครโทรทัศน์ผลงานละครสั้นผลงานละครชุดแสดงภาพยนตร์ละครเวทีผลงาน. ละครเวที. - อลเวงเพลงนางฟ้า พ.ศ. 2534 ฯลฯรายชื่อรายการที่เมทนีเป็นพิธีกร รายชื่อรายการที่เมทนีเป็นพิธีกร. รายการที่กำลังออกอากาศในปัจจุบัน แสดงด้วยตัวหนา- ดาวเด่น - โอนลี่วันเกม พ.ศ. 2536 - พ.ศ. 2539 - มาสเตอร์คีย์ พ.ศ. 2537 - ปัจจุบัน - กินกับเกม พ.ศ. 2539 - พ.ศ. 2544 - โอโน่โชว์ พ.ศ. 2544 - พ.ศ. 2554 - ไคลแม็กซ์เกม พ.ศ. 2541 - พ.ศ. 2542 - 7 กะรัต พ.ศ. 2551 - ยุทธการเด็ดดอกฟ้า - คนคิด - บิ๊กเกม - THE MOVIE GAME - A E I FOR YOU - ใครรักใครหัวใจตรงกัน - แบบนี้มีที่ไหน - บางกอกรามา - muya muya - แฟนซีเกมส์ คู่กับ บุษกร พรวรรณะศิริเวช และ พรชิตา ณ สงขลา - บัดดี้ท้าดวล - ท้าเรียง พ.ศ. 2549 - พ.ศ. 2550 - The Adventure ภารกิจพิชิตโลก พ.ศ. 2553 - พ.ศ. 2554 - อัศวินน้อย - The Gentleman - ดาราจำแลง - เมืองสำราญ - The Trainer 3 - สะพานแห่งรัก - ขวัญถุงเงินล้าน พ.ศ. 2555 - พ.ศ. 2557 - FOOD PRINCE : เที่ยวกับลิง กินกับเจ้า พ.ศ. 2555 - พ.ศ. 2556 - แก๊งค์กระจิ๊ด คิดสนุก 2 พ.ศ. 2556 - ID Lucky Number เลขท้ารวย - 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 - 8 สิงหาคม พ.ศ. 2559 - กินเก๋าเกม คู่กับ วราวุธ โพธิ์ยิ้ม - 8 มกราคม พ.ศ. 2560 - 26 มีนาคม พ.ศ. 2560 - คุยแซ่บ SHOW ร่วมกับ ธัญญาเรศ เองตระกูล, พรชิตา ณ สงขลา, ดรุณี สุทธิพิทักษ์ - 3 มกราคม พ.ศ. 2561 - ปัจจุบันเพลงเพลง. - อัลบั้ม ขอเป็นพระเอก พ.ศ. 2534 - อัลบั้ม นีโน่ คัมแบ็ก พ.ศ. 2535 - อัลบั้ม รวมญาติ พ.ศ. 2539 - อัลบั้ม be my guest 1 - อัลบั้ม be my guest (singaholic)โฆษณาโฆษณา. - SINGHA GOLD ชุด ดีดกีต้าร์ - ผลิตภัณฑ์ป้องกันผมร่วง เนริล - ซอสปรุงสำเร็จรูป อายิซอส - น้ำยาล้างจาน ไลปอนเอฟมิวสิกวีดีโอมิวสิกวีดีโอ. - เพลง ไม้ขีดไฟ ศิลปิน อิทธิ พลางกูรผู้จัดละครผู้จัดละคร. - หมัดเด็ดเสียงทอง ซีซั่น 1 (ช่อง 9) - มนต์รักเพลงผีบอก (ช่อง 7) - พริ้ง คนเริงเมือง (ช่อง 7) - ระบำมาร (ช่อง 7)
| บิดาของเมทนี บุรณศิริ คือใคร | {
"answer": [
"สุมิดา บุรณศิริ"
],
"answer_begin_position": [
278
],
"answer_end_position": [
293
]
} |
3,924 | 220,608 | เมทนี บุรณศิริ เมทนี บุรณศิริ ชื่อเล่นว่า นีโน่ (29 พฤศจิกายน 2509) เป็นนักแสดง พิธีกร และนักร้องชาวไทยประวัติ ประวัติ. เมทนี บุรณศิริ มีชื่อเล่นว่า นีโน่ เป็นบุตรคนที่สามจากทั้งหมดสี่คนของสุมิดา บุรณศิริ และธารารัตน์ (สกุลเดิม ณ สงขลา) หรือเชอรี่ มารดาเป็นลูกครึ่งออสเตรเลีย มีพี่น้องคือ ชลิดา, ชุติมา และเฉกชนม์ ตามลำดับ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าสู่วงการบันเทิงโดยการถ่ายแบบลงโฆษณาสินค้าต่างๆ ต่อมาได้แสดงละครและภาพยนตร์ โดยเป็นพระเอกภาพยนตร์เรื่องแรกและเรื่องเดียวคือ "ขอลูกแก้วเป็นพระเอก" คู่กับ สุนิสา สุขบุญสังข์ และมีผลงานทางจอเงินและจอแก้วมากมายหลายเรื่อง ด้านการเป็นนักร้อง มีผลงานเพลงกับค่ายคีตา เรคคอร์ดส ในชื่ออัลบั้มว่า "ขอเป็นพระเอก" ในอัลบั้มนี้มีเพลงดังคือ คนขี้เหงา, ผมรักคุณ และ เรามาจากไหน ซึ่งออกวางแผงในปี พ.ศ. 2534 และในปีต่อมาคือ พ.ศ. 2535 ได้ออกอัลบั้มอีกหนึ่งชุดคือ "นีโน่ คัมแบ๊ก" เมทนี หมั้นกับศรฤทัย อัครอิทธินันท์ (ชื่อเล่น จอย) เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2550 จดทะเบียนสมรสเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน และฉลองมงคลสมรสเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนปีเดียวกันนั้น โดยเขาตั้งใจว่าจะไม่มีลูกด้วยกัน แต่ภายหลังทั้งสองจดทะเบียนหย่ากันเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558ผลงานละครโทรทัศน์ผลงานละครสั้นผลงานละครชุดแสดงภาพยนตร์ละครเวทีผลงาน. ละครเวที. - อลเวงเพลงนางฟ้า พ.ศ. 2534 ฯลฯรายชื่อรายการที่เมทนีเป็นพิธีกร รายชื่อรายการที่เมทนีเป็นพิธีกร. รายการที่กำลังออกอากาศในปัจจุบัน แสดงด้วยตัวหนา- ดาวเด่น - โอนลี่วันเกม พ.ศ. 2536 - พ.ศ. 2539 - มาสเตอร์คีย์ พ.ศ. 2537 - ปัจจุบัน - กินกับเกม พ.ศ. 2539 - พ.ศ. 2544 - โอโน่โชว์ พ.ศ. 2544 - พ.ศ. 2554 - ไคลแม็กซ์เกม พ.ศ. 2541 - พ.ศ. 2542 - 7 กะรัต พ.ศ. 2551 - ยุทธการเด็ดดอกฟ้า - คนคิด - บิ๊กเกม - THE MOVIE GAME - A E I FOR YOU - ใครรักใครหัวใจตรงกัน - แบบนี้มีที่ไหน - บางกอกรามา - muya muya - แฟนซีเกมส์ คู่กับ บุษกร พรวรรณะศิริเวช และ พรชิตา ณ สงขลา - บัดดี้ท้าดวล - ท้าเรียง พ.ศ. 2549 - พ.ศ. 2550 - The Adventure ภารกิจพิชิตโลก พ.ศ. 2553 - พ.ศ. 2554 - อัศวินน้อย - The Gentleman - ดาราจำแลง - เมืองสำราญ - The Trainer 3 - สะพานแห่งรัก - ขวัญถุงเงินล้าน พ.ศ. 2555 - พ.ศ. 2557 - FOOD PRINCE : เที่ยวกับลิง กินกับเจ้า พ.ศ. 2555 - พ.ศ. 2556 - แก๊งค์กระจิ๊ด คิดสนุก 2 พ.ศ. 2556 - ID Lucky Number เลขท้ารวย - 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 - 8 สิงหาคม พ.ศ. 2559 - กินเก๋าเกม คู่กับ วราวุธ โพธิ์ยิ้ม - 8 มกราคม พ.ศ. 2560 - 26 มีนาคม พ.ศ. 2560 - คุยแซ่บ SHOW ร่วมกับ ธัญญาเรศ เองตระกูล, พรชิตา ณ สงขลา, ดรุณี สุทธิพิทักษ์ - 3 มกราคม พ.ศ. 2561 - ปัจจุบันเพลงเพลง. - อัลบั้ม ขอเป็นพระเอก พ.ศ. 2534 - อัลบั้ม นีโน่ คัมแบ็ก พ.ศ. 2535 - อัลบั้ม รวมญาติ พ.ศ. 2539 - อัลบั้ม be my guest 1 - อัลบั้ม be my guest (singaholic)โฆษณาโฆษณา. - SINGHA GOLD ชุด ดีดกีต้าร์ - ผลิตภัณฑ์ป้องกันผมร่วง เนริล - ซอสปรุงสำเร็จรูป อายิซอส - น้ำยาล้างจาน ไลปอนเอฟมิวสิกวีดีโอมิวสิกวีดีโอ. - เพลง ไม้ขีดไฟ ศิลปิน อิทธิ พลางกูรผู้จัดละครผู้จัดละคร. - หมัดเด็ดเสียงทอง ซีซั่น 1 (ช่อง 9) - มนต์รักเพลงผีบอก (ช่อง 7) - พริ้ง คนเริงเมือง (ช่อง 7) - ระบำมาร (ช่อง 7)
| แม่ของเมทนี บุรณศิริ คือใคร | {
"answer": [
"ธารารัตน์"
],
"answer_begin_position": [
297
],
"answer_end_position": [
306
]
} |
3,929 | 370,309 | เขตชีวภาพพาลีอาร์กติก เขตชีวภาพพาลีอาร์กติก () เป็นหนึ่งในแปดเขตชีวภาพของโลก ในทางกายภาพแล้ว พาลีอาร์กติกเป็นเขตชีวภาพที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ซึ่งกินอาณาบริเวณภาคนิเวศยุโรป ทวีปเอเชียที่อยู่เหนือตีนเทือกเขาหิมาลัย แอฟริกาเหนือ ทางตอนเหนือและตอนกลางของคาบสมุทรอาหรับเขตทางนิเวศวิทยาที่สำคัญ เขตทางนิเวศวิทยาที่สำคัญ. เขตชีวภาพพาลีอาร์กติกกินพื้นที่ภาคนิเวศเขตหนาวและเขตอบอุ่นเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งลากผ่านยูเรเชียจากยุโรปตะวันตกไปจนถึงทะเลแบริงเขตยูโร-ไซบีเรียน เขตยูโร-ไซบีเรียน. เขตยูโร-ไซบีเรียนซึ่งมีภูมิอากาศหนาวและอบอุ่นนี้เป็นเขตทางนิเวศวิทยาขนาดใหญ่ที่สุดของพาลีอาร์กติก ซึ่งไล่ตั้งแต่ทุนดราทางปลายสุดด้านเหนือของรัสเซียและสแกนดิเนเวียไปจนถึงไทกาอันกว้างใหญ่ ซึ่งเป็นป่าสนเขาเขตหนาวซึ่งพบในภาคพื้นทวีป ทางใต้ของไทกานั้นเป็นแถบป่าไม้ใบกว้างเขตอบอุ่น ป่าผสม และป่าสนเขาเขตอบอุ่น เขตยูโร-ไซบีเรียนอันกว้างใหญ่นี้มีความโดดเด่นตรงที่พบสปีชีส์พืชและสัตว์จำนวนมากร่วมกัน และมีความใกล้เคียงกันมากกับเขตอบอุ่นและเขตหนาวของภาคนิเวศเนียอาร์กติกของทวีปอเมริกาเหนือ ยูเรเซียและทวีปอเมริกาเหนือมักจะเชื่อมถึงกันโดยสะพานบกแบริง และมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมและนกประจำภูมิภาคที่คล้ายคลึงกันมาก โดยสปีชีส์ในยูเรเซียกำลังอพยพเข้าสู่อเมริกาเหนือ และสปีชีส์ในอเมริกาเหนืออพยพเข้าสู่ยูเรเซียในสัดส่วนที่น้อยกว่า นักสัตววิทยาจำนวนมากเห็นว่าพาลีอาร์กติกและเนียอาร์ติกควรจะนับรวมกันเป็นเขตชีวภาพเดียวที่เรียกว่า ฮาลอาร์กติก พาลีอาร์กติกและเนียอาร์กติกยังพบสปีชีส์พืชแบบเดียวกันเป็นจำนวนมากลุ่มเมดิเตอร์เรเนียน ลุ่มเมดิเตอร์เรเนียน. พื้นดินซึ่งติดต่อกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในยุโรปใต้ แอฟริกาเหนือ และเอเชียตะวันตกเป็นที่ตั้งของภาคนิเวศลุ่มเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งประกอบด้วยเขตภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและแตกต่างกันมากที่สุดในโลก โดยปกติแล้วสภาพอากาศไม่รุนแรงนัก ฤดูหนาวมีฝนตก และฤดูร้อนร้อนและแห้งแล้ง พื้นที่ป่าเมดิเตอร์เรเนียน ป่าไม้ และป่าละเมาะเป็นถิ่นที่อยู่ของสัตว์ประจำถิ่นถึงกว่า 13,000 ชนิด ลุ่มเมดิเตอร์เรเนียนยังเป็นหนึ่งในเขตทางนิเวศวิทยาที่ถูกคุกคามมากที่สุดในโลก โดยมีเพียง 4% ของสัตว์กินพืชดั้งเดิมเท่านั้นที่ยังคงเหลือรอด และกิจกรรมของมนุษย์ รวมไปถึงการเลี้ยงปศุสัตว์อย่างกว้างขวาง การตัดไม้ทำลายป่า และการเปลี่ยนสภาพดินไปเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ที่ทำการเกษตร หรือเปลี่ยนเป็นเมือง ได้ลดคุณภาพของเขตทางนิเวศวิทยาดังกล่าวลงอย่างมากสะฮาราและทะเลทรายอาหรับ สะฮาราและทะเลทรายอาหรับ. แถบทะเลทรายอันกว้างใหญ่ รวมไปถึงทะเลทรายชายฝั่งแอตแลนติก ทะเลทรายสะฮารา และทะเลทรายอาหรับ ซึ่งแยกเขตชีวภาพพาลีอาร์กติกและอโฟรทรอพปิก แผนผังดังกล่าวรวมไปถึงเขตชีวภาพทะเลทรายเหล่านี้ในเขตชีวภาพพาลีอาร์กติกเอเชียตะวันตกกับเอเชียกลาง เอเชียตะวันตกกับเอเชียกลาง. เทือกเขาคอเคซัส ซึ่งลากผ่านทะเลดำกับทะเลสาบแคสเปียน เป็นพื้นที่ที่มีป่าสนเขา ป่าใบกว้างและป่าผสมอุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง และรวมไปถึงป่าฝนเขตอบอุ่นของภาคนิเวศป่าผลัดใบ Euxine-Colchic ส่วนเอเชียกลางและที่ราบสูงอิหร่านเป็นทุ่งหญ้าสเต็ปแห้งแล้งและลุ่มทะเลทราย โดยมีป่าบนภูเขา ป่าไม้ และทุ่งหญ้าในภูเขาและที่ราบสูงในพื้นที่
| เขตชีวภาพที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกคือเขตใด | {
"answer": [
"พาลีอาร์กติก"
],
"answer_begin_position": [
127
],
"answer_end_position": [
139
]
} |
3,930 | 122,820 | ศรราม เทพพิทักษ์ ศรราม เทพพิทักษ์ เกิดเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2516 ที่กรุงเทพมหานคร เป็นนักแสดง นักร้อง ชาวไทย เป็นบุตรของ ชุมพร เทพพิทักษ์ นักแสดงอาวุโส โดยชื่อ ศรราม ตั้งมาจากชื่อของตัวเอกในภาพยนตร์เรื่อง หนึ่งนุชประวัติ ประวัติ. ศรรามจบการศึกษาระดับประถมและมัธยมจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล, ปริญญาตรีจาก คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มีผลงานละครเรื่องแรกถึงสองเรื่อง ในปี พ.ศ. 2535 คือเรื่อง สี่แยกนี้อายุน้อย ทางช่อง 3 และ อรุณสวัสดิ์ ทางช่อง 7 ซึ่งได้ออกอากาศในช่วงเวลาเดียวกัน จนหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่เขียนว่า คนๆนี้เป็นใคร ขนาดมาใหม่ๆ ยังมีละครออนพร้อมกันถึงสองช่อง ศรรามมีผลงานการแสดงที่เป็นที่รู้จักในบทบาทของ "เหินฟ้า" จากละครโทรทัศน์ทางช่อง 7 เรื่อง "ผยอง" ในปี พ.ศ. 2536 คู่กับสุวนันท์ คงยิ่ง จากนั้นจึงได้แสดงคู่กันจนเป็นคู่พระ คู่นางมาอีกหลายเรื่อง เช่น ดาวพระศุกร์ ในปี พ.ศ. 2537 จากนั้นศรรามได้ออกอัลบั้มเพลงของตนเองเป็นชุดแรกในสังกัดอาร์เอส โปรโมชั่นในปีเดียวกัน ชื่อ "ลูกไม้ของนายหนุ่ม" ปี พ.ศ. 2543 เข้ารับราชการทหาร 2 ปี (ทหารเกณฑ์) สังกัดกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 ผลงานในระยะหลัง เช่น รับบทของ "ชายกลาง" ในละครเรื่อง บ้านทรายทอง ในปี พ.ศ. 2543 ทางช่อง 3 ในส่วนของภาพยนตร์เคยได้รับรางวัลผู้แสดงนำชายยอดเยี่ยมประจำปี พ.ศ. 2542 จากชมรมวิจารณ์บันเทิง จากภาพยนตร์เรื่อง แตก 4 รัก โลภ โกรธ เลว นอกจากผลงานในวงการบันเทิงแล้ว ยังเคยเป็นนักฟุตบอลสังกัดสโมสรทหารอากาศในไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ตำแหน่งกองหน้า สวมเสื้อเบอร์ 21 อันเป็นเบอร์เดียวกับปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ด้วยผลงานด้านการแสดงภาพยนตร์ผลงานด้านการแสดง. ภาพยนตร์. - แดดร้อนลมแรง ความรักกำลังจะมา (คู่กับ แอน ทองประสม, ธัญญาเรศ รามณรงค์) (พ.ศ. 2536) - ฉันหรือเธอที่เผลอใจ (คู่กับ นัท มีเรีย) (พ.ศ. 2536) - ฮัลโหล ขอรบกวนหน่อย (คู่กับ นุสบา ปุณณกันต์) (พ.ศ. 2536) - หัวใจใครจะรู้ (คู่กับ กชกร นิมากรณ์) (พ.ศ. 2537) - แบบว่าโลกนี้มีน้ำเต้าหู้และครูระเบียบ (คู่กับ สุวนันท์ คงยิ่ง) (พ.ศ. 2537) - ฝันติดไฟ หัวใจติดดิน (คู่กับ กุลสตรี ศิริพงษ์ปรีดา) (พ.ศ. 2540) - แตก 4 รัก โลภ โกรธ เลว (คู่กับ นุ๊ก - สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา) (พ.ศ. 2542) - รักไม่ถึงร้อย (คู่ ปภัสรา เตชะไพบูลย์) (พ.ศ. 2543) - ปักษาวายุ (คู่กับ ซาร่า เล็กจ์) (พ.ศ. 2547) - รักสยามเท่าฟ้า (คู่กับ วิมุตติพร ทองมาก) (พ.ศ. 2551) - หนุมานคลุกฝุ่น (คู่กับ หยาดทิพย์ ราชปาล) (พ.ศ. 2551) - กาฝาก (คู่กับ ณัฏฐพัชร วิพัธครตระกูล) (พ.ศ. 2555)ผลงานละครโทรทัศน์ละครสั้นละครสั้น. - หลุมฝังรัก (2535) ละครสั้น ชุด ปากกาทอง รับบท ชัย แสดงร่วมกับ ณัฏฐพล กรรณสูต , ชุมพร เทพพิทักษ์ ช่อง 7 - นางทาส (2536) (รับเชิญตอนจบ) รับบท ราม คู่กับ รชนีกร พันธุ์มณี ช่อง 7 - มะเมียะ (2537) ละครสั้น ปากกาทองมินิซีรีส์ รับบท เจ้าน้อยศุขเกษม คู่กับ สุวนันท์ คงยิ่ง ช่อง 7 - ทองหลังพระ (ละครเทิดพระเกียรติ) (2543) รับบท บัญชา คู่กับ สุวนันท์ คงยิ่ง ช่อง 7 - ร้านมหาสนุก (ซิทคอม) (2546) รับบท ม.ร.ว.ภาคภูมิ คู่กับ พรนภา เทพทินกร ช่อง 3 - ยุทธการกระดูกเข้าบัว (ละครเทิดพระเกียรติ) (2548) รับบท ร.อ.ทศทิศ คู่กับ สุจิรา อรุณพิพัฒน์ ช่อง 5 - คือสายใยแห่งรัก (ละครเทิดพระเกียรติ) (2550) รับบท สุขทวีป คู่กับ สินจัย เปล่งพานิช ช่อง 5 - รักบ้านเรา (ละครเทิดพระเกียรติ) (2551) รับบท อาทร คู่กับ รุจิรา ช่วยเกื้อ ช่อง 9 - 12 วีรชนคนกล้าแห่งสยาม ตอน พระเจ้าพรหมมหาราช (ละครเทิดพระเกียรติ) (2552) รับบท พระเจ้าพรหมมหาราช คู่กับ อรัชมน รัตนวราหะ / มารีออน อัฟโฟลเทอร์ ช่อง 5 - ปิดทองหลังพระ ตอน ความฝันอันสูงสุด (ละครเทิดพระเกียรติ) (2552) รับบท ผู้หมวดตี้ /ร.ต.ต.กฤตติกุล บุญลือ ช่อง 9 - สามสาวเจ้าเสน่ห์ (2554) รับบท กัน (หนุ่มเจ้าเสน่ห์) คู่กับ อัฐมา ชีวนิชพันธ์ ช่อง 9ผลงานเพลงอัลบั้มเพลงผลงานเพลง. อัลบั้มเพลง. - อัลบั้ม "ลูกไม้ของนายหนุ่ม" (2537) - อัลบั้ม "หนุ่ม-นิ้ง Love and Dream" (2540) - อัลบั้ม "ศรราม จุ๊บ จุ๊บ" (2541) - อัลบั้ม "จากใจถึงใจ" (2543) - อัลบั้ม "ศรราม อกสามศอก" (2547)ผลงานเดี่ยวผลงานเดี่ยว. - รู้สึกอย่างไร (เผยแผร่เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2557)มิวสิกวีดีโอมิวสิกวีดีโอ. - เพลง ใครคือเธอ เธอคือใคร ของ ดัง พันกร บุณยะจินดา และ ปาน ธนพร แวกประยูร อัลบั้ม ดัง ปาน เดอะ เกรท ดูเอ็ท แสดงคู่กับ รินลณี ศรีเพ็ญ - เพลง รักมาหา ของ ดัง พันกร บุณยะจินดา และ ปาน ธนพร แวกประยูร อัลบั้ม ดัง ปาน เดอะ เกรท ดูเอ็ท แสดงคู่กับ รินลณี ศรีเพ็ญ - เพลง เมียหลวงทวงสิทธิ์ จินตหรา พูนลาภ อัลบั้ม ชุดที่ 9 เมียหลวงทวงสิทธิ์ แสดงคู่กับ มาติกา อรรถกรศิริโพธิ์ - เพลง อ้อนวอน เสกสรร สุขพิมาย อัลบั้ม 20ปี โลโซ เราและนาย - อยากหมุนเวลา (Cover Version) - นิโคล เทริโอ (OFFICIAL MV) เป็นผู้กำกับ และ แสดงคู่กับ นิโคล เทริโออัลบั้มรวมศิลปินอัลบั้มรวมศิลปิน. - ซูเปอร์ทีนส์ (2539) - เดอะเซเลเบรชัน (2544)ผลงานอื่น ๆผลงานอื่น ๆ. - หนังสือ พลฯศรราม ตามระเบียบพัก - หนังสือ ตู้กับข้าว - พิธีกรรายการเมืองไทยวาไรตี้ ทางช่อง 5 คู่กับ กรรชัย กำเนิดพลอย - พิธีกรรายการฟ้าห่มดิน ช่อง 5 เวลา 17.55น. - ผู้บริหารบริษัทฤทธิราม จำกัด - ตำแหน่ง " กรรมการผู้จัดการ Managing Director Ritthiram Co.,Ltd. - เป็นผู้กำกับมิวสิควีดีโอเพลง เมียหลวงทวงสิทธิ์ แผลใหม่ และ ฟ้าฮ้องบึ้ม ของ จินตหรา พูนลาภผลงานพิเศษผลงานพิเศษ. - ภาพยนตร์ เทิดพระเกียรติ ปิดทองหลังพระ ตอน ความฝันอันสูงสุด รับบทเป็น หมวดตี้รายการในเครือ บริษัท Ritthiram ของศรรามรายการในเครือ บริษัท Ritthiram ของศรราม. - รายการ ปกฟ้า คู่แผ่นดิน ช่อง TGN เวลา 08.15น. - รายการ ปลากริมไข่เต่า ช่อง True 61 เวลา 21.00น.-22.00น.คู่กับ นุสบา ปุณณกันต์ - รายการ "ดลใจประชาราษฏร์ 9 เทป "ออนแอร์ CH 9 ( ปี 2553 ) - รายการ "Life goes on รางวัลชีวิต" ช่อง Thai PBS ( TPBS ) ทุกวันอาทิตย์ 11.30-12.30น. - รายการ "บรมราชินีนาถยาตรา" ทุกวันจันทร์ - วันพุธ หลังรายการ แจ๋ว (รายการโทรทัศน์) ช่อง 3 - รายการ " เพลินจิต " ช่อง True 61 เวลา 21.00น.-22.00 - รายการ " บอลไทยใช่เลย " คู่แตงโม พงษ์พิสุทธิ์ ผิวอ่อน ช่อง True 61 ทุกวันพุธ 17.30 น. - รายการ " Sport Gossip " พิธีกร ออแกนและได๋ ทุกวันอังคาร ช่องTrue Sport2 เวลา 22.00 น. - รายการ " InTrend " พิธีกร หยวน ทุกวันอาทิตย์ ช่องTrue10 เวลา 11.00 น. - รายการ " Sport Fan " พิธีกร ศรราม และจ๊ะจ๋า ทุกวันศุกร์ ช่องTrue Sport2 เวลา 20.30 น.รางวัลรางวัล. - 2535 รางวัล รางวัลเมขลา นักแสดงดาวรุ่งชาย จากละคร อรุณสวัสดิ์ - 2538 ได้รับการเสนอชื่อ 1 ใน 5 ผู้เข้าชิงรางวัลเมขลา ผู้แสดงนำชายดีเด่น จากละคร สายโลหิต - 2538 ได้รับการเสนอชื่อ 1 ใน 5 ผู้เข้าชิงรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ดารานำชายดีเด่น จากละคร สายโลหิต - 2542 รางวัลจาก ชมรมวิจารณ์บันเทิง " สาขานักแสดงนำชาย จากภาพยนตร์เรื่อง แตก 4 รัก/โลภ/โกรธ/เลว - 2543 รางวัลเมขลา ( พิเศษ ) สาขาศิลปินต่อต้านยาเสพติด จาก สำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามต่อต้านยาเสพติด - 2543 รางวัลลูกกตัญญู จาก สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย - 2543 รับโล่เชิดชูเกียรติผู้ประพฤติชอบด้วยความซื่อสัตย์จาก ป.ป.ส. - 2544 รับโล่เกียรติคุณ และเข็มทองเกียรติคุณ ในฐานะศิลปินดีเด่นด้านต่อต้านยาเสพติดจากสำนักคณุกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด - 2545 รางวัลกิตติคุณสัมพันธ์ " สังข์เงิน " ประเภทบุคคล ด้านประสบผลสำเร็จภาคเอกชน จากสมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทย - 2546 รับรางวัลดาราคุณธรรมจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ - 2547 รับรางวัลบุคคลตัวอย่างในฐานะเยาวชนผู้มีความประพฤติดี (มหาวิทยาลัย ราชภัฎจันทรเกษม) - 2548 ทีวีพูลขวัญใจแม่ค้า และแม่พิมพ์ - 2549 ทีวีพูลขวัญใจนักสงคมสงเคราะห์ - 2550 ทีวีพูลขวัญใจแจ๋วประจำปี 2550 - 2554 ได้รับการเสนอชื่อ 1 ใน 5 ผู้เข้าชิง รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ผู้แสดงนำชายดีเด่น จากละคร เงาพราย - 2557 1 ใน 6 นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม Drama Award 2013 จากละครมายาตวัน ได้รับอันดับ 2 - 2557 นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม Drama Award 2013 จากละคร ปีกมาร - 2560 นักแสดงนำชายแห่งปี Drama Award 2016 จากละครสายโลหิต (รีรัน) สลักจิต
| ศรราม เทพพิทักษ์ เกิดเมื่อวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"22"
],
"answer_begin_position": [
141
],
"answer_end_position": [
143
]
} |
3,931 | 122,820 | ศรราม เทพพิทักษ์ ศรราม เทพพิทักษ์ เกิดเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2516 ที่กรุงเทพมหานคร เป็นนักแสดง นักร้อง ชาวไทย เป็นบุตรของ ชุมพร เทพพิทักษ์ นักแสดงอาวุโส โดยชื่อ ศรราม ตั้งมาจากชื่อของตัวเอกในภาพยนตร์เรื่อง หนึ่งนุชประวัติ ประวัติ. ศรรามจบการศึกษาระดับประถมและมัธยมจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล, ปริญญาตรีจาก คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มีผลงานละครเรื่องแรกถึงสองเรื่อง ในปี พ.ศ. 2535 คือเรื่อง สี่แยกนี้อายุน้อย ทางช่อง 3 และ อรุณสวัสดิ์ ทางช่อง 7 ซึ่งได้ออกอากาศในช่วงเวลาเดียวกัน จนหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่เขียนว่า คนๆนี้เป็นใคร ขนาดมาใหม่ๆ ยังมีละครออนพร้อมกันถึงสองช่อง ศรรามมีผลงานการแสดงที่เป็นที่รู้จักในบทบาทของ "เหินฟ้า" จากละครโทรทัศน์ทางช่อง 7 เรื่อง "ผยอง" ในปี พ.ศ. 2536 คู่กับสุวนันท์ คงยิ่ง จากนั้นจึงได้แสดงคู่กันจนเป็นคู่พระ คู่นางมาอีกหลายเรื่อง เช่น ดาวพระศุกร์ ในปี พ.ศ. 2537 จากนั้นศรรามได้ออกอัลบั้มเพลงของตนเองเป็นชุดแรกในสังกัดอาร์เอส โปรโมชั่นในปีเดียวกัน ชื่อ "ลูกไม้ของนายหนุ่ม" ปี พ.ศ. 2543 เข้ารับราชการทหาร 2 ปี (ทหารเกณฑ์) สังกัดกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 ผลงานในระยะหลัง เช่น รับบทของ "ชายกลาง" ในละครเรื่อง บ้านทรายทอง ในปี พ.ศ. 2543 ทางช่อง 3 ในส่วนของภาพยนตร์เคยได้รับรางวัลผู้แสดงนำชายยอดเยี่ยมประจำปี พ.ศ. 2542 จากชมรมวิจารณ์บันเทิง จากภาพยนตร์เรื่อง แตก 4 รัก โลภ โกรธ เลว นอกจากผลงานในวงการบันเทิงแล้ว ยังเคยเป็นนักฟุตบอลสังกัดสโมสรทหารอากาศในไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ตำแหน่งกองหน้า สวมเสื้อเบอร์ 21 อันเป็นเบอร์เดียวกับปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ด้วยผลงานด้านการแสดงภาพยนตร์ผลงานด้านการแสดง. ภาพยนตร์. - แดดร้อนลมแรง ความรักกำลังจะมา (คู่กับ แอน ทองประสม, ธัญญาเรศ รามณรงค์) (พ.ศ. 2536) - ฉันหรือเธอที่เผลอใจ (คู่กับ นัท มีเรีย) (พ.ศ. 2536) - ฮัลโหล ขอรบกวนหน่อย (คู่กับ นุสบา ปุณณกันต์) (พ.ศ. 2536) - หัวใจใครจะรู้ (คู่กับ กชกร นิมากรณ์) (พ.ศ. 2537) - แบบว่าโลกนี้มีน้ำเต้าหู้และครูระเบียบ (คู่กับ สุวนันท์ คงยิ่ง) (พ.ศ. 2537) - ฝันติดไฟ หัวใจติดดิน (คู่กับ กุลสตรี ศิริพงษ์ปรีดา) (พ.ศ. 2540) - แตก 4 รัก โลภ โกรธ เลว (คู่กับ นุ๊ก - สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา) (พ.ศ. 2542) - รักไม่ถึงร้อย (คู่ ปภัสรา เตชะไพบูลย์) (พ.ศ. 2543) - ปักษาวายุ (คู่กับ ซาร่า เล็กจ์) (พ.ศ. 2547) - รักสยามเท่าฟ้า (คู่กับ วิมุตติพร ทองมาก) (พ.ศ. 2551) - หนุมานคลุกฝุ่น (คู่กับ หยาดทิพย์ ราชปาล) (พ.ศ. 2551) - กาฝาก (คู่กับ ณัฏฐพัชร วิพัธครตระกูล) (พ.ศ. 2555)ผลงานละครโทรทัศน์ละครสั้นละครสั้น. - หลุมฝังรัก (2535) ละครสั้น ชุด ปากกาทอง รับบท ชัย แสดงร่วมกับ ณัฏฐพล กรรณสูต , ชุมพร เทพพิทักษ์ ช่อง 7 - นางทาส (2536) (รับเชิญตอนจบ) รับบท ราม คู่กับ รชนีกร พันธุ์มณี ช่อง 7 - มะเมียะ (2537) ละครสั้น ปากกาทองมินิซีรีส์ รับบท เจ้าน้อยศุขเกษม คู่กับ สุวนันท์ คงยิ่ง ช่อง 7 - ทองหลังพระ (ละครเทิดพระเกียรติ) (2543) รับบท บัญชา คู่กับ สุวนันท์ คงยิ่ง ช่อง 7 - ร้านมหาสนุก (ซิทคอม) (2546) รับบท ม.ร.ว.ภาคภูมิ คู่กับ พรนภา เทพทินกร ช่อง 3 - ยุทธการกระดูกเข้าบัว (ละครเทิดพระเกียรติ) (2548) รับบท ร.อ.ทศทิศ คู่กับ สุจิรา อรุณพิพัฒน์ ช่อง 5 - คือสายใยแห่งรัก (ละครเทิดพระเกียรติ) (2550) รับบท สุขทวีป คู่กับ สินจัย เปล่งพานิช ช่อง 5 - รักบ้านเรา (ละครเทิดพระเกียรติ) (2551) รับบท อาทร คู่กับ รุจิรา ช่วยเกื้อ ช่อง 9 - 12 วีรชนคนกล้าแห่งสยาม ตอน พระเจ้าพรหมมหาราช (ละครเทิดพระเกียรติ) (2552) รับบท พระเจ้าพรหมมหาราช คู่กับ อรัชมน รัตนวราหะ / มารีออน อัฟโฟลเทอร์ ช่อง 5 - ปิดทองหลังพระ ตอน ความฝันอันสูงสุด (ละครเทิดพระเกียรติ) (2552) รับบท ผู้หมวดตี้ /ร.ต.ต.กฤตติกุล บุญลือ ช่อง 9 - สามสาวเจ้าเสน่ห์ (2554) รับบท กัน (หนุ่มเจ้าเสน่ห์) คู่กับ อัฐมา ชีวนิชพันธ์ ช่อง 9ผลงานเพลงอัลบั้มเพลงผลงานเพลง. อัลบั้มเพลง. - อัลบั้ม "ลูกไม้ของนายหนุ่ม" (2537) - อัลบั้ม "หนุ่ม-นิ้ง Love and Dream" (2540) - อัลบั้ม "ศรราม จุ๊บ จุ๊บ" (2541) - อัลบั้ม "จากใจถึงใจ" (2543) - อัลบั้ม "ศรราม อกสามศอก" (2547)ผลงานเดี่ยวผลงานเดี่ยว. - รู้สึกอย่างไร (เผยแผร่เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2557)มิวสิกวีดีโอมิวสิกวีดีโอ. - เพลง ใครคือเธอ เธอคือใคร ของ ดัง พันกร บุณยะจินดา และ ปาน ธนพร แวกประยูร อัลบั้ม ดัง ปาน เดอะ เกรท ดูเอ็ท แสดงคู่กับ รินลณี ศรีเพ็ญ - เพลง รักมาหา ของ ดัง พันกร บุณยะจินดา และ ปาน ธนพร แวกประยูร อัลบั้ม ดัง ปาน เดอะ เกรท ดูเอ็ท แสดงคู่กับ รินลณี ศรีเพ็ญ - เพลง เมียหลวงทวงสิทธิ์ จินตหรา พูนลาภ อัลบั้ม ชุดที่ 9 เมียหลวงทวงสิทธิ์ แสดงคู่กับ มาติกา อรรถกรศิริโพธิ์ - เพลง อ้อนวอน เสกสรร สุขพิมาย อัลบั้ม 20ปี โลโซ เราและนาย - อยากหมุนเวลา (Cover Version) - นิโคล เทริโอ (OFFICIAL MV) เป็นผู้กำกับ และ แสดงคู่กับ นิโคล เทริโออัลบั้มรวมศิลปินอัลบั้มรวมศิลปิน. - ซูเปอร์ทีนส์ (2539) - เดอะเซเลเบรชัน (2544)ผลงานอื่น ๆผลงานอื่น ๆ. - หนังสือ พลฯศรราม ตามระเบียบพัก - หนังสือ ตู้กับข้าว - พิธีกรรายการเมืองไทยวาไรตี้ ทางช่อง 5 คู่กับ กรรชัย กำเนิดพลอย - พิธีกรรายการฟ้าห่มดิน ช่อง 5 เวลา 17.55น. - ผู้บริหารบริษัทฤทธิราม จำกัด - ตำแหน่ง " กรรมการผู้จัดการ Managing Director Ritthiram Co.,Ltd. - เป็นผู้กำกับมิวสิควีดีโอเพลง เมียหลวงทวงสิทธิ์ แผลใหม่ และ ฟ้าฮ้องบึ้ม ของ จินตหรา พูนลาภผลงานพิเศษผลงานพิเศษ. - ภาพยนตร์ เทิดพระเกียรติ ปิดทองหลังพระ ตอน ความฝันอันสูงสุด รับบทเป็น หมวดตี้รายการในเครือ บริษัท Ritthiram ของศรรามรายการในเครือ บริษัท Ritthiram ของศรราม. - รายการ ปกฟ้า คู่แผ่นดิน ช่อง TGN เวลา 08.15น. - รายการ ปลากริมไข่เต่า ช่อง True 61 เวลา 21.00น.-22.00น.คู่กับ นุสบา ปุณณกันต์ - รายการ "ดลใจประชาราษฏร์ 9 เทป "ออนแอร์ CH 9 ( ปี 2553 ) - รายการ "Life goes on รางวัลชีวิต" ช่อง Thai PBS ( TPBS ) ทุกวันอาทิตย์ 11.30-12.30น. - รายการ "บรมราชินีนาถยาตรา" ทุกวันจันทร์ - วันพุธ หลังรายการ แจ๋ว (รายการโทรทัศน์) ช่อง 3 - รายการ " เพลินจิต " ช่อง True 61 เวลา 21.00น.-22.00 - รายการ " บอลไทยใช่เลย " คู่แตงโม พงษ์พิสุทธิ์ ผิวอ่อน ช่อง True 61 ทุกวันพุธ 17.30 น. - รายการ " Sport Gossip " พิธีกร ออแกนและได๋ ทุกวันอังคาร ช่องTrue Sport2 เวลา 22.00 น. - รายการ " InTrend " พิธีกร หยวน ทุกวันอาทิตย์ ช่องTrue10 เวลา 11.00 น. - รายการ " Sport Fan " พิธีกร ศรราม และจ๊ะจ๋า ทุกวันศุกร์ ช่องTrue Sport2 เวลา 20.30 น.รางวัลรางวัล. - 2535 รางวัล รางวัลเมขลา นักแสดงดาวรุ่งชาย จากละคร อรุณสวัสดิ์ - 2538 ได้รับการเสนอชื่อ 1 ใน 5 ผู้เข้าชิงรางวัลเมขลา ผู้แสดงนำชายดีเด่น จากละคร สายโลหิต - 2538 ได้รับการเสนอชื่อ 1 ใน 5 ผู้เข้าชิงรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ดารานำชายดีเด่น จากละคร สายโลหิต - 2542 รางวัลจาก ชมรมวิจารณ์บันเทิง " สาขานักแสดงนำชาย จากภาพยนตร์เรื่อง แตก 4 รัก/โลภ/โกรธ/เลว - 2543 รางวัลเมขลา ( พิเศษ ) สาขาศิลปินต่อต้านยาเสพติด จาก สำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามต่อต้านยาเสพติด - 2543 รางวัลลูกกตัญญู จาก สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย - 2543 รับโล่เชิดชูเกียรติผู้ประพฤติชอบด้วยความซื่อสัตย์จาก ป.ป.ส. - 2544 รับโล่เกียรติคุณ และเข็มทองเกียรติคุณ ในฐานะศิลปินดีเด่นด้านต่อต้านยาเสพติดจากสำนักคณุกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด - 2545 รางวัลกิตติคุณสัมพันธ์ " สังข์เงิน " ประเภทบุคคล ด้านประสบผลสำเร็จภาคเอกชน จากสมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทย - 2546 รับรางวัลดาราคุณธรรมจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ - 2547 รับรางวัลบุคคลตัวอย่างในฐานะเยาวชนผู้มีความประพฤติดี (มหาวิทยาลัย ราชภัฎจันทรเกษม) - 2548 ทีวีพูลขวัญใจแม่ค้า และแม่พิมพ์ - 2549 ทีวีพูลขวัญใจนักสงคมสงเคราะห์ - 2550 ทีวีพูลขวัญใจแจ๋วประจำปี 2550 - 2554 ได้รับการเสนอชื่อ 1 ใน 5 ผู้เข้าชิง รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ผู้แสดงนำชายดีเด่น จากละคร เงาพราย - 2557 1 ใน 6 นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม Drama Award 2013 จากละครมายาตวัน ได้รับอันดับ 2 - 2557 นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม Drama Award 2013 จากละคร ปีกมาร - 2560 นักแสดงนำชายแห่งปี Drama Award 2016 จากละครสายโลหิต (รีรัน) สลักจิต
| บิดาของศรราม เทพพิทักษ์ คือใคร | {
"answer": [
"ชุมพร เทพพิทักษ์"
],
"answer_begin_position": [
218
],
"answer_end_position": [
234
]
} |
3,935 | 132,292 | ดวงดาว จารุจินดา ดวงดาว จารุจินดา เกิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2494 เป็นนักแสดงและนักพากย์ที่มีชื่อเสียง ดวงดาวเป็นบุตรสาวของสักกะ จารุจินดา ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง เข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 5 ขวบจากการเป็นนักแสดง พากย์ภาพยนตร์ครั้งแรกจากภาพยนตร์เรื่อง “เข็ดจริงๆให้ดิ้นตาย” ซึ่งให้เสียงพากย์เป็นขอใจ ฤทัยประชา พออายุได้ 21 ปีจึงหันมาพากย์หนังอย่างจริงจัง และรับหน้าที่พากย์เสียงให้นักแสดงชื่อดังของไทยหลายท่าน เช่น จารุณี สุขสวัสดิ์ เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ จินตหรา สุขพัฒน์ และได้รับรางวัลจากการพากย์เสียงจากรางวัลพระสุรัสวดี นักพากย์ยอดเยี่ยม กับภาพยนตร์เรื่องรักพยาบาท โดยพากย์เป็นเสียงของคุณเพ็ญพักตร์ ศิริกุล คุณดวงดาว พากย์ซีรีส์เกาหลีทุกเรื่อง บางเรื่อง พากย์ นางเอก นางรอง นางร้าย คุณย่าของพระเอก โดยมีการพากย์ที่โดดเด่นที่สุด คือการพากย์เสียงของ เอเย่นต์ดานา สกัลลีย์ ที่เล่นโดย จิลเลียน แอนเดอร์สัน ในซีรีส์ชุด The X-Files ที่ฉายทางช่อง 7 ด้านงานบันเทิง เคยได้รับบทเป็นนางเอกจากหนังเรื่องแรกของเธอ ที่พ่อเธอเป็นผู้สร้าง คือเรื่อง 'มนต์รักชาวไร่' แต่หนังไม่ประสบความสำเร็จ หลังจากนั้นจึงกลายเป็นรับบทรองจนถึงนางร้ายมาตลอด ก่อนจะมาลงเล่นละครทีวี ช่วงแรกยังไม่สังกัด ก็จะเห็นผลงานเธอทางช่อง 3, 5, 9 ในบทนางร้าย เช่น นางทาส ช่อง 3 ที่เธอรับบทเป็น 'สาลี่' โดยมี อี๊ด-รัชนู บุญชูดวง เป็นนางเอก ต่อมาช่อง 7 ชวนไปพากย์หนังชุด จึงเป็นที่มาของการพบกันของเธอกับ หน่อง-พลากร สมสุวรรณ จึงเกิดสัญญาใจในการเล่นละครให้ช่อง 7 ตั้งแต่ปี 2530 จนปัจจุบันก็ยังเห็นหน้าเธอทางจอเจ็ดสีอยู่สม่ำเสมอ นับผลงานละครที่เธอร่วมงานกับช่อง 7 ได้ประมาณกว่า 80 เรื่องชีวิตส่วนตัว ชีวิตส่วนตัว. ดวงดาวเคยใช้ชีวิตคู่ร่วมกับ สายัณห์ จันทรวิบูลย์ อดีตนักแสดงบทตลก ครื้นเครง ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา มีบุตรชายชื่อ ตั้ม-วิชญะ จารุจินดา (จันทรวิบูลย์) และ เติ้ล-ตะวัน จารุจินดา (จันทรวิบูลย์) หลังจากหย่ากัน เธอจึงหันมาใช้ชีวิตคู่กับ 'หน่อง-พลากร สมสุวรรณ' ซึ่งปัจจุบันนี้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7ผลงานภาพยนตร์ผลงาน. ภาพยนตร์. - มนต์รักชาวไร่ (2514)...สมบัติ, อรัญญา, สายัณห์, ดวงดาว - วิมานสลัม (2514)...สมบัติ, เมตตา, ดวงดาว - เข็ดจริงๆให้ดิ้นตาย (2515)...สายัณห์, ดวงดาว, โฉมฉาย, วิภารัตน์, ขอใจ - ตลาดพรหมจารี (2516)...เปียทิพย์, สายัณห์, ดวงดาว, ราชันย์ กาญจนมาศ - ยอดมวยสยาม (2516)...ฟางเหย่, สายัณห์, ดวงดาว, โขมพัสต์, บาหยัน - พยัคฆ์ร้ายไทยถีบ (2517)...สมบัติ, อรัญญา, ไพโรจน์, มานพ, สะอาด, สายัณห์, ดวงดาว - ความรัก (อุบัติเหตุ) (2517) รับบท นนทลีย์...สมบัติ, ภาวนา, ดวงดาว, วิไลวรรณ, สุพรรณ - ทะเลทอง (2518)...สมบัติ, นัยนา, มานพ, สายัณห์, ดวงดาว, ดวงใจ, จีรศักดิ์ - ฝ้ายแกมแพร (2518) รับบท ทิพยางค์...นาท, อรัญญา, เศรษฐา, ดวงดาว - คู่หู (2518)...อุเทน, ไพโรจน์, ศันสนีย์, ดวงใจ, ดวงดาว - บ่อเพลิงที่โพทะเล (2519)...สมบัติ, มยุรา, เนรัญชลา, สายัณห์, ดวงดาว, ดวงใจ - ขุนศึก (2519) รับบท เอื้อยแตง...สมบัติ, นัยนา, ธัญญรัตน์, มานพ, สะอาด, สายัณห์, ดวงดาว, ดวงใจ - ตามล่า อ.ต.ล.(ไอ้ตอแหล) (2519)...กรุง, ภัทราวดี, ศิริขวัญ, ธัญญรัตน์, โฉมฉาย, นฤมล, ดวงดาว, ปทุมวดี - ฝนใต้ (2523) รับบท เก๊กฮวย...สมบัติ, สุพรรษา, สายัณห์, เมตตา, ดวงดาว, ประจวบ - แม่แตงร่มใบ (2525)...ทูน, สมบัติ, จารุณี, อำภา, วินัย, รอง, ปทุมวดี, ดวงดาว - วิมานมะพร้าว (2534) รับบท ดารา...ศตวรรษ, สิเรียม, เศรษฐา, อนันต์, กันตา, สุรางคณา, ปัญญา, ดวงตา, ดวงดาว - สมศรี 422 อาร์ (2535)...สันติสุข, จินตหรา, สายธาร, ชลประคัลภ์, สุประวัติ, ดวงดาว - ม.6/2 ห้องครูวารี (2537) รับบท แม่ของนุช...จินตหรา, ศรัณย์, ธรรม์, สายธาร, ธัญญาเรศ, ชไมพร, ดวงดาว, ชลประคัลภ์ - อำแดงเหมือนกับนายริด (2537) รับบท อำแดงนุ่น...สันติสุข, จินตหรา, รณ, บรรเจิดศรี, ชลิต, ส.อาสนจินดา, ดวงดาว, รุจน์ - รัก-ออกแบบไม่ได้ (2541) รับบท แม่ของปืน...ทาทา, เรย์, ชาคริต, มนัสวี, ศรีพรรณ, เพ็ญพักตร์, คมสัน, ทรงสิทธิ์ละครโทรทัศน์ละครโทรทัศน์. - 2516 ริษยา ช่อง 4 บางขุนพรหม (ช่อง 9 ปัจจุบัน) รับบท หม่อมราชวงศ์วรรศิกา - 2520 จากฟากฟ้า นกน้อย - 2522 ใครกำหนด ช่อง 9 รับบท สมพิศ (คุณเธอ) - 2522 ฝ้ายแกมแพร ช่อง 5 - 2522 ร่มฉัตร ช่อง 9 - 2524 โดมทอง ช่อง 3 รับบท อุษา - 2524 นางทาส ช่อง 3 รับบท คุณสาลี่ - 2528 บนถนนสายเดียวกัน ช่อง 9 - 2529 เทวดาตกสวรรค์ ช่อง 9 รับบท นาง - 2531 ปัญญาชนก้นครัว ช่อง 7 รับบท วิยะดา - 2531 กว่าจะรู้เดียงสา ช่อง 7 - 2532 คนเหนือดวง ช่อง 7 - 2532 สมการวัย ช่อง 7 - 2533 คู่กรรม ช่อง 7 รับบท อร - 2533 ขมิ้นกับปูน ช่อง 7 รับบท ปีบ - 2533-34 กนกลายโบตั๋น ช่อง 7 รับบท จูหลานหรือหม่อมราชวงศ์ริมทอง - 2534 เชลยศักดิ์ ช่อง 7 (รับเชิญ) - 2534 แก้วตาดวงใจ ช่อง 7 - 2534 ริษยา ช่อง 7 รับบท หม่อมชุลี - 2536 หมูแดง ช่อง 7 รับบท การะเกด - 2536 ผยอง ช่อง 7 รับบท หม่อมเจ้าหญิงมยุเรศลักษณา - 2536 วันนี้ที่รอคอย ช่อง 7 รับบท เทเรซ่า - 2536 ละครสั้นปากกาทอง ตอน ระหว่างบ้านกับถนน ช่อง 7 - 2537 ผ้าทอง ช่อง 7 รับบท เจริญ - 2538 สายโลหิต ช่อง 7 รับบท ดาวเรือง (วัยชรา) - 2539 ญาติกา ช่อง 7 รับบท ดาวเรือง (วัยชรา) (รับเชิญ) - 2539 มงกุฎดอกส้ม ช่อง 7 รับบท เยนหลิง (คุณนายที่2) - 2539 รัตนโกสินทร์ ช่อง 7 รับบท พลับ - 2540 ซุ้มสะบันงา ช่อง 7 รับบท แก้วกุดั่น (วัยชรา) - 2540 นิรมิต ช่อง 7 รับบท พูนแสง (รับเชิญ) - 2540 เงิน เงิน เงิน ช่อง 7 รับบท เม้า - 2541 สามหนุ่มสามมุม ช่อง 7 รับบท แม่ของเอกพล, ทศพล, พีรพล - 2541 อีสา-รวีช่วงโชติ ช่อง 7 รับบท หม่อมพริ้ม รวีวาร - 2541 พ่อม่ายทีเด็ด ช่อง 7 - 2541 สวรรค์เบี่ยง ช่อง 7 รับบท ลาวัลย์ - 2542 พ่อ ตอน ความฝันอันสูงสุด ช่อง 5 - 2542 เพลงพราย ช่อง 7 - 2542 ข้ามสีทันดร ช่อง 7 รับบท สกาว - 2543 กว่าจะรู้เดียงสา ช่อง 7 รับบท แม่ของทิพย์ - 2543 พันท้ายนรสิงห์ ช่อง 7 - 2544 ดั่งสวรรค์สาป ช่อง 7 รับบท มาลัย - 2544 อตีตา ช่อง 7 รับบท ปานทิพย์ - 2544 มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ช่อง 7 รับบท เปรม - 2544 ดาวหลงฟ้า ภูผาสีเงิน ช่อง 7 รับบท อัมราภาชินี - 2544 ฉันชื่อไศลา ช่อง 7 รับบท คุณนายวงทอง - 2544 มายา ช่อง 7 รับบท อินทนิล สัจจามาตย์ - 2545 พลอยล้อมเพชร ช่อง 7 รับบท รำไพ - 2545 รุ่งทิพย์ ช่อง 7 - 2545 สาวน้อยในตะเกียงแก้ว ช่อง 7 รับบท แม่มดทาฮิร่า - 2546 นารีลุยไฟ ช่อง 7 รับบท เฉิด - 2546 นะหน้าทอง ช่อง 7 รับบท มณี - 2546 โซ่เสน่หา ช่อง 7 รับบท ลิ้นจี่ - 2546 แก้วตาหวานใจ ช่อง 7 รับบท ดาวเรือง อัศวเรืองฤทธิ์ - 2547 สะใภ้ซ่าส์ แม่ย่าเฮี้ยน ช่อง 7 รับบท พรทรัพย์ ศิริรุ่งโรจน์ - 2547 ฟ้าใหม่ ช่อง 7 รับบท กรมหลวงอภัยนุชิต (สมเด็จพระพันวสาใหญ่) - 2547 สาวน้อยในตะเกียงแก้ว 2 ตอน แม่มดน้อยตัวป่วน ช่อง 7 รับบท แม่มดทาฮิร่า - 2547 ภูตพิศวาส ช่อง 7 รับบท มณี - 2548 บ้านร้อยดอกไม้ ช่อง 7 รับบท กมลาสน์ เชิญอิสราชัย (คุณใหญ่) - 2548 วีรบุรุษกองขยะ ช่อง 7 รับบท อัมพร - 2548 สาวใช้คนใหม่ ช่อง 7 รับบท ปุ้ย - 2548 มนต์รักลูกทุ่ง ช่อง 7 รับบท คอน - 2548 ประทีปแห่งแผ่นดิน ช่อง 7 - 2549 แก่นกะลา ช่อง 7 รับบท ปานวาด - 2549 ด้วยแรงแห่งรัก ช่อง 7 รับบท ระพี - 2549 หลงเงาจันทร์ ช่อง 7 รับบท ทิพย์อาภา - 2549 ยายหนู ลูกพ่อ ช่อง 7 - 2549 วัยอลเวง ช่อง 7 รับบท ลำไย - 2550 ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ ช่อง 7 รับบท เพ็ง - 2550 สุภาพบุรุษชาวดิน ช่อง 7 รับบท สุดาวรรณ - 2550 ดอกฟ้ายาใจ ช่อง 7 - 2551 นางทาส ช่อง 7 รับบท ยายฟัก - 2551 เธอคือชีวิต ช่อง 7 รับบท แขไข - 2551 ธิดาวานร ช่อง 7 รับบท อรุณี - 2551 คู่ป่วนอลวน ช่อง 7 รับบท นันทา - 2552 ล่องเรือหารัก ช่อง 7 - 2552 ปอบผีฟ้า ช่อง 7 รับบท โสภี - 2552 แม่หญิง ช่อง 7 รับบท แก้ว - 2552 วงเวียนหัวใจ ช่อง 7 รับบท คุณหญิงบุษบา พิมุขโยธกานต์ - 2552 สะใภ้ใจเด็ด ช่อง 7 รับบท คุณหญิงนวลสมร - 2552 ธิดาวานร 2 ช่อง 7 รับบท อรุณี - 2552 กุหลาบเหนือเมฆ ช่อง 7 รับบท คุณหญิงดาริกา - 2553 มนต์รักสายฟ้าแลบ ช่อง 7 รับบท คุณหญิงนวลแข - 2553 แม่ศรีไพร ช่อง 7 รับบท ละม้าย - 2553 ลูกโขน ช่อง 7 รับบท ดวงใจ - 2553 คุณชายตำระเบิด ช่อง 7 รับบท คุณหญิงสายสมร - 2554 ธิดาวานร 3 ช่อง 7 รับบท อรุณี - 2554 ทวิภพ ช่อง 7 รับบท คุณหญิงแสร์ - 2554 นางสาวรักดี ช่อง 7 รับบท นงเยาว์ - 2555 อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ช่อง 7 รับบท แม่มดทาฮิร่า - 2555 มนต์รักแก้บน ช่อง 7 รับบท ช้องนาง - 2555 หยกเลือดมังกร ช่อง 7 รับบท อาม่า - 2556 อาญารัก ช่อง 7 รับบท ทองจันทร์ - 2556 โดมทอง ช่อง 7 รับบท ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไกรณรงค์ หรือ ท่านผู้หญิงมณฑา สรรักษ์ไกรณรงค์ (วัยชรา) - 2557 คมพยาบาท ช่อง 7 รับบท คุณหญิงอนุรักษ์ อนุรักษ์ธานิน - 2557 คีตโลกา ช่อง 7 รับบท หม่อมราชวงศ์หญิงวรจันทร์ / คุณหญิงวรจันทร์ - 2557 พราว ช่อง 7 รับบท แก้ว - 2558 บุษบาท่าเรือ ช่อง 7 รับบท คุณหญิงพิณผกา - 2558 แหวนสวาท ช่อง 7 รับบท เฟื่องขจร - 2558 บ้านทรายทอง (ละครโทรทัศน์) ช่อง 7 รับบท หม่อมพรรณราย สว่างวงศ์ ณ อยุธยา - 2559 กาลครั้งหนึ่งในหัวใจ ช่อง 7 รับบท คุณนายชวนชม ทิพยศาสตร์ - 2559 ละครเทิดพระเกียรติชุด ใต้ร่มพระบารมี เรื่อง จากฟากฟ้าสุราลัย ช่อง 7 - 2559 ริษยา ช่อง 7 รับบท ท่านหญิงนวล - 2560 บาปบริสุทธิ์ LIVE ช่อง 7 รับบท อังคณา พูนไชยศรี (ครูใหญ่) - 2560 มายา ช่อง 7 รับบท อินทนิล สัจจามาตย์ - 2561 สายโลหิต ช่อง 7 รับบท ย่านิ่ม - 2561 นางทิพย์ ช่อง 7 รับบท ผกา - 2561 พ่อมดเจ้าเสน่ห์ ช่อง 7 รับบท แม่มดทาฮิร่า - 2561 มนตร์กาลบันดาลรัก ช่อง 7 รับบท อาม่าหยก - 2561 สวยซ่อนคม ช่อง 7 รับบท คุณย่าอัมพิกาพิธีกรพิธีกร. - ครบเครื่องเรื่องผู้หญิง ช่อง 7 - ชีวิตกับเพลง ช่อง 7 - ฟ้ามีตา มกราคม พ.ศ. 2556 - ปัจจุบัน ช่อง 7รางวัล
| ดวงดาว จารุจินดา เกิดเมื่อวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"2"
],
"answer_begin_position": [
141
],
"answer_end_position": [
142
]
} |
3,936 | 132,292 | ดวงดาว จารุจินดา ดวงดาว จารุจินดา เกิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2494 เป็นนักแสดงและนักพากย์ที่มีชื่อเสียง ดวงดาวเป็นบุตรสาวของสักกะ จารุจินดา ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง เข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 5 ขวบจากการเป็นนักแสดง พากย์ภาพยนตร์ครั้งแรกจากภาพยนตร์เรื่อง “เข็ดจริงๆให้ดิ้นตาย” ซึ่งให้เสียงพากย์เป็นขอใจ ฤทัยประชา พออายุได้ 21 ปีจึงหันมาพากย์หนังอย่างจริงจัง และรับหน้าที่พากย์เสียงให้นักแสดงชื่อดังของไทยหลายท่าน เช่น จารุณี สุขสวัสดิ์ เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ จินตหรา สุขพัฒน์ และได้รับรางวัลจากการพากย์เสียงจากรางวัลพระสุรัสวดี นักพากย์ยอดเยี่ยม กับภาพยนตร์เรื่องรักพยาบาท โดยพากย์เป็นเสียงของคุณเพ็ญพักตร์ ศิริกุล คุณดวงดาว พากย์ซีรีส์เกาหลีทุกเรื่อง บางเรื่อง พากย์ นางเอก นางรอง นางร้าย คุณย่าของพระเอก โดยมีการพากย์ที่โดดเด่นที่สุด คือการพากย์เสียงของ เอเย่นต์ดานา สกัลลีย์ ที่เล่นโดย จิลเลียน แอนเดอร์สัน ในซีรีส์ชุด The X-Files ที่ฉายทางช่อง 7 ด้านงานบันเทิง เคยได้รับบทเป็นนางเอกจากหนังเรื่องแรกของเธอ ที่พ่อเธอเป็นผู้สร้าง คือเรื่อง 'มนต์รักชาวไร่' แต่หนังไม่ประสบความสำเร็จ หลังจากนั้นจึงกลายเป็นรับบทรองจนถึงนางร้ายมาตลอด ก่อนจะมาลงเล่นละครทีวี ช่วงแรกยังไม่สังกัด ก็จะเห็นผลงานเธอทางช่อง 3, 5, 9 ในบทนางร้าย เช่น นางทาส ช่อง 3 ที่เธอรับบทเป็น 'สาลี่' โดยมี อี๊ด-รัชนู บุญชูดวง เป็นนางเอก ต่อมาช่อง 7 ชวนไปพากย์หนังชุด จึงเป็นที่มาของการพบกันของเธอกับ หน่อง-พลากร สมสุวรรณ จึงเกิดสัญญาใจในการเล่นละครให้ช่อง 7 ตั้งแต่ปี 2530 จนปัจจุบันก็ยังเห็นหน้าเธอทางจอเจ็ดสีอยู่สม่ำเสมอ นับผลงานละครที่เธอร่วมงานกับช่อง 7 ได้ประมาณกว่า 80 เรื่องชีวิตส่วนตัว ชีวิตส่วนตัว. ดวงดาวเคยใช้ชีวิตคู่ร่วมกับ สายัณห์ จันทรวิบูลย์ อดีตนักแสดงบทตลก ครื้นเครง ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา มีบุตรชายชื่อ ตั้ม-วิชญะ จารุจินดา (จันทรวิบูลย์) และ เติ้ล-ตะวัน จารุจินดา (จันทรวิบูลย์) หลังจากหย่ากัน เธอจึงหันมาใช้ชีวิตคู่กับ 'หน่อง-พลากร สมสุวรรณ' ซึ่งปัจจุบันนี้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7ผลงานภาพยนตร์ผลงาน. ภาพยนตร์. - มนต์รักชาวไร่ (2514)...สมบัติ, อรัญญา, สายัณห์, ดวงดาว - วิมานสลัม (2514)...สมบัติ, เมตตา, ดวงดาว - เข็ดจริงๆให้ดิ้นตาย (2515)...สายัณห์, ดวงดาว, โฉมฉาย, วิภารัตน์, ขอใจ - ตลาดพรหมจารี (2516)...เปียทิพย์, สายัณห์, ดวงดาว, ราชันย์ กาญจนมาศ - ยอดมวยสยาม (2516)...ฟางเหย่, สายัณห์, ดวงดาว, โขมพัสต์, บาหยัน - พยัคฆ์ร้ายไทยถีบ (2517)...สมบัติ, อรัญญา, ไพโรจน์, มานพ, สะอาด, สายัณห์, ดวงดาว - ความรัก (อุบัติเหตุ) (2517) รับบท นนทลีย์...สมบัติ, ภาวนา, ดวงดาว, วิไลวรรณ, สุพรรณ - ทะเลทอง (2518)...สมบัติ, นัยนา, มานพ, สายัณห์, ดวงดาว, ดวงใจ, จีรศักดิ์ - ฝ้ายแกมแพร (2518) รับบท ทิพยางค์...นาท, อรัญญา, เศรษฐา, ดวงดาว - คู่หู (2518)...อุเทน, ไพโรจน์, ศันสนีย์, ดวงใจ, ดวงดาว - บ่อเพลิงที่โพทะเล (2519)...สมบัติ, มยุรา, เนรัญชลา, สายัณห์, ดวงดาว, ดวงใจ - ขุนศึก (2519) รับบท เอื้อยแตง...สมบัติ, นัยนา, ธัญญรัตน์, มานพ, สะอาด, สายัณห์, ดวงดาว, ดวงใจ - ตามล่า อ.ต.ล.(ไอ้ตอแหล) (2519)...กรุง, ภัทราวดี, ศิริขวัญ, ธัญญรัตน์, โฉมฉาย, นฤมล, ดวงดาว, ปทุมวดี - ฝนใต้ (2523) รับบท เก๊กฮวย...สมบัติ, สุพรรษา, สายัณห์, เมตตา, ดวงดาว, ประจวบ - แม่แตงร่มใบ (2525)...ทูน, สมบัติ, จารุณี, อำภา, วินัย, รอง, ปทุมวดี, ดวงดาว - วิมานมะพร้าว (2534) รับบท ดารา...ศตวรรษ, สิเรียม, เศรษฐา, อนันต์, กันตา, สุรางคณา, ปัญญา, ดวงตา, ดวงดาว - สมศรี 422 อาร์ (2535)...สันติสุข, จินตหรา, สายธาร, ชลประคัลภ์, สุประวัติ, ดวงดาว - ม.6/2 ห้องครูวารี (2537) รับบท แม่ของนุช...จินตหรา, ศรัณย์, ธรรม์, สายธาร, ธัญญาเรศ, ชไมพร, ดวงดาว, ชลประคัลภ์ - อำแดงเหมือนกับนายริด (2537) รับบท อำแดงนุ่น...สันติสุข, จินตหรา, รณ, บรรเจิดศรี, ชลิต, ส.อาสนจินดา, ดวงดาว, รุจน์ - รัก-ออกแบบไม่ได้ (2541) รับบท แม่ของปืน...ทาทา, เรย์, ชาคริต, มนัสวี, ศรีพรรณ, เพ็ญพักตร์, คมสัน, ทรงสิทธิ์ละครโทรทัศน์ละครโทรทัศน์. - 2516 ริษยา ช่อง 4 บางขุนพรหม (ช่อง 9 ปัจจุบัน) รับบท หม่อมราชวงศ์วรรศิกา - 2520 จากฟากฟ้า นกน้อย - 2522 ใครกำหนด ช่อง 9 รับบท สมพิศ (คุณเธอ) - 2522 ฝ้ายแกมแพร ช่อง 5 - 2522 ร่มฉัตร ช่อง 9 - 2524 โดมทอง ช่อง 3 รับบท อุษา - 2524 นางทาส ช่อง 3 รับบท คุณสาลี่ - 2528 บนถนนสายเดียวกัน ช่อง 9 - 2529 เทวดาตกสวรรค์ ช่อง 9 รับบท นาง - 2531 ปัญญาชนก้นครัว ช่อง 7 รับบท วิยะดา - 2531 กว่าจะรู้เดียงสา ช่อง 7 - 2532 คนเหนือดวง ช่อง 7 - 2532 สมการวัย ช่อง 7 - 2533 คู่กรรม ช่อง 7 รับบท อร - 2533 ขมิ้นกับปูน ช่อง 7 รับบท ปีบ - 2533-34 กนกลายโบตั๋น ช่อง 7 รับบท จูหลานหรือหม่อมราชวงศ์ริมทอง - 2534 เชลยศักดิ์ ช่อง 7 (รับเชิญ) - 2534 แก้วตาดวงใจ ช่อง 7 - 2534 ริษยา ช่อง 7 รับบท หม่อมชุลี - 2536 หมูแดง ช่อง 7 รับบท การะเกด - 2536 ผยอง ช่อง 7 รับบท หม่อมเจ้าหญิงมยุเรศลักษณา - 2536 วันนี้ที่รอคอย ช่อง 7 รับบท เทเรซ่า - 2536 ละครสั้นปากกาทอง ตอน ระหว่างบ้านกับถนน ช่อง 7 - 2537 ผ้าทอง ช่อง 7 รับบท เจริญ - 2538 สายโลหิต ช่อง 7 รับบท ดาวเรือง (วัยชรา) - 2539 ญาติกา ช่อง 7 รับบท ดาวเรือง (วัยชรา) (รับเชิญ) - 2539 มงกุฎดอกส้ม ช่อง 7 รับบท เยนหลิง (คุณนายที่2) - 2539 รัตนโกสินทร์ ช่อง 7 รับบท พลับ - 2540 ซุ้มสะบันงา ช่อง 7 รับบท แก้วกุดั่น (วัยชรา) - 2540 นิรมิต ช่อง 7 รับบท พูนแสง (รับเชิญ) - 2540 เงิน เงิน เงิน ช่อง 7 รับบท เม้า - 2541 สามหนุ่มสามมุม ช่อง 7 รับบท แม่ของเอกพล, ทศพล, พีรพล - 2541 อีสา-รวีช่วงโชติ ช่อง 7 รับบท หม่อมพริ้ม รวีวาร - 2541 พ่อม่ายทีเด็ด ช่อง 7 - 2541 สวรรค์เบี่ยง ช่อง 7 รับบท ลาวัลย์ - 2542 พ่อ ตอน ความฝันอันสูงสุด ช่อง 5 - 2542 เพลงพราย ช่อง 7 - 2542 ข้ามสีทันดร ช่อง 7 รับบท สกาว - 2543 กว่าจะรู้เดียงสา ช่อง 7 รับบท แม่ของทิพย์ - 2543 พันท้ายนรสิงห์ ช่อง 7 - 2544 ดั่งสวรรค์สาป ช่อง 7 รับบท มาลัย - 2544 อตีตา ช่อง 7 รับบท ปานทิพย์ - 2544 มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ช่อง 7 รับบท เปรม - 2544 ดาวหลงฟ้า ภูผาสีเงิน ช่อง 7 รับบท อัมราภาชินี - 2544 ฉันชื่อไศลา ช่อง 7 รับบท คุณนายวงทอง - 2544 มายา ช่อง 7 รับบท อินทนิล สัจจามาตย์ - 2545 พลอยล้อมเพชร ช่อง 7 รับบท รำไพ - 2545 รุ่งทิพย์ ช่อง 7 - 2545 สาวน้อยในตะเกียงแก้ว ช่อง 7 รับบท แม่มดทาฮิร่า - 2546 นารีลุยไฟ ช่อง 7 รับบท เฉิด - 2546 นะหน้าทอง ช่อง 7 รับบท มณี - 2546 โซ่เสน่หา ช่อง 7 รับบท ลิ้นจี่ - 2546 แก้วตาหวานใจ ช่อง 7 รับบท ดาวเรือง อัศวเรืองฤทธิ์ - 2547 สะใภ้ซ่าส์ แม่ย่าเฮี้ยน ช่อง 7 รับบท พรทรัพย์ ศิริรุ่งโรจน์ - 2547 ฟ้าใหม่ ช่อง 7 รับบท กรมหลวงอภัยนุชิต (สมเด็จพระพันวสาใหญ่) - 2547 สาวน้อยในตะเกียงแก้ว 2 ตอน แม่มดน้อยตัวป่วน ช่อง 7 รับบท แม่มดทาฮิร่า - 2547 ภูตพิศวาส ช่อง 7 รับบท มณี - 2548 บ้านร้อยดอกไม้ ช่อง 7 รับบท กมลาสน์ เชิญอิสราชัย (คุณใหญ่) - 2548 วีรบุรุษกองขยะ ช่อง 7 รับบท อัมพร - 2548 สาวใช้คนใหม่ ช่อง 7 รับบท ปุ้ย - 2548 มนต์รักลูกทุ่ง ช่อง 7 รับบท คอน - 2548 ประทีปแห่งแผ่นดิน ช่อง 7 - 2549 แก่นกะลา ช่อง 7 รับบท ปานวาด - 2549 ด้วยแรงแห่งรัก ช่อง 7 รับบท ระพี - 2549 หลงเงาจันทร์ ช่อง 7 รับบท ทิพย์อาภา - 2549 ยายหนู ลูกพ่อ ช่อง 7 - 2549 วัยอลเวง ช่อง 7 รับบท ลำไย - 2550 ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ ช่อง 7 รับบท เพ็ง - 2550 สุภาพบุรุษชาวดิน ช่อง 7 รับบท สุดาวรรณ - 2550 ดอกฟ้ายาใจ ช่อง 7 - 2551 นางทาส ช่อง 7 รับบท ยายฟัก - 2551 เธอคือชีวิต ช่อง 7 รับบท แขไข - 2551 ธิดาวานร ช่อง 7 รับบท อรุณี - 2551 คู่ป่วนอลวน ช่อง 7 รับบท นันทา - 2552 ล่องเรือหารัก ช่อง 7 - 2552 ปอบผีฟ้า ช่อง 7 รับบท โสภี - 2552 แม่หญิง ช่อง 7 รับบท แก้ว - 2552 วงเวียนหัวใจ ช่อง 7 รับบท คุณหญิงบุษบา พิมุขโยธกานต์ - 2552 สะใภ้ใจเด็ด ช่อง 7 รับบท คุณหญิงนวลสมร - 2552 ธิดาวานร 2 ช่อง 7 รับบท อรุณี - 2552 กุหลาบเหนือเมฆ ช่อง 7 รับบท คุณหญิงดาริกา - 2553 มนต์รักสายฟ้าแลบ ช่อง 7 รับบท คุณหญิงนวลแข - 2553 แม่ศรีไพร ช่อง 7 รับบท ละม้าย - 2553 ลูกโขน ช่อง 7 รับบท ดวงใจ - 2553 คุณชายตำระเบิด ช่อง 7 รับบท คุณหญิงสายสมร - 2554 ธิดาวานร 3 ช่อง 7 รับบท อรุณี - 2554 ทวิภพ ช่อง 7 รับบท คุณหญิงแสร์ - 2554 นางสาวรักดี ช่อง 7 รับบท นงเยาว์ - 2555 อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ช่อง 7 รับบท แม่มดทาฮิร่า - 2555 มนต์รักแก้บน ช่อง 7 รับบท ช้องนาง - 2555 หยกเลือดมังกร ช่อง 7 รับบท อาม่า - 2556 อาญารัก ช่อง 7 รับบท ทองจันทร์ - 2556 โดมทอง ช่อง 7 รับบท ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไกรณรงค์ หรือ ท่านผู้หญิงมณฑา สรรักษ์ไกรณรงค์ (วัยชรา) - 2557 คมพยาบาท ช่อง 7 รับบท คุณหญิงอนุรักษ์ อนุรักษ์ธานิน - 2557 คีตโลกา ช่อง 7 รับบท หม่อมราชวงศ์หญิงวรจันทร์ / คุณหญิงวรจันทร์ - 2557 พราว ช่อง 7 รับบท แก้ว - 2558 บุษบาท่าเรือ ช่อง 7 รับบท คุณหญิงพิณผกา - 2558 แหวนสวาท ช่อง 7 รับบท เฟื่องขจร - 2558 บ้านทรายทอง (ละครโทรทัศน์) ช่อง 7 รับบท หม่อมพรรณราย สว่างวงศ์ ณ อยุธยา - 2559 กาลครั้งหนึ่งในหัวใจ ช่อง 7 รับบท คุณนายชวนชม ทิพยศาสตร์ - 2559 ละครเทิดพระเกียรติชุด ใต้ร่มพระบารมี เรื่อง จากฟากฟ้าสุราลัย ช่อง 7 - 2559 ริษยา ช่อง 7 รับบท ท่านหญิงนวล - 2560 บาปบริสุทธิ์ LIVE ช่อง 7 รับบท อังคณา พูนไชยศรี (ครูใหญ่) - 2560 มายา ช่อง 7 รับบท อินทนิล สัจจามาตย์ - 2561 สายโลหิต ช่อง 7 รับบท ย่านิ่ม - 2561 นางทิพย์ ช่อง 7 รับบท ผกา - 2561 พ่อมดเจ้าเสน่ห์ ช่อง 7 รับบท แม่มดทาฮิร่า - 2561 มนตร์กาลบันดาลรัก ช่อง 7 รับบท อาม่าหยก - 2561 สวยซ่อนคม ช่อง 7 รับบท คุณย่าอัมพิกาพิธีกรพิธีกร. - ครบเครื่องเรื่องผู้หญิง ช่อง 7 - ชีวิตกับเพลง ช่อง 7 - ฟ้ามีตา มกราคม พ.ศ. 2556 - ปัจจุบัน ช่อง 7รางวัล
| แม่ของตะวัน จารุจินดา คือใคร | {
"answer": [
"ดวงดาว จารุจินดา"
],
"answer_begin_position": [
108
],
"answer_end_position": [
124
]
} |
3,938 | 174,825 | ปวันรัตน์ นาคสุริยะ ปวันรัตน์ นาคสุริยะ (เกิด 9 มกราคม พ.ศ. 2504) ชื่อเล่น เหมี่ยว เป็นนักแสดงและพิธีกรชาวไทย เป็นบุตรสาวของธรรมรัตน์ นาคสุริยะ จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เธอยังเป็นนักเรียนการแสดงรุ่นแรกของช่องสาม มีผลงานแสดงละครเรื่องแรกใน โลกใบเล็ก โดยรับบทเป็นนักศึกษาร่วมกับ ธงชัย ประสงค์สันติ ชาตรี ชมพู, ธีรภัทร ธนะภูมิ, ผกาวลี บุญญะจิตติ และศักดิ์ชัย บุญญะศรีมานนท์ โดยก่อนหน้านี้ เธอยังได้มีโอกาสร่วมงานแสดงละครอยู่บ้าง ต่อมาเธอได้แจ้งเกิดจากบทคนรับใช้ในโฆษณาไบกอนเขียว จึงมีงานแสดงในบทคนใช้เป็นส่วนใหญ่ ปัจจุบันปวันรัตน์มีบุตรชายลูกครึ่งไทย-เยอรมัน ชื่อ ไมเคิลผลงานภาพยนตร์ละครโทรทัศน์ผลงานละครชุดซิทคอมละครเวทีกำกับละคร ผลงาน. กำกับละคร. ผลงานละครโทรทัศน์ทั้งหมดในฐานะผู้กำกับละครช่อง 3เขียนบทละครโทรทัศน์ เขียนบทละครโทรทัศน์. ผลงานการเขียนบทละครโทรทัศน์ทางช่องช่อง 3 ผลงานการเขียนบทละครโทรทัศน์ทางช่องช่อง 7เขียนบทภาพยนตร์เขียนบทภาพยนตร์. - (2537) คู่แท้ 2 โลกพิธีกรพิธีกร. - ตีสิบ - รายวันบันเทิง - ทีวีแชมป์เปี้ยน ไทยแลยด์ - อลหม่าน จานเด็ด - ตลาดสดสนามเป้า - ผ่าง ผ่าง โชว์ - ครอบจักรวาล คิทเช่น - เรื่องเด็ดเกร็ดอาชีพ - Climax Game - บัดดี้ท้าดวล - คดีสีชมพู - ตลาดสดพระราม 4 ทาง ช่อง 3 เอชดี - ข่าวใส่ไข่ ทาง ไทยรัฐทีวีโฆษณาพากย์เสียงพากย์เสียง. - (2542) ภาพยนตร์แอนิเมชั่นวอลท์ดิสนี่ย์เรื่อง ทาร์ซานTarzan เป็น เติร์กรางวัล
| ปวันรัตน์ นาคสุริยะ เป็นนักแสดงและพิธีกรชาวไทย เกิดวันที่เท่าไร | {
"answer": [
"9"
],
"answer_begin_position": [
140
],
"answer_end_position": [
141
]
} |
3,939 | 174,825 | ปวันรัตน์ นาคสุริยะ ปวันรัตน์ นาคสุริยะ (เกิด 9 มกราคม พ.ศ. 2504) ชื่อเล่น เหมี่ยว เป็นนักแสดงและพิธีกรชาวไทย เป็นบุตรสาวของธรรมรัตน์ นาคสุริยะ จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เธอยังเป็นนักเรียนการแสดงรุ่นแรกของช่องสาม มีผลงานแสดงละครเรื่องแรกใน โลกใบเล็ก โดยรับบทเป็นนักศึกษาร่วมกับ ธงชัย ประสงค์สันติ ชาตรี ชมพู, ธีรภัทร ธนะภูมิ, ผกาวลี บุญญะจิตติ และศักดิ์ชัย บุญญะศรีมานนท์ โดยก่อนหน้านี้ เธอยังได้มีโอกาสร่วมงานแสดงละครอยู่บ้าง ต่อมาเธอได้แจ้งเกิดจากบทคนรับใช้ในโฆษณาไบกอนเขียว จึงมีงานแสดงในบทคนใช้เป็นส่วนใหญ่ ปัจจุบันปวันรัตน์มีบุตรชายลูกครึ่งไทย-เยอรมัน ชื่อ ไมเคิลผลงานภาพยนตร์ละครโทรทัศน์ผลงานละครชุดซิทคอมละครเวทีกำกับละคร ผลงาน. กำกับละคร. ผลงานละครโทรทัศน์ทั้งหมดในฐานะผู้กำกับละครช่อง 3เขียนบทละครโทรทัศน์ เขียนบทละครโทรทัศน์. ผลงานการเขียนบทละครโทรทัศน์ทางช่องช่อง 3 ผลงานการเขียนบทละครโทรทัศน์ทางช่องช่อง 7เขียนบทภาพยนตร์เขียนบทภาพยนตร์. - (2537) คู่แท้ 2 โลกพิธีกรพิธีกร. - ตีสิบ - รายวันบันเทิง - ทีวีแชมป์เปี้ยน ไทยแลยด์ - อลหม่าน จานเด็ด - ตลาดสดสนามเป้า - ผ่าง ผ่าง โชว์ - ครอบจักรวาล คิทเช่น - เรื่องเด็ดเกร็ดอาชีพ - Climax Game - บัดดี้ท้าดวล - คดีสีชมพู - ตลาดสดพระราม 4 ทาง ช่อง 3 เอชดี - ข่าวใส่ไข่ ทาง ไทยรัฐทีวีโฆษณาพากย์เสียงพากย์เสียง. - (2542) ภาพยนตร์แอนิเมชั่นวอลท์ดิสนี่ย์เรื่อง ทาร์ซานTarzan เป็น เติร์กรางวัล
| บิดาของปวันรัตน์ นาคสุริยะ คือใคร | {
"answer": [
"ธรรมรัตน์ นาคสุริยะ"
],
"answer_begin_position": [
218
],
"answer_end_position": [
237
]
} |
3,943 | 64,249 | มาลากาซี ชาวมาลากาซี เป็นหนึ่งในสามกลุ่มชนในประเทศมาดากัสการ์ มีจำนวนมากถึง 16 ล้านคน กระจายอยู่ทั่วบริเวณกระจายตั้งแต่ มาดากัสการ์ มายอต เรอูเนียงภาษาของชาวมาลากาซี ภาษาของชาวมาลากาซี. ใช้ภาษามาลากาซีสื่อสารกัน แต่ก็มีคนพูดภาษาฝรั่งเศสอยู่บ้างศาสนาของชาวมาลากาซี ศาสนาของชาวมาลากาซี. ชาวมาลากาซีเดิมนับถือศาสนาพื้นเมืองเชื่อเกี่ยวกับเรื่องผีสางนางไม้ ในอดีต ราชินีแห่งมาดากัสการ์มีพระราชองค์การห้ามมิให้บุคคลใดนับถือศาสนาคริสต์ มิเช่นนั้นจะถูกโยนลงเหว ก่อนการประหารเพชฆาตจะถามก่อนว่า "เจ้าจะเลือกเทพเจ้าของราชินี หรือจะนับถือพระเยซู" ถ้าตอบว่าเลือกพระเยซู จะต้องลงเหว ถึงปัจจุบันชาวมาลากาซีส่วนใหญ่ก็ยังนับถือศาสนาดั้งเดิมอยู่ แต่ก็มีชาวมาลากาซีที่เข้ารีตศาสนาคริสต์นิกายต่างๆ และยังมีชาวมาลากาซีนับถือศาสนาอิสลามอีกด้วย
| ชาวมาลากาซีเป็นกลุ่มชนที่อาศัยอยู่ในประเทศใด | {
"answer": [
"มาดากัสการ์"
],
"answer_begin_position": [
131
],
"answer_end_position": [
142
]
} |
3,944 | 23,960 | บ้านจันทร์ส่องหล้า บ้านจันทร์ส่องหล้า คือ บ้านพักส่วนตัวของพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของไทย กับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ตั้งอยู่ที่ซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร นอกจากนี้คำว่า "บ้านจันทร์ส่องหล้า" ที่ใช้เรียกในหนังสือพิมพ์ หรือในวงการเมืองไทย อาจหมายถึง กลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคไทยรักไทย ที่สังกัดโดยตรงต่อ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นมุ้งทางการเมือง (Fraction) ในพรรคไทยรักไทย บ้านจันทร์ส่องหล้าเคยเป็นสถานที่รับรองนายจอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช อดีตประธานาธิบดีคนที่ 41 ของสหรัฐอเมริกา เมื่อครั้งมาเยือนประเทศไทย
| บ้านจันทร์ส่องหล้าคือบ้านพักส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีไทยคนใด | {
"answer": [
"พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร"
],
"answer_begin_position": [
150
],
"answer_end_position": [
175
]
} |
3,946 | 26,648 | อาร์เอ็มเอส ไททานิก อาร์เอ็มเอส ไททานิก () เป็นเรือโดยสารซึ่งจมลงสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติกเมื่อวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1912 หลังชนภูเขาน้ำแข็งระหว่างการเดินทางเที่ยวแรกจากเซาท์แทมป์ตัน สหราชอาณาจักร ไปนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา การจมของไททานิก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1,514 ศพ นับเป็นภัยพิบัติทางทะเลในยามสงบครั้งที่มีผู้เสียชีวิตมากครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ไททานิก เคยเป็นสิ่งของเคลื่อนได้ที่ใหญ่ที่สุดที่ทำด้วยฝีมือมนุษย์ในขณะการเดินทางเที่ยวแรก เป็นหนึ่งในสามเรือโดยสารชั้นโอลิมปิกซึ่งดำเนินการโดยไวต์สตาร์ไลน์ สร้างขึ้นระหว่าง ค.ศ. 1909-1911 โดยอู่ต่อเรือฮาร์แลนด์แอนดวูล์ฟฟ์ในเบลฟาสต์บรรทุกผู้โดยสาร 2,223 คน ผู้โดยสารบนเรือมีบรรดาบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เช่นเดียวกับผู้อพยพกว่าพันคนจากบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์ สแกนดิเนเวีย เป็นต้น ซึ่งกำลังแสวงหาชีวิตใหม่ในทวีปอเมริกาเหนือ เรือได้รับการออกแบบให้มีความสะดวกสบายและความหรูหราที่สุด โดยบนเรือมียิมเนเซียม สระว่ายน้ำ ห้องสมุด ภัตตาคารชั้นสูงและห้องจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีโทรเลขไร้สายทรงพลังซึ่งจัดเตรียมไว้เพื่อความสะดวกของผู้โดยสาร เช่นเดียวกับการใช้เชิงปฏิบัติการ แต่แม้ ไททานิก จะมีคุณลักษณะความปลอดภัยที่ก้าวหน้า เช่น ห้องกันน้ำและประตูกันน้ำที่ทำงานด้วยรีโมต ก็ยังขาดเรือชูชีพที่เพียงพอสำหรับบรรทุกผู้โดยสารทุกคนบนเรือ เนื่องจากระเบียบความปลอดภัยในทะเลที่ล้าสมัย จึงมีเรือชูชีพเพียงพอสำหรับผู้โดยสาร 1,178 คนเท่านั้น เกินครึ่งของผู้ที่เดินทางไปกับเรือในเที่ยวแรกเล็กน้อย และหนึ่งในสามของความจุผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมดเท่านั้น หลังเดินทางออกจากเซาท์แทมป์ตันเมื่อวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 1912 ไททานิก ถูกเรียกที่เชอร์บูร์ก (Cherbourg) ในฝรั่งเศส และควีนส์ทาวน์ (ปัจจุบันคือ โคฟ, Cobh) ในไอร์แลนด์ ก่อนมุ่งหน้าไปทางตะวันตกมุ่งสู่นิวยอร์ก วันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 1912 ห่างจากเซาท์แทมป์ตันไปทางใต้ราว 600 กิโลเมตร ไททานิก ชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งเมื่อเวลา 11.40 น. (ตามเวลาเรือ GMT-3) การชนแฉลบทำให้แผ่นลำเรือไททานิก งอเข้าในตัวเรือหลายจุดบนฝั่งกราบขวา และเปิดห้องกันน้ำห้าจากสิบหกห้องสู่ทะเล อีกสองชั่วโมง สามสิบนาทีต่อมา น้ำค่อยๆ ไหลเข้ามาในเรือและจมลง ผู้โดยสารและสมาชิกลูกเรือบางส่วนถูกอพยพในเรือชูชีพ โดยมีเรือชูชีพจำนวนมากถูกปล่อยลงน้ำไปทั้งที่ยังบรรทุกไม่เต็ม ชายจำนวนมาก กว่า 90% ของชายในที่นั่งชั้นสอง ถูกทิ้งอยู่บนเรือเพราะระเบียบ "ผู้หญิงและเด็กก่อน" ตามด้วยเจ้าหน้าที่ซึ่งบรรทุกเรือชูชีพนั้น ก่อน 2.20 น. เล็กน้อย ไททานิก แตกและจมลงโดยยังมีอีกกว่าพันคนอยู่บนเรือ คนที่อยู่ในน้ำเสียชีวิตภายในไม่กี่นาทีจากภาวะตัวเย็นเกิน (hypothermia) อันเกิดจากการจุ่มในมหาสมุทรที่เย็นจนเป็นน้ำแข็ง ผู้รอดชีวิต 710 คนถูกนำขึ้นเรืออาร์เอ็มเอส คาร์พาเธีย (RMS Carpathia) อีกไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง ภัยพิบัติดังกล่าวทำให้ทั่วโลกตกตะลึงและโกรธจากการสูญเสียชีวิตอย่างใหญ่หลวง และความล้มเหลวของกฎระเบียบและปฏิบัติการซึ่งนำไปสู่ภัยพิบัตินั้น การไต่สวนสาธารณะในอังกฤษและสหรัฐอเมริกานำมาซึ่งพัฒนาการหลักในความปลอดภัยในทะเล หนึ่งในมรดกสำคัญที่สุด คือ การจัดตั้งอนุสัญญาความปลอดภัยของชีวิตในทะเลระหว่างประเทศ (SOLAS) ใน ค.ศ. 1914 ซึ่งยังควบคุมความปลอดภัยในทะเลตราบจนทุกวันนี้ ผู้รอดชีวิตหลายคนสูญเสียเงินและทรัพย์สินทั้งหมดและถูกทิ้งให้อดอยากแร้นแค้น หลายครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งของสมาชิกลูกเรือจากเซาท์แทมป์ตัน สูญเสียเสาหลักของครอบครัวไป พวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากความเห็นใจสาธารณะและการบริจาคของมูลนิธิที่หลั่งไหลเข้ามาเบื้องหลัง เบื้องหลัง. สายการเดินเรือคูนาร์ด (Cunard Line) ซึ่งเป็นคู่แข่งรายสำคัญของไวต์สตาร์ไลน์ ผู้ผลิต ไททานิก ได้ต่อเรืออาร์เอ็มเอส ลูซิทาเนีย (RMS Lusitania) ต่อขึ้นในอู่ต่อเรือ John Brown ใน ค.ศ. 1907 เป็นเรือโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลกในเวลานั้น และในปีเดียวกัน คูนาร์ดก็สร้างอาร์เอ็มเอส มอริทาเนีย (RMS Mauretania) ที่ต่อขึ้นในอู่ต่อเรือ Tyneside ได้ออกบริการในปีเดียวกัน เป็นเรือโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลกแทน ลูซิทาเนีย ทั้งคู่มีขนาดใหญ่กว่า 30000 ตัน แล่นด้วยความเร็ว 24 นอต (44.448 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) เป็นเรือแฝดรุ่นใหม่ของคูนาร์ด ล้ำหน้ากว่าเรือ 4 ลำของไวต์สตาร์ ทั้งด้านความเร็ว และขนาด ปีเดียวกันนั้น บุคคลสำคัญของสายการเดินเรือไวต์สตาร์ได้ร่วมจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำที่บ้าน downshire Belgrave Square ในกรุงลอนดอน เพื่อร่วมกันคิดรูปแบบเรือลำที่ดีกว่าเรือแฝดคู่นั้น และนั่นก็เป็นสาเหตุในการต่อเรือไททานิก หลังอาร์เอ็มเอส มอริทาเนีย เป็นเรือโดยสารใหญ่ที่สุดในโลกมาราว 4 ปี เรือลำแรกในโครงการต่อเรือ 3 ลำของไวต์สตาร์ไลน์ (เป็นการต่อเรือขนาดใหญ่ 3 ใบเถา เน้นรูปแบบการบริการของสายการเดินเรือที่หรูหราเป็นหลัก) ชื่อ RMS Olympic สร้างเสร็จใน ค.ศ. 1911 มีขนาดใหญ่กว่าเรือ RMS Mauretania มากกว่า 40% ทำให้กลายเป็นเรือโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลก และต่อมา เรือลำที่สองในโครงการ ชื่ออาร์เอ็มเอส ไททานิก สร้างเสร็จใน ค.ศ. 1912 เป็นเรือโดยสารใหญ่ที่สุดในโลกแทนโอลิมปิกลักษณะเฉพาะของเรือ ลักษณะเฉพาะของเรือ. ไททานิกเป็นเรือที่เปิดศักราชใหม่ให้กับอุตสาหกรรมเรือเดินสมุทร เนื่องจากเป็นเรือลำแรก ๆ ของโลกที่สร้างโดยโลหะและรองรับผู้โดยสารได้ถึง 2,435 คน ยาว 269.0622 เมตร กว้าง 28.194 เมตร ขนาดของเรือ 46,328 ตัน แบ่งเป็น 9 ชั้น เรียงจากชั้นบนลงชั้นล่างได้ดังนี้- 9. ดาดฟ้า สงวนไว้ให้ผู้โดยสารชั้นหนึ่งและชั้นสอง มีปล่องไฟ 4 ตัว สูงตัวละ 19 เมตร และห้องยิมเนเซียม - 8. ชั้น A ห้องนั่งเล่น ห้องสมุด ห้องสูบบุหรี่ คาเฟ่ขนาดเล็ก และเนิร์สเซอรี่ของผู้โดยสารชั้นหนึ่ง - 7. ชั้น B ห้องอาหาร a la carte ร้านกาแฟแบบปารีสของผู้โดยสารชั้นหนึ่ง และห้องสูบบุหรี่ผู้โดยสารชั้นสอง - 6. ชั้น C ห้องสมุดของผู้โดยสารชั้นสอง ห้องเอนกประสงค์ของผู้โดยสารชั้นสาม - 5. ชั้น D ห้องอาหารของผู้โดยสารชั้นหนึ่งและชั้นสอง - 4. ชั้น E ห้องนอนของผู้โดยสารชั้นหนึ่ง สอง สาม ลูกเรือ - 3. ชั้น F ห้องอาหารของผู้โดยสารชั้นสาม - 2. ชั้น G สระว่ายน้ำ ห้องอาบน้ำแบบตุรกี และห้องเก็บกระเป๋าเดินทาง - 1. ชั้นห้องเครื่อง มี 16 ห้อง หม้อน้ำรวม 29 ชุด ส่งเชื้อเพลิงให้เครื่องยนต์ 3 ตัว เครื่องยนต์ 3 ตัว หมุนใบจักร 3 ใบ รวม 50000 แรงม้า เร่งความเร็วเรือได้สูงสุด 23 น็อต (42.596 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ความเร็วมาตรฐาน 21 น็อต (38.892 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ห้องเครื่องทั้ง 16 ห้องมีกำแพงสูงถึงชั้น F และมีประตูกลซึ่งจะปิดลงมาทุกบานทั่วลำเรือเมื่อพบเหตุผิดปกติที่ห้องเครื่องใดห้องเครื่องหนึ่ง ซึ่งถ้าหากไม่เกิดรอยรั่วในหลายห้องเครื่องจนเกินไป ตามหลักการลอยตัวแล้ว เรือจะไม่จม ถึงแม้จะเป็นจุดอ่อนที่สุดของเรือซึ่งก็คือหัวเรือ ก็ยังรับรอยแตกได้ถึง 4 ห้องเครื่องติดกันโดยไม่จม ไททานิก มีลิฟต์ 4 ตัว ในจำนวนนี้ 3 ตัว ถูกสงวนไว้สำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่ง อีก 1 ตัว มีไว้สำหรับผู้โดยสารชั้นสอง ส่วนผู้โดยสารชั้นสามไม่มีสิทธิ์ใช้ลิฟต์ ในการบรรจุผู้โดยสาร โดยปกติ เรือไททานิก สามารถจุผู้โดยสารได้ 2,435 คน โดยแบ่งเป็น ชั้นสาม 1,026 คน , ชั้นสอง 674 คน และชั้นหนึ่ง 735 คน และลูกเรีออีก 892 คน รวมผู้โดยสารและลูกเรือ 3,327 คน แต่ถ้าในอนาคต ถ้าสายการเดินเรือต้องการเพิ่มความจุผู้คน จะสามารถดัดแปลงเรือให้จุผู้โดยสารและลูกเรือได้มากขึ้นอีก 220 คน เป็น 3,547 คน (แต่ยังไม่ได้รับการดัดแปลง) แต่ในการเดินทางเที่ยวแรก มีผู้โดยสารประมาณ 2,208 คน แต่ว่าเรือสำรองช่วยชีวิตหรือเรือบดนั้นเพียงพอสำหรับผู้โดยสารเพียง 1,178 คนเท่านั้น โดยจะแบ่งเป็น 20 ลำ ในจำนวนนี้ 14 ลำ จุได้ 65 คน , 4 ลำ จุได้ 47 คน และอีก 2 ลำ จุได้ 40 คน การเดินทางครั้งแรก เริ่มการเดินทางที่เมืองเซาท์แธมตัน ประเทศอังกฤษ ในวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 1912 ควบคุมโดยกัปตัน เอ็ดเวิร์ด เจ. สมิธ (Edward J. Smith) เพื่อเดินทางไปยังนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในการเดินทางครั้งนั้น มีผู้เดินทางรวมทั้งหมด 2,208 คน แบ่งเป็นลูกเรือ 891 คน , ผู้โดยสารชั้นสาม 708 คน , ผู้โดยสารชั้นสอง 285 คน และผู้โดยสารชั้นหนึ่ง 324 คนสัดส่วนเรือสัดส่วนเรือ. - ความยาว: ความยาวตลอดลำ 883 ฟุต 9 นิ้ว ยาวกว่าเรือโอลิมปิก 3 นิ้ว โดยมีความยาวแนวน้ำ 710 ฟุต 5 นิ้ว - ความกว้าง: วัดที่แนวน้ำกลางลำเรือ 92 ฟุต 6 นิ้ว - กินน้ำลึก: วัดจากกลางท้องเรือถึงแนวน้ำ 59 ฟุต 2 นิ้ว - ความสูง: วัดจากแนวน้ำถึงดาดฟ้าเรือบด 60 ฟุต 6 นิ้ว และวัดจากกระดูกงูถึงปลายปล่องไฟ 175 ฟุต - ขนาด: 46,439 ตันเนจ, ระวางขับน้ำ 52,310 ตันลักษณะทั่วไปลักษณะทั่วไป. - ปล่องไฟ: 4 ปล่อง ติดหวูดไอน้ำทุกปล่อง ใช้เส้นเคเบิลตรึงปล่องละ 12 เส้น โดยแต่ละปล่องทำมุม 3.27 องศาจากแนวตั้งฉาก ใช้งานจริง 3 ปล่องแรก ปล่องสุดท้ายให้ระบายอากาศและทำให้ดูสมดุล - การทาสี: ปลายปล่องไฟทาสีดำ ตัวปล่องทาสีเหลืองอ่อนเนื้อลูกวัว ซุเปอร์สตรัคเจอร์ทาสีขาวงาช้าง ตัวเรือทำสีดำ โดยมีแถบสีทองคาดกลางระหว่างตัวเรือและซุเปอร์สตัคเจอร์ตลอดความยาวเรือ ท้องเรือใต้แนวน้ำทางสีแดง ใบจักรสีทองบรอนซ์ - หัวเรือ: ออกแบบให้มีที่ตัดน้ำแข็งทางหัวเรือ โดยมี สมอเรือ 2 ตัว ปั่นจั่น 1 ตัว เสากระโดงเรือ 1 ต้องและช่องขนสินค้า - ท้ายเรือ: หางเสือ 1 ตัว, สะพานเทียบเรือ, ปั้นจั่นยกสินค้า 2 ตัว - ประเภทวัสดุสร้างเรือ: เฟรม ทำจากเหล็ก, โครงสร้างภายใน ทำจากไม้, เปลือกเรือภายในและภายนอก ทำจากเหล็กกล้า พื้นดาดฟ้าเรือ ปูด้วยไม้สัก ปล่องไฟ ทำจาก เหล็กกล้า, เสากระโดงเรือ ทำจาก ไม้สนสพรูซ (spruce) ท้องเรือ 2 ชั้น มีปีก stabilizer และมีเข็มทิศขนาดใหญ่บนดาดฟ้าชั้น Sun Deck ระหว่างปล่องไฟหมายเลข 2 และ 3 - ดาดฟ้า: 10 ชั้น; 7 ชั้นสำหรับผู้โดยสาร, 3 ชั้นสำหรับลูกเรือ โดยมี Sun deck, Boat (ชั้น เอ), Promenade (ชั้น บี), decks ซี-จี, ชั้นท้องเรืออีก 2 ชั้น (เป็นพื้นที่สำหรับหม้อน้ำ, เชื้อเพลิง, เครื่องยนต์, ห้องผนึกน้ำ, ประตูกั้นน้ำ หรือพื้นทีสำหรับเพลาใบจักร เป็นต้น) - ตำแหน่งห้องวิทยุสื่อสาร: ชั้นเรือบด กราบซ้าย ถัดจากห้องสะพานเดินเรือ - ตะเกียงส่งสัญญาณ: 2 ดวง ติดตั้งทั้งกราบซ้ายและขวา บริเวณปีกสะพานเดินเรือชั้นเรือบด - สมอเรือ: 2 ตัว ตำแหน่งกราบซ้ายและขวาหัวเรือ หนัก 27 ตัน/ตัว - ปั้นจั่นไฟฟ้า: 9 ตัว โดยมี 1 ตัว ที่หัวเรือสำหรับสมอเรือ; 2 ตัว บนชั้น ซี ด้านหน้าของซุเปอร์สตรัคเจอร์ ใกล้กับช่องสินค้า (Well deck) ; 2 ตัว บนชั้น บี ค่อนไปทางท้ายเรือ; 2 ตัว บนชั้น ซี ด้านหลังของซุเปอร์สตรัคเจอร์ ใกล้กับช่องสินค้า (Well deck) - โกดังสินค้า: 9 แห่ง (ห้องมาตรฐาน 6 ห้อง ห้องแช่แข็ง 2 ห้อง และห้องไปรษณีย์ 1 ห้อง) - ลิฟต์สินค้า: 2 ตัว (ตัวแรกจากชั้น เอ ไป ชั้น ดี ตัวที่สอง จากชั้น ดี ไปชั้น จี และลงท้องเรือโดยบันได) - ฝากั้นน้ำ: 15 แนวแบ่งเป็น 16 ห้อง พร้อมประตูประตูผนึกน้ำทำงานด้วยไฟฟ้า - ความจุผู้โดยสาร: แบบพักเดี่ยว 1,324 ค และสามารถปรับเปลี่ยนเป็นพักแบบคู่ในบางห้องได้เป็น 2,435 คน - ความจูสูงสุด: 3,547 คน - เสื้อชูชีพ: 3,560 ชุด - ห่วงชูชีพ: 49 ห่วง - เรือชูชีพ: เรือบด 20 ลำ ความจุ 1,178 คน เป็นเรือไม้ 14 ลำ (ขนาดลำเรือยาว 30 ฟุต กว้าง 9 ฟุต 1 นิ้ว สูง 4 ฟุต จุ 65 ชีวิต) เรือเร็ว (Cutter) 2 ลำ (ขนาดลำเรือยาว 25 ฟุต 2 นิ้ว กว้าง 7 ฟุต 2 นิ้ว สูง 3 ฟุต จุ 40 ชีวิต) เรือผ้าใบ 4 ลำ (ขนาดลำเรือยาว 27 ฟุต 5 นิ้ว กว้าง 8 ฟุต สูง 3 ฟุต จุ 47 ชีวิต) - ลูกเรือ: 899 คนพนักงานประจำเรือพนักงานประจำเรือ. - กัปตันเรือ: เอ็ดเวิร์ด จอห์น สมิธ - หัวหน้าเจ้าหน้าที่: เฮนรี่ ทิงเกิล ไวด์ - เจ้าหน้าที่ชั้นหนึ่ง: วิลเลียม แม็คมาสเตอร์ เมอร์ด็อก - เจ้าหน้าที่ชั้นสอง: ชาร์ลส์ เฮิร์บเบิร์ต ไลโทเลอร์ - เจ้าหน้าที่ชั้นสาม: เฮิร์บเบิร์ต จอห์น พิตแมน - เจ้าหน้าที่ชั้นสี่: โกร์ฟ โจเซฟ บ็อกซ์ฮอล - เจ้าหน้าที่ชั้นห้า: ฮาโรลด์ ก็อดเฟรย์ โลว์ - เจ้าหน้าที่ชั้นหก: เจมส์ เพล มุดดี้- โดยรวมทั้ง สจ็วตชายและหญิง สาวใช้ บริกรชายและหญิง คนครัว แพทย์ กะลาสี ช่างไฟฟ้า ช่างน้ำมัน คนเติมถ่านหิน กรีเซอร์ ผู้ช่วยห้องเครื่อง ผู้ดูแลพื้นที่ผู้โดยสารหรือสัตว์เลี้ยง ผู้ดูแลอาหารและบัญชี เสมียน วงดนตรี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ผู้ควบคุมปั่นจั่น ผู้สังเกตการณ์บนเสากระโดงเรือ ซีแมน พนักงานประจำลิฟต์ พนักงานห้องซักล้าง พนักงานห้องวิทยุโทรเลข เป็นต้น - เจ้าหน้าที่สังเกตการณ์บนเสากระโดงเรือ: ก่อนเที่ยงวัน ริชาร์ด ไซมอนส์ และ อาร์คิบัลด์ เจเวล และ หลังเที่ยงวัน เฟร็ดเดอริก ฟลีต และ เรจจิโนลด์ ลี - พนักงานประจำห้องวิทยุสื่อสาร: แจ็ค ฟิลลิปส์ และฮาโรลด ไบรด์ จากบริษัท มาร์โคนี เทเลกราฟ นิวยอร์กระบบขับเคลื่อนระบบขับเคลื่อน. - เครื่องยนต์: 2 ชุดเครื่องยนต์ 4 กระบอกสูบไอน้ำ Triple Expansion ขับเคลื่อนโดยตรงกับใบจักรข้างซ้าย-ขวา ให้กำลัง 30,000 แรงม้า 75 รอบ/นาที และไอน้ำความดันต่ำที่ผ่านการใช้เครื่องยนต์กระสอบสูบทั้งสองชุดเข้าสู่เครื่องยนต์เทอร์ไบน์ขับเคลื่อนผ่านชุดเกียร์สู่ใบจักรกลาง ให้กำลัง 16,000 แรงม้า 165 รอบ/นาที - ใบจักร: 3 ใบ ทำจากสัมฤทธิ์ โดยใบจักรกลางขนาด 16 ฟุต ดุมใบจักรเป็นกรวยครอบ พวงใบจักรมี 3 ใบ และใบจักรข้างทั้งสอง ขนาด 23 ฟุต 6 นิ้ว ไม่มีกรวยครอบที่ดุม พวงใบจักรมี4 ใบ - หม้อน้ำ: 29 ตัว ผลิตโดย เดนนี่ แอนด์ ซันส์ ในลิเวอร์พูล 24 ตัวเป็นแบบเติมถ่านได้ 2 ฝั่ง (6 ช่องเตาต่อหม้อน้ำ 1 ตัว) อีก 5 ตัวเติมถ่านได้ฝั่งเดียว (3 ช่องเตาต่อหม้อน้ำ 1 ตัว) รวมพื้นที่นำความร้อน (Active Heat Surface) 144,142 ตารางฟุต - เชื้อเพลิง: ถ่านหิน 825 ตัน/วัน - น้ำจืด: 14,000 แกลลอน/วัน - หางเสือ: 1 ตัว ตำแหน่งท้ายเรือตรงกลาง หนัก 100 ตัน, ยึดด้วยบานพับ 6 จุด - ความเร็วเรือออกแบบ: 20-23 นอต - ความเร็วเรือตอนปะทะภูเขาน้ำแข็ง: 20-21 นอต - ความเร็วสูงสุด: ไม่เคยทดสอบอย่างจริงจัง คาดว่าประมาณ 21 นอตสภาพภายในเรือ สภาพภายในเรือ. ภายในเรือไททานิก จะกั้นอาณาเขตไว้อย่างชัดเจนว่าบริเวณใดเป็นส่วนของผู้โดยสารชั้นใด และผู้โดยสารในเรือจะต้องอยู่ในบริเวณที่เป็นชั้นของตนเองเท่านั้นชั้นสาม (Third class) ชั้นสาม (Third class). ชั้นนี้ เป็นชั้นที่ราคาตั๋วต่ำ แต่ค่าตั๋วของเรือจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ท่าเรือที่ขึ้นโดยสาร (เรือออกท่าแรกที่เซาธ์แธมป์ตัน แวะรับที่เชอร์เบิร์ก และแวะรับอีกที่ควีนส์ทาวน์) อายุผู้โดยสาร ตำแหน่งที่ตั้งของห้อง ลักษณะห้อง บริการ สิทธิต่าง ๆ บนเรือ และปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย ทำให้ค่าตั๋วแม้ในชั้นเดียวกันสามารถแตกต่างกันได้เป็นอย่างมาก จากบันทึกการจองตั๋ว ราคาตั๋วชั้นสามที่ถูกสุดที่ขายในการเดินทางเที่ยวแรก เป็นตั๋วเด็ก ขายในราคา 3 ปอนด์ 3 ชิลลิง 5 เพนนี (3.17 ปอนด์ คิดเป็นประมาณ 344 ปอนด์ หรือ 15,200 บาทในปัจจุบัน) สำหรับตั๋วผู้ใหญ่ทั่วไปมักจะมีราคาระหว่าง 7-9 ปอนด์ (760-977 ปอนด์ หรือ 33,500-43,100 บาทในปัจจุบัน) ซึ่งเป็นราคาที่นับว่าประหยัด เมื่อเทียบกับการเดินทางทางทะเลด้วยระยะเวลากว่าสัปดาห์ แต่ก็มีผู้โดยสารชั้นสามพอสมควรที่ค่าตั๋วมากกว่าสิบปอนด์ บริเวณของผู้โดยสารชั้นสามส่วนใหญ่จะอยู่ในชั้น F กับชั้น G ผู้โดยสารชั้นประหยัด สิทธิหลายอย่างถูกจำกัด เช่น สิทธิในการใช้ลิฟต์ สิทธิในการขึ้นชั้นดาดฟ้า ห้องของชั้นสามมีตั้งแต่ห้องขนาด 2 เตียงนอน ไปจนถึง 8 เตียงนอน ห้องพักแม้จะแคบ แต่สะอาดเรียบง่าย และดูสว่างสดใส และการที่อยู่ในท้องเรือลึกๆ ทำให้อากาศอุ่นสบายกว่าอาณาเขตชั้นอื่น ห้องของชั้นสามที่มีราคาถูกที่สุด จะอยู่ท้ายเรือ เพราะห้องเหล่านั้นจะอยู่ใกล้ใบจักรขับเคลื่อนเรือมาก ๆ ดังนั้นในบริเวณนั้น จะโคลงเคลงและสั่น ผู้ที่ไม่ชินกับทะเล จะเกิดอาการเมาเรือได้ถ้าอยู่ในบริเวณนั้นนาน ๆชั้นสอง (Second class) ชั้นสอง (Second class). เช่นเดียวกับราคาตั๋วขั้นอื่น ๆ ราคาตั๋วชั้นสองมีความหลากหลาย โดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 10.5-16 ปอนด์ (เป็นมูลค่าเทียบเท่า 1,140 - 1,740 ปอนด์ หรือ 50,200 - 76,600 บาทในปัจจุบัน) แต่ห้องชั้นสองบางส่วนก็มีราคาแพงกว่า โดยอยู่ที่ราคาประมาณ 30 ปอนด์ ใกล้เคียงราคาตั๋วห้องชั้นหนึ่งแบบมาตรฐาน บริเวณของผู้โดยสารชั้นสองส่วนใหญ่ จะอยู่ในชั้น E ผู้โดยสารชั้นสองจะได้รับความหรูหราพอ ๆ กับโรงแรมทั่วไป แม้จะยังไม่หรูหราเท่าชั้นหนึ่ง ห้องของชั้นสองมี 2 ขนาด คือขนาด 2 กับ 4 เตียงนอน ภายในห้องไม่แออัด มีเฟอร์นิเจอร์ที่ทันสมัยในยุคนั้น โซฟาพักผ่อนในห้องส่วนตัวชั้นหนึ่ง (First Class) ชั้นหนึ่ง (First Class). คลาสนี้มีสองแบบคือแบบห้องธรรมดากับแบบห้องชุดพิเศษ ราคาตั๋วชั้นหนึ่งมีช่วงกว้างมาก ไม่สามารถกำหนดช่วงออกมาได้ เริ่มต้นที่ 26 ปอนด์ (2,820 ปอนด์ หรือ 124,000 บาทในปัจจุบัน) ไปจนถึงหลายร้อยปอนด์ ราคาตั๋วที่สูงสุดที่จำหน่ายจริงในการโดยสารเที่ยวแรกมีราคา 512 ปอนด์ 6 ชิลลิง 7 เพนนี (55,600 ปอนด์ หรือ 2,450,000 บาทในปัจจุบัน ซึ่งตั๋ว 512 ปอนด์นี้ขายได้ถึง 4 ใบ โดยเป็นสามี-ภรรยา พร้อมซื้อตั๋วให้ผู้รับใช้และแม่บ้านส่วนตัวมาพร้อมกัน) ผู้โดยสารชั้นนี้จะได้รับความหรูหราเต็มพิกัด บริเวณของผู้โดยสารชั้นหนึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในชั้น A , B , C, D และบางส่วนของชั้น E ห้องพักแบบธรรมดายังมีการจัดระดับแยกอีก 2 แบบอีกด้วย คือ แบบห้องสวีท (ห้องชุด) บนชั้น B และ C ผู้โดยสารจะได้รับความหรูหรามากกว่าโรงแรมแทบทั้งหมดในอังกฤษหรือสหรัฐเมริกา ผู้โดยสารสามารถเลือกลักษณะห้องพักของตนได้ เพราะห้อง First Class ถูกเตรียมไว้ถึง 11 รูปแบบ ตั้งแต่สไตล์อิตาเลียนเรเนอซองส์, ดัตช์โบราณ , ดัตช์สมัยใหม่ , รีเจนซี่, อดัมส์, อิมพีเรียล, หลุยส์ที่ 14, หลุยส์ที่ 15, หลุยส์ที่ 16 ควีนแอน และจอร์เจียน นอกจากนี้ ยังมีการตกแต่งในรูปแบบพิเศษอีก 2 ที่ออกแบบโดยอู่ต่อเรือฮาร์แลนด์แอนด์วูลฟ์อีกด้วย โดยใช้ชื่อว่า Bedroom A ที่ดัดแปลงมาจากสไตล์ฝรั่งเศสลดทอนรายละเอียดลง ใช้ผนังไม้โอ๊ก และ Bedroom B คล้ายรูปแบบอดัมส์ โดยผนังไม้ส่วนบนแกะสลักเรียบง่ายสีขาว ผนังไม้ส่วนล่างจากพื้น 3 ฟุตเป็นมะฮอกกานี และห้องพักชั้นหนึ่งแบบธรรมดาจะมีการแตกแต่งแบบเรียบง่าย อีกทั้งขนาดห้องเล็กกว่า ซึ่งทุกห้อง ถูกผสมผสานเข้ากับความเป็นสมัยใหม่ได้ลงตัวมาก ทุกห้องมีเทคโนโลยีทำความร้อนจากไฟฟ้าและหลอดไฟฟ้า โดยห้องพักแบบนี้พบตามชั้น A ถึง D และมากสุดชั้น E ห้องที่แพงที่สุดบนเรือคือชั้นหนึ่งแบบห้องชุดพิเศษ (Parlor Suite) นั้น ในฤดูกาลท่องเที่ยว (High-Season) จะราคาสูงถึง 870 ปอนด์ (94,500 ปอนด์ หรือ 4,160,000 บาทในปัจจุบัน) คุณภาพที่ได้รับก็สมราคา เพราะผู้โดยสารที่ซื้อตั๋ว จะมีห้องนอน 2 ห้อง ห้องนั่งเล่นพักผ่อนส่วนตัว ห้องแต่งตัว ห้องน้ำส่วนตัว โดยห้องพัก Millionair Suite บนเรือไททานิกมีอยู่ 4 ห้องโดย 2 ห้องแรกบนชั้น B จะมีระเบียงชมทะเลส่วนตัวขนาดยาว 50 ฟุต และอีก 2 ห้องบนชั้น Cออกเดินทางเที่ยวแรกวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 1911 ออกเดินทางเที่ยวแรก. วันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 1911. เรือไททานิกถูกปล่อยลงน้ำเป็นครั้งแรก โดยใช้เวลาเพียง 62 วินาที เรือก็ลงสู่น้ำเป็นที่เรียบร้อย ไททานิกที่ต่อเสร็จแล้วได้กลายเป็นพาหนะที่ใหญ่ที่สุดในโลกในยุคนั้น มีความยาว 268 เมตร กว้าง 28 เมตร และความสูงวัดจากท้องเรือถึงสะพานเดินเรือ (สะพานเดินเรือหมายถึงห้องควบคุมเรือที่อยู่บนดาดฟ้า) 30 เมตร พิธีปล่อยเรือถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และมีผู้เข้าชมถึง 100,000 คน หลังจากใช้เวลาตกแต่งหลายเดือน ในที่สุด ไททานิกก็กลายเป็นเรือเดินสมุทรสุดหรูหรา ไททานิกมีระวาง 46,300 ตัน ใหญ่กว่าเรือโอลิมปิก 1,000 ตัน บรรทุกผู้โดยสารและลูกเรือได้เต็มที่ถึง 3,547 คน มีเครื่องยนต์ที่มีพลังแรงถึง 46,000 แรงม้า ค่าก่อสร้าง 7,500,000 ดอลลาร์และค่าตกแต่งอีก 2,500,000 ดอลลาร์ รวมเป็น 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหากเทียบเป็นค่าเงินในปัจจุบันจะเป็น 400 ล้านดอลล่าร์สหรัฐวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 1912 วันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 1912. สายการเดินเรือไวต์สตาร์จัดการเดินทางรอบปฐมฤกษ์ของเรือไททานิกในวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 1912 โดยเดินทางจากท่าเรือเซาแทมป์ตัน ประเทศอังกฤษ ไปยังนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในการเดินทางรอบปฐมฤกษ์นี้เป็นแผนการประชาสัมพันธ์เรือไททานิกด้วย ดังนั้นจึงมีบุคคลสำคัญและบุคคลในวงสังคมชั้นสูงทั้งของอังกฤษ ทวีปยุโรป และสหรัฐอเมริการ่วมเดินทางไปด้วยเป็นจำนวนมาก รวมทั้ง เจ. พี มอร์แกน เจ้าของไวต์สตาร์ เจ. บรูซ อิสเมย์ ผู้จัดการไวต์สตาร์ รวมทั้งยังมีโทมัส แอนดรูวส์ จูเนียร์ วิศวกรอาวุโสของอู่ต่อเรือฮาร์แลนด์ และวูลฟฟ์ ผู้ออกแบบและควบคุมการต่อเรือไททานิก แต่ต่อมามอร์แกนยกเลิกการเดินทางกะทันหันเนื่องจากล้มป่วย กัปตันเรือไททานิก คือ เอ็ดเวิร์ด จอห์น สมิธ เขาเป็นกัปตันเรือที่เก่งกาจและมีค่าตัวแพงที่สุดในยุคนั้น การเดินทางเที่ยวนี้จะเป็นเที่ยวสั่งลาในอาชีพกัปตันเรือเพราะหลังจากนั้นกัปตันสมิทก็จะเกษียณแล้ว แม้ไททานิกจะถูกออกแบบมาให้เป็นเรือที่ใช้ในได้ในทุกฤดูกาล แต่การเดินทางในช่วงนี้ก็ต้องระวังเป็นพิเศษเพราะธารน้ำแข็งแถบกรีนแลนด์จะละลายและก่อให้เกิดภูเขาน้ำแข็งเคลื่อนตัวลงมาในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือและลอยตามกระแสน้ำในมหาสมุทรลงมาทางใต้ ในเช้าวันเดินทาง ตามกฎการเดินเรือ เจ้าหน้าที่ประจำเรือต้องฝึกซ้อมการใช้เรือชูชีพเผื่อกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน การฝึกซ้อมในเช้านั้นแค่พอเป็นพิธีเท่านั้น ดังนั้นจึงมีลูกเรือมาฝึกซ้อมเพียงไม่กี่นาย แต่เดิมไททานิกถูกออกแบบมาให้มีเรือชูชีพ 32 ลำ แต่ต่อมาถูกตัดออกเหลือ 20 ลำซึ่งจุผู้โดยสารรวมกันได้ 1,178 คนเท่านั้น เนื่องจากเห็นว่าเกะกะ อีกทั้งเห็นว่าจำนวนเพียงเท่านี้ก็เหลือเฟือแล้วตามกฎหมายการเดินเรือในยุคนั้นที่กำหนดจำนวนเรือชูชีพตามน้ำหนักเรือเป็นเกณฑ์โดยไม่คำนึงถึงจำนวนผู้โดยสาร ซึ่งในกรณีของไททานิก เรือชูชีพเพียงแค่ 962 ที่ก็เป็นการเพียงพอแล้ ตามกฎหมาย ครั้นเวลาเที่ยง เรือไททานิกก็ออกเดินทางจากท่าเรือเซาแทมป์ตัน ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่พนักงานเหมืองถ่านหินประท้วงและนัดหยุดงาน ส่งผลให้เรือหลายลำต้องจอดแช่อยู่ที่ท่าเรือเนื่องจากไม่มีถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงสำหรับการเดินทาง แต่เนื่องจากไวต์สตาร์เป็นสายการเดินเรือใหญ่ จึงมีถ่านหินตุนอยู่บ้างทำให้ไททานิกสามารถออกเดินทางได้ จากการที่ท่าเรือค่อนข้างคับคั่ง เมื่อไททานิกอันเป็นเรือขนาดใหญ่มหึมาออกจากท่า ผลจากการเคลื่อนตัวของเรือทำให้น้ำกระเพื่อมและเกิดแรงดูดอันมหาศาลดึงเรือที่อยู่ใกล้เคียงเข้าหาเรือไททานิก เรือเอสเอส ซิตีออฟนิวยอร์ก ถูกกระแสน้ำดูดจนเกือบชนเรือไททานิกโดยห่างเพียงหนึ่งเมตรกว่าๆ เ ท่านั้นเอง โชคดีที่เบนเรือออกทัน อุบัติเหตุในครั้งนี้ก็เป็นสาเหตุเดียวกับที่เรือโอลิมปิกเกิดอุบัติเหตุชนกันจนต้องซ่อมใหญ่ก่อนหน้านี้ เมื่อออกจากท่าเรือเซาแทมป์ตัน ไททานิกมุ่งหน้าไปยังเมืองแชร์บูร์ก ประเทศฝรั่งเศส เพื่อแวะรับผู้โดยสาร11 เมษายน 11 เมษายน. ไททานิกแวะที่ท่าเรือเมืองควีนส์ทาวน์ ไอร์แลนด์ และในเวลา 13.30 น. ไททานิกก็ถอนสมอและมุ่งหน้าไปยังสหรัฐอเมริกา12 - 13 เมษายน 12 - 13 เมษายน. ทะเลสงบและอากาศแจ่มใส การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น ผู้โดยสารบนเรือต่างรื่นเริงกับการเดินทางอันหรูหราในครั้งนี้14 เมษายน 14 เมษายน. ตามกำหนดการเดิม เช้าวันอาทิตย์ที่ 14 นี้จะต้องมีการซ้อมการใช้เรือชูชีพโดยมีผู้โดยสารร่วมฝึกซ้อมด้วย แต่การฝึกซ้อมได้ถูกยกเลิกไป แม้ในสมัยนั้นจะมีระบบโทรศัพท์เกิดขึ้นแล้วก็ตาม แต่การติดต่อด้วยเสียงพูดระหว่างเรือกับเรือหรือเรือกับแผ่นดินยังไม่สามารถทำได้ ระบบที่มีอยู่ในตอนนั้นคือวิทยุโทรเลขซึ่งเป็นการส่งรหัสมอร์สด้วยคลื่นวิทยุ ในเรือแต่ละลำจะมีห้องวิทยุโทรเลขซึ่งมีเจ้าหน้าที่คอยรับส่งข้อความโดยเฉพาะเพราะต้องเป็นผู้ที่รู้จักรหัสมอร์ส ห้องส่งวิทยุโทรเลขบนเรือเดินสมุทรในยุคนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อบริการแก่ผู้โดยสารเป็นหลัก เพราะการเดินทางโดยทางเรือนั้นต้องใช้เวลานาน จากหลายวันถึงเป็นเดือน ดังนั้นการติดต่อกับผู้ที่อยู่บนบกจึงเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับผู้โดยสาร ส่วนการใช้เพื่อประโยชน์ในการเดินเรือนั้นเป็นวัตถุประสงค์รอง ในเรือไททานิกนี้ก็เช่นกัน ห้องวิทยุโทรเลขมีไว้เพื่อบริการผู้โดยสารเป็นหลัก เจ้าหน้าที่วิทยุโทรเลขนี้ไม่ใช่พนักงานประจำเรือ แต่เป็นพนักงานของบริษัทมาร์โคนีซึ่งเป็นต้นตำรับในการสื่อสารด้วยวิทยุโทรเลข แม้แต่ใบโทรเลขในยุคนั้นที่จริงก็ไม่ได้เรียกว่า โทรเลข (telegram) แต่เรียกว่า มาร์โคนีแกรม (marconigram) อัตราค่าส่งวิทยุโทรเลขบนเรือไททานิกคิดเป็นเงิน 3.12 ดอลลาร์หรือเทียบเท่ากับ 36 ดอลลาร์ในปัจจุบัน เนื่องจากไททานิกเป็นเรือขนาดใหญ่ จุผู้โดยสารได้มาก ดังนั้นปริมาณการใช้บริการส่งวิทยุโทรเลขก็ต้องมากเป็นธรรมดา พนักงานรับส่งวิทยุโทรเลขจึงต้องทำงานค่อนข้างหนักมาก เมื่อว่างเว้นจากงานบริการผู้โดยสารแล้วจึงค่อยมาสะสางเรื่องการติดต่อเพื่อการเดินเรือ อีกทั้งในสมัยนั้นยังไม่มีขั้นตอนการนำส่งข้อความแก่กัปตันเรืออย่างเป็นระบบ ดังนั้นจึงไม่มีหลักประกันแต่อย่างใดว่าข่าวสารจะถึงมือกัปตันหรือไม่ หรือถึงช้าเร็วเพียงใด เช้าวันที่ 14 เมษายน กัปตันสมิทสั่งเดินเครื่องเรือไททานิกเต็มที่ สำหรับสาเหตุของการเร่งเครื่องครั้งนี้มีผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่าเป็นไปตามความต้องการของอิสเมย์ ผู้จัดการไวต์สตาร์ ที่ต้องการทำเวลาเพื่อให้ไปถึงนครนิวยอร์กก่อนกำหนดและลบสถิติที่เรือโอลิมปิกซึ่งเป็นเรือพี่ในชุด 3 ใบเถานี้เคยทำไว้ ไททานิกจึงแล่นด้วยความเร็วถึง 22.5 นอต ซึ่งเกือบถึงความเร็วสูงสุดของเรือ (23 นอต) และในวันเดียวกันนี้เอง ไททานิกได้รับวิทยุโทรเลขเตือนเรื่องภูเขาน้ำแข็งในเส้นทางเดินเรือถึง 7 ครั้ง (เอกสารบางแหล่งระบุว่า 6 ครั้ง) จากเรือเดินสมุทรในสายแอตแลนติกเหนือ อาทิ จากเรือ อาร์เอ็มเอส แคโรเนีย (RMS Caronia), อาร์เอ็มเอส บอลติก, เอสเอส อเมริกา (SS Amerika) , เอสเอส แคลิฟอร์เนียน (SS Californian) และ เอสเอส เมซาบา (SS Mesaba) ฯลฯ และที่ร้ายก็คือ เมื่อเวลา 21.45 น. ไททานิกได้รับวิทยุโทรเลขเตือนว่ามีภูเขาน้ำแข็งและน้ำแข็งกระจัดกระจายอยู่ในเส้นทางข้างหน้า แต่พนักงานวิทยุโทรเลขไม่ได้ส่งข้อความนั้นให้แก่กัปตันหรือเจ้าหน้าที่เรือคนใดเลย ทั้งนี้ เพราะมัวยุ่งอยู่กับการส่งวิทยุโทรเลขให้แก่ผู้โดยสารการอับปางของเรือ การอับปางของเรือ. วันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 1912 ขณะเดินทางอยู่ทางใต้ของแกรนด์แบงค์ของนิวฟันด์แลนด์ 22 นาฬิกา 45 นาที อุณหภูมิภายนอกเรือลดลงอย่างรวดเร็วจนเกือบถึงจุดเยือกแข็ง และน้ำทะเลรอบ ๆ ก็นิ่งลงจนแทบไม่มีคลื่นเลย แต่ก็ไม่มีใครในเรือที่รู้สึกถึงความผิดปกติ ผู้โดยสารที่อยู่บนดาดฟ้าก็กลับลงไปในเรือและใช้ชีวิตต่อตามปกติ 22 นาฬิกา 50 นาที เรือเดินสมุทร แคลิฟอร์เนียน ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ได้ส่งข่าวเตือนไททานิก ว่าเรือ แคลิฟอร์เนียน ต้องหยุดเรือ เพราะถูกน้ำแข็งล้อม 23 นาฬิกา 39 นาที เวรยามที่เสากระโดงแจ้งว่าได้พบภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่อยู่ข้างหน้าเรือ ลูกเรือจึงเลี้ยวลำเรือเพื่อหลบ แต่เนื่องจากใบจักรและหางเสือที่มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับขนาดของเรือ ทำให้ผู้บังคับเรือซึ่งยังไม่ชินกับการบังคับเรือใหญ่ขนาดนี้ทำให้ตัดสินใจผิดพลาด 23 นาฬิกา 40 นาที ไททานิกชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็ง ที่ 41 องศา 46 ลิปดาเหนือ 50 องศา 14 ลิปดาตะวันตก ไม่กี่นาทีต่อมาวิศวกรเดินลงไปตรวจดูความเสียหาย และรายงานมาว่า เรือได้ชนกับภูเขาน้ำแข็งทางกราบขวาด้านหัวเรือ ซึ่งเป็นจุดอ่อนทนรอยแตกได้ไม่ทนทานเท่าจุดอื่น ๆ และห้องเครื่องส่วนหัว 5 ห้องเครื่องแรกก็เกิดรอยรั่ว ซึ่งวิศวกรบอกว่า หัวเรือเป็นจุดอ่อนที่สุดในเรือที่สามารถรับรอยแตกต่อเนื่องจากหัวเรือได้ 4 ห้อง ไม่ใช่ 5 ห้องดังที่เป็น ดังนั้นน้ำจะท่วมห้องเครื่องทั้งห้าสูงขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อท่วมมิดชั้น F เริ่มไหลขึ้นชั้น E น้ำก็จะล้นกำแพงกั้นน้ำเข้าท่วมห้องเครื่องที่ 6 และท่วมไปทีละห้องกระทั่งจมในที่สุด ดังนั้น เรือกำลังจะจมจากหัวเรือก่อน โดยเรือเหลือเวลาไม่กี่ชั่วโมง 0 นาฬิกา ของวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1912 น้ำเริ่มท่วมส่วนห้องพักของผู้โดยสารชั้นสาม ทำให้เริ่มเกิดข่าวลือว่าเรือกำลังจะจม แต่ผู้โดยสารส่วนมากยังไม่เชื่อ เพราะก่อนหน้านี้เรือไททานิกถูกโฆษณาว่าไม่มีวันจม 0 นาฬิกา 5 นาที กัปตันสั่งให้เตรียมเรือสำรองไว้ เตรียมอพยพผู้คนโดยด่วน, บอกเจ้าหน้าที่วิทยุให้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ และบอกพนักงานให้ไปปลุกผู้โดยสาร ให้ผู้โดยสารสวมเสื้อชูชีพ และทำร่างกายให้อบอุ่น และไปที่ดาดฟ้า ทำให้ข่าวลือเรื่องเรือกำลังจะจมแพร่ไปทั่วเรือ แต่ส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อ ส่วนใหญ่ยังดำเนินกิจกรรมต่อไปอย่างใจเย็น และเมื่อขึ้นไปที่ดาดฟ้า เจออากาศหนาวภายนอก ก็กลับเข้าไปข้างในอีก ในช่วงเวลานี้ ผู้โดยสารดูไม่ตื่นตัว และไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกเขากำลังจะพบนั้นเลวร้ายเพียงใด ต่อมาราว 5-15 นาที เรืออาร์เอ็มเอส คาร์พาเธีย ของสายการเดินเรือคูนาร์ด (Cunard Line) รับสัญญาณขอความช่วยเหลือของไททานิกได้ และตอบกลับ โดยบอกว่าเร่งเครื่องเต็มที่แล้ว และคาร์พาเธียจะไปถึงเรือไททานิกภายใน 4 ชั่วโมง แต่ไม่ทันกาล วิศวกรบอกว่าเรือลอยอยู่ได้ไม่ถึง 4 ชั่วโมงแน่ ดังนั้น ไททานิก จึงต้องพึ่งตนเอง 0 นาฬิกา 25 นาที เรือสำรองทุกลำพร้อมอพยพผู้โดยสาร กัปตันสั่งให้เริ่มอพยพโดยให้สตรีและเด็กลงเรือไปก่อน แต่ลูกเรือไม่รู้ว่าเรือสำรองจุผู้คนได้เท่าไร จึงปล่อยเรือบดออกทั้งที่ยังใส่คนไม่เต็มที่ ทำให้แทนที่เรือสำรองจะช่วยชีวิตได้ 1,178 คนตามที่ถูกออกแบบ กลับรับผู้โดยสารมาเพียง 712 คนเท่านั้น 0 นาฬิกา 45 นาที เรือสำรองลำแรกถูกปล่อยลงมา และเมื่อผู้โดยสารได้รับข่าวการปล่อยเรือชูชีพ และเห็นเจ้าหน้าที่ต่างทำงานอย่างเคร่งเครียดเอาจริงเอาจัง ก็เริ่มเชื่อข่าวที่ลือกันในเรือว่า เรือกำลังจะจม 0 นาฬิกา 50 นาที เริ่มยิงพลุขอความช่วยเหลือขึ้นฟ้า 1 นาฬิกาตรง ผู้โดยสารและลูกเรือส่วนใหญ่เชื่อว่าเรือกำลังจะจม เกิดความวุ่นวายและตื่นตระหนกขึ้น ลูกเรือที่ทำหน้าที่ปล่อยเรือสำรองเริ่มเผชิญแรงกดดันจากการที่ผู้โดยสารแย่งกันเป็นคนถัดไปที่จะได้ขึ้นเรือสำรอง เกิดเป็นความวุ่นวายเล็ก ๆ แต่ในขณะเดียวกัน ผู้โดยสารชายหลายคนแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ โดยให้ภรรยาและลูกขึ้นเรือ แล้วตนเองถอยไป 1 นาฬิกา 15 นาที น้ำท่วมขึ้นมิดหัวเรือ และข่าวการที่น้ำท่วมมาจนมิดหัวเรือ ทำให้ผู้โดยสารเริ่มตื่นตระหนก เพราะเคยเห็นว่าหัวเรือนั้นสูงเพียงใด ดังนั้นผู้โดยสารและลูกเรือจึงตื่นตระหนกมากขึ้นเมื่อรู้ข่าว เพราะเรือจมเร็วกว่าที่คิด ทำให้ผู้โดยสารแย่งกันขึ้นเรือ ทำให้ความวุ่นวายทวีความรุนแรงขึ้น 1 นาฬิกา 25 นาที ความวุ่นวายทวีความรุนแรงขึ้นมาก เจ้าหน้าที่เริ่มใช้ปืนควบคุม เรือบดถูกเจ้าหน้าที่ปล่อยลงอย่างรีบร้อน เพราะความวุ่นวายจะทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งจะเป็นอุปสรรคสำคัญในการบรรจุคนลงเรือ และในการปล่อยเรือสำรองลงไป ในขณะที่เรือเองก็จมลงเรื่อย ๆ เหล่านักดนตรีได้แสดงสปิริต พวกเขาพยายามเล่นดนตรีเพื่อผ่อนคลายความตื่นตระหนกของคนบนเรือตลอดเวลา เมื่อห้องโถงด้านหัวเรือจมต่ำลงก็ย้ายไปเล่นที่ดาดฟ้าด้านท้ายเรือ และบรรเลงไปจนนาทีสุดท้ายของชีวิต เพลงสุดท้ายที่บรรเลงเป็นเพลงช้าในชื่อ “Nearer, My God, to Thee” หรือแปลว่า “ใกล้ชิดพระเจ้า” ซึ่งเป็นเพลงที่คริสต์ศาสนิกชนใช้ร้องเพื่อแสดงความไว้อาลัย 1 นาฬิกา 45 นาที น้ำเริ่มเข้าท่วมบริเวณระเบียงด้านหัวเรือ ในขณะนี้ ชั้น A ด้านหัวเรือ เหลือความสูงจากผิวน้ำ 3 เมตร 1 นาฬิกา 55 นาที เรือสำรองทุกลำถูกปล่อยออกไปหมด เจ้าหน้าที่จึงเตรียมเรือสำรองแบบพับได้ และเริ่มลำเลียงผู้คนออกจากเรือต่อ 2 นาฬิกา น้ำเริ่มไหลเข้าท่วมดาดฟ้าเรือบริเวณส่วนหัว ท่วมห้องบังคับการเรือ และเริ่มเข้าท่วมลึกเข้าไป ไม่นานปล่องควันปล่องที่ 1 ก็หักโค่นเพราะแรงดันน้ำที่อัดฐานปล่องควัน จึงเปิดทางให้น้ำทะลักเข้าไปในตัวเรือส่งผลให้เรือเริ่มยกตัวสูงขึ้นและเริ่มเอียงไปทางซ้ายมากขึ้น 2 นาฬิกา 5 นาที เรือสำรองทุกลำถูกปล่อยออกไปจนหมด แต่ยังเหลือคนมากกว่า 1,500 คนบนเรือ และท้ายเรือเริ่มยกตัวขึ้น เห็นใบจักรขับเคลื่อนลอยขึ้นมาอย่างชัดเจน และยกขึ้นเรื่อย ๆ และทางด้านหัวเรือ น้ำก็เข้าท่วมสูงมิดห้องบังคับการเรือ ท้ายเรือยกตัวขึ้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ เรือเอียงอย่างน่ากลัว ผู้โดยสารหวาดกลัว บางคนถึงกับโดดลงมาจากเรือเพื่อหวังจะว่ายไปขึ้นเรือชูชีพด้านล่าง แต่ส่วนใหญ่จะเสียชีวิตก่อนจะว่ายไปถึง เพราะในเวลานั้น เจ้าหน้าที่ที่อยู่บนเรือสำรองได้นำเรือสำรองทุกลำให้ออกห่างจากตัวเรือไททานิกให้ไกลที่สุด เพราะไททานิกที่กำลังจมอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้เกิดแรงดูดของน้ำบริเวณใกล้ลำเรือซึ่งอาจจะดูดเรือสำรองจมลงไป หรืออาจเกิดอันตรายอย่างอื่น ที่สามารถทำให้เรือสำรองจมได้ เหล่าเจ้าหน้าที่พยายามนำเรือสำรองออกไปให้ไกลที่สุด และน้ำทะเลในบริเวณดังกล่าวเย็นเกือบเป็นน้ำแข็ง ดังนั้น ผู้ที่ตัดสินใจในการโดดมาจากเรือไททานิก แล้วคิดว่ายไปขึ้นเรือสำรอง ส่วนใหญ่จึงถูกน้ำที่เย็นยะเยือกทำให้แข็งตาย 2 นาฬิกา 18 นาที ระบบไฟฟ้าบนเรือหยุดทำงาน ไม่นานต่อมา เรือก็ขาดออกเป็นสองท่อน (จุดที่ฉีกขาดอยู่ระหว่างปล่องไฟปล่องที่ 3 กับปล่องที่ 4) แต่พื้นของชั้นล่างสุดยังไม่ขาดออกจากกัน การหักครั้งนี้ ทำให้ส่วนหัวเรือจมดิ่งลงอย่างรวดเร็ว ดึงส่วนท้ายเรือขึ้นมา ส่งผลให้ส่วนท้ายเรือยกเกือบตั้งฉากกับพื้นน้ำ และเริ่มจมลงในแนวดิ่ง 2 นาฬิกา 20 นาที เรือทั้งลำจมลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ผู้โดยสารจำนวนมากลอยคออยู่ด้วยเสื้อชูชีพ แต่น้ำทะเลในขณะนั้นเย็นจัด ผู้โดยสารและลูกเรือที่ขึ้นเรือสำรองไม่ทันถูกทิ้งให้ลอยคอบนน้ำที่เย็นยะเยือก ในขณะที่ทางเรือสำรองที่ลอยอยู่ด้านนอกก็พยายามจะเข้าไปช่วย แต่ไม่ได้ เพราะหากผลีผลามเข้าไป คนที่ลอยคออยู่ในน้ำที่เย็นเยือกจะแย่งกันขึ้นเรือสำรองเพื่อที่จะหลุดพ้นจากน้ำอันเย็นหนาว ซึ่งนั่นจะทำให้เรือสำรองถูกผู้ที่ลอยคออยู่รุมจนจมลงไปด้วย ดังนั้น จึงต้องรอให้ผู้ที่ลอยคอหนาวตายไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเหลือผู้รอดน้อยพอที่จะเข้าไปช่วยเหลือได้โดยที่เรือสำรองจะไม่ถูกรุมจนจม 3 นาฬิกาตรง เสียงหวีดร้องขอความช่วยเหลือเงียบลง รวมเป็นเวลา 40 นาที ที่ผู้ที่ลอยคออยู่ตายไปจนเกือบหมด เจ้าหน้าที่จึงส่งเรือสำรองมาช่วย แต่ไม่ค่อยทัน ส่วนใหญ่ตายหมดแล้ว เรือสำรองที่เข้าไปช่วยเหลือนั้น นำผู้โดยสารที่ยังไม่เสียชีวิตขึ้นมาได้เพียง 14 คนในสภาพหนาวสั่นทรมาน และในจำนวนนี้ 3 คนเสียชีวิต รวมแล้วเหลือผู้ที่รอดจากการถูกนำมาจากน้ำเย็นเฉียบเพียง 11 คน 4 นาฬิกา 10 นาที อาร์เอ็มเอส คาร์พาเธีย ได้เข้าไปช่วยเหลือผู้รอดชีวิตบนเรือสำรองทั้งหมด และพาสู่นครนิวยอร์ก ในวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1912 จากนั้น ได้มีการสรุปยอดและรายชื่อของผู้รอดและผู้เสียชีวิต ดังนี้การสืบสวนและเรือแคลิฟอร์เนียน การสืบสวนและเรือแคลิฟอร์เนียน. 18 เมษายน เวลาประมาณ 9.00 น. เรือคาร์เพเทียก็ได้มาถึงนครนิวยอร์ก มีผู้ที่มารอที่ท่าเรือถึงหนึ่งแสนคนเพื่อรอฟังข่าวภัยพิบัติทางเรือครั้งร้ายแรงนี้ จากนั้นทั้งฝ่ายสหรัฐอเมริกาและอังกฤษต่างพยายามสอบสวนหาสาเหตุของอุบัติภัยครั้งนี้ รวมทั้งสรุปยอดผู้เสียชีวิต ซึ่งทำให้ทราบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่าในคืนเกิดเหตุ เรือแคลิฟอร์เนียนอยู่ใกล้ไททานิกยิ่งกว่าเรือคาร์เพเทียเสียอีก แต่เหตุที่เรือแคลิฟอร์เนียนไม่ได้มาช่วยเหลือเพราะพนักงานวิทยุโทรเลขหลับจึงไม่ได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือ ยังมีปริศนาอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้รับความกระจ่าง เป็นต้นว่า เรือลึกลับที่มีผู้รอดชีวิตเห็นขณะ ไททานิก กำลังอับปางนั้นคือเรือลำใดแน่ บ้างเชื่อว่าเป็นเรือแคลิฟอร์เนียน แต่บ้างคิดว่าอาจไม่ใช่เพราะหลักฐานเท่าที่สอบสวนได้ยังไม่เพียงพอที่จะชี้ชัดลงไปเช่นนั้น รวมทั้งเรื่องที่ว่าไททานิกอับปางในลักษณะใดกันแน่ จากคำบอกเล่าของผู้รอดชีวิตที่ว่าไททานิกหักเป็น 2 ท่อนนั้น ผู้เชี่ยวชาญสมัยนั้นรวมทั้งคนทั่วไปไม่ค่อยให้ความเชื่อถือนัก คิดว่าผู้เล่าเห็นเหตุการณ์ไม่ชัดและเล่าผิดพลาดมากกว่า ส่วนใหญ่คงเชื่อว่าเรือไททานิกจมลงไปทั้งลำ ผลจากการที่พนักงานวิทยุโทรเลขของเรือแคลิฟอร์เนียนหลับ เป็นเหตุให้ไม่สามารถไปช่วยไททานิกได้ทัน ทำให้ต่อมามีการเพิ่มเติมกฎเกี่ยวกับการเดินเรือขึ้นมา นั่นคือเรือทุกลำต้องมีพนักงานวิทยุอยู่ประจำหน้าที่ตลอดเวลา และในปี ค.ศ. 1913 หน่วยเรือลาดตระเวนสำรวจภูเขาน้ำแข็งก็ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อสำรวจเส้นทางและแจ้งเตือนเกี่ยวกับภูเขาน้ำแข็งในเส้นทางเดินเรือสายแอตแลนติกเหนือผู้รอดชีวิต ผู้รอดชีวิต. ภัยพิบัติ ไททานิกครั้งนี้มีผู้รอดชีวิตทั้งสิ้น 710 คน แต่มีผู้เสียชีวิต 1514คน นับเป็นภัยพิบัติครั้งร้ายแรงครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเดินเรือ อันที่จริงแล้ว ผู้ที่รอดชีวิตจากเรือไททานิกมิได้มีแต่เพียงผู้หญิงและเด็กเท่านั้น แต่ยังมีชายด้วย จากการสรุปข้อเท็จจริงพบว่าชายที่รอดชีวิตมีทั้งผู้โดยสารชั้น 1 ชั้น 2 ชั้น 3 และลูกเรือ บุคคลที่รอดชีวิตบางคนที่น่ากล่าวถึงคือ เจ. บรูซ อิสเมย์ กรรมการผู้จัดการไวต์สตาร์ ผู้คนส่วนใหญ่ต่างสงสัยกันว่าอิสเมย์รอดมาได้อย่างไรทั้ง ๆ ที่ผู้ชายส่วนใหญ่เสียชีวิตหมดเนื่องจากสละที่นั่งให้แก่สตรีและเด็ก ชีวิตในช่วงหลังของอิสเมย์ต้องล้มละลายทางเกียรติยศเพราะสังคมตราหน้าว่าเขารอดมาได้เพราะแย่งที่ของสตรีและเด็ก บางคนก็พูดกันว่าอิสเมย์พรางตัวเป็นหญิงเพื่อลงเรือ แต่อิสเมย์ชี้แจงว่าตนลงเรือชูชีพลำสุดท้าย เมื่อเห็นยังมีที่ว่างจึงได้ลงเรือไปและก็ไม่ได้พรางตัวเป็นสตรีแต่อย่างใด มอลลี บราวน์ (Molly Brown) ซึ่งเป็นพวกเศรษฐีใหม่ที่เดินทางไปกับเรือไททานิก เมื่ออยู่ในเรือ ชูชีพนางบราวน์ได้แสดงความเข้มแข็งและกล้าหาญ ในสภาพที่ทุกคนหมดเรี่ยวแรง เธอได้แสดงบทบาทผู้นำโดยให้สั่งคนในเรือช่วยกันพายเรือมุ่งไปยังเรือคาร์เพเทีย และพยายามช่วยคนที่ตกน้ำ หลังจากวิกฤตการณ์ครั้งนี้ ชีวิตของนางบราวน์ก็รุ่งเรืองขึ้น จากเดิมที่สังคมชั้นสูงในเมืองเดนเวอร์ไม่ยอมรับเธอ แต่จากวีรกรรมอันกล้าหาญทำให้เธอก้าวไปไกลถึงขนาดได้รับเสนอการชื่อให้เข้าชิงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาทีเดียว รวมทั้งยังมีผู้นำเรื่องราวของเธอไปสร้างเป็นภาพยนตร์ แต่อย่างไรก็ดี ในบั้นปลายของชีวิต เธอก็เปลี่ยนไปกลายเป็นคนที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัว ไม่มีลูกเรือ ไททานิก ที่รอดชีวิตคนใดก้าวไปถึงตำแหน่งกัปตันเรือ จากนั้น ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1985 ซากเรือไททานิกได้ถูกค้นพบ เมื่อต้นปี ค.ศ. 1997 เอดิท ไฮส์แมน ผู้รอดชีวิตจากเรือไททานิกที่มีอายุมากที่สุดเสียชีวิตลง เธออยู่ในเหตุการณ์เมื่ออายุ 15 ปีและเสียชีวิตลงเมื่ออายุได้ 100 ปี และผู้ที่รอดชีวิตรายสุดท้ายจากเหตุการณ์เรือไททานิกอับปาง คือ มิลล์วินา ดีน (Millvina Dean) ชาวอังกฤษ ซึ่งเธอได้เสียชีวิตลงเมื่อ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 2009 รวมอายุได้ 97 ปี ซึ่งในขณะเกิดเหตุ เธอมีอายุเพียง 9 สัปดาห์เท่านั้น
| อาร์เอ็มเอส ไททานิกเป็นเรือโดยสารซึ่งจมลงสู่ก้นมหาสมุทรใด | {
"answer": [
"แอตแลนติก"
],
"answer_begin_position": [
171
],
"answer_end_position": [
180
]
} |
3,947 | 390,752 | กวางซีกา กวางซีกา () เป็นกวางที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกและถูกนำเข้าไปเป็นสัตว์เลี้ยงในหลายพื้นที่บนโลก อดีตพบในตอนใต้ทางภาคเหนือของประเทศเวียดนามไปจนถึงทางเหนือของรัสเซียตะวันออกไกล ปัจจุบันเกือบจะสูญพันธุ์แล้วในทุกพื้นที่ ยกเว้นในประเทศญี่ปุ่นที่มีประชากรหนาแน่น โดยชื่อ "ซีกา" มาจากภาษา แปลว่า "กวาง" กวางซีกาเป็นกวางขนาดกลางมีความสูงจรดหัวไหล่ 50-95 เซนติเมตร หนัก 30-70 กิโลกรัม เพศผู้มีขนาดใหญ่กว่าเพศเมีย มีขนตามลำตัวสีน้ำตาลส้ม มีจุดสีขาวกระจายอยู่ทั่วไป หางสั้นมีสีน้ำตาลอ่อน ก้นมีสีขาว สีขนบริเวณด้านบนและด้านข้าง ลำตัวอาจมีสีที่เข้มกว่าสีขนบริเวณท้องและด้านในของขา มีเขาเฉพาะเพศผู้ เขามีกิ่งก้านแผ่อแอกมาเพียงข้างละ 4 ก้าน มักอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ในป่าเบญจพรรณ หรือทุ่งหญ้า ในฝูงมักประกอบไปด้วยเพศเมียเป็นส่วนใหญ่ กวางเพศผู้มีการผลัดเขาทิ้งทุกปี กวางซีกา เป็นสัตว์ที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นสัตว์ที่รับใช้เทพเจ้า ในจังหวัดนะระ โดยเฉพาะใกล้ ๆ วัดโทได กวางซีกาที่อาศัยอยู่ที่นี่ ใช้ชีวิตอย่างเสรี โดยปะปนกับผู้คนทั่วไปโดยไม่มีผู้ใดทำอันตราย
| สัตว์ชนิดใดที่ชาวญี่ปุ่นในจังหวัดนะระ เชื่อว่าเป็นสัตว์ที่รับใช้เทพเจ้า | {
"answer": [
"กวางซีกา"
],
"answer_begin_position": [
849
],
"answer_end_position": [
857
]
} |
3,948 | 2,721 | ประเทศตุรกี ประเทศตุรกี (; ทือรคีเย) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐตุรกี (; ) เป็นสาธารณรัฐระบบรัฐสภาในยูเรเซีย พื้นที่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเอเชียตะวันตก โดยมีส่วนน้อยในอีสเทรซในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศตุรกีมีพรมแดนติดต่อกับ 8 ประเทศ ได้แก่ ประเทศซีเรียและอิรักทางใต้ ประเทศอิหร่าน อาร์มีเนียและดินแดนส่วนแยกนาคีชีวันของอาเซอร์ไบจานทางตะวันออก ประเทศจอร์เจียทางตะวันออกเฉียงเหนือ ประเทศบัลแกเรียทางตะวันตกเฉียงเหนือ และประเทศกรีซทางตะวันตก ทะเลดำอยู่ทางเหนือ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางใต้ และทะเลอีเจียนทางตะวันตก ช่องแคบบอสฟอรัส ทะเลมาร์มะราและดาร์ดะเนลส์ (รวมกันเป็นช่องแคบตุรกี) แบ่งเขตแดนระหว่างเทรซและอานาโตเลีย และยังแยกทวีปยุโรปกับทวีปเอเชีย ที่ตั้งของตุรกี ณ ทางแพร่งของยุโรปและเอเชียทำให้ตุรกีมีความสำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างยิ่ง ประเทศตุรกีมีผู้อยู่อาศัยมาตั้งแต่ยุคหินเก่า มีอารยธรรมอานาโตเลียโบราณต่าง ๆ เอโอเลีย โดเรียและกรีกไอโอเนีย เทรซ อาร์มีเนียและเปอร์เซีย หลังการพิชิตของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ดินแดนนี้ถูกทำให้เป็นกรีก เป็นกระบวนการซึ่งสืบต่อมาภายใต้จักรวรรดิโรมันและการเปลี่ยนผ่านสู่จักรวรรดิไบแซนไทน์ เติร์กเซลจุคเริ่มย้ายถิ่นเข้ามาในพื้นที่ในคริสต์ศตวรรษที่ 11 เริ่มต้นกระบวนการทำให้เป็นเติร์ก ซึ่งเร่งขึ้นมากหลังเซลจุคชนะไบแซนไทน์ที่ยุทธการที่มันซิเคิร์ต ค.ศ. 1071 รัฐสุลต่านรูมเซลจุคปกครองอานาโตเลียจนมองโกลบุกครองใน ค.ศ. 1243 ซึ่งสลายเป็นเบย์ลิก (beylik) เติร์กเล็ก ๆ หลายแห่ง ตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 13 ออตโตมันรวมอานาโตเลียและสร้างจักรวรรดิซึ่งกินพื้นที่กว้างใหญ่ของยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันตกและแอฟริกาเหนือ กลายเป็นมหาอำนาจในยูเรเซียและทวีปแอฟริการะหว่างสมัยใหม่ตอนต้น จักรวรรดิเรืองอำนาจถึงขีดสุดระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 15 ถึง 17 โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างรัชกาลสุลต่านสุลัยมานผู้เกรียงไกร หลังการล้อมเวียนนาครั้งที่สองของออตโตมันใน ค.ศ. 1683 และการสิ้นสุดมหาสงครามเติร์กใน ค.ศ. 1699 จักรวรรดิออตโตมันเข้าสู่ระยะเสื่อมอันยาวนาน การปฏิรูปแทนซิมัตในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ซึ่งมุ่งทำให้รัฐออตโตมันทันสมัย ไม่เพียงพอในหลายสาขาและไม่อาจหยุดยั้งการสลายของจักวรรดิได้ จักรวรรดิออตโตมันเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่งโดยเข้ากับฝ่ายมหาอำนาจกลางและแพ้ในที่สุด ระหว่างสงคราม รัฐบาลออตโตมันก่อความป่าเถื่อนใหญ่หลวง กรณีการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ต่อพลเมืองอาร์มีเนีย อัสซีเรียและกรีกพอนทัส หลังสงคราม ดินแดนและประชาชนกลุ่มใหญ่ซึ่งเดิมประกอบเป็นจักรวรรดิออตโตมันถูกแบ่งเป็นหลายรัฐใหม่ สงครามประกาศอิสรภาพตุรกี (ค.ศ. 1919–22) ซึ่งมุสตาฟา เคมาล อตาเติร์กและเพื่อนร่วมงานของเขาในอานาโตเลียเป็นผู้เริ่ม ส่งผลให้มีการสถาปนาสาธารณรัฐตุรกีสมัยใหม่ใน ค.ศ. 1923 โดยอตาเติร์กเป็นประธานาธิบดีคนแรกภูมิศาสตร์ภูมิประเทศ ภูมิศาสตร์. ภูมิประเทศ. ตุรกีเป็นประเทศสองทวีปที่มีดินแดนอยู่ทั้งในทวีปเอเชียและทวีปยุโรป ตุรกีในฝั่งเอเชียซึ่งครอบคลุมบริเวณส่วนใหญ่ของคาบสมุทรอานาโตเลีย นับเป็นพื้นที่ร้อยละ 97 ของประเทศ และถูกแยกจากตุรกีฝั่งยุโรปด้วยช่องแคบบอสพอรัส ทะเลมาร์มะรา และช่องแคบดาร์ดะเนลส์ (ซึ่งรวมกันเป็นพื้นน้ำที่เชื่อมระหว่างทะเลดำกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน) ตุรกีในฝั่งยุโรปซึ่งตั้งอยู่บนคาบสมุทรบอลข่านมีพื้นที่คิดเป็นร้อยละ 3 ของทั้งประเทศ ดินแดนของตุรกีมีรูปร่างคล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีความยาวมากกว่า 1,600 กิโลเมตร และกว้างประมาณ 800 กิโลเมตร ตุรกีมีพื้นที่ (รวมทะเลสาบ) ประมาณ 783,562 ตารางกิโลเมตร ตุรกีถูกล้อมรอบด้วยทะเลสามด้าน ได้แก่ทะเลอีเจียนทางตะวันตก ทะเลดำทางเหนือ และทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางใต้ นอกจากนี้ ยังมีทะเลมาร์มะราในเขตตะวันตกเฉียงเหนือ ตุรกีฝั่งเอเชียที่มักเรียกว่าอานาโตเลียหรือเอเชียไมเนอร์ประกอบด้วยที่ราบสูงในตอนกลางของประเทศ อยู่ระหว่างเทือกเขาทะเลดำตะวันออกและเกอรอลูทางตอนเหนือกับเทือกเขาเทารัสทางตอนใต้ และมีที่ราบแคบ ๆ บริเวณชายฝั่ง ทางตะวันออกของตุรกีมีลักษณะเป็นภูเขาและเป็นต้นน้ำของแม่น้ำหลายสายเช่น แม่น้ำยูเฟรติส แม่น้ำไทกริส และแม่น้ำอารัส นอกจากนี้ยังมีทะเลสาบวัน และยอดเขาอารารัด ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของตุรกีที่ 5,165 เมตร สภาพภูมิประเทศที่หลากหลายนั้นเป็นผลมาจากการเคลื่อนไหวของเปลือกโลกที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลาหลายพันปี และยังคงปรากฏให้เห็นในปัจจุบันในรูปของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ และภูเขาไฟระเบิดในบางครั้ง ช่องแคบบอสฟอรัสและช่องแคบดาร์ดะเนลส์ก็เกิดจากแนวแยกของเปลือกโลกที่วางตัวผ่านตุรกีทำให้เกิดทะเลดำขึ้น ทางตอนเหนือของประเทศมีแนวแยกแผ่นดินไหววางตัวในแนวตะวันตกไปยังตะวันออก ซึ่งเป็นสาเหตุของแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปีพ.ศ. 2542ภูมิอากาศ ภูมิอากาศ. ชายฝั่งด้านทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน กล่าวคือหน้าร้อนอากาศร้อนและแห้งแล้ง ส่วนหน้าหนาวอากาศอบอุ่นและมีฝนตก เทือกเขาที่ตั้งอยู่ใกล้ชายฝั่งเป็นตัวกั้นทำให้ภูมิอากาศตอนกลางของประเทศเป็นแบบภาคพื้นทวีป ซึ่งมีความแตกต่างระหว่างฤดูอย่างเห็นได้ชัด ฤดูหนาวบริเวณที่ราบสูงตอนกลางหนาวมาก อุณหภูมิลดลงถึง -30 ถึง -40℃ อาจมีหิมะปกคลุมนานถึง 4 เดือนต่อปี ฝั่งตะวันตกมีอุณหภูมิเฉลี่ยในฤดูหนาวต่ำกว่า 1 ℃ ฤดูร้อนร้อนและแห้งแล้ง ในตอนกลางวันมีอุณหภูมิสูงกว่า 30℃ ปริมาณหยาดน้ำฟ้าเฉลี่ยต่อปีประมาณ 400 มิลลิเมตร ซึ่งปริมาณจริงแตกต่างกันไปตามระดับความสูง บริเวณที่แห้งแล้งที่สุดคือที่ราบกอนยาและที่ราบมาลาตยาซึ่งมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยนต่อปีต่ำกว่า 300 มิลลิเมตร เดือนที่มีฝนมากที่สุดคือเดือนพฤษภาคม และเดือนที่แล้งที่สุดคือเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมประวัติศาสตร์ก่อนสมัยเติร์ก ประวัติศาสตร์. ก่อนสมัยเติร์ก. คาบสมุทรอานาโตเลีย (หรือที่เรียกว่าเอเชียไมเนอร์) ซึ่งเป็นที่ตั้งของพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศตุรกี เป็นดินแดนที่มีการตั้งถิ่นฐานอย่างต่อเนื่องมายาวนานเพราะอยู่ในตำแหน่งที่เชื่อมต่อระหว่างทวีปเอเชียและยุโรป ร่องรอยการตั้งถิ่นฐานในตอนต้นของยุคหินใหม่ เช่น ชาตัลเฮอยืค (Çatalhöyük), ชาเยอนู (Çayönü), เนวาลี โจลี (Nevali Cori), ฮาจิลาร์ (Hacilar), เกอเบกลี เทเป (Göbekli Tepe) และ เมร์ซิน (Mersin) นับได้ว่าเป็นการตั้งถิ่นฐานที่เก่าแก่ที่สุดในโลก การตั้งถิ่นฐานในเมืองทรอยเริ่มต้นในยุคหินใหม่และต่อเนื่องไปถึงยุคเหล็ก ในประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกไว้ ชาวอานาโตเลียใช้ภาษาอินโดยูโรเปียน, ภาษาเซมิติก และภาษาคาร์ตเวเลียน และยังมีภาษาอื่น ๆ อีกหลายภาษา นักวิชาการบางคนเสนอว่าอานาโตเลียเป็นศูนย์กลางที่ภาษากลุ่มอินโดยูโรเปียนนั้นกระจากออกไป จักรวรรดิแห่งแรกของบริเวณอานาโตเลียคือจักรวรรดิของชาวอิไตต์ ซึ่งรุ่งเรืองขึ้นประมาณศตวรรษที่ 18 ถึง 13 ก่อนคริสตกาล หลังจากนั้น อาณาจักรฟรีเจียซึ่งมีเมืองหลวงอยู่ที่เมืองกอร์ตีอุมมีอำนาจขึ้นมาแทนจนกระทั่งถูกทำลายโดยชาวคิมเมอเรียในศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสตกาล แต่ชาวคิมเมอเรียก็พ่ายแพ้ต่ออาณาจักรลีเดียซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองซาร์ดีสในเวลาต่อมา ลีเดียเป็นอาณาจักรที่ร่ำรวยและเป็นผู้คิดค้นเหรียญกษาปณ์ ประมาณ 1200 ปีก่อนคริสตกาล ชายฝั่งตะวันตกของอานาโตเลียถูกครอบครองโดยชาวกรีกไอโอเลียนและอีโอเนียน ชาวเปอร์เซียแห่งจักรวรรดิอาเคเมนิดสามารถพิชิตพื้นที่ทั้งหมดได้ในศตวรรษที่ 6 ถึง 5 ก่อนคริสตกาล แต่หลังจากนั้นดินแดนแห่งนี้ก็ตกเป็นของอเล็กซานเดอร์มหาราช ในปี 334 ก่อนคริสตกาล อานาโตเลียจึงถูกแบ่งออกเป็นดินแดนเฮลเลนิสติกขนาดเล็กหลายแห่ง (รวมทั้ง บิทูเนีย คัปปาโดเกีย แพร์กามอน และพอนตุส) ซึ่งดินแดนเหล่านี้ตกเป็นของจักรวรรดิโรมันในกลางศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาล ในปี ค.ศ. 324 จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 เลือกเมืองไบแซนเทียมให้เป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ของจักรวรรดิโรมัน และตั้งชื่อให้ว่า โรมใหม่ (ภายหลังกลายเป็นคอนสแตนติโนเปิล และอิสตันบูล) หลังจากที่จักรวรรดิโรมันตะวันตกเสื่อมลง เมืองนี้ก็กลายเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิไบแซนไทน์สมัยเติร์กและจักรวรรดิออตโตมัน สมัยเติร์กและจักรวรรดิออตโตมัน. ตระกูลเซลจุกเป็นสาขาหนึ่งของโอกุสเติร์ก ซึ่งในคริสต์ศตวรรษที่ 9 อาศัยอยู่บริเวณตอนเหนือของทะเลแคสเปียนและทะเลอารัล ในคริสต์วรรษที่ 10 พวกเซลจุกเริ่มอพยพออกจากบ้านเกิดมาทางตะวันออกของอานาโตเลีย ซึ่งในที่สุดกลายเป็นดินแดนแห่งใหม่ของเผ่าโอกุสเติร์ก หลังจากสงครามแมนซิเกิร์ตในปี 1071 ชัยชนะของเซลจุกในครั้งนี้ทำให้เกิดสุลต่านเซลจุกในอานาโตเลีย ซึ่งเป็นเสมือนอาณาจักรย่อยของอาณาจักรเซลจุกซึ่งปกครองบางส่วนของเอเชียกลาง อิหร่าน อานาโตเลีย และตะวันออกกลางการเมืองการปกครองบริหาร การเมืองการปกครอง. บริหาร. ตุรกีปกครองในรูปแบบสาธารณรัฐประชาธิปไตยแบบรัฐสภา นับตั้งแต่การก่อตั้งสาธารณรัฐในปี พ.ศ. 2466 การเป็นรัฐโลกวิสัยเป็นส่วนสำคัญของการเมืองตุรกี ประมุขแห่งรัฐของตุรกีคือประธานาธิบดี ได้รับการเลือกตั้งโดยตรง ดำรงตำแหน่งเป็นเวลาห้าปี อำนาจบริหารของตุรกีใช้โดยนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ในขณะที่อำนาจนิติบัญญัติใช้โดยรัฐสภาของตุรกีนิติบัญญัติตุลาการสถานการณ์การเมืองสิทธิมนุษยชนการแบ่งเขตการปกครอง การแบ่งเขตการปกครอง. ตุรกีแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 81 จังหวัด (provinces - iller) ได้แก่ต่างประเทศกองทัพเศรษฐกิจโครงสร้าง เศรษฐกิจ. โครงสร้าง. นับตั้งแต่การเป็นสาธารณรัฐ ตุรกีได้มีแนวทางเข้าหาการนิยมอำนาจรัฐ โดยมีการควบคุมจากรัฐบาลในด้านการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน การค้าต่างประเทศ และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังปี 2526 ตุรกีเริ่มมีการปฏิรูป นำโดยนายกรัฐมนตรีตุรกุต เออซัล ตั้งใจปรับจากเศรษฐกิจแบบอำนาจรัฐเป็นแบบของตลาดและภาคเอกชนมากขึ้น การปฏิรูปนี้ส่งผลให้มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ก็สะดุดจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยและวิกฤติทางการเงินในปี 2537 2542 และ 2544 เป็นผลให้มีการเจริญเติบโตของจีดีพีเฉลี่ยต่อปีตั้งแต่ปี 2524 ถึง 2546 อยู่ที่ 4 เปอร์เซนต์ การขาดหายของการปฏิรูปเพิ่มเติม กอปรกับการขาดดุลงบประมาณของภาครัฐที่เพิ่มขึ้นอย่างมากและคอร์รัปชัน ทำให้เกิดเงินเฟ้อสูง ภาคการธนาคารที่อ่อนแอ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมหภาคที่เพิ่มขึ้นสถานการณ์สำคัญ สถานการณ์สำคัญ. นับตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจปี 2544 และการปฏิรูปที่เริ่มโดยรัฐมนตรีคลังในขณะนั้น เกมัล เดร์วึช อัตราเงินเฟ้อได้ลดลงเหลือเป็นเลขหลักเดียว ความเชื่อมั่นของนักลงทุนและการลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น และการว่างงานลดลง ไอเอ็มเอฟพยากรณ์อัตราเงินเฟ้อในปี 2551 ของตุรกีไว้ที่ 6 เปอร์เซนต์ ตุรกีได้พยายามเปิดกว้างระบบตลาดมากขึ้นผ่านการปฏิรูปเศรษฐกิจ โดยลดการควบคุมจากรัฐบาลด้านการค้าต่างประเทศและการลงทุน และการแปรรูปอุตสาหกรรมของรัฐ การเปิดเสรีในหลายด้านไปสู่ภาคเอกชนและต่างประเทศได้ดำเนินต่อไปท่ามกลางการโต้เถียงทางการเมืองโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม และ โทรคมนาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพลังงานการสาธารณสุขการศึกษา โครงสร้างพื้นฐาน. การศึกษา. การศึกษาในประเทศตุรกีเป็นแบบภาคบังคับ และไม่เก็บค่าเล่าเรียนสำหรับนักเรียนตั้งแต่อายุ 6 ถึง 15 ปี อัตราการรู้หนังสือคือร้อยละ 95.3 ในผู้ชาย ร้อยละ 79.6 ในผู้หญิง และเฉลี่ยรวมร้อยละ 87.4 การที่อัตราการรู้หนังสือของผู้หญิงต่ำกว่าชายป็นเพราะในเขตชนบทยังคงมีแนวความคิดแบบเก่าที่ไม่นิยมให้ผู้หญิงเรียนหนังสือประชากรศาสตร์เมืองใหญ่สุด 20 อันดับแรกเชื้อชาติ เชื้อชาติ. ในปี พ.ศ. 2550 ตุรกีมีประชากร 70.5 ล้านคน และมีอัตราการเติบโตร้อยละ 1.04 ต่อปี ความหนาแน่นของประชากรเฉลี่ย 92 คนตารางกิโลเมตร ความหนาแน่นของประชากรในแต่ละจังหวัดแตกต่างกันตั้งแต่ 11 คนต่อตารางกิโลเมตร (ในตุนเจลี) จนถึง 2,420 คนต่อตารางกิโลเมตร (ในอิสตันบูล) ค่ามัธยฐานของอายุประชากรคือ 28.3 จากข้อมูลของทางการในปี พ.ศ. 2548 อายุคาดหมายเฉลี่ยของประชากรทั้งหมดคือ 71.3 ปี ประชากรส่วนใหญ่ของตุรกีมีเชื้อสายตุรกี ซึ่งมีอยู่ประมาณ 50 ถึง 55 ล้านคน ชนชาติอื่น ๆ ที่สำคัญได้แก่ชาวเคิร์ด, เซอร์ซาสเซียน, ซาซา บอสเนีย, จอร์เจีย, อัลเบเนีย, โรมา (ยิปซี), อาหรับ และอีก 3 ชนชาติที่ได้รับการยอมรับจากทางการได้แก่พวกกรีก, อาร์มีเนีย และยิว ในบรรดาชนชาติเหล่านี้ กลุ่มที่ใหญ่ที่สุดคือชาวเคิร์ด (ประมาณ 12.5 ล้านคน) ซึ่งมักจะอาศัยอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวตุรกีจำนวนมากอพยพไปยังยุโรปตะวันตก (โดยเฉพาะเยอรมนีตะวันตก) เนื่องจากความต้องการแรงงานในยุโรปเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดชุมชนชาวตุรกีนอกประเทศขึ้น แต่ในระยะหลังตุรกีกลับกลายเป็นจุดหมายของผู้อพยพจากประเทศข้างเคียง ซึ่งมีทั้งผู้อพยพที่ปักหลักอยู่ในประเทศตุรกี และผู้ที่ใช้ตุรกีเป็นทางผ่านต่อไปยังประเทศกลุ่มยุโรปภาษา ภาษา. ประเทศตุรกีมีภาษาทางการเพียงภาษาเดียวคือภาษาตุรกี ซึ่งภาษาตุรกียังเป็นภาษาที่พูดในหลายพื้นที่ในยุโรป เช่นไซปรัส ทางตอนใต้ของคอซอวอ มาเซโดเนีย และพื้นที่ในคาบสมุทรบอลข่านที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออตโตมัน เช่น แอลเบเนีย บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา บัลแกเรีย กรีซ โรมาเนีย และเซอร์เบีย นอกจากนี้ ยังมีผู้ที่ใช้ภาษาตุรกีมากกว่า 2 ล้านคนอาศัยอยู่ในเยอรมนี และมีกลุ่มผู้ใช้ภาษาตุรกีในประเทศออสเตรีย เบลเยียม ฝรั่งเศส อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักรศาสนา ศาสนา. ร้อยละ 99 นับถือศาสนาอิสลาม (31,129,845 คน) ที่เหลือเป็นคริสต์ นิกายอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์ (143,251) คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก (25,833 คน) คริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ (22,983 คน) และยิว (38,267 คน)กีฬาการแข่งขันระดับนานาชาติฟุตบอลวอลเลย์บอลวัฒนธรรม วัฒนธรรม. รากฐานทางสังคมของตุรกีมีมีลักษณะเป็นครอบครัวแบบขยายที่มีความสัมพันธ์กันทั้งสายเลือดและแต่งงาน โดยยึดถือการสืบทอดทางฝ่ายชาย สมาชิกทุกคนยึดถือปฏิบัติตามหลักศาสนา ผู้ชายทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัว ในปัจจุบันมีความพยายามส่งเสริมเรื่องความเท่าเทียมกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย โดยผู้หญิงสามารถออกไปทำงานนอกบ้านได้ ทั้งในส่วนของรัฐบาลและภาคเอกชน แต่ผู้ชายก็ยังมีความคิดว่าผู้หญิงด้อยกว่าทั้งทางด้านร่างกายและอารมณ์ดนตรีอาหารสถาปัตยกรรมสื่อสารมวลชนวันหยุด
| ประธานาธิบดีคนแรกของประเทศตุรกีชื่อว่าอะไร | {
"answer": [
"มุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก"
],
"answer_begin_position": [
2330
],
"answer_end_position": [
2353
]
} |
3,949 | 17,615 | ประเทศชิลี ชิลี ( ชีเล; ) มีชื่อทางการว่า สาธารณรัฐชิลี (; ) เป็นประเทศในทวีปอเมริกาใต้ มีเนื้อที่ติดชายฝั่งทะเลยาวระหว่างเทือกเขาแอนดีสกับมหาสมุทรแปซิฟิก มีอาณาเขตจรดประเทศอาร์เจนตินาทางทิศตะวันออก จรดโบลิเวียทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และจรดเปรูทางทิศเหนือ ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันตกของประเทศมีความยาว 6,435 กิโลเมตร ชิลีมีดินแดนในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยครอบครองหมู่เกาะควนเฟร์นันเดซ เกาะซาลาอีโกเมซ หมู่เกาะเดสเบนตูราดัส และเกาะอีสเตอร์ในโพลินีเซีย ชิลียังอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนในแอนตาร์กติกาด้วยประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์. ประเทศชิลีเป็นประเทศหนึ่งในทวีปอเมริกาใต้ มีลักษณะพื้นที่ทอดตัวเป็นแนวยาวทางด้านทิศตะวันตกของทวีป ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก บริเวณประเทศชิลีมีการตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่เมื่อ 10,000 ปีที่แล้ว โดยผู้ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานเรียกว่าชาวมาปูเช (Mapuche) ซึ่งตั้งถิ่นฐานในบริเวณชายฝั่งและบริเวณที่มีความอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณมอนเตเบร์เด (Monte Verde) และกูเอบาเดลมีโลดอน (Cueva Del Milodon) ในสมัยคริตศตวรรษที่ 16 สเปนภายใต้การนำของเปโดร เด บัลดีเบีย (Pedro De Valdivia) หนึ่งในกองกิสตาดอร์ เข้ามาพิชิตชิลี แม้ว่าจะได้รับการต่อต้านจากชาวมาปูเชแต่ก็สามารถยึดชิลีได้เป็นผลสำเร็จและนำชิลีรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิสเปน อย่างไรก็ตามชัยชนะของสเปนในครั้งนี้ทำให้สเปนสามารถยึดได้เฉพาะดินแดนแถบเมืองซานเตียโกและบริเวณใกล้เคียงเท่านั้น เพราะบริเวณอื่นกองทัพสเปนยังไม่สามารถเอาชนะกองทัพของชาวมาปูเชที่เหลือได้ ซึ่งสเปนพยายามปราบปรามหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ จนในที่สุดต้องใช้แม่น้ำบีโอบีโอเป็นตัวแบ่งเขตแดน ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 โคเซ มีเกล การ์เรรา (Jose Miguel Carrera) ได้ประกาศเอกราชให้ชิลีเป็นอิสระจากสเปน แม้ว่าสเปนจะพยายามเข้ามาปราบปรามและยึดครองชิลีอีกครั้ง แต่การยึดครองก็เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น จนในที่สุดชิลีสามารถขับไล่อิทธิพลของสเปน และได้เอกราชจากสเปนโดยสมบูรณ์ในวันที่ 12 พฤษภาคม 1818 หลังจากได้เอกราชจากสเปนแล้ว รัฐบาลชิลีใช้ความพยายามอย่างสูงในการยึดครองดินแดนของชาวมาปูเชจนสามารถยึดดินแดนได้โดยเด็ดขาดในปี ค.ศ. 1871 และขยายอาณาเขตทางทิศใต้จนครอบคลุมถึงบริเวณช่องแคบมาเจลลัน นอกจากนี้แล้ว รัฐบาลชิลีได้ทำสงครามแปซิฟิกกับประเทศโบลิเวียและเปรูจนได้รับชัยชนะ ทำให้สามารถขยายดินแดนทางตอนเหนือ ซึ่งดินแดนที่ได้มาจากทั้งสองเหตุการณ์กลายเป็นดินแดนของประเทศชิลีในปัจจุบัน ดูเพิ่มเติมความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับชิลีที่ การเข้าแทรกแซงของสหรัฐอเมริกาในชิลีการเมืองการปกครอง การเมืองการปกครอง. ชิลีปกครองในรูปแบบสาธารณรัฐแบบประธานาธิบดี มีประธานาธิบดีเป็นประมุขแห่งรัฐและหัวหน้ารัฐบาล รัฐบาลเป็นผู้ใช้อำนาจบริหาร รัฐธรรมนูญของชิลีฉบับปัจจุบันผ่านการลงประชามติในปี พ.ศ. 2523 สมัยรัฐบาลทหารของเอากุสโต ปีโนเชต และเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2524 จากนั้นได้ผ่านการแก้ไขหลายครั้ง โดยครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2553การแบ่งเขตการปกครอง การแบ่งเขตการปกครอง. ชิลีแบ่งเขตการปกครองออกเป็น แคว้น () 15 แคว้น แต่ละแคว้นมี ผู้ว่าการแคว้น (intendente) ได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี แคว้นต่าง ๆ มีชื่อทางการทั้งเป็นชื่อเรียกและตัวเลขโรมัน (เช่น IV - เขตที่ 4) ลำดับตัวเลขเรียงตามที่ตั้งของแคว้นต่าง ๆ ตั้งแต่ทางตอนเหนือลงมาทางตอนใต้ ซึ่งโดยทั่วไป ตัวเลขโรมันจะถูกใช้มากกว่าชื่อของแคว้น ยกเว้นแคว้นอันเป็นที่ตั้งของเมืองหลวง ซึ่งเรียกว่า แคว้นเมืองหลวงซานเตียโก (Región Metropolitana de Santiago หรือ RM) แต่ละแคว้นแบ่งออกเป็น จังหวัด (provincias) รวม 51 จังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัด (gobernador) เป็นหัวหน้า โดยแต่ละจังหวัดก็ยังแบ่งพื้นที่ย่อยลงไปอีกเป็น เทศบาล (comunas) แต่ละแห่งมีนายกเทศมนตรี (alcalde) เป็นของตนเอง ผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดี ขณะที่นายกเทศมนตรีได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนประชากรศาสตร์ภาษา ประชากรศาสตร์. ภาษา. ภาษาประจำชาติของชิลีคือภาษาสเปน แต่ว่าภาษาสเปนที่ใช้พูดสื่อสารในประเทศชิลีจะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง โดยมีไวยากรณ์และการออกเสียงที่ผิดแผกแตกต่างจากภาษาสเปนที่ใช้พูดสื่อสารในประเทศรอบข้างพอสมควร
| ภาษาประจำชาติของประเทศชิลีคือภาษาใด | {
"answer": [
"สเปน"
],
"answer_begin_position": [
3507
],
"answer_end_position": [
3511
]
} |
3,950 | 17,615 | ประเทศชิลี ชิลี ( ชีเล; ) มีชื่อทางการว่า สาธารณรัฐชิลี (; ) เป็นประเทศในทวีปอเมริกาใต้ มีเนื้อที่ติดชายฝั่งทะเลยาวระหว่างเทือกเขาแอนดีสกับมหาสมุทรแปซิฟิก มีอาณาเขตจรดประเทศอาร์เจนตินาทางทิศตะวันออก จรดโบลิเวียทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และจรดเปรูทางทิศเหนือ ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันตกของประเทศมีความยาว 6,435 กิโลเมตร ชิลีมีดินแดนในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยครอบครองหมู่เกาะควนเฟร์นันเดซ เกาะซาลาอีโกเมซ หมู่เกาะเดสเบนตูราดัส และเกาะอีสเตอร์ในโพลินีเซีย ชิลียังอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนในแอนตาร์กติกาด้วยประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์. ประเทศชิลีเป็นประเทศหนึ่งในทวีปอเมริกาใต้ มีลักษณะพื้นที่ทอดตัวเป็นแนวยาวทางด้านทิศตะวันตกของทวีป ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก บริเวณประเทศชิลีมีการตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่เมื่อ 10,000 ปีที่แล้ว โดยผู้ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานเรียกว่าชาวมาปูเช (Mapuche) ซึ่งตั้งถิ่นฐานในบริเวณชายฝั่งและบริเวณที่มีความอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณมอนเตเบร์เด (Monte Verde) และกูเอบาเดลมีโลดอน (Cueva Del Milodon) ในสมัยคริตศตวรรษที่ 16 สเปนภายใต้การนำของเปโดร เด บัลดีเบีย (Pedro De Valdivia) หนึ่งในกองกิสตาดอร์ เข้ามาพิชิตชิลี แม้ว่าจะได้รับการต่อต้านจากชาวมาปูเชแต่ก็สามารถยึดชิลีได้เป็นผลสำเร็จและนำชิลีรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิสเปน อย่างไรก็ตามชัยชนะของสเปนในครั้งนี้ทำให้สเปนสามารถยึดได้เฉพาะดินแดนแถบเมืองซานเตียโกและบริเวณใกล้เคียงเท่านั้น เพราะบริเวณอื่นกองทัพสเปนยังไม่สามารถเอาชนะกองทัพของชาวมาปูเชที่เหลือได้ ซึ่งสเปนพยายามปราบปรามหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ จนในที่สุดต้องใช้แม่น้ำบีโอบีโอเป็นตัวแบ่งเขตแดน ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 โคเซ มีเกล การ์เรรา (Jose Miguel Carrera) ได้ประกาศเอกราชให้ชิลีเป็นอิสระจากสเปน แม้ว่าสเปนจะพยายามเข้ามาปราบปรามและยึดครองชิลีอีกครั้ง แต่การยึดครองก็เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น จนในที่สุดชิลีสามารถขับไล่อิทธิพลของสเปน และได้เอกราชจากสเปนโดยสมบูรณ์ในวันที่ 12 พฤษภาคม 1818 หลังจากได้เอกราชจากสเปนแล้ว รัฐบาลชิลีใช้ความพยายามอย่างสูงในการยึดครองดินแดนของชาวมาปูเชจนสามารถยึดดินแดนได้โดยเด็ดขาดในปี ค.ศ. 1871 และขยายอาณาเขตทางทิศใต้จนครอบคลุมถึงบริเวณช่องแคบมาเจลลัน นอกจากนี้แล้ว รัฐบาลชิลีได้ทำสงครามแปซิฟิกกับประเทศโบลิเวียและเปรูจนได้รับชัยชนะ ทำให้สามารถขยายดินแดนทางตอนเหนือ ซึ่งดินแดนที่ได้มาจากทั้งสองเหตุการณ์กลายเป็นดินแดนของประเทศชิลีในปัจจุบัน ดูเพิ่มเติมความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับชิลีที่ การเข้าแทรกแซงของสหรัฐอเมริกาในชิลีการเมืองการปกครอง การเมืองการปกครอง. ชิลีปกครองในรูปแบบสาธารณรัฐแบบประธานาธิบดี มีประธานาธิบดีเป็นประมุขแห่งรัฐและหัวหน้ารัฐบาล รัฐบาลเป็นผู้ใช้อำนาจบริหาร รัฐธรรมนูญของชิลีฉบับปัจจุบันผ่านการลงประชามติในปี พ.ศ. 2523 สมัยรัฐบาลทหารของเอากุสโต ปีโนเชต และเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2524 จากนั้นได้ผ่านการแก้ไขหลายครั้ง โดยครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2553การแบ่งเขตการปกครอง การแบ่งเขตการปกครอง. ชิลีแบ่งเขตการปกครองออกเป็น แคว้น () 15 แคว้น แต่ละแคว้นมี ผู้ว่าการแคว้น (intendente) ได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี แคว้นต่าง ๆ มีชื่อทางการทั้งเป็นชื่อเรียกและตัวเลขโรมัน (เช่น IV - เขตที่ 4) ลำดับตัวเลขเรียงตามที่ตั้งของแคว้นต่าง ๆ ตั้งแต่ทางตอนเหนือลงมาทางตอนใต้ ซึ่งโดยทั่วไป ตัวเลขโรมันจะถูกใช้มากกว่าชื่อของแคว้น ยกเว้นแคว้นอันเป็นที่ตั้งของเมืองหลวง ซึ่งเรียกว่า แคว้นเมืองหลวงซานเตียโก (Región Metropolitana de Santiago หรือ RM) แต่ละแคว้นแบ่งออกเป็น จังหวัด (provincias) รวม 51 จังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัด (gobernador) เป็นหัวหน้า โดยแต่ละจังหวัดก็ยังแบ่งพื้นที่ย่อยลงไปอีกเป็น เทศบาล (comunas) แต่ละแห่งมีนายกเทศมนตรี (alcalde) เป็นของตนเอง ผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดี ขณะที่นายกเทศมนตรีได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนประชากรศาสตร์ภาษา ประชากรศาสตร์. ภาษา. ภาษาประจำชาติของชิลีคือภาษาสเปน แต่ว่าภาษาสเปนที่ใช้พูดสื่อสารในประเทศชิลีจะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง โดยมีไวยากรณ์และการออกเสียงที่ผิดแผกแตกต่างจากภาษาสเปนที่ใช้พูดสื่อสารในประเทศรอบข้างพอสมควร
| แคว้นที่ตั้งของเมืองหลวงประเทศชิลีคือแคว้นใด | {
"answer": [
"แคว้นเมืองหลวงซานเตียโก"
],
"answer_begin_position": [
3060
],
"answer_end_position": [
3083
]
} |
3,951 | 422,879 | นิวต์ กิงริช นิวตัน ลีรอย "นิวต์" กิงริช () มีชื่อเมื่อเกิดว่า นิวตัน ลีรอย แมคเฟียร์สัน (, เกิด 17 มิถุนายน พ.ศ. 2486) เป็นนักการเมือง นักประพันธ์และที่ปรึกษาการเมืองชาวอเมริกัน ผู้ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาคนที่ 58 ตั้งแต่ พ.ศ. 2538 ถึง 2542 เขาเป็นผู้แทนเขตเลือกตั้งผู้แทนราษฎรที่ 6 ของรัฐจอร์เจียพรรครีพับลิกัน นับแต่ พ.ศ. 2522 กระทั่งลาออกจากตำแหน่งใน พ.ศ. 2542 เขาเป็นผู้สมัครสำหรับการเสนอชื่อรับเลือกตั้งประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกันใน พ.ศ. 2555 กิงริชเกิดในรัฐเพนซิลเวเนียตอนกลางใต้ มีมารดาเป็นวัยรุ่น เขาในวัยทารกถูกเลี้ยงดูโดยพ่อเลี้ยง ผู้มีอาชีพทหาร เนื่องจากอาชีพของพ่อเลี้ยง กิงริชจึงอาศัยอยู่ในหลายรัฐในวัยเยาว์ เขาเข้าศึกษาในโรงเรียนมัธยมในโคลัมบัส รัฐจอร์เจีย กิงริชเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยเอมโมรีและสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยทูเลน ในคริสต์ทศวรรษ 1970 เขาสอนประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ที่วิทยาลัยจอร์เจียตะวันตก ระหว่างช่วงนี้ เขารณรงค์รับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายครั้ง กระทั่งชนะการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2521 เขาเป็นผู้คุมเสียงในสภา (whip) เสียงข้างน้อยนับแต่ พ.ศ. 2532 ถึง 2538 กิงริชเป็นผู้เขียนร่วมและหัวแรงหลักในการเขียน "Contract with America" และอยู่ในแถวหน้าของความสำเร็จของพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2537 ใน พ.ศ. 2538 นิตยสารไทม์จัดให้เขาเป็น "บุคคลแห่งปี" สำหรับบทบาทในการยุติการควบคุมเสียงข้างมากในสภานาน 40 ปีของพรรคเดโมแครต ระหว่างที่เป็นประธานสภาฯ สภาฯ ได้อนุมัติการปฏิรูปสวัสดิการ ผ่านการลดภาษีกำไรส่วนทุนใน พ.ศ. 2540 และใน พ.ศ. 2541 ผ่านงบประมาณสมดุลครั้งแรกนับแต่ พ.ศ. 2512 ระหว่างครองตำแหน่งประธานสภาฯ ความนิยมของเขาภายในสภาค่อย ๆ ลดลงเพราะเขาถูกมองว่าเป็นสายล่อฟ้าสำหรับข้อโต้เถียง เขาถูกลงโทษโดยสภาผู้แทนราษฎรในเดือนมกราคม พ.ศ. 2540 สำหรับการกล่าวหาทางจริยธรรม แม้มีการหลีกเลี่ยงการไต่สวนเต็มรูปแบบ หลังทำผลงานได้เลวแก่พรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใน พ.ศ. 2541 กิงริชจึงลาออกจากสภาฯ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 ภายใต้แรงกดดันจากสมาชิกร่วมพรรค นับแต่ลาออกจากสภาฯ กิงริชยังมีส่วนร่วมในการโต้วาทีนโยบายสาธารณะโดยทำงานเป็นที่ปรึกษาการเมือง เขาก่อตั้งและเป็นประธานถังความคิดนโยบายหลายแห่ง รวมทั้ง American Solutions for Winning the Future และ Center for Health Transformation เขาเขียนหรือร่วมเขียนหนังสือ 23 เล่ม ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2554 เขาประกาศเจตนารมณ์ในการเข้าเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันในการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
| ใครคือผู้ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาคนที่ 58 | {
"answer": [
"นิวต์ กิงริช"
],
"answer_begin_position": [
87
],
"answer_end_position": [
99
]
} |
3,952 | 36,886 | ประมวลกฎหมายฮัมมูราบี ประมวลกฎหมายฮัมบูราบี เป็นบทบัญญัติที่รวบรวมกฎหมายต่าง ๆ และพระราชกฤษฎีกาของพระเจ้าฮัมมูราบี ราชาแห่งบาบิโลเนีย และเป็นประมวลกฎหมายที่เก่าแก่ที่สุด ประมวลกฎหมายนี้คัดลอกไว้โดยการแกะสลักลงบนหินบะซอลต์สีดำสูง 2.25 เมตร ซึ่งต่อมาทีมนักโบราณคดีฝรั่งเศสขุดพบที่ Sūsa ประเทศอิรัก ในช่วงฤดูหนาวปี 1901 ถึง 1902 หินสลักนี้แตกเป็น 3 ชิ้น และได้รับการบูรณะ ปัจจุบัน ประมวลกฎหมายฮัมมูราบีอยู่ในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส กฎหมายดังกล่าวเป็นกฎหมายอาญา โดยยึดหลักที่ปัจจุบันเรียกว่า "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน" อันหมายถึงทำผิดอย่างไรได้โทษอย่างนั้น ซึ่งแม้บทลงโทษตามกฎหมายฮัมมูราบีจะดูว่าโหดเหี้ยมตามความคิดของคนสมัยใหม่ แต่การทำกฎหมายให้เป็นลายลักษณ์อักษรและพยายามใช้บังคับอย่างเป็นระบบกับทุกคน และการ "ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อนจนกว่าจะได้รับการพิสูจน์ว่าผิด" นับเป็นหลักการสำคัญที่นับเป็นวิวัฒนาการทางอารยธรรมของมนุษย์ มีทฤษฎีใหม่บางทฤษฎีถือว่า การนับกฎหมายฮัมมูราบีให้สถานะอย่างประมวลกฎหมายอย่างปัจจุบันนั้นไม่ถูกต้องนัก ความจริงเป็นเพียงอนุสรณ์ว่ากษัตริย์ฮัมมูราบีเป็น "ตัวอย่างกษัตริย์ที่ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม" เท่านั้น เพราะในชีวิตของคนย่อมมีความผิดอย่างอื่นที่ไม่ใช่การลักขโมย
| ประมวลกฎหมายที่เก่าแก่ที่สุดคือประมวลกฎหมายใด | {
"answer": [
"ฮัมบูราบี"
],
"answer_begin_position": [
128
],
"answer_end_position": [
137
]
} |
3,953 | 7,575 | สิงหาคม สิงหาคม เป็นเดือนที่ 8 ของปี ตามปฏิทินเกรกอเรียน และเป็นหนึ่งในเดือน 7 เดือนที่มี 31 วัน ตามหลักโหราศาสตร์ เดือนสิงหาคมเริ่มต้นขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์ยกเข้าสู่ราศีสิงห์ และสิ้นสุดเมื่อยกเข้าสู่ราศีกันย์ แต่ในทางดาราศาสตร์ ต้นเดือนสิงหาคมดวงอาทิตย์อยู่ในกลุ่มดาวปูและปลายเดือนไปอยู่ในกลุ่มดาวสิงโต เดือนสิงหาคมเดิมใช้ชื่อในภาษาละตินว่า ซิกซ์ตีลิส (Sextilis) เนื่องจากเป็นเดือนที่ 6 ในปฏิทินโรมันดั้งเดิมที่เริ่มต้นปีในเดือนมีนาคม ต่อมาเปลี่ยนเป็น August เพื่อเป็นเกียรติแด่ ออกัสตัส ซีซาร์ เพราะเป็นเดือนที่พระองค์เข้าไปโรมในชัยชนะของเจ้าทั้งตะวันออกและตะวันตก ประเทศไทยเริ่มใช้ชื่อเดือนสิงหาคมในปี พ.ศ. 2432 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาเทววงศ์วโรปการ เป็นผู้เสนอให้ใช้ราศีกำหนดชื่อเดือนวันสำคัญวันสำคัญ. - 1 สิงหาคม - วันชาติสวิตเซอร์แลนด์ - 1 สิงหาคม - วันสตรีไทย - 4 สิงหาคม - วันสื่อสารแห่งชาติ - 6 สิงหาคม - วันชาติจาเมากา (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1962) - 7 สิงหาคม - วันรพี (พระบิดาแห่งกฎหมายไทย) - 8 สิงหาคม - วันแมวโลก - 9 สิงหาคม - วันชาติสิงค์โปร์ - 12 สิงหาคม - วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ, วันแม่แห่งชาติ - 13 สิงหาคม - วันคนถนัดซ้ายสากล - 14 สิงหาคม - วันชาติปากีสถาน (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1947) - 15 สิงหาคม - วันชาติอินเดีย (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1947) - 17 สิงหาคม - วันชาติอินโดนีเซีย (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1945) - 16 สิงหาคม - วันสันติภาพไทย - 18 สิงหาคม - วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ - 23 สิงหาคม - วันวีรบุรุษ (ซึ่งเพื่อระลึกถึงการเรียกร้องและปฏิวัติฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ. 1896) - 24 สิงหาคม - วันชาติยูเครน (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1991) - 26 สิงหาคม - วันสุนัขโลก - 27 สิงหาคม - วันชาติมอลโดวา - 31 สิงหาคม - วันชาติมาเลเซีย
| ตามปฏิทินเกรกอเรียน สิงหาคมเป็นเดือนที่เท่าไรของปี | {
"answer": [
"8"
],
"answer_begin_position": [
107
],
"answer_end_position": [
108
]
} |
3,954 | 783,910 | นิยายนินจาคาถาโอ้โฮเฮะ นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ หรือ นารูโตะ เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับนินจา เขียนเรื่องและภาพโดย มะซะชิ คิชิโมะโตะ ตีพิมพ์ครั้งแรกในวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2542 ในนิตยสาร "โชเนนจัมป์" ในประเทศญี่ปุ่น และจบลงในวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 รวมทั้งหมด 700 ตอน 72 เล่ม หลังจากนั้นได้มีการตีพิมพ์นิยายประเภทไลต์โนเวลออกมา 2 ชุด คือชุดฮิเด็น (เปิดตำนานลับ) และชินเด็น แม้ว่านิยายแต่ละเล่มเขียนภาพโดย มะซะชิ คิชิโมะโตะ เหมือนกัน แต่นิยายแต่ละเล่มเขียนเรื่องโดยผู้เขียนต่างกันเส้นเวลาของนินจาคาถาโอ้โฮเฮะ เส้นเวลาของนินจาคาถาโอ้โฮเฮะ. นี่เป็นเส้นเวลาของนินจาคาถาโอ้โฮเฮะที่ถูกปล่อยออกมาโดยโชเน็นจัมป์ 11 ตุลาคม ,17 ปี หลังนารูโตะเกิด- มังงะ ตอนที่ 699 - นารูโตะกับซาสึเกะจบการต่อสู้ครั้งสุดท้าย - สงครามโลกนินจาครั้งที่ 4 สิ้นสุดลง หลายเดือนต่อมา- นิยาย เปิดตำนานลับคาคาชิ - คาคาชิเข้ารับตำแหน่งโฮคาเงะรุ่นที่ 6 - ซาสึเกะออกจากหมู่บ้านโคโนะฮะงาคุเระ 2 ปีต่อมา- นิยาย เปิดตำนานลับชิกามารุ - ภาพยนตร์ นารูโตะ เดอะมูฟวี่ ปิดตำนานวายุสลาตัน หลายเดือนต่อมา- นิยาย เปิดตำนานลับซากุระ - นิยาย เปิดตำนานลับโคโนะฮะ หลายวันต่อมา- นารูโตะกับฮินาตะแต่งงานกัน หลายเดือนต่อมา- กาอาระอายุครบ 20 ปี - นิยาย เปิดตำนานลับกาอาระ - นิยาย เปิดตำนานลับแสงอุษา - นิยาย ซาสึเกะชินเด็น มากกว่า 10 ปีต่อมา- มังงะ ตอนที่ 700 หลายปีต่อมา- นารูโตะ ภาคพิเศษ : โฮคาเงะรุ่นที่เจ็ด และ ปวงบุปผาสีเพลิง หลายเดือนต่อมา- ภาพยนตร์ -โบรุโตะ- นารูโตะ เดอะมูฟวี่ ตำนานใหม่สายฟ้าสลาตันนิยายชุดเปิดตำนานลับนิยายชุดชินเด็นการดัดแปลงเป็นอะนิเมะการดัดแปลงเป็นอะนิเมะ. - นิยาย Itachi Shinden: Book of Bright Light และ Itachi Shinden: Book of Dark Night ถูกดัดแปลงเป็นอะนิเมะ - นิยาย Sasuke Shinden: Book of Sunrise ถูกดัดแปลงเป็นอะนิเมะ - นิยายเปิดตำนานลับ ชิกามารุ ~เมฆคล้อยลอยสงัดในอนธการ~ ถูกดัดแปลงเป็นอะนิเมะ - นิยายเปิดตำนานลับ โคโนะฮะ ถูกดัดแปลงเป็นอะนิเมะ
| ใครคือผู้เขียนเรื่องและภาพการ์ตูนญี่ปุ่นเกี่ยวกับนินจาชื่อว่า นารูโตะ | {
"answer": [
"มะซะชิ คิชิโมะโตะ"
],
"answer_begin_position": [
217
],
"answer_end_position": [
234
]
} |
3,955 | 783,910 | นิยายนินจาคาถาโอ้โฮเฮะ นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ หรือ นารูโตะ เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับนินจา เขียนเรื่องและภาพโดย มะซะชิ คิชิโมะโตะ ตีพิมพ์ครั้งแรกในวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2542 ในนิตยสาร "โชเนนจัมป์" ในประเทศญี่ปุ่น และจบลงในวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 รวมทั้งหมด 700 ตอน 72 เล่ม หลังจากนั้นได้มีการตีพิมพ์นิยายประเภทไลต์โนเวลออกมา 2 ชุด คือชุดฮิเด็น (เปิดตำนานลับ) และชินเด็น แม้ว่านิยายแต่ละเล่มเขียนภาพโดย มะซะชิ คิชิโมะโตะ เหมือนกัน แต่นิยายแต่ละเล่มเขียนเรื่องโดยผู้เขียนต่างกันเส้นเวลาของนินจาคาถาโอ้โฮเฮะ เส้นเวลาของนินจาคาถาโอ้โฮเฮะ. นี่เป็นเส้นเวลาของนินจาคาถาโอ้โฮเฮะที่ถูกปล่อยออกมาโดยโชเน็นจัมป์ 11 ตุลาคม ,17 ปี หลังนารูโตะเกิด- มังงะ ตอนที่ 699 - นารูโตะกับซาสึเกะจบการต่อสู้ครั้งสุดท้าย - สงครามโลกนินจาครั้งที่ 4 สิ้นสุดลง หลายเดือนต่อมา- นิยาย เปิดตำนานลับคาคาชิ - คาคาชิเข้ารับตำแหน่งโฮคาเงะรุ่นที่ 6 - ซาสึเกะออกจากหมู่บ้านโคโนะฮะงาคุเระ 2 ปีต่อมา- นิยาย เปิดตำนานลับชิกามารุ - ภาพยนตร์ นารูโตะ เดอะมูฟวี่ ปิดตำนานวายุสลาตัน หลายเดือนต่อมา- นิยาย เปิดตำนานลับซากุระ - นิยาย เปิดตำนานลับโคโนะฮะ หลายวันต่อมา- นารูโตะกับฮินาตะแต่งงานกัน หลายเดือนต่อมา- กาอาระอายุครบ 20 ปี - นิยาย เปิดตำนานลับกาอาระ - นิยาย เปิดตำนานลับแสงอุษา - นิยาย ซาสึเกะชินเด็น มากกว่า 10 ปีต่อมา- มังงะ ตอนที่ 700 หลายปีต่อมา- นารูโตะ ภาคพิเศษ : โฮคาเงะรุ่นที่เจ็ด และ ปวงบุปผาสีเพลิง หลายเดือนต่อมา- ภาพยนตร์ -โบรุโตะ- นารูโตะ เดอะมูฟวี่ ตำนานใหม่สายฟ้าสลาตันนิยายชุดเปิดตำนานลับนิยายชุดชินเด็นการดัดแปลงเป็นอะนิเมะการดัดแปลงเป็นอะนิเมะ. - นิยาย Itachi Shinden: Book of Bright Light และ Itachi Shinden: Book of Dark Night ถูกดัดแปลงเป็นอะนิเมะ - นิยาย Sasuke Shinden: Book of Sunrise ถูกดัดแปลงเป็นอะนิเมะ - นิยายเปิดตำนานลับ ชิกามารุ ~เมฆคล้อยลอยสงัดในอนธการ~ ถูกดัดแปลงเป็นอะนิเมะ - นิยายเปิดตำนานลับ โคโนะฮะ ถูกดัดแปลงเป็นอะนิเมะ
| การ์ตูนญี่ปุ่นเกี่ยวกับนินจาชื่อเรื่องว่า นารูโตะ ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารใด | {
"answer": [
"โชเนนจัมป์"
],
"answer_begin_position": [
291
],
"answer_end_position": [
301
]
} |
3,956 | 62,699 | มาลาเรีย มาลาเรีย () หรือไข้จับสั่น ไข้ป่า ไข้ป้าง ไข้ร้อนเย็นหรือไข้ดอกสัก เป็นโรคติดเชื้อของมนุษย์และสัตว์อื่นที่มียุงเป็นพาหะ มีสาเหตุจากปรสิตโปรโตซัว (จุลินทรีย์เซลล์เดียวประเภทหนึ่ง) ในสกุล Plasmodium (พลาสโมเดียม) อาการทั่วไปคือ มีไข้ อ่อนเพลีย อาเจียนและปวดศีรษะ ในรายที่รุนแรงอาจทำให้ตัวเหลือง ชัก โคม่าหรือเสียชีวิตได้ โรคมาลาเรียส่งผ่านโดยการกัดของยุงเพศเมียในสกุล Anopheles (ยุงก้นปล่อง) และปกติอาการเริ่ม 10 ถึง 15 วันหลังถูกกัด หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม บุคคลอาจมีอาการของโรคในอีกหลายเดือนให้หลัง ในผู้ที่เพิ่งรอดจากการติดเชื้อ การติดเชื้อซ้ำมักมีอาการเบากว่า การต้านทานบางส่วนนี้จะหายไปในเวลาเป็นเดือนหรือปีหากบุคคลไม่ได้สัมผัสมาลาเรียอย่างต่อเนื่อง เมื่อถูกยุง Anopheles เพศเมียกัดจะนำเชื้อปรสิตจากน้ำลายของยุงเข้าสู่เลือดของบุคคล ปรสิตจะไปตับซึ่งจะเจริญเติบโตและสืบพันธุ์ มนุษย์สามารถติดเชื้อและส่งต่อ Plasmodium ห้าสปีชีส์ ผู้เสียชีวิตส่วนมากเกิดจากเชื้อ P. falciparum เพราะ P. vivax, P. ovale และ P. malariae โดยทั่วไปก่อให้เกิดมาลาเรียแบบที่รุนแรงน้อยกว่า สปีชีส์รับจากสัตว์ P. knowlesi พบมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การวินิจฉัยมาลาเรียตรงแบบทำโดยการตรวจเลือดด้วยกล้องจุลทรรศน์โดยใช้ฟิล์มเลือดหรือการวินิจฉัยชนิดรวดเร็ว (rapid diagnostic test) ที่อาศัยแอนติเจน มีการพัฒนาวิธีซึ่งใช้ปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรสเพื่อตรวจจับดีเอ็นเอของปรสิต แต่ยังไม่มีใช้แพร่หลายในพื้นที่ซึ่งมีโรคมาลาเรียทั่วไปเนื่องจากราคาแพงและซับซ้อน ความเสี่ยงของโรคลดได้โดยการป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัด โดยใช้มุ้งหรือสารขับไล่แมลง หรือด้วยมาตรการควบคุมยุง เช่น การฉีดพ่นยาฆ่าแมลงหรือการระบายน้ำนิ่ง มียารักษาโรคหลายชนิดที่ป้องกันมาลาเรียในผู้ที่เดินทางไปยังบริเวณที่พบโรคมาลาเรียทั่วไป แนะนำให้ใช้ยารักษาโรคซัลฟาด็อกซีน/ไพริเมธามีนบางครั้งในทารกและหลังไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ในบริเวณซึ่งมีโรคมาลาเรียอัตราสูง โรคมาลาเรียยังไม่มีวัคซีน แต่กำลังพัฒนา การรักษาโรคมาลาเรียที่แนะนำ คือ การใช้ยาต้านมาลาเรียหลายชนิดร่วมกันซึ่งรวมอาร์ตีมิซินิน ยาชนิดที่สองอาจเป็นเมโฟลควิน ลูมีแฟนทรีนหรือซัลฟาด็อกซีน/ไพริเมธามีน อาจใช้ควินินร่วมกับด็อกซีไซคลินได้หากไม่มีอาร์ติมิซินิน แนะนำว่าในพื้นที่ซึ่งมีโรคมาลาเรียทั่วไป ให้ยืนยันโรคมาลาเรียหากเป็นไปได้ก่อนเริ่มการรักษาเนื่องจากความกังวลว่ามีการดื้อยาเพิ่มขึ้น มีการพัฒนาการดื้อยาในปรสิตต่อยาต้านมาลาเรียหลายชนิด เช่น P. falciparum ซึ่งดื้อต่อคลอโรควินได้แพร่ไปยังพื้นที่ซึ่งมีการระบาดมากที่สุด และการดื้อยาอาร์ทีมิซินินเป็นปัญหาในบางพื้นที่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โรคนี้แพร่หลายในเขตร้อนและอบอุ่นซึ่งอยู่เป็นแถบกว้างรอบเส้นศูนย์สูตร ซึ่งรวมพื้นที่แอฟริกาใต้สะฮารา ทวีปเอเชียและละตินอเมริกาบริเวณกว้าง โรคมาลาเรียมักสัมพันธ์กับความยากจนและยังอาจเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ในทวีปแอฟริกา มีการประเมินว่ามีการสูญเสีย 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีเนื่องจากค่าใช้จ่ายสาธารณสุขเพิ่มขึ้น เสียความสามารถการทำงาน และผลเสียต่อการท่องเที่ยว องค์การอนามัยโลกประเมินว่ามีผู้ป่วย 198 ล้านคน ใน พ.ศ. 2556 มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมาลาเรียระหว่าง 584,000 ถึง 855,000 คน ส่วนใหญ่ (90%) เกิดในทวีปแอฟริกาอาการและอาการแสดง อาการและอาการแสดง. ปกติอาการและอาการแสดงของมาลาเรียจะเริ่มต้น 8–25 วันหลังการติดเชื้อ อย่างไรก็ดี อาการอาจเกิดขึ้นหลังจากนี้ในผู้ที่ทานยาต้านมาลาเรียป้องกันไว้ก่อน การแสดงเริ่มต้นของโรคเป็นอาการคล้ายหวัด ซึ่งเหมือนกันในมาลาเรียทุกสปีชีส์ และสามารถเหมือนกับอาการป่วยอื่น เช่น ภาวะเลือดเป็นพิษ กระเพาะอาหารและลำไส้เล็กอักเสบ และโรคไวรัส การแสดงอาการอาจรวมปวดศีรษะ เป็นไข้ สั่น ปวดในข้อ อาเจียน โลหิตจางเพราะเม็ดเลือดแดงแตก ดีซ่าน มีฮีโมโกลบินในปัสสาวะ จอตาเสียหายและการชัก อาการตรงต้นแบบของมาลาเรีย คือ อาการกำเริบ ซึ่งเป็นการเกิดการหนาวฉับพลัน ตามด้วยการสั่น และไข้และเหงื่อออกเป็นวัฏจักร แต่ละสปีชีส์มีความถี่ต่างกัน ในการติดเชื้อ P. vivax และ P. ovale อาการกำเริบทุกสองวัน P. malariae อาการกำเริบทุกสามวัน การติดเชื้อ P. falciparum สามารถเกิดไข้กลับทุก 36–48 ชั่วโมงหรือไข้แทบไม่สร่าง มาลาเรียรุนแรงปกติเกิดจาก P. falciparum อาการแสดงของมาลาเรียประเภทนี้เริ่มขึ้น 9–30 วันหลังการติดเชื้อ บุคคลที่มีมาลาเรียขึ้นสมอง (cerebral malaria) มักแสดงอาการทางระบบประสาทบ่อยครั้ง ซึ่งรวมถึงท่าร่างผิดปกติ อาการตากระตุกแกว่ง อัมพาตเมื่อดูด้วยสองตา (ตาไม่สามารถกลอกไปในทิศทางเดียวกัน) อาการเกร็งหลังแอ่น ชักหรือโคม่าภาวะแทรกซ้อน ภาวะแทรกซ้อน. โรคมาลาเรียมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงหลายอย่าง ภาวะแทรกซ้อนหนึ่งคือการพัฒนาการหายใจอึดอัด ซึ่งเกิดขึ้นมากถึง 25% ในผู้ใหญ่ และ 40% ในเด็กที่ป่วยด้วยมาลาเรียชนิด P. falciparum รุนแรง สาเหตุอาจเนื่องจากการชดเชยภาวะเลือดเป็นกรดเมตะบอลิกด้วยการหายใจ ปอดบวมน้ำที่ไม่ได้มีสาเหตุจากโรคหัวใจ ปอดบวมเกิดร่วม และโลหิตจางรุนแรง กลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลันพบได้ 5–25% ของผู้ใหญ่ และมากถึง 29% ของสตรีมีครรภ์ ทว่าพบน้อยในเด็กเล็กที่ป่วยเป็นโรคมาลาเรียรุนแรง การติดเชื้อเอชไอวีร่วมกับมาลาเรียเพิ่มอัตราตาย ภาวะไตล้มเหลวเป็นลักษณะของไข้น้ำดำ ซึ่งฮีโมโกลบินจากเม็ดเลือดแดงที่แตกรั่วออกสู่ปัสสาวะ การติดเชื้อ P. falciparum อาจส่งผลให้เกิดมาลาเรียขึ้นสมอง ซึ่งเป็นรูปแบบของมาลาเรียรุนแรงที่มีโรคสมองร่วมด้วย ภาวะดังกล่าวสัมพันธ์กับจอตาขาว (retinal whitening) ซึ่งอาจเป็นอาการแสดงทางคลินิกที่มีประโยชน์ในการแยกมาลาเรียจากสาเหตุอื่นของไข้ นอกจากนี้ยังอาจเกิดม้ามโต ปวดศีรษะรุนแรง ตับโต น้ำตาลในเลือดต่ำ และมีฮีโมโกลบินในปัสสาวะร่วมกับไตล้มเหลวได้ มาลาเรียในสตรีมีครรภ์เป็นสาเหตุสำคัญของการตายคลอด ทารกตายและมีน้ำหนักแรกคลอดต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการติดเชื้อ P. falciparum แต่การติดเชื้อ P. vivax ก็พบได้สาเหตุ สาเหตุ. ปรสิตมาลาเรียเป็นสิ่งมีชีวิตในสกุล Plasmodium (ไฟลัม Apicomplexa) P. falciparum, P. malariae, P. ovale, P. vivax และ P. knowlesi เป็นสาเหตุของมาลาเรียในมนุษย์ ซึ่งในสปีชีส์เหล่านี้ P. falciparum เป็นสปีชีส์ที่พบมากที่สุด (~75%) รองลงมาคือ P. vivax (~20%) แม้ว่าเดิม P. falciparum เป็นชนิดที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด แต่หลักฐานปัจจุบันเสนอว่า มาลาเรีย P. vivax สัมพันธ์กับภาวะที่อาจอันตรายถึงชีวิตได้บ่อยครั้งเท่ากับการวินิจฉัยการติดเชื้อ P. falciparum มาลาเรีย P. vivax พบนอกทวีปแอฟริกามากกว่าโดยสัดส่วน มีการบันทึกการติดเชื้อมาลาเรียพลาสโมเดียมสปีชีส์ที่มาจากลิงไม่มีหางชั้นสูงในมนุษย์ อย่างไรก็ดี สปีชีส์เหล่านี้ส่วนใหญ่มีความสำคัญทางสาธารณสุขน้อย โดยยกเว้น P. knowlesi ซึ่งเป็นสปีชีส์รับจากสัตว์ที่ก่อโรคมาลาเรียในลิงแม็กแคก ภาวะโลกร้อนน่าจะส่งผลต่อการส่งผ่านโรคมาลาเรีย แต่ความรุนแรงและการกระจายทางภูมิศาสตร์ของผลดังกล่าวยังไม่แน่ชัดวงจรชีวิต วงจรชีวิต. ในวงจรชีวิตของ Plasmodium ยุงก้นปล่องเพศเมีย (ตัวถูกเบียนแท้) ส่งผ่านระยะติดต่อที่เคลื่อนที่ได้ (เรียก สปอโรซอยต์) มายังตัวถูกเบียนสัตว์มีกระดูกสันหลัง เช่น มนุษย์ (ตัวถูกเบียนมัธยันตร์) ฉะนั้นยุงก้นปล่องจึงเป็นเสมือนตัวนำโรคแพร่เชื้อ สปอโรซอยต์เดินทางผ่านเส้นเลือดไปยังเซลล์ตับ ที่ซึ่งมันจะสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ (เรียกว่า tissue schizogony) ทำให้ได้เมอโรซอยต์นับหลายพันเซลล์ เมอโรซอยต์เหล่านี้เข้าไปติดเซลล์เม็ดเลือดแดงใหม่และเริ่มต้นวงจรการเพิ่มจำนวนแบบไม่อาศัยเพศ (เรียกว่า blood schizogony) ซึ่งทำให้ได้เมอโรซอยต์ที่สามารถติดเชื้อได้ใหม่ 8 ถึง 24 เซลล์ ในระยะนี้ เซลล์จะระเบิดและวงจรการติดเชื้อเริ่มต้นใหม่ เมอโรซอยต์อื่นเจริญไปเป็นแกมีโตไซต์ที่ยังเจริญไม่เต็มที่ (immature gametocyte) ซึ่งเป็นเซลล์ต้นกำเนิดของเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้และเพศเมีย เมื่อยุงกัดมนุษย์ แกมีโตไซต์จะถูกดูดจากเลือดและไปเจริญในทางเดินอาหารของยุง แกมีโตไซต์เพศผู้และเพศเมียผสมกันและก่อเป็นโอโอไคนีต (ookinete) ซึ่งเป็นไซโกตที่ได้รับการผสมและเคลื่อนที่ได้ จากนั้นโอโอไคนีตเจริญไปเป็นสปอโรซอยต์ใหม่ที่จะเคลื่อนที่ไปยังต่อมน้ำลายของยุง และพร้อมที่จะติดเชื้อตัวถูกเบียนสัตว์มีกระดูกสันหลังใหม่ เมื่อยุงดูดเลือดอีก สปอโรซอยต์ในน้ำลายจะถูกฉีดเข้าสู่ผิวหนัง เฉพาะยุงเพศเมียเท่านั้นที่ดูดเลือด ส่วนยุงเพศผู้กินน้ำต้อยของพืชเป็นอาหาร ฉะนั้นจึงไม่ส่งต่อโรค ยุงก้นปล่องเพศเมียมักดูดเลือดในยามกลางคืน โดยปกติเริ่มค้นหาอาหารในช่วงเย็น และจะค้นหาต่อไปทั้งคืนจนกว่าจะได้ดูดเลือด ปรสิตมาลาเรียยังสามารถส่งผ่านได้โดยการถ่ายเลือด แม้จะพบน้อยก็ตามมาลาเรียกลับเป็นซ้ำ มาลาเรียกลับเป็นซ้ำ. อาการแสดงของมาลาเรียสามารถกลับเป็นซ้ำได้หลังจากช่วงที่ไม่มีอาการแสดงต่าง ๆ กัน การกลับเป็นซ้ำนี้สามารถจำแนกตามสาเหตุได้เป็นการกลับกำเริบ การเป็นโรคกลับหรือการติดเชื้อซ้ำ การกลับกำเริบคือ การที่กลับแสดงอาการอีกครั้งหลังช่วงที่ไม่แสดงอาการ ซึ่งเกิดจากปรสิตที่ยังหลงเหลืออยู่ในเลือดซึ่งเป็นผลจากการรักษาที่ไม่เพียงพอหรือไม่มีประสิทธิภาพ การเป็นโรคกลับคือการที่กลับแสดงอาการหลังปรสิตถูกกำจัดหมดไปจากเลือดแล้วแต่ยังคงอยู่เป็นฮิพโนซอยต์แฝงในเซลล์ตับ การเป็นโรคกลับมักเกิดระหว่าง 8–24 สัปดาห์และมักพบในการติดเชื้อ P. vivax และ P. ovale ผู้ป่วยมาลาเรียชนิด P. vivax ในเขตอบอุ่นมักสัมพันธ์กับการที่ฮิพโนซอยต์มีชีวิตอยู่ในฤดูหนาว โดยการเป็นโรคกลับเริ่มต้นในปีถัดจากปีที่ถูกยุงกัด การติดเชื้อซ้ำหมายถึงปรสิตที่ก่อการติดเชื้อครั้งก่อนได้ถูกกำจัดหมดไปจากร่างกายแล้ว แต่มีการได้รับปรสิตใหม่เข้ามา การติดเชื้อซ้ำไม่สามารถแยกจากการกลับกำเริบได้ทันที แม้ว่าการกลับติดเชื้อซ้ำภายในสองสัปดาห์ของการรักษาการติดเชื้อครั้งแรกมักมีสาเหตุจากความล้มเหลวในการรักษา บุคคลอาจแสดงภูมิคุ้มกันระยะสั้น (premunity) ในกรณีการติดเชื้อซ้ำได้พยาธิกำเนิด พยาธิกำเนิด. โรคมาลาเรียในมนุษย์มีสองระยะ ระยะหนึ่งอยู่นอกเม็ดเลือดแดง คืออยู่ในเซลล์ตับ อีกระยะหนึ่งอยู่ในเม็ดเลือดแดง เมื่อยุงที่ติดเชื้อมาลาเรียไปดูดเลือดจากมนุษย์ สปอโรซอยต์ในน้ำลายของยุงตัวนั้นจะเข้าไปสู่กระแสเลือด แล้วเชื้อจะเดินทางไปตับ เมื่อไปถึงแล้ว เชื้อจะเข้าไปอยู่ในเซลล์ตับ และจะเพิ่มจำนวนแบบไม่อาศัยเพศโดยไม่แสดงอาการเป็นเวลา 8–30 วัน หลังระยะสงบอยู่ในตับ เชื้อมาลาเรียจะเปลี่ยนแปลงไปให้เมอโรซอยต์หลายพันเซลล์ เมื่อเซลล์ตัวถูกเบียนแตก เมอโรซอยต์เหล่านี้จะเล็ดรอดเข้าสู่กระแสเลือดเพื่อเริ่มวงจรชีวิตระยะในเม็ดเลือดแดง เชื้อนี้ออกจากตับโดยเอาเยื่อหุ้มเซลล์ของเซลล์ตับคลุมตัวเองไว้ ภูมิคุ้มกันจึงไม่สามารถตรวจจับได้ ในเม็ดเลือดแดง เชื้อจะเพิ่มจำนวนแบบไม่อาศัยเพศอีกครั้ง เมื่อได้จำนวนมากถึงระดับหนึ่งก็จะทำให้เม็ดเลือดแดงแตกออก และเชื้อจำนวนมากก็จะถูกแพร่เข้าสู่กระแสเลือดไปสู่เม็ดเลือดแดงใหม่ต่อไป แต่ละครั้งที่เม็ดเลือดแดงแตกออกและมีเชื้อจำนวนมากเข้าสู่กระแสเลือดพร้อมกัน ผู้ป่วยจะมีไข้เป็นระยะ ซึ่งช่วงของการเกิดไข้จะเป็นไปแล้วแต่ชนิดของเชื้อ การมีไข้จับเป็นระยะนี้เอง ที่เรียกว่า "จับไข้" สปอโรซอยต์ P. vivax บางส่วนไม่เจริญไปเป็นเมอโรซอตยต์ระยะนอกเม็ดเลือดแดงทันที แต่จะผลิตฮิปโนซอยต์ (hypnozoite) ซึ่งสงบอยู่ระยะหนึ่งตั้งแต่หลายเดือน (ปกติ 7–10 เดือน) ถึงหลายปี หลังระยะสงบอยู่ ฮิปโนซอยต์จะกลับมาพัฒนาไปเป็นเมอโรซอนต์อีก ฮิปโนซอยต์เป็นสาเหตุที่การติดเชื้อ P. vivax มีระยะฟักนานและการเป็นโรคกลับภายหลัง ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า P. ovale มีระยะฮิปโนซอยต์ด้วยหรือไม่ ปรสิตมาลาเรียแทบไม่ถูกระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายกำจัด เพราะวงจรชีวิตในมนุษย์ส่วนใหญ่อยู่ในเซลล์ตับและเซลล์เม็ดเลือดแดง ทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายตรวจไม่พบ อย่างไรก็ดี เซลล์เม็ดเลือดที่ติดเชื้อจะถูกกรองและทำลายทิ้งที่ม้าม ซึ่งเป็นการทำลายเชื้อได้ทางหนึ่ง อย่างไรก็ดี เชื้อ P. falciparum มีวิธีหลบหลีกจากกระบวนการของร่างกายดังกล่าวโดยปรสิตจะมีการสร้างโปรตีนยึดเกาะบนผิวเซลล์เม็ดเลือดแดง ทำให้เม็ดเลือดแดงที่ติดเชื้อไปติดอยู่กับผนังหลอดเลือดขนาดเล็ก ซึ่งทำให้เม็ดเลือดติดเชื้อนั้นไม่ถูกกำจัดที่ม้าม การอุดกั้นหลอดเลือดขนาดเล็กก่อให้เกิดอาการ เช่น ในมาลาเรียรก (placental malaria) เซลล์เม็ดเลือดแดงที่ติดผนังหลอดเลือดขนาดเล็กนี้สามารถเจาะผ่าน blood–brain barrier และทำให้เกิดมาลาเรียขึ้นสมอง (cerebral malaria) ได้ความต้านทานทางพันธุกรรม ความต้านทานทางพันธุกรรม. ตามการทบทวนในปี 2548 โรคมาลาเรียได้สร้างความกดดันการคัดเลือกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อจีโนมมนุษย์ในประวัติศาสตร์ล่าสุด เนื่องจากระดับอัตราตายและอัตราการเกิดโรคจากมาลาเรียสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งชนิด P. falciparum ปัจจัยทางพันธุกรรมหลายอย่างให้ความต้านทานมาลาเรียบ้าง เช่น ลักษณะเซลล์รูปเคียว ลักษณะธาลัสซีเมีย ภาวะพร่องกลูโคส-6-ฟอสเฟต ดีไฮโดรจีเนส และการขาดแอนติเจนดัฟฟีบนเม็ดเลือดแดง ผลกระทบของลักษณะเซลล์รูปเคียวต่อภูมิคุ้มกันมาลาเรียแสดงถึงการแลกเปลี่ยนทางวิวัฒนาการซึ่งเกิดขึ้นเพราะมาลาเรียประจำถิ่น ลักษณะเซลล์รูปเคียวก่อให้เกิดความบกพร่องในโมเลกุลฮีโมโกลบินในเลือด โมเลกุลเอสที่เปลี่ยนแปลงของฮีโมโกลบินทำให้เซลล์กลายเป็นรูปเคียวหรือบิดเบี้ยวเป็นทรงโค้ง ขณะที่เม็ดเลือดแดงปกติจะคงทรงเว้าเข้าหากัน เนื่องจากทรงรูปเคียว เม็ดเลือดแดงจึงมีประสิทธิภาพรับหรือปล่อยออกซิเจนด้อยกว่าปกติ การติดเชื้อมาลาเรียทำให้เม็ดเลือดแดงเป็นทรงเคี้ยวยิ่งขึ้น ฉะนั้นจึงถูกขจัดออกจากระบบไหลเวียนโลหิตเร็วขึ้น จึงเป็นการลดความถี่ซึ่งปรสิตมาลาเรียจะครบวงจรชีวิตในเซลล์ บุคคลที่เป็นฮอโมไซกัส (คือ มีแอลลีลฮีโมโกลบินบีตาที่ผิดปกติสองแอลลีล) จะเป็นโลหิตจางเม็ดเลือดแดงรูปเคียว ขณะที่ผู้ที่เป็นเฮเทอโรไซกัส (คือ มีแอลลีลปกติและผิดปกติอย่างละหนึ่ง) จะมีความต้านทานต่อมาลาเรีย แม้ว่าความคาดหมายการคงชีพของผู้มีสภาพฮอโมไซกัสจะไม่ดำรงความอยู่รอดของลักษณะดังกล่าว แต่ลักษณะนี้ยังสืบทอดมาเพราะประโยชน์จากแบบเฮเทอโรไซกัสการทำหน้าที่ผิดปรกติของตับ การทำหน้าที่ผิดปรกติของตับ. การทำหน้าที่ผิดปรกติของตับอันเป็นผลจากมาลาเรียนั้นพบไม่บ่อยและโดยปกติเกิดเฉพาะในผู้ที่มีภาวะของตับอื่นอยู่ก่อนแล้ว เช่น ตับอักเสบจากไวรัสหรือโรคตับเรื้อรัง กลุ่มอาการดังกล่าวบางครั้งเรียก ตับอักเสบมาลาเรีย (malarial hepatitis) แม้ว่าจะถูกมองว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน้อย แต่พบโรคตับมาลาเรียมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย ความไวของตับในผู้ป่วยมาลาเรียสัมพันธ์กับโอกาสมีภาวะแทรกซ้อนและการเสียชีวิตมากขึ้นการวินิจฉัย การวินิจฉัย. เนื่องจากมาลาเรียแสดงอาการไม่จำเพาะ การวินิจฉัยมาลาเรียนอกพื้นที่ประจำถิ่นต้องมีความสงสัยระดับสูง ซึ่งอาจค้นหาได้จากต่อไปนี้ ประวัติเดินทางล่าสุด ม้ามโต มีไข้ เกล็ดเลือดในเลือดต่ำ และมีระดับบิลิรูบินในเลือดสูงกว่าปกติร่วมกับระดับเม็ดเลือดขาวปกติ มักยืนยันมาลาเรียด้วยการตรวจฟิล์มเลือดด้วยกล้องจุลทรรศน์ หรือด้วยการทดสอบวินิจฉัยรวดเร็ว (RDT) โดยใช้แอนติเจน จุลทรรศนศาสตร์เป็นวิธีที่ใช้มากที่สุดเพื่อตรวจจับปรสิตมาลาเรีย โดยในปี 2553 มีการตรวจฟิล์มเลือดเพื่อหามาลาเรียราว 165 ล้านฟิล์ม แม้ว่าจะมีการใช้แพร่หลาย การวินิจฉัยด้วยจุลทรรศนศาสตร์มีข้อเสียหลักสองประการ คือ หลายสถานที่ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชนบท) ไม่มีเครื่องมือเพียงพอที่จะดำเนินการทดสอบ และความแม่นของผลขึ้นอยู่กับทั้งทักษะของผู้ตรวจฟิล์มเลือดและระดับปรสิตในเลือด ความไวของฟิล์มเลือดมีพิสัยตั้งแต่ 75–90% ในสภาพเหมาะที่สุด ไปจนถึง 50% ชุดน้ำยาตรวจอย่างรวดเร็วที่มีขายเชิงพาณิชย์มักทำนายการมีปรสิตมาลาเรียได้แม่นกว่าฟิล์มเลือด แต่ชุดน้ำยาตรวจดังกล่าวมีความไวและความจำเพาะวินิจฉัยแปรผันขึ้นอยู่กับผู้ผลิต และไม่สามารถบอกได้ว่ามีปรสิตมากเท่าใด ในท้องที่ที่การทดสอบทางห้องปฏิบัติการมีพร้อมแล้ว ควรตั้งข้อสงสัยหรือทดสอบหามาลาเรียในผู้ป่วยทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ซึ่งมีมาลาเรียประจำถิ่น ในพื้นที่ซึ่งไม่สามารถจ่ายการทสอบวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการได้ การใช้เพียงประวัติไข้เพื่อเป็นการบ่งชี้การรักษามาลาเรียกลายเป็นปกติ ซึ่งเป็นคำสอนปกติ "ไข้เท่ากับมาลาเรียเว้นแต่พิสูจน์ได้เป็นอย่างอื่น" ข้อเสียของการปฏิบัตินี้คือ การวินิจฉัยมาลาเรียเกินความเป็นจริงและการจัดการกับไข้ที่ไม่ได้สาเหตุจากมาลาเรียอย่างผิด ๆ ซึ่งสิ้นเปลืองทรัพยากรอันจำกัด บั่นทอนความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขและส่งเสริมการดื้อยา แม้จะมีการพัฒนาการทดสอบที่ใช้ปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรสขึ้น แต่ในปี 2555 การทดสอบดังกล่าวยังไม่มีใช้แพร่หลายในพื้นที่ซึ่งพบมาลาเรียเป็นปกติ เนื่องจากเป็นวิธีที่ซับซ้อนการจำแนก การจำแนก. องค์การอนามัยโลกจำแนกมาลาเรียเป็น "มีอาการรุนแรง" หรือ "ไม่มีอาการแทรกซ้อน" หากเข้าข่ายเกณฑ์ด้านล่างนี้แม้แต่ข้อหนึ่งให้เป็นมาลาเรียที่มีอาการรุนแรง มิฉะนั้นให้ถือเป็นมาลาเรียที่ไม่มีอาการแทรกซ้อน- ความรู้สึกตัวลดลง - อ่อนเพลียมากจนไม่สามารถเดินได้ - ไม่สามารถกินอาหารเองได้ - ชักมากกว่าหนึ่งครั้ง - ความดันโลหิตต่ำ (น้อยกว่า 70 มม.ปรอทในผู้ใหญ่ และ 50 มม.ปรอทในเด็ก) - หายใจลำบาก - ช็อกจากการไหลเวียนโลหิต - ไตล้มเหลวหรือมีฮีโมโกลบินในปัสสาวะ - มีเลือดออก หรือฮีโมโกลบินน้อยกว่า 50 ก./ลิตร (5 ก./เดซิลิตร) - ปอดบวมน้ำ - กลูโคสในเลือดน้อยกว่า 2.2 มิลลิโมลาร์/ลิตร (40 มก./เดซิลิตร) - ภาวะกระเดียดกรดหรือระดับแลกเตดสูงกว่า 5 มิลลิโมลาร์/ลิตร) - ระดับปรสิตในเลือดสูงกว่า 100,000 ต่อไมโครลิตรในพื้นที่ส่งผ่านความเข้มต่ำ (low-intensity transmission area) หรือ 250,000 ต่อไมโครลิตรในพื้นที่ส่งผ่านความเข้มสูง (high-intensity transmission area) มาลาเรียขึ้นสมองนิยามว่าเป็นมาลาเรียชนิด P. falciparum ที่มีอาการรุนแรงซึ่งแสดงด้วยอาการทางประสาทวิทยา รวมถึงโคม่า (โดยมีแบบประเมินความรู้สึกตัวของกลาสโกวน้อยกว่า 11 หรือแบบประเมินความรู้สึกตัวแบลนไทร์มากกว่า 3) หรือโคม่าที่กินเวลานานกว่า 30 นาทีหลังชักการป้องกัน การป้องกัน. วิธีซึ่งใช้ป้องกันมาลาเรีย ได้แก่ ยารักษาโรค การกำจัดยุงและการป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัด ไม่มีวัคซีนมาลาเรีย มาลาเรียจะมีในพื้นที่ซึ่งมีความหนาแน่นของประชากรมนุษย์สูง มีความหนาแน่นของประชากรยุงก้นปล่องสูงและอัตราการส่งผ่านจากมนุษย์สู่ยุงและจากยุงสู่มนุษย์สูง หากปัจจัยข้อหนึ่งข้อใดลดลงมากพอ ปรสิตมาลาเรียจะหายไปจากพื้นที่นั้นในที่สุด ดังที่เกิดขึ้นแล้วในทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปยุโรปและตะวันออกกลางบางส่วน ทว่า แม้ว่าปรสิตมาลาเรียจะถูกกำจัดหมดไปจากโลกแล้ว ปรสิตก็อาจกลับมาหากสภาวะต่าง ๆ กลับเอื้ออำนวยต่อการสืบพันธุ์ของปรสิตอีก ยิ่งไปกว่านั้น ราคาต่อคนของการกำจัดยุงก้นปล่องเพิ่มขึ้นเมื่อความหนาแน่นของประชากรลดลง ทำให้วิธีดังกล่าวไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจในบางพื้นที่ การป้องกันมาลาเรียอาจคุ้มค่ากว่าการรักษาโรคในระยะยาว แต่ประชากรยากจนที่สุดของโลกไม่สามารถจ่ายราคาเริ่มต้นได้ ราคาการควบคุม (ให้ความประจำถิ่นต่ำ) และโครงการกำจัดในแต่ละประเทศมีผลต่างกว้าง ตัวอย่างเช่น ในประเทศจีน ซึ่งรัฐบาลในปี 2553 ประกาศยุทธศาสตร์ในการกำจัดมาลาเรียในจีน การลงทุนที่กำหนดเป็นสัดส่วนน้อยของรายจ่ายสาธารณะด้านสาธารณสุข ในทางตรงข้าม โครงการคล้ายกันในประเทศแทนซาเนียจะมีมูลค่าประเมินไว้หนึ่งในห้าของงบประมาณสาธารณสุขการควบคุมตัวนำโรค การควบคุมตัวนำโรค. การควบคุมตัวนำโรค หมายถึง วิธีซึ่งใช้ลดมาลาเรียด้วยการลดระดับการส่งผ่านโดยยุง สำหรับการป้องกันส่วนบุคคล สารขับไล่แมลงอันทรงประสิทธิภาพที่สุดอาศัยดีอีอีทีหรือพิคาริดิน มีการแสดงแล้วว่า มุ้งชุบยาฆ่าแมลงและการพ่นเคมีชนิดมีฤทธิตกค้าง (indoor residual spraying) มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันมาลาเรียในเด็กในพื้นที่ซึ่งพบมาลาเรียทั่วไป การรักษาผู้ป่วยยืนยันแล้วอย่างทันท่วงทีด้วยการรักษาแบบผสมที่อาศัยอาร์ติมิซินินยังอาจลดการส่งผ่านได้ มุ้งช่วยกันยุงจากมนุษย์และลดอัตราการติดเชื้อและส่งผ่านมาลาเรีย มักชุบมุ้งด้วยยาฆ่าแมลงซึ่งออกแบบมาเพื่อฆ่ายุงก่อนยุงหาทางผ่านมุ้งได้ มีการประเมินว่ามุ้งชุบยาฆ่าแมลงมีประสิทธิภาพเป็นสองเท่าของมุ้งที่ไม่ได้ชุบยาและให้การป้องกันดีกว่าการไม่ใช้มุ้ง 70% ระหว่างปี 2543 ถึง 2551 มุ้งชุบยาฆ่าแมลงช่วยชีวิตทารก 250,000 คนโดยประมาณในแอฟริกาใต้สะฮารา ครัวเรือนราว 13% ในประเทศใต้สะฮารามีมุ้งชุบยาฆ่าแมลง ในปี 2543 มุ้งป้องกันเด็กแอฟริกา 1.7 ล้านคน (1.8%) ที่อาศัยอยู่ในสภาวะมาลาเรียประจำถิ่นคงตัว จำนวนเด็กแอฟริกาที่ใช้มุ้งชุบยาฆ่าแมลงเพิ่มขึ้นเป็น 20.3 ล้านคน (18.5%) ในปี 2550 ทว่าอีก 89.6 ล้านคนยังไม่ได้รับการป้องกัน ในปี 2551 มีการประเมินว่าครัวเรือนแอฟริกา 31% มีมุ้งชุบยาฆ่าแมลงอย่างน้อยหนึ่งหลัง มุ้งส่วนมากถูกชุบด้วยไพรีทรอยด์ ซึ่งเป็นยาฆ่าแมลงชนิดมีพิษต่ำ การใช้ที่แนะนำคือให้แขวนมุ้งไว้เหนือกลางเตียงให้แขวนอยู่เหนือเตียงทั้งหมดโดยพับขอบเข้า มุ้งชุบไพรีทรอยต์และมุ้งชุบยาฆ่าแมลงที่ออกฤทธิ์นานให้การป้องกันอย่างดีที่สุด และมีประสิทธิภาพมากที่สุดเมื่อใช้ตั้งแต่เย็นถึงเช้า การพ่นเคมีชนิดมีฤทธิตกค้างเป็นการพ่นยาฆ่าแมลงบนผนังภายในบ้าน หลังดูดเลือดแล้ว ยุงจำนวนมากจะพักบนพื้นผิวใกล้เคียงขณะย่อย ฉะนั้นหากฉาบผนังบ้านด้วยยาฆ่าแมลง ยุงที่พักอยู่จะตายก่อนที่จะทันได้กัดคนอื่นและส่งผ่านปรสิตมาลาเรีย ในปี 2549 องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ใช้ยาฆ่าแมลง 12 ชนิดในการพ่นเคมีชนิดมีฤทธิตกค้าง รวมถึงดีดีทีและไซฟลูทรินและเดลตาเมทรินในกลุ่มไพรีทรอยด์ อนุสัญญาสตอกโฮล์มอนุญาตให้ใช้ดีดีทีปริมาณน้อยในทางสาธารณสุข แต่ห้ามการใช้ในทางการเกษตร ปัญหาหนึ่งของการพ่นเคมีชนิดมีฤทธิตกค้างทุกรูปแบบ คือ การดื้อยาฆ่าแมลง ยุงที่ได้รับผลกระทบจากการพ่นเคมีชนิดมีฤทธิตกค้างมีแนวโน้มพักและอาศัยอยู่ในอาคาร และเนื่องจากการระคายเคืองอันเกิดจากการฉีดพ่น ลูกหลานของมันมีแนวโน้มจะพักและอาศัยอยู่นอกอาคารมากกว่า หมายความว่า พวกมันจะได้รับผลกระทบจากการพ่นเคมีชนิดมีฤทธิตกค้างน้อยกว่า มีวิธีอื่นอีกหลายวิธีในการลดยุงกัดและชะลอการระบาดของมาลาเรีย ความพยายามลดลูกน้ำโดยลดการเข้าถึงแหล่งน้ำเปิดซึ่งเป็นที่เจริญของยุงหรือโดยการเพิ่มสารเพื่อลดการเจริญของยุงนั้นมีประสิทธิภาพในบางที่ ไม่มีหลักฐานสนับสนุนอุปกรณ์ขับไล่ยุงอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งสร้างเสียงความถี่สูงมากซึ่งน่าจะช่วยไล่ยุงเพศเมียวิธีการอื่น วิธีการอื่น. มีการใช้วิธีการมีส่วนร่วมของชุมชนและยุทธศาสตร์สุขศึกษาซึ่งเสริมสร้างความตระหนักมาลาเรียและความสำคัญของมาตรการควบคุมเพื่อลดอุบัติการณ์ของมาลาเรียในโลกกำลังพัฒนาบางพื้นที่อย่างได้ผล การรับรู้โรคในระยะต้น ๆ สามารถหยุดไม่ให้โรคถึงตายได้ การศึกษายังสามารถแจ้งประชาชนให้ปิดบริเวณน้ำนิ่ง เช่น แทงก์น้ำ ซึ่งเป็นแหล่งผสมพันธุ์ชั้นดีสำหรับปรสิตและยุง ฉะนั้นจึงลดความเสี่ยงของการส่งผ่านระหว่างมนุษย์ได้ วิธีการนี้โดยทั่วไปใช้ในเขตเมืองซึ่งมีศูนย์ประชากรขนาดใหญ่ในพื้นที่จำกัดและมีแนวโน้มการส่งผ่านในพื้นที่เหล่านี้มาก การบำบัดป้องกันมีเว้นระยะ (intermittent preventive therapy) เป็นอีกการช่วยเหลือหนึ่งที่ใช้เพื่อควบคุมมาลาเรียในสตรีมีครรภ์และทารก และเด็กก่อนวัยเรียนซึ่งการส่งผ่านเป็นแบบตามฤดูกาลได้สำเร็จยารักษาโรค ยารักษาโรค. มียาหลายชนิดที่สามารถช่วยป้องกันมาลาเรียขณะเดินทางไปยังถิ่นระบาดได้ ยาเหล่านี้ส่วนมากบางครั้งใช้ในการรักษาด้วย คลอโรควินอาจใช้ได้ในที่ซึ่งปรสิตยังไวต่อยา เนื่องจาก Plasmodium ส่วนใหญ่ดื้อต่อยารักษาโรคตั้งแต่หนึ่งชนิดขึ้นไป จึงมักใช้ยาหนึ่งในสามชนิดนี้ เมโฟลควิน (ลาเรียม) ดอกซีไซคลีน หรือการรวมอะโตวาโควนและโพรกวานิลไฮโดรคลอไรด์ (มาลาโรน) ผู้ป่วยสามารถทนฤทธิ์ยาดอกซีไซคลินและการรวมอะโตวาโควนและโพรกวานิลได้ดีที่สุด เมโฟลควินสัมพันธ์กับการเสียชีวิต การฆ่าตัวตาย และอาการทางประสาทวิทยาและจิตเวช ผลคุ้มครองยังไม่เริ่มทันที และผู้ที่จะเดินทางไปยังพื้นที่ถิ่นระบาดของมาลาเรียปกติทานยาหนึ่งถึงสองสัปดาห์ก่อนเดินทางไปและยังทานต่อไปสี่ถึงหกสัปดาห์หลังเดินทางกลับ (ยกเว้นอะโตวาโควน/โพรกวานิล ซึ่งต้องเริ่มสองวันก่อนเดินทางและทานต่อเนื่องเป็นเวลาเจ็ดวันจากนั้น) การใช้ยาคุ้มครองแทบไม่ได้ผลสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่มีมาลาเรียอยู่แล้ว และปกติใช้เฉพาะในผู้เดินทางและนักท่องเที่ยวระยะสั้นเท่านั้น ทั้งนี้ เนื่องจากราคายา ผลข้างเคียงจากการใช้ระยะยาว และความยากในการได้มาซึ่งยาต้านมาลาเรียในประเทศยากจน การใช้ยาคุ้มครองในที่ซึ่งมียุงที่เป็นตัวนำโรคมาลาเรียอาจส่งเสริมให้มีการพัฒนาการดื้อยาบางส่วน (partial resistance)การรักษา การรักษา. มาลาเรียรักษาด้วยยารักษาโรคต้านมาลาเรีย ยาที่ใช้ขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของโรค แม้ว่ามีการใช้ยาลดไข้ทั่วไป แต่ผลของยาต่อผลลัพธ์นั้นไม่ชัดเจน มาลาเรียชนิดไม่มีอาการแทรกซ้อนอาจรักษาด้วยยารักษาโรคทางปาก การรักษาการติดเชื้อ P. falciparum ที่ได้ผลที่สุด คือ การใช้อาร์ตีมิซินินรวมกับยาต้านมาลาเรียอื่น (รู้จักกันในชื่อ การบำบัดรวมอาร์ตีมิซินิน [artemisinin-combination therapy หรือ ACT]) ซึ่งลดการดื้อยาต่อส่วนประกอบยาเดี่ยว ๆ ยาต้านมาลาเรียเพิ่มเหล่านี้ได้แก่ เอโมไดอาควิน ลูมิแฟนทริน เมโฟลควินหรือซัลฟาดอกซิน/ไพริเมทามีน การรวมอีกแบบหนึ่งที่แนะนำ คือ ไดไฮโดรอาร์ตีมิซินินและไพเพอราควิน ACT ใช้รักษามาลาเรียชนิดไม่มีอาการแทรกซ้อนได้ผลราว 90% องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ใช้ควินินและคลินดามัยซินในการรักษามาลาเรียขณะตั้งครรภ์ช่วงแรก (ไตรมาสที่ 1) และ ACT ในช่วงหลัง (ไตรมาสที่ 2 และ 3) เมื่อใช้รักษามาลาเรียระหว่างการต้งครรภ์ ในคริสต์ทศวรรษ 2000 มีมาลาเรียที่ดื้ออาร์ตีมิซินินบางส่วนเกิดขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การติดเชื้อ P. vivax, P. ovale หรือ P. malariae ปกติรักษาโดยไม่ต้องอยู่โรงพยาบาล การรักษา P. vivax ต้องมีทั้งการรักษาระยะเลือด (ด้วยคลอโรควินหรือ ACT) ตลอดจนการรักษาเชื้อในรูปตับด้วยไพรมาควิน การรักษามาลาเรียชนิดรุนแรงที่แนะนำ คือ การใช้ยาต้านมาลาเรียในหลอดเลือดดำ สำหรับมาลาเรียชนิดรุนแรง อาร์ตีซูเนตให้ผลดีกว่าควินินทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ การรักษามาลาเรียชนิดรุนแรงเกี่ยวข้องกับมาตรการประคับประคองซึ่งควรทำในหน่วยอภิบาล ซึ่งรวมการจัดการไข้สูงเกินและการชักซึ่งอาจเกิดจากมาลาเรีย นอกจากนี้ ยังรวมการเฝ้าดูอาการหายใจเร็วกว่าปกติ น้ำตาลในเลือดต่ำ และโพแทสเซียมในเลือดต่ำด้วยการดื้อยา การดื้อยา. การดื้อยาเป็นปัญหาที่เพิ่มขึ้นของการรักษามาลาเรียในคริสต์ศตวรรษที่ 21 ปัจจุบัน การดื้อยาพบทั่วไปต่อยาต้านมาลาเรียทุกกลุ่ม ยกเว้นอาร์ตีมิซินิน การรักษาสายพันธุ์ดื้อยาต้องอาศัยยากลุ่มนี้มากขึ้น ราคาของอาร์ตีมิซินินทำให้มีการใช้ในประเทศกำลังพัฒนาจำกัด สายพันธุ์มาลาเรียที่พบตรงชายแดนกัมพูชา-ไทยดื้อต่อการบำบัดรวมซึ่งรวมอาร์ตีมิซินิน ฉะนั้นจึงอาจรักษาไม่ได้เลย การสัมผัสประชากรปรสิตต่อการบำบัดด้วยอาร์ตีมิซินินอย่างเดียว (artemisinin monotherapy) ในขนาดต่ำกว่ารักษาโรคได้เกิน 30 ปีและการมีอาร์ตีมิซินินต่ำกว่ามาตรฐานมีแนวโน้มผลักดันการเลือกฟีโนไทป์ที่ดื้อยา การดื้ออาร์ตีมิซินินพบแล้วในประเทศกัมพูชา พม่า ไทยและเวียดนามการพยากรณ์โรค การพยากรณ์โรค. เมื่อรักษาอย่างเหมาะสม ผู้ป่วยมาลาเรียสามารถคาดหมายการฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ ทว่า มาลาเรียรุนแรงสามารถดำเนินอย่างรวดเร็วยิ่งและทำให้เสียชีวิตได้ในไม่กี่ชั่วโมงหรือวัน ในผู้ป่วยมาลาเรียที่รุนแรงที่สุด อัตราป่วยตายอาจถึง 20% แม้ได้รับการอภิบาลและรักษาก็ตาม ในระยะยาว มีบันทึกความบกพร่องทางการเจริญในเด็กที่ป่วยเป็นมาลาเรียรุนแรงหลายครั้ง การติดเชื้อเรื้อรังโดยไม่เป็นโรครุนแรงสามารถเกิดได้ในกลุ่มอาการภูมิคุ้มกันบกพร่องซึ่งสัมพันธ์กับการตอบสนองที่ลดลงต่อแบคทีเรียซัลโมเนลลาและไวรัสเอ็ปไตน์–บาร์ ในวัยเด็ก มาลาเรียทำให้เกิดโลหิตจางระหว่างการเจริญของสมองที่รวดเร็ว และยังก่อความเสียหายโดยตรงต่อสมองอันเกิดจากมาลาเรียขึ้นสมอง ผู้รอดชีวิตจากมาลาเรียขึ้นสมองบางส่วนมีความเสี่ยงต่อความบกพร่องทางประสาทวิทยาและการรู้ ความผิดปกติทางพฤติกรรมและโรคลมชักเพิ่มขึ้น มาตรการป้องกันโรคมาลาเรียแสดงแล้วว่าช่วยพัฒนาการทำหน้าที่การรู้และผลการเรียนในการทดลองทางคลินิกเมื่อเทียบกับกลุ่มยาหลอกระบาดวิทยา ระบาดวิทยา. องค์การอนามัยโลกประเมินว่าในปี 2553 มีผู้ป่วยมาลาเรีย 219 ล้านคน มีผู้เสียชีวิต 660,000 คน องค์การอื่นประเมินจำนวนผู้ป่วยไว้ระหว่าง 350 ถึง 550 ล้านคนสำหรับมาลาเรียชนิดฟัลซิปารัม และมีผู้เสียชีวิต 1.24 ล้านคนในปี 2553 เพิ่มขึ้นจาก 1.0 ล้านคนในปี 2533 ผู้ป่วยส่วนใหญ่ (65%) เป็นเด็กอายุน้อยกว่า 15 ปี สตรีมีครรภ์ราว 125 ล้านคนเสี่ยงต่อการติดเชื้อทุกปี ในแอฟริกาใต้สะฮารา มาลาเรียของมารดาสัมพันธ์กับการเสียชีวิตของทารกที่ประเมินถึง 200,000 คนต่อปี มีผู้ป่วยมาลาเรียราว 10,000 คนต่อปีในยุโรปตะวันตก และ 1,300–1,500 คนต่อปีในสหรัฐอเมริกา ราว 900 คนเสียชีวิตจากโรคในทวีปยุโรประหว่างปี 2536 ถึง 2546 ทั้งอุบัติการณ์ของโรคทั่วโลกและอัตราตายอันเกิดจากโรคลดลงในช่วงหลัง ตามข้อมูลองค์การอนามัยโลก การเสียชีวิตจากโรคมาลาเรียในปี 2553 ลดลงกว่าหนึ่งในสามจากปี 2543 ซึ่งประเมินไว้ 985,000 คน ส่วนใหญ่เนื่องจากการใช้มุ้งชุบยาฆ่าแมลงและการบำบัดผสมผสานยึดอาร์ตีมิซินิน ในปี 2555 มีผู้ป่วยมาลาเรีย 207 ล้านคน ในปีนั้น ประมาณว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคระหว่าง 473,000 ถึง 789,000 คน ซึ่งจำนวนมากเป็นเด็กในทวีปแอฟริกา ความพยายามลดโรคมาลาเรียในทวีปแอฟริกานับแต่เริ่มสหัสวรรษใหม่มีผลบางส่วน โดยอัตราโรคในทวีปแอฟริกาลดลงโดยประมาณ 40% มาลาเรียปัจจุบันประจำถิ่นในแถบกว้างรอบเส้นศูนย์สูตร ในพื้นที่ทวีปอเมริกา หลายส่วนของทวีปเอเชีย และส่วนใหญ่ของทวีปแอฟริกา พบการเสียชีวิตจากมาลาเรีย 85–90% ในแอฟริกาใต้สะฮารา ประเมินปี 2552 รายงานว่าประเทศที่มีอัตราตายสูงสุดต่อประชากร 100,000 คน คือ ไอวอรีโคสต์ (86.15) แองโกลา (56.93) และบูร์กินาฟาโซ (50.66) ประเมินปี 2553 ชี้ว่าประเทศที่มีการเสียชีวิตจากมาลาเรียมากที่สุดต่อประชากร คือ ประเทศบูร์กินาฟาโซ โมซัมบิกและมาลี โครงการแอตลัสมาลาเรียมุ่งทำแผนที่ระดับประจำถิ่นทั่วโลกของมาลาเรีย โดยเป็นวิธีใช้ตัดสินการจำกัดตามพื้นที่ทั่วโลกของโรคและประเมินภาระโรค ความพยายามนี้นำไปสู่การพิมพ์เผยแพร่แผนที่ภาวะประจำถิ่นของ P. falciparum ในปี 2553 ซึ่งราว 100 ประเทศมีมาลาเรียประจำถิ่น ทุกปี นักเดินทางระหว่างประเทศ 125 ล้านคนเดินทางเข้าประเทศเหล่านี้ และกว่า 30,000 คนสัมผัสโรค การกระจายทางภูมิศาสตร์ของมาลาเรียในภูมิภาคขนาดใหญ่มีความซับซ้อน และพื้นที่ที่มีมาลาเรียกับพื้นที่ปลอดมาลาเรียมักพบติดกัน มาลาเรียชุกในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนเพราะปริมาณฝน อุณหภูมิสูงต่อเนื่องและความชื้นสูง ร่วมกับน้ำนิ่งซึ่งลูกน้ำพร้อมเจริญเป็นตัวเต็มวัย ทำให้พวกมันมีสิ่งแวดล้อมที่จำเป็นต่อการแพร่พันธุ์อย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่ที่แห้งแล้งกว่า การระบาดของมาลาเรียสามารถทำนายได้ค่อนข้างแม่นยำโดยการทำแผนที่ปริมาณฝน มาลาเรียพบในเขตชนบทมากกว่าในเมือง ตัวอย่างเช่น หลายนครในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปลอดมาลาเรียเป็นหลัก แต่โรคชุกในเขตชนบทหลายแห่ง รวมถึงตามเขตแดนระหว่างประเทศและชายป่า ในทางตรงข้าม มาลาเรียในทวีปแอฟริกาพบทั้งในเขตชนบทและเมือง แม้ความเสี่ยงในเมืองใหญ่จะมีต่ำกว่าประวัติ ประวัติ. แม้ปรสิตซึ่งก่อโรคมาลาเรีย P. falciparum มีมา 50,000–100,000 ปีแล้ว แต่ขนาดประชากรของปรสิตนั้นไม่เพิ่มจนราว 10,000 ปีก่อน ซึ่งพร้อมกับความก้าวหน้าทางเกษตรกรรม และการพัฒนานิคมมนุษย์ ยังพบเชื้อที่ใกล้ชิดกับปรสิตมาลาเรียมนุษย์ทั่วไปในชิมแพนซี หลักฐานบางอย่างแนะว่า มาลาเรีย P. falciparum อาจกำเนิดในกอริลลา พบการอ้างถึงไข้ตามคาบอันเป็นเอกลักษณ์ของมาลาเรียตลอดประวัติศาสตร์ที่มีบันทึก เริ่มตั้งแต่ 2700 ปีก่อนคริสตกาลในจีน มาลาเรียอาจมีส่วนต่อความเสื่อมลงของจักรวรรดิโรมัน และมีการแพร่ระบาดในโรมมากเสียจนได้ชื่อว่า "ไข้โรมัน" บางภูมิภาคในโรมโบราณถือว่าเสี่ยงต่อโรคเพราะมีสภาพเอื้ออำนวยต่อตัวนำโรคมาลาเรีย พื้นที่ดังกล่าว เช่น ประเทศอิตาลีตอนใต้ เกาะซาร์ดีเนีย หนองปอนตีเน ภูมิภาคต่ำของอิทรูเรียฝั่ง และนครโรมตามแม่น้ำไทเบอร์ ยุงชอบน้ำนิ่งในที่เหล่านี้สำหรับเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ สวนชลประทาน ดินคล้ายบึง น้ำไหลผ่านจากการเกษตร และปัญหาการระบายน้ำจากการสร้างถนนทำให้มีน้ำนิ่งเพิ่มขึ้น คำว่า มาลาเรีย กำเนิดจากภาษาอิตาลีสมัยกลาง mala aria หมายถึง "อากาศเสีย" โรคนี้เดิมเรียก ไข้จับสั่น (ague) หรือไข้หนอง เนื่องจากสัมพันธ์กับบึงหนอง มาลาเรียเคยพบมากในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบันไม่ใช่ถิ่นระบาดแล้ว แม้ยังมีผู้ป่วยเข้าประเทศบ้าง การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ทำให้มีความก้าวหน้าสำคัญครั้งแรกใน พ.ศ. 2423 เมื่อแพทย์ทหารชาวฝรั่งเศสซึ่งทำงานในโรงพยาบาลทหารเมืองกงส์ต็องตีน ประเทศแอลจีเรีย ชื่อ ชาร์ล หลุยส์ อาลฟงส์ ลาฟว์ร็อง สังเกตปรสิตในเม็ดเลือดแดงของผู้ติดเชื้อมาลาเรียเป็นครั้งแรก จึงเสนอว่า มาลาเรียเกิดจากสิ่งมีชีวิตนี้ ครั้งแรกระบุว่าโพรทิสตาเป็นตัวก่อโรค จากการค้นพบนี้และภายหลัง ทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ใน พ.ศ. 2450 ปีต่อมา การ์โลส ฟินไลย์ แพทย์ชาวคิวบาที่รักษาผู้ป่วยไข้เหลืองในกรุงฮาวานาพบหลักฐานแน่นหนาว่า ยุงส่งผ่านเชื้อไปและรับมาจากมนุษย์ งานนี้มีหลังการเสนอก่อนหน้าโดยโจไซอา ซี. นอตต์ (Josiah C. Nott) และงานโดยเซอร์แพตทริก แมนซัน "บิดาเวชศาสตร์เขตร้อน" เรื่อง การแพร่เชื้อโรคเท้าช้าง ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2437 แพทย์ชาวสกอต เซอร์โรนัลด์ รอสเยี่ยมเซอร์แพตทริก แมนซันที่บ้านเขาบนถนนควีนแอนน์ กรุงลอนดอน การเยี่ยมครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือและการวิจัยอย่างกระตือรือร้นสี่ปีซึ่งเสร็จสิ้นใน พ.ศ. 2441 เมื่อรอส ซึ่งขณะนั้นกำลังทำงานในโรงพยาบาลประธาน (Presidency General Hospital) ในโกลกาตา พิสูจน์วงจรชีวิตสมบูรณ์ของปรสิตมาลาเรียในยุง เขาจึงพิสูจน์ว่ายุงเป็นตัวนำโรคมาลาเรียในมนุษย์โดยการแสดงว่ายุงบางสปีชีส์แพร่เชื้อมาลาเรียสู่นก เขาแยกปรสิตมาลาเรียจากต่อมน้ำลายของยุงที่ดูดเลือดจากนกที่ติดเชื้อ รอสได้รับรางวัลโนเบลสาขาแพทยศาสตร์ประจำ พ.ศ. 2445 สำหรับงานนี้ หลังลาออกจากราชการแพทย์อินเดีย รอสทำงานที่โรงเรียนเวชศาสตร์เขตร้อนลิเวอร์พูลและเป็นผู้นำความพยายามเพื่อควบคุมมาลาเรียในประเทศอียิปต์ ปานามา กรีซและมอริเชียส ภายหลังคณะกรรมการแพทย์อันมีวัลเทอร์ รีดเป็นผู้นำยืนยันการค้นพบของฟินไลย์และรอสใน พ.ศ. 2443 วิลเลียม ซี. กอร์แกส (William C. Gorgas) นำการแนะนำของคณะกรรมการฯ ไปปฏิบัติในมาตรการสุขภาพที่ดำเนินระหว่างการก่อสร้างคลองปานามา งานสาธารณสุขนี้ช่วยชีวิตคนงานหลายพันคนและช่วยพัฒนาวิธีที่ใช้ในการรณรงค์สาธารณสุขต่อโรคในภายหน้า การรักษามาลาเรียที่ได้ผลอย่างแรกมาจากเปลือกต้นซิงโคนา (cinchona) ซึ่งมีควินิน ต้นไม้นี้ขึ้นบนที่ลาดของเทือกเขาแอนดีส ในประเทศเปรูเป็นหลัก ชนพื้นเมืองของเปรูนำสารละลายแอลกอฮอล์ซิงโนามาควบคุมไข้ พบประสิทธิภาพต่อมาลาเรียและคณะเยสุอิตนำการรักษานี้มาทวีปยุโรปราว พ.ศ. 2183 ใน พ.ศ. 2220 ยานี้รวมอยู่ในตำรับยาลอนดอนเป็นการรักษาต้านมาลาเรีย แต่ก็ล่วงถึง พ.ศ. 2363 จึงได้มีการแยกส่วนประกอบออกฤทธิ์ คือ ควินิน จากเปลือกไม้ แยกและตั้งชื่อโดยนักเคมีชาวฝรั่งเศส ปีแยร์ โฌแซ็ฟ เปลติเยร์ (Pierre Joseph Pelletier) และโฌแซ็ฟ บีย็องแอเม กาว็องตู (Joseph Bienaimé Caventou) ควินินกลายเป็นยารักษาโรคมาลาเรียสำคัญจนคริสต์ทศวรรษ 1920 เมื่อเริ่มมีการพัฒนายารักษาโรคอื่น ในคริสต์ทศวรรษ 1940 ใช้คลอโรควินแทนควินินในการรักษาทั้งมาลาเรียที่ไม่มีอาการแทรกซ้อนและมาลาเรียรุนแรงจนเกิดการดื้อตามมา เริ่มแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทวีปอเมริกาใต้ในคริสต์ทศวรรษ 1950 และทั่วโลกในคริสต์ทศวรรษ 1980 อาร์ติมิซินิน ซึ่งค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวจีน ทู โหยวโหยว (Tu Youyou) และเพื่อนร่วมงานในคริสต์ทศวรรษ 1970 จากพืช Artemisia annua กลายเป็นการรักษาที่แนะนำสำหรับมาลาเรีย P. falciparum โดยให้ร่วมกับยาต้านมาลาเรียอื่นตลอดจนในโรครุนแรง มีการใช้ Plasmodium vivax ระหว่าง พ.ศ. 2460 ถึงคริสต์ทศวรรษ 1940 เพื่อการบำบัดมาลาเรีย เป็นการฉีดปรสิตมาลาเรียโดยเจตนาเพื่อชักนำให้เกิดไข้เพื่อต่อสู้กับโรคบางชนิด เช่น ซิฟิลิสตติยภูมิ ใน พ.ศ. 2461 ผู้คิดค้นเทคนิคนี้ ยูลีอุส วักแนร์-เยาเรกก์ (Julius Wagner-Jauregg) ไดรับรางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาหรือแพทยศาสตร์สำหรับการค้นพบของเขา เทคนิคนี้อันตราย ฆ่าผู้ป่วยราว 15% จึงไม่ใช้อีกต่อไป ยาฆ่าแมลงตัวแรกที่ใช้พ่นเคมีชนิดมีฤทธิตกค้าง คือ ดีดีที แม้ทีแรกจะใช้เพื่อต่อสู้กับมาลาเรียโดยเฉพาะ แต่ได้แพร่ไปใช้ในเกษตรกรรมอย่างรวดเร็ว เมื่อเวลาผ่านไป การใช้ดีดีทีหลักกลายเป็นการควบคุมศัตรูพืชแทนการควบคุมโรค และการใช้ในการเกษตรขนานใหญ่นี้นำไปสู่วิวัฒนาการของยุงดื้อในหลายภูมิภาค การดื้อดีดีทีที่ยุงลายแสดงสามารถเทียบได้กับการดื้อยาปฏิชีวินะที่แบคทีเรียแสดง ระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1960 ความตระหนักถึงผลลบของการใช้อย่างไม่เลือกเพิ่มขึ้น จนสุดท้ายนำไปสู่การห้ามใช้ดีดีทีในทางการเกษตรในหลายประเทศในคริสต์ทศวรรษ 1970 ก่อนหน้าดีดีที มาลาเรียถูกกำจัดหรือควบคุมได้สำเร็จในพื้นที่เขตร้อนอย่างประเทศบราซิลและอียิปต์โดยการขจัดหรือวางยาพิษแหล่งเพาะพันธุ์ยุงหรือที่อยู่ในน้ำของระยะลูกน้ำ ตัวอย่างเช่น การใช้สารประกอบสารหนูมีพิษสูง ปารีสกรีน กับสถานที่ซึ่งมีน้ำนิ่ง วัคซีนมาลาเรียเป็นเป้าหมายการวิจัยมาแต่อดีต มีการดำเนินการศึกษาอันแรกที่มีความหวังซึ่งแสดงศักยะของวัคซีนมาลาเรียใน พ.ศ. 2510 โดยการก่อภูมิคุ้มกันหนูด้วยสปอโรซอยต์มีชีวิตที่ถูกทำให้อ่อนฤทธิ์ด้วยรังสี ซึ่งให้การคุ้มครองอย่างสำคัญแก่หนูเมื่อภายหลังฉีดด้วยสปอโรซอยต์อยู่รอดได้ปกติ นับแต่คริสต์ทศวรรษ 1970 มีความพยายามพอสมควรในการพัฒนายุทธศาสตร์การให้วัคซีนที่คล้ายกันในมนุษย์สังคมและวัฒนธรรมผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม. ผลกระทบทางเศรษฐกิจ. มาลาเรียมิได้เป็นเพียงโรคซึ่งสัมพันธ์โดยทั่วไปกับความยากจนเท่านั้น บางหลักฐานให้ข้อมูลว่า อาจเป็นสาเหตุของความยากจนและอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ แม้ภูมิภาคเขตร้อนจะได้รับผลมากที่สุด ต่ออิทธิพลไกลที่สุดของมาลาเรียไปถึงเขตอบอุ่นบางส่วนซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลสุดโต่ง โรคสัมพันธ์กับผลลบทางเศรษฐกิจสำคัญต่อภูมิภาคซึ่งแพร่หลายนั้น ระหว่างปลายคริสต์ศตรวรรษที่ 19 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 โรคเป็นปัจจัยสำคัญในการชะลอการพัฒนาเศรษฐกิจในรัฐทางใต้ของสหรัฐอเมริกา การเปรียบเทียบจีดีพีเฉลี่ยต่อหัวใน พ.ศ. 2538 ปรับความเท่าเทียมกันของอำนาจซื้อ ระหว่างประเทศที่มีมาลาเรียกับประเทศที่ไม่มีมาลาเรียมีความแตกต่างห้าเท่า ($1,526 กับ $8,268) ในช่วง พ.ศ. 2508 ถึง 2533 ประเทศที่มีมาลาเรียทั่วไปมีจีดีพีเฉลี่ยต่อหัวเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% ต่อปี เทียบกับ 2.4% ต่อปีในประเทศอื่น ความยากจนสามารถเพิ่มความเสี่ยงของมาลาเรีย เพราะคนยากจนไม่มีสมรรถภาพทางการเงินเพื่อป้องกันหรือรักษาโรค โดยทั้งสิ้น มีการประมาณผลกระทบทางเศรษฐกิจของมาลาเรียต่อทวีปแอฟริกาเป็นมูลค่า 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ผลกระทบทางเศรษฐกิจนี้รวมมูลค่าสาธารณสุข วันทำงานที่เสียไปเนื่องจากการเจ็บป่วย วันที่เสียไปในการศึกษา ผลิตภาพลดลงเนื่องจากสมองเสียหายจากมาลาเรียขึ้นสมอง และการเสียการลงทุนและการท่องเที่ยว โรคมีภาระหนักในบางประเทศ ซึ่งคิดเป็น 30–50% ของการรับเข้ารักษาในโรงพยาบาล มากถึง 50% ของการเยี่ยมผู้ป่วยนอก และมากถึง 40% ของค่าใช้จ่ายสาธารณสุข มาลาเรียขึ้นสมองเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของความพิการทางประสาทวิทยาในเด็กชาวแอฟริกา การศึกษาเปรียบเทียบการทำหน้าที่การรู้ก่อนและหลังการบำบัดการเจ็บป่วยเป็นมาลาเรียรุนแรงต่อเนื่องแสดงให้เห็นผลการเรียนและความสามารถการรู้ที่พร่องอย่างสำคัญแม้หลังฟื้นตัวแล้ว ผลคือ มาลาเรียรุนแรงและมาลาเรียขึ้นสมองมีผลลัพธ์ทางสังคม-เศรษฐกิจกว้างขวางเกินผลทันทีของโรคยาปลอมและยาไม่ได้มาตรฐาน ยาปลอมและยาไม่ได้มาตรฐาน. พบการปลอมอย่างแนบเนียนในหลายประเทศเอเชีย เช่น ประเทศกัมพูชา จีน อินโดนีเซีย ลาว ไทยและเวียดนาม และเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตที่เลี่ยงได้ในประเทศเหล่านี้ องค์การอนามัยโลกกล่าวว่า การศึกษาชี้ว่า 40% ของยารักษาโรคมาลาเรียที่มีอาร์ตีซูเนตเป็นยาปลอม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบลุ่มน้ำโขงและได้สถาปนาระบบเตือนภัยเร็วซึ่งจะรายงานสารสนเทศเกี่ยวกับยาปลอมอย่างรวดเร็วแก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในประเทศที่เข้าร่วม ไม่มีวิถีน่าเชื่อถือแก่แพทย์หรือประชาชนในการตรวจจับยาปลอมโดยปราศจากห้องปฏิบัติการ บริษัทกำลังพยายามต่อสู้กับการมียาปลอมโดยการใช้เทคโนโลยีใหม่เพื่อให้ความปลอดภัยจากแหล่งถึงการจำหน่าย อีกความกังวลทางคลินิกและสาธารณสุขหนึ่ง คือ การเพิ่มจำนวนยาต้านมาลาเรียไม่ได้มาตรฐานอันเกิดจากความเข้มข้นของส่วนประกอบไม่เหมาะสม ปนเปื้อนด้วยยาอื่นหรือเป็นพิษ ส่วนประกอบคุณภาพต่ำและหีบห่อไม่เพียงพอ การศึกษาใน พ.ศ. 2555 แสดงว่า ยาต้านมาลาเรียราวหนึ่งในสามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกาใต้สะฮาราไม่ผ่านการวิเคราะห์ทางเคมี หีบห่อหรือถูกพิสูจน์ว่าเป็นเท็จสงคราม สงคราม. ตลอดประวัติศาสตร์ การติดมาลาเรียมีบทบาทสำคัญต่อชะตาของผู้นำรัฐบาล รัฐชาติ บุคลากรทางทหารและการปฏิบัติทางทหาร ในปี 2453 ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ โรนัลด์ รอส (ซึ่งตัวเขาเองก็รอดชีวิตจากโรคมาลาเรีย) ตีพิมพ์หนังสือชื่อ การป้องกันมาลาเรีย ซึ่งรวมบทชื่อ "การป้องกันมาลาเรียในสงคราม" ผู้ประพันธ์บท พันเอก ซี. เอช. เมลวิล ศาสตราจารย์สุขศาสตร์แห่งราชวิทยาลัยแพทย์ทหารบกในกรุงลอนดอน กล่าวถึงบทบาทสำคัญของมาลาเรียระหว่างสงครามว่า "ประวัติศาสตร์มาลาเรียในสงครามอาจถือเป็นประวัติศาสตร์สงครามทีเดียว ประวัติศาสตร์สงครามในคริสต์ศักราชแน่นอน ... อาจเป็นไปได้กรณีที่ผู้ป่วยโรคที่เรียก ไข้ค่าย (camp fever) จำนวนมาก และอาจยังรวมโรคบิดค่ายสัดส่วนพอสมควร ในสงครามคริสต์ศตวรรษที่สิบหก สิบเจ็ดและสิบแปดกำเนิดจากมาลาเรีย" มาลาเรียเคยเป็นภัยสุขภาพสำคัญที่สุดที่ทหารสหรัฐในแปซิฟิกใต้ประสบระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งทหารประมาณ 500,000 นายติดเชื้อ โจเซฟ แพทริก เบิร์น (Joseph Patrick Byrne) ระบุว่า "ทหารหกหมื่นนายเสียชีวิตด้วยโรคมาลาเรียระหว่างการทัพแอฟริกาและแปซิฟิกใต้" มีการลงทุนการเงินอย่างสำคัญเพื่อจัดหาสารต้านมาลาเรียที่มีอยู่และสร้างสารใหม่ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสงครามโลกครั้งที่สอง อุปทานไม่ต่อเนื่องของเปลือกต้นซิงโคนาและควินินอันเป็นยาต้านมาลาเรียตามธรรมชาติทำให้มีการลงทุนเพื่อวิจัยและพัฒนายาและวัคซีนอื่น องค์การทหารอเมริกาลงมือริเริ่มวิจัยดังกล่าวซึ่งรวมศูนย์วิจัยการแพทย์ทหารเรือ สถาบันวิจัยทหารบกวัลเทอร์ รีดและสถาบันวิจัยโรคติดเชื้อการแพทย์กองทัพสหรัฐแห่งกองทัพสหรัฐ นอกเหนือจากนี้ ยังมีการริเริ่มอย่างการควบคุมมาลาเรียในพื้นที่สงคราม (MCWA) ซึ่งก่อตั้งในปี 2485 และต่อมาคือ ศูนย์โรคติดต่อ (ปัจจุบันคือ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคหรือ CDC) ซึ่งก่อตั้งในปี 2489 ข้อมูลของ CDC ว่า MCWA "ตั้งขึ้นเพื่อควบคุมมาลาเรียรอบฐานฝึกทหารในสหรัฐอเมริกาภาคใต้และดินแดนของสหรัฐ ซึ่งมาลาเรียยังเป็นปัญหา"ความพยายามกำจัด ความพยายามกำจัด. มีความพยายามสำคัญหลายครั้งเพื่อกำจัดเชื้อมาลาเรียจากส่วนต่าง ๆ ของโลก หรือกำจัดมันทั่วโลก ในปี 2549 องค์การมาลาเรียโนมอร์ (Malaria No More) ตั้งเป้าสาธารณะกำจัดมาลาเรียจากทวีปแอฟริกาภายในปี 2558 และองค์การมีแผนยุบหากบรรลุเป้าหมายนั้น มีวัคซีนมาลาเรียหลายชนิดกำลังอยู่ในการทดลองทางคลินิกซึ่งตั้งใจให้การคุ้มครองแก่เด็กในพื้นที่ระบาดและช่วยลดความเร็วของการส่งผ่านโรค จวบจนปี 2555 กองทุนต่อสู้เอดส์ วัณโรคและมาลาเรียโลก (Global Fund to Fight AIDS, Tuberculosis and Malaria) ได้แจกจ่ายมุ้งชุบยาฆ่าแมลง 230 ล้านผืนซึ่งตั้งใจหยุดการส่งผ่านมาลาเรียจากยุง มูลนิธิคลินตันในสหรัฐอเมริกาทำงานเพื่อจัดการอุปทานและรักษาเสถียรภาพราคาในตลาดอาร์ตีมิซินิน ความพยายามอื่นอย่างโครงการมาลาเรียแอตลาส (Malaria Atlas Project) มุ่งวิเคราะห์สารสนเทศภูมิอากาศและสภาพอากาศซึ่งจำเป็นต่อการทำนายการระบาดของมาลาเรียอย่างแม่นยำโดยอาศัยการมีถิ่นที่อยู่ของปรสิตที่นำมาลาเรีย คณะกรรมการที่ปรึกษานโยบายมาลาเรียขององค์การอนามัยโลกก่อตั้งขึ้นในปี 2555 "เพื่อให้คำแนะนำทางยุทธศาสตร์และสิ่งเข้าเทคนิคแก่องค์การอนามัยโลกในทุกแง่มุมของการควบคุมและการกำจัดมาลาเรีย" ในเดือนพฤศจิกายน 2556 องค์การอนามัยโลกและกลุ่มผู้จัดหาทุนวัคซีนมาลาเรียวางเป้าหมายพัฒนาวัคซีนซึ่งออกแบบเพื่อหยุดยั้งการส่งผ่านมาลาเรียโดยมีเป้าหมายระยะยาวเพื่อกำจัดมาลาเรีย มาลาเรียถูกกำจัดหรือลดปริมาณลงมากสำเร็จในบางพื้นที่ มาลาเรียเคยพบทั่วไปในสหรัฐอเมริกาและทวีปยุโรปตอนใต้ แต่โครงการควบคุมตัวนำโรค ร่วมกับการเฝ้าสังเกตและรักษามนุษย์ที่ติดเชื้อ ได้กำจัดโรคจากภูมิภาคเหล่านี้ มีหลายปัจจัยส่งผล เช่น การระบายแหล่งเพาะพันธุ์ในพื้นที่ชุ่มน้ำเพื่อเกษตรกรรมและการเปลี่ยนแปลงอื่นในการปฏิบัติจัดการน้ำ และความก้าวหน้าของสุขาภิบาล ซึ่งรวมการใช้กระจกแก้วและบังตามากขึ้นในที่อยู่อาศัย มาลาเรียถูกกำจัดจากส่วนใหญ่ของสหรัฐอเมริกาในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยวิธีการเหล่านี้ และการใช้ยาฆ่าแมลงดีดีที ตลอดจนวิธีอื่นกำจัดโรคนี้จากวงที่เหลืออยู่ทางใต้ในคริสต์ทศวรรษ 1950 ในประเทศซูรินาม มีการกวาดโรคนี้จากเมืองหลวงและพื้นที่ชายฝั่งผ่านแนวทางสามง่ามที่ริเริ่มโดยโครงการกำจัดมาลาเรียทั่วโลกในปี 2498 ซึ่งมีการควบคุมตัวนำโรคโดยการใช้ดีดีทีและไออาร์เอส การเก็บสเมียร์เลือดสม่ำเสมอจากประชากรเพื่อระบุผู้ป่วยมาลาเรียที่มีอยู่ และการให้เคมีบำบัดแก่ทุกคนที่ป่วย ประเทศภูฏานกำลังใช้ยุทธศาสตร์กำจัดมาลาเรียแบบโหม และมีผู้ป่วยที่ยืนยันด้วยกล้องจุลทรรศน์ลดลง 98.7% ตั้งแต่ปี 2537 ถึง 2553 นอกเหนือจากเทคนิคควบคุมตัวนำโรคอย่างไออาร์เอสในพื้นที่ความเสี่ยงสูงและผ่านการกระจายมุ้งชุบยาฆ่าแมลงคงทนแล้ว ปัจจัยอื่นอย่างการพัฒนาเศรษฐกิจและการเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพช่วยให้ภูฏานประสบความสำเร็จในการลดอุบัติการณ์ของมาลาเรียการวิจัยวัคซีน การวิจัย. วัคซีน. ภูมิคุ้มกันต่อมาลาเรีย P. falciparum เกิดเองตามธรรมชาติได้ แต่เฉพาะหลังการติดเชื้อซ้ำ ๆ หลายปี ปัจเจกบุคคลสามารถมีภูมิคุ้มกันต่อการติดเชื้อ P. falciparum หากถูกยุงที่นำปรสิตฉบับที่ถูกการฉายรังสีเอกซ์ขนาดหนึ่งทำให้ไม่ติดเชื้อกัดประมาณหนึ่งพันครั้ง ปัจจุบัน ยังไม่มีวัคซีนซึ่งมีประสิทธิภาพสำหรับมาลาเรีย แม้กำลังมีการพัฒนาวัคซีนหลายตัว ธรรมชาติพหุสัณฐานอย่างสูงของโปรตีน P. falciparum หลายตัวส่งผลให้เป็นความท้าทายสำคัญในการออกแบบวัคซีน วัคซีนที่มีให้เลือกซึ่งมีเป้าหมายยังเซลล์สืบพันธุ์ ไซโกตและโอโอไคนีตในทางเดินอาหารส่วนกลางของยุงมุ่งหมายเพื่อหยุดการส่งผ่านมาลาเรีย วัคซีนหยุดการส่งผ่านเหนี่ยวนำแอนติบอดีในเลือดมนุษย์ เมื่อยุงดูดเลือดจากปัจเจกบุคคลที่มีภูมิคุ้มกัน แอนติบอดีเหล่านี้ป้องกันปรสิตมิให้สำเร็จการเจริญในยุง วัคซีนที่มีให้เลือกอื่น ซึ่งมุ่งเป้าระยะเลือดของวงจรชีวิตของปรสิต ไม่เพียงพอในตัวมันเอง ตัวอย่างเช่น มีการทดสอบ SPf66 ในพื้นที่ซึ่งพบโรคทั่วไปในคริสต์ทศวรรษ 1990 แต่การทดลองแสดงว่ามันให้ผลไม่เพียงพอ กำลังมีการพัฒนาวัคซีนซึ่งมีศักยภาพหลายตัวที่มุ่งเป้าระยะก่อนเม็ดเลือดแดงของวงจรชีวิตของปรสิต โดยมี RTS,S เป็นตัวเลือกนำ คาดว่าจะได้ใบอนุญาตในปี 2558 บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ ซานาเรีย กำลังพัฒนาวัคซีนทำให้อ่อนฤทธิ์ก่อนเม็ดเลือดแดง เรียก PfSPZ ซึ่งใช้สปอโรซอยต์ทั้งตัวเพื่อชักนำการสนองของภูมิคุ้มกัน ในปี 2549 คณะกรรมการที่ปรึกษาวัคซีนมาลาเรียขององค์การอนามัยโลกร่าง "แผนเทคโนโลยีวัคซีนมาลาเรีย" ซึ่งมีวัตถุประสงค์จุดหลักหนึ่งเพื่อ "พัฒนาและออกใบอนุญาตวัคซีนมาลาเรียรุ่นแรกซึ่งมีประสิทธิพลังป้องกันโรครุนแรงและการเสียชีวิตกว่า 50% และคงอยู่นานกว่าหนึ่งปี" ภายในปี 2558ยารักษาโรค ยารักษาโรค. ปรสิตมาลาเรียมีเอพิโคพลาสต์ (apicoplast) ซึ่งเป็นออร์แกเนลลส์ที่ปกติพบในพืช อยู่ในจีโนมของมัน เชื่อว่าเอพิโคพลาสต์เหล่านี้กำเนิดผ่านเอ็นโดซิมไบโอซิส (endosymbiosis) ของสาหร่ายและมีบทบาทสำคัญในเมแทบอลิซึมด้านต่าง ๆ ของตัวปรสิต เช่น ชีวสังเคราะห์กรดไขมัน พบว่าเอพิโคพลาสต์ผลิตโปรตีนกว่า 400 ชนิด และปัจจุบันกำลังสืบสวนว่าจะเป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้สำหรับยาต้านมาลาเรียใหม่หรือไม่ เมื่อเริ่มมีปรสิตพลาสโมเดียมดื้อยา จึงกำลังมีการพัฒนายุทธศาสตร์ใหม่เพื่อต่อสู้กับโรคมาลาเรีย แนวทางหนึ่งอยู่ในการนำแอดดักต์ (adduct) กรดอะมิโนไพริดอกซาลสังเคราะห์ ซึ่งปรสิตจะรับเข้าไปจนสุดท้ายขัดขวางความสามารถในการสร้างวิตามินบีจำเป็นหลายชนิด ยาต้านมาลาเรียที่ใช้คอมเพล็กซ์โลหะสังเคราะห์กำลังได้รับความสนใจในการวิจัย (+)-SJ733: ส่วนหนึ่งของยาทดลองกลุ่มที่ใหญ่กว่า เรียก สไปโรอินโดโลน (spiroindolone) มันยับยั้งโปรตีน ATP4 ของเม็ดเลือดแดงที่ติดเชื้อซึ่งทำให้เซลล์เหี่ยวและกลายเป็นแข็งเหมือนเซลล์แก่ ซึ่งจะกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันกำจัดเซลล์ที่ติดเชื้อออกจากระบบดังที่สาธิตในแบบจำลองหนู ในปี 2557 มีการวางแผนการทดลองทางคลินิกขั้น 1 เพื่อประเมินโพรไฟล์ความปลอดภัยในมนุษย์โดยสถาบันการแพทย์ฮาวาร์ด ฮิวส์ (Howard Hughes Medical Institute), NITD246 และ NITD609 ก็อยู่ในกลุ่มสไปโรอินโดโลน และมีเป้าหมาย คือ โปรตีน ATP4อื่น ๆ อื่น ๆ. ยุทธศาสตร์การควบคุมตัวนำโรคที่ไม่ใช่สารเคมีเกี่ยวข้องกับการปรับพันธุกรรมของยุงมาลาเรีย ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีพันธุวิศวกรรมทำให้การนำดีเอ็นเอจากสิ่งมีชีวิตอื่นเข้าไปในจีโนมของยุงเป็นไปได้ แล้วลดอายุขัยของยุง หรือทำให้ยุงดื้อต่อปรสิตมาลาเรียมากขึ้น เทคนิคยุงปลอดเชื้อเป็นวิธีการควบคุมพันธุกรรมซึ่งยุงเพศผู้ปลอดเชื้อจำนวนมากถูกเพาะเลี้ยงและปล่อย เมื่อผสมพันธุ์กับยุงเพศเมียจะลดประชากรในธรรมชาติในรุ่นหลัง การปล่อยซ้ำ ๆ สุดท้ายจะกำจัดประชากรเป้าหมายได้ จีโนมิกส์เป็นหัวใจของการวิจัยมาลาเรีย ด้วยการลำดับพันธุกรรมของ P. falciparum, Anopheles gambiae ยุงตัวนำโรคชนิดหนึ่ง และจีโนมมนุษย์ ทำให้สามารถศึกษาพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตทั้งสามในวงจรชีวิตของมาลาเรียได้ การนำเทคโนโลยีพันธุศาสตร์ใหม่ไปใช้อีกอย่างหนึ่ง คือ ความสามารถในการสร้างยุงที่ดัดแปรพันธุกรรมซึ่งไม่ส่งผ่านมาลาเรีย ซึ่งมีศักยภาพควบคุมทางชีววิทยาซึ่งการส่งผ่านมาลาเรียได้สัตว์อื่น สัตว์อื่น. มีการระบุสปีชีส์ปรสิต Plasmodium เกือบ 200 ชนิดซึ่งติดเชื้อในนก สัตว์เลื้อยคลานและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น และเกือบ 30 ชนิดที่ติดเชื้อไพรเมตที่มิใช่มนุษย์ตามธรรมชาติ ปรสิตมาลาเรียบางชนิดที่ติดเชื้อในไพรเมตที่มิใช่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตตัวแบบสำหรับปรสิตมาลาเรียของมนุษย์ เช่น P. coatneyi (เป็นแบบของ P. falciparum) และ P. cynomolgi (P. vivax) เทคนิคการวินิจฉัยที่ใช้ตรวจจับปรสิตในไพรเมตที่มิใช่มนุษย์คล้ายกันกับที่ใช้สำหรับมนุษย์ ปรสิตมาลาเรียที่ติดเชื้อในสัตว์ฟันแทะถูกใช้ในการวิจัยอย่างกว้างขวาง เช่น P. berghei มาลาเรียในนกมีผลต่อชนิดในอันดับ Passeriformes เป็นหลัก และเป็นภัยคุกคามค่อนข้างใหญ่สำหรับนกในรัฐฮาวาย หมู่เกาะกาลาปาโกสและกลุ่มเกาะอื่น ทราบว่าปรสิต P. relictum มีบทบาทในการจำกัดการกระจายและความอุดมสมบูรณ์ของนกฮาวายประจำถิ่น คาดว่าปรากฏการณ์โลกร้อนเพิ่มความชุกและการกระจายทั่วโลกของมาลาเรียในนก เพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้ภาวะเหมาะสมสำหรับการสืบพันธุ์ของปรสิต
| สัตว์ใดเป็นพาหะนำโรคมาลาเรียหรือไข้จับสั่น | {
"answer": [
"ยุง"
],
"answer_begin_position": [
198
],
"answer_end_position": [
201
]
} |
3,957 | 2,867 | ประเทศคาซัคสถาน คาซัคสถาน (, ; , ) มีชื่อทางการว่า สาธารณรัฐคาซัคสถาน (; ) เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่ครอบคลุมกว้างขวางในทวีปเอเชีย และเป็นสาธารณรัฐในอดีตสหภาพโซเวียต มีพรมแดนติดกับประเทศรัสเซีย สาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศในเอเชียกลาง ได้แก่ คีร์กีซถาน อุซเบกิสถาน และเติร์กเมนิสถาน และมีชายฝั่งบนทะเลแคสเปียน คาซัคสถานเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต คาซัคสถานเป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 9 ของโลก อย่างไรก็ดี มีพื้นที่กึ่งทะเลทราย (steppe) อยู่มาก จึงมีประชากรเป็นอันดับที่ 57 มีประมาณ 6 คน/ตร.กม.ภูมิศาสตร์ ภูมิศาสตร์. ด้วยพื้นที่ 2.7 ล้านตารางกิโลเมตร (1.56 ล้านตารางไมล์) คาซัคสถานจึงเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 9 ของโลก โดยมีขนาดพอ ๆ กับภูมิภาคยุโรปตะวันตก เมืองใหญ่ของประเทศได้แก่ อัสตานา (เป็นเมืองหลวงตั้งแต่มิถุนายน พ.ศ. 2541) อัลมาตี (อดีตเมืองหลวง เคยเป็นที่รู้จักกันในชื่อ อัลมา-อะตา (Alma-Ata) และก่อน พ.ศ. 2460 (1917) ในชื่อเวียร์นืย) การากันดี ชิมเคนต์ เซเมย์ (เซมีปาลาตินสค์) และตูร์เคสถาน เคยเป็นที่รู้จักในชื่อ ยาซี ลักษณะภูมิประเทศแผ่ขยายจากตะวันออกจดตะวันตก ตั้งแต่ทะเลสาบแคสเปียนจนถึงแอ่งทาริม (ซินเจียง) และเทือกเขาอัลไต และจากเหนือจดใต้ ตั้งแต่ที่ราบไซบีเรียตะวันตกจนถึงโอเอซิสและทะเลทรายของภูมิภาคเอเชียกลาง ลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบภาคพื้นทวีป มีฤดูหนาวที่หนาวเย็นและฤดูร้อนแห้งแล้งและกึ่งแห้งแล้ง ความยาวของพรมแดน: รัสเซีย 6,846 กิโลเมตร, อุซเบกิสถาน 2,203 กิโลเมตร, จีน 1,533 กิโลเมตร, คีร์กีซสถาน 1,051 กิโลเมตร และเติร์กเมนิสถาน 379 กิโลเมตร- แม่น้ำและทะเลสาบสำคัญได้แก่- ทะเลอารัล - แม่น้ำอีลี - แม่น้ำอีร์ติช - แม่น้ำอีชิม - ทะเลสาบบัลคัช - ทะเลสาบไซซันประวัติศาสตร์คาซัคสถานดินแดนส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ประวัติศาสตร์. คาซัคสถานดินแดนส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต. คาซัคสถานเคยเป็น 1 ใน 15 รัฐของสหภาพโซเวียต เรียกว่า สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตคาซัค (KSSR) ภายหลังวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1991 ก็ประกาศเอกราชเป็นรัฐสุดท้ายจากสหภาพโซเวียตและก่อตั้งประเทศคาซัคสถาน ดินแดนที่เป็นคาซัคสถานในปัจุบัน มีผู้คนมาตั้งถิ่นฐานทำมาหากินตั้งแต่ยุคหิน ซึ่งจากสภาพภูมิประเทศที่แห้งแล้ง อาชีพหลักของคนในยุคโบราณก็คือการเลี้ยงสัตว์แบบเร่ร่อน โดยเริ่มต้นมาจากการเลี้ยงม้า ในยุคศตวรรษที่ 13 ชาวมองโกล ก็เข้ามาในเขตนี้ และก็เริ่มวางระบบการปกครองที่เป็นเรื่องเป็นราวขึ้น และมีการเรียกเขตการปกครองของพวกเขาว่า รัฐข่านคาซัค แต่ความเป็นตัวตนของชาวคาซัค เริ่มปรากฏชัดในศตวรรษที่ 16 เมื่อภาษา วัฒนธรรม แบบคาซัคเริ่มมีความแตกต่างจากคนกลุ่มอื่น ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 รัสเซียที่ปกครองดินแดนแถบนี้อยู่ แต่ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากมาย ก็เริ่มขยายอิทธิพลเข้ามาอย่างเป็นจริงเป็นจัง และสามารถควบคุมปกครองดินแดนแถบนี้ได้อย่างประสบความสำเร็จ เนื่องจากวิตกเรื่องการขยายอิทธิพลเข้ามาของฝ่ายอังกฤษการเมืองการปกครองบริหาร การเมืองการปกครอง. บริหาร. คาซัคสถานเป็นสาธารณรัฐประธานาธิบดี ประธานาธิบดีคนแรกและยังดำรงตำแหน่งถึงปัจจุบันคือ นูร์ซุลตาน นาซาร์บาเยฟ ประธานาธิบดียังเป็นผู้บัญชาการทหารบกของกองกำลังติดอาวุธและอาจยับยั้งกฎหมายที่ได้รับการผ่านโดยรัฐสภา มีนายกรัฐมนตรี คาริม มาสสิมอฟ เป็นหัวหน้ารัฐบาล ได้รับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี เมื่อ 10 มกราคม 2007นิติบัญญัติตุลาการสถานการณ์การเมืองสิทธิมนุษยชนการแบ่งเขตการปกครอง การแบ่งเขตการปกครอง. ประเทศคาซัคสถานแบ่งออกเป็น 14 จังหวัด (provinces - oblystar) และ 3 เทศบาลนคร (cities - qalalar) ทุกจังหวัดมีผู้ว่าราชการจังหวัด (Akim) ที่แต่งตั้งโดยประธานาธิบดี ส่วนอะคิมของเทศบาลได้รับการแต่งตั้งจากอะคิมของแคว้น (oblasts) รัฐบาลคาซัคสถานย้ายเมืองหลวงจากอัลมาตีไปอัสตานา เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2541 ในปี พ.ศ. 2538 รัฐบาลคาซัคสถานและรัสเซียได้ทำข้อตกลงให้รัสเซียเช่าพื้นที่ 6,000 ตร.กม. ล้อมรอบฐานปล่อยจรวดที่ไบกอนกีร์ (หรือไบโคนูร์) และเมืองไบโคนูร์ (เดิม เลนินสค์) เป็นเวลา 20 ปีนโยบายต่างประเทศความสัมพันธ์กับรัสเซียความสัมพันธ์กับกลุ่มเครือรัฐเอกราชความสัมพันธ์กับราชอาณาจักรไทย นโยบายต่างประเทศ. ความสัมพันธ์กับราชอาณาจักรไทย. ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศดำเนินไปอย่างราบรื่นมาโดยตลอด ตั้งแต่มีการสถาปนาความสัมพันธ์เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 ปัจจุบัน ความสัมพันธ์ไทย – คาซัคสถานนับได้ว่ามีพัฒนาการที่ก้าวหน้าและแน่นแฟ้น ยิ่งขึ้น โดยได้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างกัน รวมทั้งได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และความร่วมมือด้านต่าง ๆ ระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง อาทิ ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและบริการ และวิชาการ เป็นต้น ไทยได้แต่งตั้งนาย Mirgali Kunayev เป็น กสม. ณ นครอัลมาตี และมีอำนาจตรวจลงตรา ซึ่งนักท่องเที่ยวคาซัคสถานสามารถขอรับการตรวจลงตราเพื่อพำนักในไทยได้เกิน 15 วัน ผู้นำไทยกับคาซัคสถานมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งมีส่วนช่วยให้ความร่วมมือระหว่างสองประเทศดำเนินไปอย่างราบรื่น คาซัคสถานได้ให้การสนับสนุนไทยในการสมัครเป็นสมาชิกการประชุมว่าด้วยการปฏิสัมพันธ์และการแสวงหามาตรการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในเอเชีย (Conference on Interaction and Confidence Building Measures in Asia - CICA) ซึ่งเป็นกรอบการประชุมเพื่อส่งเสริมความมั่นคงและเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียที่คาซัคสถานได้ริเริ่มขึ้น โดยไทยได้เข้าเป็นสมาชิกของ CICA เมื่อเดือนตุลาคม 2547 ฝ่ายคาซัคสถานประสงค์ที่จะสมัครเป็นสมาชิกการประชุมว่าด้วยความมั่นคงระหว่างประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN Regional Forum - ARF) และขอรับการสนับสนุนจากประเทศไทย ไทยได้สนับสนุนคาซัคสถานในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue - ACD) ซึ่งไทยริเริ่ม โดยในระหว่างการประชุมรัฐมนตรี ACD เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2546 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่ประชุมฯ ได้ให้การสนับสนุนอย่างเป็นเอกฉันท์ในการรับคาซัคสถานเข้าเป็นสมาชิก ACDกองทัพกองทัพบก กองทัพ. กองทัพบก. ทหารคาซัคสถานส่วนใหญ่ถูกสืบทอดมาจากกองทัพแดงของสหภาพโซเวียต หน่วยงานเหล่านี้กลายเป็นแกนหลักของทหารคาซัคสถานสมัยใหม่ การขยายตัวที่ใหญ่ที่สุดของกองทัพบกคาซัคสถานได้มุ่งเน้นที่หน่วยรถหุ้มเกราะในปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปีค.ศ. 1990 หน่วยหุ้มเกราะได้ขยายจาก 500 คัน ถึง 1,613 คัน ในปีค.ศ. 2005 คาซัคสถานได้ส่งทหารวิศวกร 49 คน ไปยังอิรักเพื่อให้ความช่วยเหลือภารกิจของสหรัฐอเมริกาบุกรุกอิรักกองทัพอากาศ กองทัพอากาศ. กองกำลังทางอากาศคาซัคสถานเป็นส่วนประกอบส่วนใหญ่ของเครื่องบินยุคโซเวียต รวมทั้ง 41 MiG-29s, 44 MiG-31S, 37 Su-24s และ 60 Su-27sกองทัพเรือ กองทัพเรือ. เรือกำลังเล็ก ๆ ที่ถูกเก็บรักษาไว้ยังอยู่ในทะเลสาบแคสเปียนกองกำลังกึ่งทหารเศรษฐกิจโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เศรษฐกิจ. โครงสร้างทางเศรษฐกิจ. คาซัคสถานเป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับสองในกลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียต มีทรัพยากรที่สำคัญเป็นจำนวนมาก เช่น น้ำมันดิบ แร่ธาตุ ตลอดจนยังมีขีดความสามารถทางการเกษตรอันเนื่องมาจากพื้นที่สำหรับเพาะปลูกและทำปศุสัตว์ที่กว้างขวาง ก่อนปี พ.ศ. 2533 ระบบเศรษฐกิจคาซัคสถานเป็นส่วนหนึ่งของระบบการแบ่งการผลิตของสหภาพโซเวียต โดยถูกกำหนดให้มีความชำนาญด้านเกษตรกรรม ตามโครงการดินแดนบริสุทธิ์ฮรุชชอฟ (Khrushchev Virgin Lands) ส่วนอุตสาหกรรมหลักขึ้นอยู่กับการขุดเจาะน้ำมันและการทำเหมืองแร่ การผสมโลหะ และการสกัดแร่ธาตุ ตลอดจนการผลิตเครื่องจักรขนาดใหญ่ เช่น เครื่องมือก่อสร้าง รถแทรกเตอร์ และเครื่องมือเครื่องใช้ในการเกษตร ภายหลังการสลายตัวของสหภาพโซเวียต ความต้องการสินค้าเครื่องจักรกลหนักซึ่งเป็นสินค้าหลักของคาซัคสถานได้ลดลง ส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจตกต่ำอย่างมากระหว่างปี พ.ศ. 2534-2537 อัตราเงินเฟ้อสูงและมูลค่า Real GDP ลดลงมากกว่าร้อยละ 5 ระหว่างปี พ.ศ. 2538-2540 รัฐบาลคาซัคสถานได้ปฏิรูประบบเศรษฐกิจและแปรรูปรัฐวิสาหกิจอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ทรัพย์สินส่วนใหญ่ตกสู่ภาคเอกชน อัตราการเจริญเติบโตของประเทศเริ่มฟื้นตัวขึ้น ในปี พ.ศ. 2539 คาซัคสถานได้เข้าร่วมเป็นภาคีความร่วมมือก่อสร้างท่อส่งน้ำมันในทะเลแคสเปียน ซึ่งส่งผลให้สามารถส่งออกน้ำมันได้มากขึ้น ในปี พ.ศ. 2541 สภาวะการตกต่ำของราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ส่งผลให้เศรษฐกิจของคาซัคสถานตกต่ำลงชั่วขณะ แต่หลังจากปี พ.ศ. 2542 ราคาน้ำมันได้ถีบตัวสูงขึ้น ประกอบกับการลดค่าเงินที่ถูกจังหวะและการเกษตรที่ได้ผลดี ทำให้ภาวะเศรษฐกิจคาซัคสถานเจริญเติบโตภาคเกษตรกรรม ภาคเกษตรกรรม. เกษตรกรรมเป็นภาคอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานมากที่สุด คิดเป็นหนึ่งในสามของการส่งออก หรือ ร้อยละ 20-25 ของแรงงานภาคอุตสาหกรรม ผลผลิตหลักได้แก่ เมล็ดพันธุ์พืช แต่การเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ไม่แน่นอนและการปฏิรูประบบเศรษฐกิจอย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆ ทำให้การเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์พืชที่เคยสูงสุดในปี พ.ศ. 2535 กลับตกต่ำที่สุดในปี พ.ศ. 2538 และการผลิตภาคการเกษตรซึ่งเคยมีส่วนแบ่งรายได้ประชาชาติร้อยละ 23 ในปี พ.ศ. 2532 กลับลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 8.6 ในปี พ.ศ. 2543 ส่วนภาคการบริการที่ถูกละเลยภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์ กลับมีการขยายตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนับแต่ได้รับเอกราช ส่วนด้านการค้า ที่อยู่อาศัย และการคมนาคม ก็มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วเช่นกัน สำหรับการลงทุนนั้นมีมูลค่าร้อยละ 19 ของ GDP โดยหนึ่งในสี่ของการลงทุนนั้น มาจากบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมน้ำมันและโลหะการครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน การครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน. การโอนธุรกิจที่ดินให้เป็นของภาคเอกชนดำเนินไปอย่างช้า ๆ และรัฐบาลอนุญาตให้ชาวคาซัคเท่านั้นเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินเกษตรกรรมได้ ในกรณีที่ชาวต่างชาติและประชาชนทั่วไปต้องการครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินอื่น ๆ จะต้องมีบ้านหรือทรัพย์สินอยู่บนที่ดินผืนนั้น ส่วนที่ดินนอกเหนือจากนั้นถูกครอบครองโดยภาครัฐการปฏิรูปเศรษฐกิจ การปฏิรูปเศรษฐกิจ. ประธานาธิบดีนาซาร์บาเยฟได้นำความล้มเหลวและข้อผิดพลาดของการปฏิรูปเศรษฐกิจในยุโรปตะวันออกมาเป็นพื้นฐานในการกำหนดนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะข้อผิดพลาดเกี่ยวกับการเร่งสร้างระบบเศรษฐกิจแบบตะวันตก ด้วยการปฏิเสธบทบาทของรัฐในระบบเศรษฐกิจและนำกลไกตลาดมาใช้ทันทีโดยมิได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้สามารถรองรับการพัฒนาของระบบอย่างสอดคล้องกันเสียก่อน ด้วยเหตุนี้ คาซัคสถานจึงให้ความสำคัญกับการดำเนินบทบาทของรัฐในการควบคุม การผลิต การหมุนเวียนเงินทุน และการดำเนินความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับต่างประเทศต่อไป พร้อมทั้งผสมผสานกลไกของรัฐและกลไกตลาดเข้าด้วยกัน สภาพเศรษฐกิจของคาซัคสถานกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาไปสู่ระบบการตลาดแบบเสรี ในปี พ.ศ. 2539 คาซัคสถานเริ่มฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและมีเสถียรภาพทางการเงินมากขึ้น สังเกตได้จากอัตราเงินเฟ้อของราคาผู้บริโภคลดลงเหลือเพียงร้อยละ 39.1 ในปี พ.ศ. 2539 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2538 ที่มีอัตราร้อยละ 175 และปี พ.ศ. 2537 ที่มีอัตราถึงร้อยละ 1,900 ส่วนอัตราการว่างงานนั้นอยู่ในระดับที่ต่ำ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทางเศรษฐกิจก็ยังมีความเปราะบางอยู่ โดยเฉพาะในส่วนของอุตสาหกรรมผลิตเหล็กและเหมืองแร่ยังตกต่ำอยู่ เพราะขาดแคลนเงินทุนและปัจจัยในการผลิต ทำให้มีส่วนเกินของแรงงานและประสิทธิภาพ ส่วนทางภาคเกษตรกรรมนั้น ผลผลิตก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าที่คาดหมายกันไว้ การลงทุนขุดเจาะน้ำมันที่บ่อน้ำมัน Tengiz ของคาซัคสถาน ซึ่งรัฐบาลคาซัคสถานลงทุนร่วมกับบริษัท Chevron ของสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบจากการดำเนินนโยบายของรัสเซียที่จะจำกัดการส่งออกน้ำมันของคาซัคสถานผ่านท่อส่งน้ำมันของตน โดยล่าสุด บ่อน้ำมัน Tengiz สามารถส่งออกน้ำมันได้เพียง 880,000 บาร์เรลต่อเดือนเท่านั้น ในขณะที่เป้าหมายการผลิตในปี พ.ศ. 2540 คือ 30,000 บาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม คาซัคสถาน รัสเซีย ตุรกี อาเซอร์ไบจาน และสหรัฐอเมริกา ก็ได้ร่วมกันหารือเพื่อแก้ไขปัญหาการส่งออกน้ำมันผ่านท่อของประเทศต่าง ๆ ของคาซัคสถานแล้ว เนื่องจากคาซัคสถานมีโครงการสร้างท่อขนส่งน้ำมันและแก๊สผ่านรัสเซีย ไปยังชายฝั่งทะเลดำ โดยได้เริ่มดำเนินการในปี พ.ศ. 2541 และจะสิ้นสุดโครงการภายในสิ้นปี พ.ศ. 2543 แต่เส้นทางที่ท่อส่งน้ำมันและก๊าซผ่านนั้น เป็นประเทศคู่แข่งทางด้านนี้กับคาซัคสถานทั้งสิ้น เช่น อาเซอร์ไบจาน อิหร่าน และรัสเซีย และต้นทุนของการสร้างท่อก็มีราคาแพง ซึ่งในระยะยาวแล้ว คาซัคสถานจะต้องให้ความคุ้มครองแก่เส้นทางของท่อส่งออกน้ำมันและแก๊สทั้งด้านการค้าและการเมือง เท่าที่ผ่านมา ประเทศที่ดูจะประสบความสำเร็จมากที่สุดในการดำเนินธุรกิจน้ำมันกับคาซัคสถาน ได้แก่ ตุรกี ซึ่งบรรลุข้อตกลงกับคาซัคสถานที่จะร่วมกันพัฒนาบ่อน้ำมันและแก๊สธรรมชาติในคาซัคสถานถึง 7 แห่ง โดยตุรกีจะได้รับส่วนแบ่งเป็นน้ำมันจำนวน 2.1 พันล้านบาร์เรลและแก๊สธรรมชาติจำนวน 208.9 พันล้านลูกบาศก์เมตร คาซัคสถานมีน้ำมันสำรองถึง 2.5% ของปริมาณน้ำมันโลก และคาดว่าภายในปี 2560 จะติดอันดับ 1 ใน 10 ผู้ส่งออกน้ำมัน สำหรับการดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติ คาซัคสถานจะต้องแก้ปัญหาการทุจริตและปัญหาความไม่โปร่งใสของการลงทุน ซึ่งพบอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะการครอบครองด้านเศรษฐกิจโดยกลุ่มผู้จัดการน้ำมันที่มีอำนาจทางการเมือง จะทำให้รัฐบาลมีรายได้จากการเก็บภาษีน้อยลงสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน สถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน. ก่อนวิกฤตเศรษฐกิจของรัสเซีย คาซัคสถานได้รับการกล่าวถึงจากนานาชาติค่อนข้างดี ในแง่ของความพยายามและผลของการพัฒนาประเทศ แต่โดยที่รัสเซียเป็นประเทศคู่ค้าหลักของคาซัคสถาน จึงทำให้คาซัคสถานได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ด้วย โดยเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2542 รัฐบาลและธนาคารชาติคาซัคสถานได้ประกาศจะยุติการแทรกแซงเพื่อพยุงอัตราการแลกเปลี่ยนของเงินเต็งเก (Tenge) และปล่อยค่าเงินลอยตัว เพื่อให้สินค้าของคาซัคสถานสามารถแข่งขันกับสินค้าจากประเทศอื่นที่ได้ลดค่าเงินในตลาดโลกได้ ทั้งนี้ ค่าเงินเต็งเกอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง จากอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 88 เต็งเก ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2542 จนเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2546 อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 146.37 เต็งเก อย่างไรก็ดี คาซัคสถานได้พัฒนาระบบการเงินการธนาคารเป็นอย่างมาก รวมทั้งมีการปฏิรูประบบเศรษฐกิจและการเงิน จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2543 คาซัคสถานเป็นประเทศแรกของอดีตสหภาพโซเวียตที่สามารถจ่ายชำระหนี้คืนแก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ล่วงหน้าก่อนกำหนดถึง 7 ปี และในปี พ.ศ. 2545 ได้มีความร่วมมือกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในด้านการวางแผนระบบเศรษฐกิจ ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนกฎระเบียบเกี่ยวกับภาษีและระบบการคลังมีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก น้ำมันและแก๊สธรรมชาติยังคงเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ทำรายได้ให้แก่ประเทศ ทั้งนี้ มีการพิสูจน์แล้วว่าคาซัคสถานเป็นแหล่งสำรองน้ำมันของโลกร้อยละ 2.5 และจะสามารถผลิตน้ำมันได้วันละ 3 ล้านบาร์เรลภายในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งจะทำให้คาซัคสถานอยู่ในกลุ่ม 1 ใน 10 ของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันของโลกการท่องเที่ยว การท่องเที่ยว. แม้ว่าภูเขาและทะเลสาบเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีการเติบโตช้ามากเพราะมันได้รับการลงทุนน้อย ในช่วงทศวรรษ 2000 มีนักท่องเที่ยวเฉลี่ยปีละ 450,000 คน ส่วนใหญ่มาจากรัสเซีย ทะเลสาบ Issyk-Kul และภูเขาเทียนฉานเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ค่อนข้างนิยมการคมนาคมโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม และ โทรคมนาคมคมนาคม โครงสร้างพื้นฐาน. คมนาคม และ โทรคมนาคม. คมนาคม. ทางหลวงใหม่ระหว่างอัลมาตีและชายแดนกับประเทศจีนจะลดเวลาในการขนส่งจาก 6-3 ชั่วโมงโทรคมนาคมวิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยีการศึกษา การศึกษา. การศึกษาเป็นสากลและบังคับไปจนถึงระดับมัธยมศึกษาและอัตราการรู้หนังสือของผู้ใหญ่เป็น 99.5% การศึกษาประกอบด้วยการศึกษาหลัสามขั้นตอนคือ: ระดับประถมศึกษา (1-4 รูปแบบ), การศึกษาขั้นพื้นฐานทั่วไป (5-9 ฟอร์ม) และการศึกษาระดับอาวุโส (แบบฟอร์ม 10-11 หรือ 12) แบ่งเป็นหมวดวิชาศึกษาทั่วไปอย่างต่อเนื่องและการศึกษามืออาชีพ ปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยโรงเรียนและสถาบันการดนตรีโรงเรียนที่สูงขึ้นและสูงขึ้นอยู่ที่วิทยาลัยสาธารณสุขสวัสดิการสังคมประชากร ประชากร. เริ่มจากชนเผ่าเร่ร่อนเชื้อสายผสมมองโกล-เตอร์กิช เรียกตนเองว่า "คาซัค" ชาวคาซัคส่วนใหญ่พูดภาษารัสเซีย คาซัคสถานมีจำนวนประชากร 16,741,519 คน (พ.ศ. 2545)เชื้อชาติเชื้อชาติ. - ชาวคาซัค 53.4% - ชาวรัสเซีย 30% - ชาวยูเครน 3.7% - ชาวเยอรมัน 2.4% - ชาวอุซเบก 2.5% - ชาวตาตาร์ 1.7% - ชาวอุยกูร์ 1.4% - ชาวเกาหลี 0.7% - อื่นๆ 4.2%ศาสนา ศาสนา. จากการสำรวจในปี ค.ศ. 2009 พบว่าชาวคาซัคสถานร้อยละ 70.2 นับถือศาสนาอิสลาม รองลงมาคือศาสนาคริสต์ นิกายอีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์ ร้อยละ 26.6 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 0.1, ศาสนาอื่นๆ (โดยเฉพาะศาสนายูดาห์) ร้อยละ 0.2, มีร้อยละ 2.8 ระบุว่าตนเป็นผู้ที่ไม่มีศาสนา และร้อยละ 0.5 ไม่ได้ระบุว่านับถือศาสนาอะไร ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่มีจำนวนศาสนิกมากที่สุดในประเทศ ตามมาด้วยศาสนาคริสต์นิกายรัสเซียออร์ทอดอกซ์ หลังจากการแยกตัวออกจากสหภาพโซเวียต คาซัคสถานมีการแสดงออกถึงการนับถือศาสนา เสรีภาพในการนับถือศาสนา และการปฏิบัติศาสนกิจที่แพร่หลายขึ้น ศาสนสถานกว่าร้อยแห่งเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว สมาคมทางศาสนาเพิ่มขึ้นจาก 670 แห่งในปี ค.ศ. 1990 เป็น 4,170 แห่งในปัจจุบัน ชาวมุสลิมส่วนใหญ่นับถือนิกายซุนนีย์มัซฮับฮานาฟี ศาสนิกชนส่วนใหญ่คือกลุ่มเชื้อสายคาซัคกว่าร้อยละ 60 และในกลุ่มชาวอุซเบก, อุยกูร์ และตาตาร์ มีชาวซุนนีย์น้อยกว่าร้อยละ 1 ศึกษามัซฮับซาฟิอี (โดยเฉพาะกลุ่มเชื้อสายเชเชน) มีมัสยิดทั้งหมด 2,300 แห่ง ซึ่งทุกแห่งได้เข้าร่วมกับสมาคมจิตวิญญาณมุสลิมคาซัคสถาน (Spiritual Association of Muslims of Kazakhstan) โดยขึ้นตรงต่อศาลมัฟติ (Mufti) และมีวันอีดิลอัฎฮาเป็นวันหยุดราชการ หนึ่งในสี่ของประชากรนับถือศาสนาคริสต์นิกายรัสเซียออร์ทอดอกซ์ ในกลุ่มประชาชนที่มีเชื้อสายรัสเซีย, ยูเครน และเบลารุสเซีย นอกจากนี้ยังมีนิกายโรมันคาทอลิกและโปรเตสแตนต์ มีโบสถ์คริสต์นิกายออร์ทอดอกซ์ 3,258 แห่ง, โบสถ์นิกายโรมันคาทอลิก 93 แห่ง และโบสถ์ของนิกายโปรเตสแตนต์กว่า 500 แห่ง ทั้งนี้วันคริสต์มาสของนิกายออร์ทอดอกซ์ได้เป็นวันหยุดราชการของประเทศเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีศาสนาอื่น ๆ เช่น ยูดาห์, บาไฮ, ฮินดู, พุทธ เป็นอาทิ ตามข้อมูลการสำรวจสำมะโนประชากรในปี ค.ศ. 2009 มีคริสต์ศาสนิกชนน้อยมากที่มิใช่กลุ่มชาวสลาฟและเยอรมัน ตามตารางภาษาวัฒนธรรมสถาปัตยกรรมดนตรี วัฒนธรรม. ดนตรี. รัฐสมัยใหม่ของคาซัคสถานเป็นที่ตั้งของรัฐออร์เคสตราคาซัค Kurmangazy ของดนตรีพื้นบ้าน วงดนตรีพื้นบ้านที่ใช้ในการตั้งชื่อตาม Kurmangazy Sagyrbayuly นักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียงและเป็นผู้เล่น dombra จากศตวรรษที่ 19อาหารสื่อมวลชนวันหยุดกีฬาฟุตบอลมวยสากล กีฬา. มวยสากล. คาซัคสถานเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉาะอย่างยิ่งการชกมวย
| ประเทศใดเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก | {
"answer": [
"คาซัคสถาน"
],
"answer_begin_position": [
102
],
"answer_end_position": [
111
]
} |
3,958 | 2,867 | ประเทศคาซัคสถาน คาซัคสถาน (, ; , ) มีชื่อทางการว่า สาธารณรัฐคาซัคสถาน (; ) เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่ครอบคลุมกว้างขวางในทวีปเอเชีย และเป็นสาธารณรัฐในอดีตสหภาพโซเวียต มีพรมแดนติดกับประเทศรัสเซีย สาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศในเอเชียกลาง ได้แก่ คีร์กีซถาน อุซเบกิสถาน และเติร์กเมนิสถาน และมีชายฝั่งบนทะเลแคสเปียน คาซัคสถานเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต คาซัคสถานเป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 9 ของโลก อย่างไรก็ดี มีพื้นที่กึ่งทะเลทราย (steppe) อยู่มาก จึงมีประชากรเป็นอันดับที่ 57 มีประมาณ 6 คน/ตร.กม.ภูมิศาสตร์ ภูมิศาสตร์. ด้วยพื้นที่ 2.7 ล้านตารางกิโลเมตร (1.56 ล้านตารางไมล์) คาซัคสถานจึงเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 9 ของโลก โดยมีขนาดพอ ๆ กับภูมิภาคยุโรปตะวันตก เมืองใหญ่ของประเทศได้แก่ อัสตานา (เป็นเมืองหลวงตั้งแต่มิถุนายน พ.ศ. 2541) อัลมาตี (อดีตเมืองหลวง เคยเป็นที่รู้จักกันในชื่อ อัลมา-อะตา (Alma-Ata) และก่อน พ.ศ. 2460 (1917) ในชื่อเวียร์นืย) การากันดี ชิมเคนต์ เซเมย์ (เซมีปาลาตินสค์) และตูร์เคสถาน เคยเป็นที่รู้จักในชื่อ ยาซี ลักษณะภูมิประเทศแผ่ขยายจากตะวันออกจดตะวันตก ตั้งแต่ทะเลสาบแคสเปียนจนถึงแอ่งทาริม (ซินเจียง) และเทือกเขาอัลไต และจากเหนือจดใต้ ตั้งแต่ที่ราบไซบีเรียตะวันตกจนถึงโอเอซิสและทะเลทรายของภูมิภาคเอเชียกลาง ลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบภาคพื้นทวีป มีฤดูหนาวที่หนาวเย็นและฤดูร้อนแห้งแล้งและกึ่งแห้งแล้ง ความยาวของพรมแดน: รัสเซีย 6,846 กิโลเมตร, อุซเบกิสถาน 2,203 กิโลเมตร, จีน 1,533 กิโลเมตร, คีร์กีซสถาน 1,051 กิโลเมตร และเติร์กเมนิสถาน 379 กิโลเมตร- แม่น้ำและทะเลสาบสำคัญได้แก่- ทะเลอารัล - แม่น้ำอีลี - แม่น้ำอีร์ติช - แม่น้ำอีชิม - ทะเลสาบบัลคัช - ทะเลสาบไซซันประวัติศาสตร์คาซัคสถานดินแดนส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ประวัติศาสตร์. คาซัคสถานดินแดนส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต. คาซัคสถานเคยเป็น 1 ใน 15 รัฐของสหภาพโซเวียต เรียกว่า สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตคาซัค (KSSR) ภายหลังวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1991 ก็ประกาศเอกราชเป็นรัฐสุดท้ายจากสหภาพโซเวียตและก่อตั้งประเทศคาซัคสถาน ดินแดนที่เป็นคาซัคสถานในปัจุบัน มีผู้คนมาตั้งถิ่นฐานทำมาหากินตั้งแต่ยุคหิน ซึ่งจากสภาพภูมิประเทศที่แห้งแล้ง อาชีพหลักของคนในยุคโบราณก็คือการเลี้ยงสัตว์แบบเร่ร่อน โดยเริ่มต้นมาจากการเลี้ยงม้า ในยุคศตวรรษที่ 13 ชาวมองโกล ก็เข้ามาในเขตนี้ และก็เริ่มวางระบบการปกครองที่เป็นเรื่องเป็นราวขึ้น และมีการเรียกเขตการปกครองของพวกเขาว่า รัฐข่านคาซัค แต่ความเป็นตัวตนของชาวคาซัค เริ่มปรากฏชัดในศตวรรษที่ 16 เมื่อภาษา วัฒนธรรม แบบคาซัคเริ่มมีความแตกต่างจากคนกลุ่มอื่น ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 รัสเซียที่ปกครองดินแดนแถบนี้อยู่ แต่ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากมาย ก็เริ่มขยายอิทธิพลเข้ามาอย่างเป็นจริงเป็นจัง และสามารถควบคุมปกครองดินแดนแถบนี้ได้อย่างประสบความสำเร็จ เนื่องจากวิตกเรื่องการขยายอิทธิพลเข้ามาของฝ่ายอังกฤษการเมืองการปกครองบริหาร การเมืองการปกครอง. บริหาร. คาซัคสถานเป็นสาธารณรัฐประธานาธิบดี ประธานาธิบดีคนแรกและยังดำรงตำแหน่งถึงปัจจุบันคือ นูร์ซุลตาน นาซาร์บาเยฟ ประธานาธิบดียังเป็นผู้บัญชาการทหารบกของกองกำลังติดอาวุธและอาจยับยั้งกฎหมายที่ได้รับการผ่านโดยรัฐสภา มีนายกรัฐมนตรี คาริม มาสสิมอฟ เป็นหัวหน้ารัฐบาล ได้รับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี เมื่อ 10 มกราคม 2007นิติบัญญัติตุลาการสถานการณ์การเมืองสิทธิมนุษยชนการแบ่งเขตการปกครอง การแบ่งเขตการปกครอง. ประเทศคาซัคสถานแบ่งออกเป็น 14 จังหวัด (provinces - oblystar) และ 3 เทศบาลนคร (cities - qalalar) ทุกจังหวัดมีผู้ว่าราชการจังหวัด (Akim) ที่แต่งตั้งโดยประธานาธิบดี ส่วนอะคิมของเทศบาลได้รับการแต่งตั้งจากอะคิมของแคว้น (oblasts) รัฐบาลคาซัคสถานย้ายเมืองหลวงจากอัลมาตีไปอัสตานา เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2541 ในปี พ.ศ. 2538 รัฐบาลคาซัคสถานและรัสเซียได้ทำข้อตกลงให้รัสเซียเช่าพื้นที่ 6,000 ตร.กม. ล้อมรอบฐานปล่อยจรวดที่ไบกอนกีร์ (หรือไบโคนูร์) และเมืองไบโคนูร์ (เดิม เลนินสค์) เป็นเวลา 20 ปีนโยบายต่างประเทศความสัมพันธ์กับรัสเซียความสัมพันธ์กับกลุ่มเครือรัฐเอกราชความสัมพันธ์กับราชอาณาจักรไทย นโยบายต่างประเทศ. ความสัมพันธ์กับราชอาณาจักรไทย. ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศดำเนินไปอย่างราบรื่นมาโดยตลอด ตั้งแต่มีการสถาปนาความสัมพันธ์เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 ปัจจุบัน ความสัมพันธ์ไทย – คาซัคสถานนับได้ว่ามีพัฒนาการที่ก้าวหน้าและแน่นแฟ้น ยิ่งขึ้น โดยได้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างกัน รวมทั้งได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และความร่วมมือด้านต่าง ๆ ระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง อาทิ ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและบริการ และวิชาการ เป็นต้น ไทยได้แต่งตั้งนาย Mirgali Kunayev เป็น กสม. ณ นครอัลมาตี และมีอำนาจตรวจลงตรา ซึ่งนักท่องเที่ยวคาซัคสถานสามารถขอรับการตรวจลงตราเพื่อพำนักในไทยได้เกิน 15 วัน ผู้นำไทยกับคาซัคสถานมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งมีส่วนช่วยให้ความร่วมมือระหว่างสองประเทศดำเนินไปอย่างราบรื่น คาซัคสถานได้ให้การสนับสนุนไทยในการสมัครเป็นสมาชิกการประชุมว่าด้วยการปฏิสัมพันธ์และการแสวงหามาตรการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในเอเชีย (Conference on Interaction and Confidence Building Measures in Asia - CICA) ซึ่งเป็นกรอบการประชุมเพื่อส่งเสริมความมั่นคงและเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียที่คาซัคสถานได้ริเริ่มขึ้น โดยไทยได้เข้าเป็นสมาชิกของ CICA เมื่อเดือนตุลาคม 2547 ฝ่ายคาซัคสถานประสงค์ที่จะสมัครเป็นสมาชิกการประชุมว่าด้วยความมั่นคงระหว่างประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN Regional Forum - ARF) และขอรับการสนับสนุนจากประเทศไทย ไทยได้สนับสนุนคาซัคสถานในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue - ACD) ซึ่งไทยริเริ่ม โดยในระหว่างการประชุมรัฐมนตรี ACD เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2546 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่ประชุมฯ ได้ให้การสนับสนุนอย่างเป็นเอกฉันท์ในการรับคาซัคสถานเข้าเป็นสมาชิก ACDกองทัพกองทัพบก กองทัพ. กองทัพบก. ทหารคาซัคสถานส่วนใหญ่ถูกสืบทอดมาจากกองทัพแดงของสหภาพโซเวียต หน่วยงานเหล่านี้กลายเป็นแกนหลักของทหารคาซัคสถานสมัยใหม่ การขยายตัวที่ใหญ่ที่สุดของกองทัพบกคาซัคสถานได้มุ่งเน้นที่หน่วยรถหุ้มเกราะในปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปีค.ศ. 1990 หน่วยหุ้มเกราะได้ขยายจาก 500 คัน ถึง 1,613 คัน ในปีค.ศ. 2005 คาซัคสถานได้ส่งทหารวิศวกร 49 คน ไปยังอิรักเพื่อให้ความช่วยเหลือภารกิจของสหรัฐอเมริกาบุกรุกอิรักกองทัพอากาศ กองทัพอากาศ. กองกำลังทางอากาศคาซัคสถานเป็นส่วนประกอบส่วนใหญ่ของเครื่องบินยุคโซเวียต รวมทั้ง 41 MiG-29s, 44 MiG-31S, 37 Su-24s และ 60 Su-27sกองทัพเรือ กองทัพเรือ. เรือกำลังเล็ก ๆ ที่ถูกเก็บรักษาไว้ยังอยู่ในทะเลสาบแคสเปียนกองกำลังกึ่งทหารเศรษฐกิจโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เศรษฐกิจ. โครงสร้างทางเศรษฐกิจ. คาซัคสถานเป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับสองในกลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียต มีทรัพยากรที่สำคัญเป็นจำนวนมาก เช่น น้ำมันดิบ แร่ธาตุ ตลอดจนยังมีขีดความสามารถทางการเกษตรอันเนื่องมาจากพื้นที่สำหรับเพาะปลูกและทำปศุสัตว์ที่กว้างขวาง ก่อนปี พ.ศ. 2533 ระบบเศรษฐกิจคาซัคสถานเป็นส่วนหนึ่งของระบบการแบ่งการผลิตของสหภาพโซเวียต โดยถูกกำหนดให้มีความชำนาญด้านเกษตรกรรม ตามโครงการดินแดนบริสุทธิ์ฮรุชชอฟ (Khrushchev Virgin Lands) ส่วนอุตสาหกรรมหลักขึ้นอยู่กับการขุดเจาะน้ำมันและการทำเหมืองแร่ การผสมโลหะ และการสกัดแร่ธาตุ ตลอดจนการผลิตเครื่องจักรขนาดใหญ่ เช่น เครื่องมือก่อสร้าง รถแทรกเตอร์ และเครื่องมือเครื่องใช้ในการเกษตร ภายหลังการสลายตัวของสหภาพโซเวียต ความต้องการสินค้าเครื่องจักรกลหนักซึ่งเป็นสินค้าหลักของคาซัคสถานได้ลดลง ส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจตกต่ำอย่างมากระหว่างปี พ.ศ. 2534-2537 อัตราเงินเฟ้อสูงและมูลค่า Real GDP ลดลงมากกว่าร้อยละ 5 ระหว่างปี พ.ศ. 2538-2540 รัฐบาลคาซัคสถานได้ปฏิรูประบบเศรษฐกิจและแปรรูปรัฐวิสาหกิจอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ทรัพย์สินส่วนใหญ่ตกสู่ภาคเอกชน อัตราการเจริญเติบโตของประเทศเริ่มฟื้นตัวขึ้น ในปี พ.ศ. 2539 คาซัคสถานได้เข้าร่วมเป็นภาคีความร่วมมือก่อสร้างท่อส่งน้ำมันในทะเลแคสเปียน ซึ่งส่งผลให้สามารถส่งออกน้ำมันได้มากขึ้น ในปี พ.ศ. 2541 สภาวะการตกต่ำของราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ส่งผลให้เศรษฐกิจของคาซัคสถานตกต่ำลงชั่วขณะ แต่หลังจากปี พ.ศ. 2542 ราคาน้ำมันได้ถีบตัวสูงขึ้น ประกอบกับการลดค่าเงินที่ถูกจังหวะและการเกษตรที่ได้ผลดี ทำให้ภาวะเศรษฐกิจคาซัคสถานเจริญเติบโตภาคเกษตรกรรม ภาคเกษตรกรรม. เกษตรกรรมเป็นภาคอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานมากที่สุด คิดเป็นหนึ่งในสามของการส่งออก หรือ ร้อยละ 20-25 ของแรงงานภาคอุตสาหกรรม ผลผลิตหลักได้แก่ เมล็ดพันธุ์พืช แต่การเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ไม่แน่นอนและการปฏิรูประบบเศรษฐกิจอย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆ ทำให้การเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์พืชที่เคยสูงสุดในปี พ.ศ. 2535 กลับตกต่ำที่สุดในปี พ.ศ. 2538 และการผลิตภาคการเกษตรซึ่งเคยมีส่วนแบ่งรายได้ประชาชาติร้อยละ 23 ในปี พ.ศ. 2532 กลับลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 8.6 ในปี พ.ศ. 2543 ส่วนภาคการบริการที่ถูกละเลยภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์ กลับมีการขยายตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนับแต่ได้รับเอกราช ส่วนด้านการค้า ที่อยู่อาศัย และการคมนาคม ก็มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วเช่นกัน สำหรับการลงทุนนั้นมีมูลค่าร้อยละ 19 ของ GDP โดยหนึ่งในสี่ของการลงทุนนั้น มาจากบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมน้ำมันและโลหะการครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน การครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน. การโอนธุรกิจที่ดินให้เป็นของภาคเอกชนดำเนินไปอย่างช้า ๆ และรัฐบาลอนุญาตให้ชาวคาซัคเท่านั้นเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินเกษตรกรรมได้ ในกรณีที่ชาวต่างชาติและประชาชนทั่วไปต้องการครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินอื่น ๆ จะต้องมีบ้านหรือทรัพย์สินอยู่บนที่ดินผืนนั้น ส่วนที่ดินนอกเหนือจากนั้นถูกครอบครองโดยภาครัฐการปฏิรูปเศรษฐกิจ การปฏิรูปเศรษฐกิจ. ประธานาธิบดีนาซาร์บาเยฟได้นำความล้มเหลวและข้อผิดพลาดของการปฏิรูปเศรษฐกิจในยุโรปตะวันออกมาเป็นพื้นฐานในการกำหนดนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะข้อผิดพลาดเกี่ยวกับการเร่งสร้างระบบเศรษฐกิจแบบตะวันตก ด้วยการปฏิเสธบทบาทของรัฐในระบบเศรษฐกิจและนำกลไกตลาดมาใช้ทันทีโดยมิได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้สามารถรองรับการพัฒนาของระบบอย่างสอดคล้องกันเสียก่อน ด้วยเหตุนี้ คาซัคสถานจึงให้ความสำคัญกับการดำเนินบทบาทของรัฐในการควบคุม การผลิต การหมุนเวียนเงินทุน และการดำเนินความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับต่างประเทศต่อไป พร้อมทั้งผสมผสานกลไกของรัฐและกลไกตลาดเข้าด้วยกัน สภาพเศรษฐกิจของคาซัคสถานกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาไปสู่ระบบการตลาดแบบเสรี ในปี พ.ศ. 2539 คาซัคสถานเริ่มฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและมีเสถียรภาพทางการเงินมากขึ้น สังเกตได้จากอัตราเงินเฟ้อของราคาผู้บริโภคลดลงเหลือเพียงร้อยละ 39.1 ในปี พ.ศ. 2539 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2538 ที่มีอัตราร้อยละ 175 และปี พ.ศ. 2537 ที่มีอัตราถึงร้อยละ 1,900 ส่วนอัตราการว่างงานนั้นอยู่ในระดับที่ต่ำ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทางเศรษฐกิจก็ยังมีความเปราะบางอยู่ โดยเฉพาะในส่วนของอุตสาหกรรมผลิตเหล็กและเหมืองแร่ยังตกต่ำอยู่ เพราะขาดแคลนเงินทุนและปัจจัยในการผลิต ทำให้มีส่วนเกินของแรงงานและประสิทธิภาพ ส่วนทางภาคเกษตรกรรมนั้น ผลผลิตก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าที่คาดหมายกันไว้ การลงทุนขุดเจาะน้ำมันที่บ่อน้ำมัน Tengiz ของคาซัคสถาน ซึ่งรัฐบาลคาซัคสถานลงทุนร่วมกับบริษัท Chevron ของสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบจากการดำเนินนโยบายของรัสเซียที่จะจำกัดการส่งออกน้ำมันของคาซัคสถานผ่านท่อส่งน้ำมันของตน โดยล่าสุด บ่อน้ำมัน Tengiz สามารถส่งออกน้ำมันได้เพียง 880,000 บาร์เรลต่อเดือนเท่านั้น ในขณะที่เป้าหมายการผลิตในปี พ.ศ. 2540 คือ 30,000 บาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม คาซัคสถาน รัสเซีย ตุรกี อาเซอร์ไบจาน และสหรัฐอเมริกา ก็ได้ร่วมกันหารือเพื่อแก้ไขปัญหาการส่งออกน้ำมันผ่านท่อของประเทศต่าง ๆ ของคาซัคสถานแล้ว เนื่องจากคาซัคสถานมีโครงการสร้างท่อขนส่งน้ำมันและแก๊สผ่านรัสเซีย ไปยังชายฝั่งทะเลดำ โดยได้เริ่มดำเนินการในปี พ.ศ. 2541 และจะสิ้นสุดโครงการภายในสิ้นปี พ.ศ. 2543 แต่เส้นทางที่ท่อส่งน้ำมันและก๊าซผ่านนั้น เป็นประเทศคู่แข่งทางด้านนี้กับคาซัคสถานทั้งสิ้น เช่น อาเซอร์ไบจาน อิหร่าน และรัสเซีย และต้นทุนของการสร้างท่อก็มีราคาแพง ซึ่งในระยะยาวแล้ว คาซัคสถานจะต้องให้ความคุ้มครองแก่เส้นทางของท่อส่งออกน้ำมันและแก๊สทั้งด้านการค้าและการเมือง เท่าที่ผ่านมา ประเทศที่ดูจะประสบความสำเร็จมากที่สุดในการดำเนินธุรกิจน้ำมันกับคาซัคสถาน ได้แก่ ตุรกี ซึ่งบรรลุข้อตกลงกับคาซัคสถานที่จะร่วมกันพัฒนาบ่อน้ำมันและแก๊สธรรมชาติในคาซัคสถานถึง 7 แห่ง โดยตุรกีจะได้รับส่วนแบ่งเป็นน้ำมันจำนวน 2.1 พันล้านบาร์เรลและแก๊สธรรมชาติจำนวน 208.9 พันล้านลูกบาศก์เมตร คาซัคสถานมีน้ำมันสำรองถึง 2.5% ของปริมาณน้ำมันโลก และคาดว่าภายในปี 2560 จะติดอันดับ 1 ใน 10 ผู้ส่งออกน้ำมัน สำหรับการดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติ คาซัคสถานจะต้องแก้ปัญหาการทุจริตและปัญหาความไม่โปร่งใสของการลงทุน ซึ่งพบอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะการครอบครองด้านเศรษฐกิจโดยกลุ่มผู้จัดการน้ำมันที่มีอำนาจทางการเมือง จะทำให้รัฐบาลมีรายได้จากการเก็บภาษีน้อยลงสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน สถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน. ก่อนวิกฤตเศรษฐกิจของรัสเซีย คาซัคสถานได้รับการกล่าวถึงจากนานาชาติค่อนข้างดี ในแง่ของความพยายามและผลของการพัฒนาประเทศ แต่โดยที่รัสเซียเป็นประเทศคู่ค้าหลักของคาซัคสถาน จึงทำให้คาซัคสถานได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ด้วย โดยเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2542 รัฐบาลและธนาคารชาติคาซัคสถานได้ประกาศจะยุติการแทรกแซงเพื่อพยุงอัตราการแลกเปลี่ยนของเงินเต็งเก (Tenge) และปล่อยค่าเงินลอยตัว เพื่อให้สินค้าของคาซัคสถานสามารถแข่งขันกับสินค้าจากประเทศอื่นที่ได้ลดค่าเงินในตลาดโลกได้ ทั้งนี้ ค่าเงินเต็งเกอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง จากอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 88 เต็งเก ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2542 จนเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2546 อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 146.37 เต็งเก อย่างไรก็ดี คาซัคสถานได้พัฒนาระบบการเงินการธนาคารเป็นอย่างมาก รวมทั้งมีการปฏิรูประบบเศรษฐกิจและการเงิน จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2543 คาซัคสถานเป็นประเทศแรกของอดีตสหภาพโซเวียตที่สามารถจ่ายชำระหนี้คืนแก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ล่วงหน้าก่อนกำหนดถึง 7 ปี และในปี พ.ศ. 2545 ได้มีความร่วมมือกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในด้านการวางแผนระบบเศรษฐกิจ ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนกฎระเบียบเกี่ยวกับภาษีและระบบการคลังมีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก น้ำมันและแก๊สธรรมชาติยังคงเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ทำรายได้ให้แก่ประเทศ ทั้งนี้ มีการพิสูจน์แล้วว่าคาซัคสถานเป็นแหล่งสำรองน้ำมันของโลกร้อยละ 2.5 และจะสามารถผลิตน้ำมันได้วันละ 3 ล้านบาร์เรลภายในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งจะทำให้คาซัคสถานอยู่ในกลุ่ม 1 ใน 10 ของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันของโลกการท่องเที่ยว การท่องเที่ยว. แม้ว่าภูเขาและทะเลสาบเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีการเติบโตช้ามากเพราะมันได้รับการลงทุนน้อย ในช่วงทศวรรษ 2000 มีนักท่องเที่ยวเฉลี่ยปีละ 450,000 คน ส่วนใหญ่มาจากรัสเซีย ทะเลสาบ Issyk-Kul และภูเขาเทียนฉานเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ค่อนข้างนิยมการคมนาคมโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม และ โทรคมนาคมคมนาคม โครงสร้างพื้นฐาน. คมนาคม และ โทรคมนาคม. คมนาคม. ทางหลวงใหม่ระหว่างอัลมาตีและชายแดนกับประเทศจีนจะลดเวลาในการขนส่งจาก 6-3 ชั่วโมงโทรคมนาคมวิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยีการศึกษา การศึกษา. การศึกษาเป็นสากลและบังคับไปจนถึงระดับมัธยมศึกษาและอัตราการรู้หนังสือของผู้ใหญ่เป็น 99.5% การศึกษาประกอบด้วยการศึกษาหลัสามขั้นตอนคือ: ระดับประถมศึกษา (1-4 รูปแบบ), การศึกษาขั้นพื้นฐานทั่วไป (5-9 ฟอร์ม) และการศึกษาระดับอาวุโส (แบบฟอร์ม 10-11 หรือ 12) แบ่งเป็นหมวดวิชาศึกษาทั่วไปอย่างต่อเนื่องและการศึกษามืออาชีพ ปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยโรงเรียนและสถาบันการดนตรีโรงเรียนที่สูงขึ้นและสูงขึ้นอยู่ที่วิทยาลัยสาธารณสุขสวัสดิการสังคมประชากร ประชากร. เริ่มจากชนเผ่าเร่ร่อนเชื้อสายผสมมองโกล-เตอร์กิช เรียกตนเองว่า "คาซัค" ชาวคาซัคส่วนใหญ่พูดภาษารัสเซีย คาซัคสถานมีจำนวนประชากร 16,741,519 คน (พ.ศ. 2545)เชื้อชาติเชื้อชาติ. - ชาวคาซัค 53.4% - ชาวรัสเซีย 30% - ชาวยูเครน 3.7% - ชาวเยอรมัน 2.4% - ชาวอุซเบก 2.5% - ชาวตาตาร์ 1.7% - ชาวอุยกูร์ 1.4% - ชาวเกาหลี 0.7% - อื่นๆ 4.2%ศาสนา ศาสนา. จากการสำรวจในปี ค.ศ. 2009 พบว่าชาวคาซัคสถานร้อยละ 70.2 นับถือศาสนาอิสลาม รองลงมาคือศาสนาคริสต์ นิกายอีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์ ร้อยละ 26.6 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 0.1, ศาสนาอื่นๆ (โดยเฉพาะศาสนายูดาห์) ร้อยละ 0.2, มีร้อยละ 2.8 ระบุว่าตนเป็นผู้ที่ไม่มีศาสนา และร้อยละ 0.5 ไม่ได้ระบุว่านับถือศาสนาอะไร ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่มีจำนวนศาสนิกมากที่สุดในประเทศ ตามมาด้วยศาสนาคริสต์นิกายรัสเซียออร์ทอดอกซ์ หลังจากการแยกตัวออกจากสหภาพโซเวียต คาซัคสถานมีการแสดงออกถึงการนับถือศาสนา เสรีภาพในการนับถือศาสนา และการปฏิบัติศาสนกิจที่แพร่หลายขึ้น ศาสนสถานกว่าร้อยแห่งเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว สมาคมทางศาสนาเพิ่มขึ้นจาก 670 แห่งในปี ค.ศ. 1990 เป็น 4,170 แห่งในปัจจุบัน ชาวมุสลิมส่วนใหญ่นับถือนิกายซุนนีย์มัซฮับฮานาฟี ศาสนิกชนส่วนใหญ่คือกลุ่มเชื้อสายคาซัคกว่าร้อยละ 60 และในกลุ่มชาวอุซเบก, อุยกูร์ และตาตาร์ มีชาวซุนนีย์น้อยกว่าร้อยละ 1 ศึกษามัซฮับซาฟิอี (โดยเฉพาะกลุ่มเชื้อสายเชเชน) มีมัสยิดทั้งหมด 2,300 แห่ง ซึ่งทุกแห่งได้เข้าร่วมกับสมาคมจิตวิญญาณมุสลิมคาซัคสถาน (Spiritual Association of Muslims of Kazakhstan) โดยขึ้นตรงต่อศาลมัฟติ (Mufti) และมีวันอีดิลอัฎฮาเป็นวันหยุดราชการ หนึ่งในสี่ของประชากรนับถือศาสนาคริสต์นิกายรัสเซียออร์ทอดอกซ์ ในกลุ่มประชาชนที่มีเชื้อสายรัสเซีย, ยูเครน และเบลารุสเซีย นอกจากนี้ยังมีนิกายโรมันคาทอลิกและโปรเตสแตนต์ มีโบสถ์คริสต์นิกายออร์ทอดอกซ์ 3,258 แห่ง, โบสถ์นิกายโรมันคาทอลิก 93 แห่ง และโบสถ์ของนิกายโปรเตสแตนต์กว่า 500 แห่ง ทั้งนี้วันคริสต์มาสของนิกายออร์ทอดอกซ์ได้เป็นวันหยุดราชการของประเทศเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีศาสนาอื่น ๆ เช่น ยูดาห์, บาไฮ, ฮินดู, พุทธ เป็นอาทิ ตามข้อมูลการสำรวจสำมะโนประชากรในปี ค.ศ. 2009 มีคริสต์ศาสนิกชนน้อยมากที่มิใช่กลุ่มชาวสลาฟและเยอรมัน ตามตารางภาษาวัฒนธรรมสถาปัตยกรรมดนตรี วัฒนธรรม. ดนตรี. รัฐสมัยใหม่ของคาซัคสถานเป็นที่ตั้งของรัฐออร์เคสตราคาซัค Kurmangazy ของดนตรีพื้นบ้าน วงดนตรีพื้นบ้านที่ใช้ในการตั้งชื่อตาม Kurmangazy Sagyrbayuly นักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียงและเป็นผู้เล่น dombra จากศตวรรษที่ 19อาหารสื่อมวลชนวันหยุดกีฬาฟุตบอลมวยสากล กีฬา. มวยสากล. คาซัคสถานเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉาะอย่างยิ่งการชกมวย
| ประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐคาซัคสถานมีชื่อว่าอะไร | {
"answer": [
"นูร์ซุลตาน นาซาร์บาเยฟ"
],
"answer_begin_position": [
2741
],
"answer_end_position": [
2763
]
} |
3,961 | 473,299 | รำวงมาตรฐาน รำวงมาตรฐาน เป็นการแสดงที่มีวิวัฒนาการมาจาก รำโทน เป็นการรำและร้องของชาวบ้าน ซึ่งจะมีผู้รำทั้งชาย และหญิง รำกันเป็นคู่ ๆ รอบ ครกตำข้าวที่วางคว่ำไว้ หรือไม่ก็รำกันเป็นวงกลม โดยมีโทนเป็นเครื่องดนตรีประกอบจังหวะ ลักษณะการรำ และร้องเป็นไปตามความถนัด ไม่มีแบบแผนกำหนดไว้ คงเป็นการรำ และร้องง่าย ๆ มุ่งเน้นที่ความสนุกสนานรื่นเริงเป็นสำคัญ เช่น เพลงช่อมาลี เพลงยวนยาเหล เพลงหล่อจริงนะดารา เพลงตามองตา เพลงใกล้เข้าไปอีกนิด ฯลฯ ด้วยเหตุที่การรำชนิดนี้มีโทนเป็นเครื่องดนตรีประกอบจังหวะ จึงเรียกการแสดงชุดนี้ว่า รำโทน ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๗ ในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของการละเล่นรื่นเริงประจำชาติ และเห็นว่าคนไทยนิยมเล่นรำโทนกันอย่างแพร่หลาย ถ้าปรับปรุงการเล่นรำโทนให้เป็นระเบียบทั้งเพลงร้องลีลาท่ารำ และการแต่งกาย จะทำให้การเล่นรำโทนเป็นที่น่านิยมมากยิ่งขึ้น จึงได้มอบหมายให้กรมศิลปากรปรับปรุงรำโทนเสียใหม่ให้เป็นมาตรฐาน มีการแต่งเนื้อร้อง ทำนองเพลงและนำท่ารำจากแม่บทมากำหนดเป็นท่ารำเฉพาะแต่ละเพลงอย่างเป็นแบบแผนเพลง เพลง. รำวงมาตรฐาน ประกอบด้วยเพลงทั้งหมด ๑๐ เพลง กรมศิลปากรแต่งเนื้อร้องจำนวน ๔ เพลง คือ เพลงงามแสงเดือน เพลงชาวไทย เพลงรำซิมารำ เพลงคืนเดือนหงาย ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม แต่งเนื้อร้องเพิ่มอีก ๖ เพลง คือ เพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ เพลงดอกไม้ของชาติ เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า เพลงหญิงไทยใจงาม เพลงบูชานักรบ เพลงยอดชายใจหาญ ส่วนทำนองเพลงทั้ง ๑๐ เพลง กรมศิลปากร และกรมประชาสัมพันธ์เป็นผู้แต่ง จากการสัมภาษณ์นางสุวรรณี ชลานุเคราะห์ ศิลปินแห่งชาติ สาชาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์ไทย) ปีพุทธศักราช ๒๕๓๓ อธิบายว่า ท่ารำเพลงรำวงมาตรฐานประดิษฐ์ท่ารำโดย นางลมุล ยมะคุปต์ นางมัลลี คงประภัศร์ และนางศุภลักษณ์ ภัทรนาวิก ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการสอนนาฏศิลป์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป์ ส่วนผู้คิดประดิษฐ์จังหวะเท้าของเพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ คือนางจิตรา ทองแถม ณ อยุธยา อาจารย์ใหญ่โรงเรียนสังคีตศิลป ปัจจุบันคือ วิทยาลัยนาฏศิลป ปีพ.ศ. ๒๔๘๕ – ๒๔๘๖ เมื่อปรับปรุงแบบแผนการเล่นรำโทนให้มีมาตรฐาน และมีความเหมาะสม จึงมีการเปลี่ยนแปลงชื่อจากรำโทนเป็น “รำวงมาตรฐาน” อันมีลักษณะการแสดงที่เป็นการรำร่วมกันระหว่างหญิง-ชายเป็นคู่ ๆ เคลื่อนย้ายเวียนไปเป็นวงกลม มีเพลงร้องที่แต่งทำนองขึ้นใหม่ มีการใช้ทั้งวงปี่พาทย์บรรเลงเพลงประกอบ และบางเพลงก็ใช้วงดนตรีสากลบรรเลงเพลงประกอบ ซึ่งเพลงร้องที่แต่งขึ้นใหม่ทั้ง ๑๐ เพลงรายชื่อเพลงและท่ารำการแต่งกาย การแต่งกาย. เครื่องแต่งกายของรำวงมาตรฐาน ประกอบด้วย ๔ แบบดังนี้- แบบที่ ๑ แบบชาวบ้าน ชาย นุ่งผ้าโจงกระเบน สวมเสื้อคอพวงมาลัย เอวคาดผ้าห้อยชายด้านหน้า หญิง นุ่งโจงกระเบน ห่มผ้าสไบอัดจีบ ปล่อยผม ประดับดอกไม้ที่ผมด้านซ้าย คาดเข็มขัด ใส่เครื่องประดับ- แบบที่ ๒ แบบไทยพระราชนิยม ชาย นุ่งโจงกระเบน สวมเสื้อราชปะแตน ใส่ถุงเท้า รองเท้า หญิง นุ่งโจงกระเบน สวมเสื้อลูกไม้ สไบพาดบ่าผูกเป็นโบ ทิ้งชายไว้ข้างลำตัวด้านซ้าย ใส่เครื่องประดับมุก- แบบที่ ๓ แบบสากลนิยม ชาย นุ่งกางเกง สวมสูท ผูกเน็กไท หญิง นุ่งกระโปรงป้ายข้าง ยาวกรอมเท้า ใส่เสื้อคอกลม แขนกระบอก- แบบที่ ๔ แบบราตรีสโมสร ชาย นุ่งกางเกง สวมเสื้อพระราชทาน ผ้าคาดเอวห้อยชายด้านหน้า หญิง นุ่งกระโปรงยาวจีบหน้านาง ใส่เสื้อจับเดรป ชายผ้าห้อยจากบ่าลงไปทางด้านหลัง เปิดไหล่ขวา ศีรษะทำผมเกล้า
| รำวงมาตรฐานของไทยเป็นการแสดงที่มีวิวัฒนาการมาจากการรำแบบใด | {
"answer": [
"รำโทน"
],
"answer_begin_position": [
142
],
"answer_end_position": [
147
]
} |
3,963 | 263,341 | เอกซะไบต์ เอกซะไบต์ (Exabyte) หรือ เอกซาไบต์ ใช้ตัวย่อว่า EB เป็นหน่วยวัดขนาดของข้อมูลในคอมพิวเตอร์ เช่น ใช้เป็นหน่วยวัดความจุของหน่วยความจำหรือฮาร์ดดิสก์ เอกซะไบต์ มีขนาดอ้างอิงคร่าวๆ คือ- 1 EB = 1,000,000,000,000,000,000 ไบต์ (หนึ่งล้านล้านล้านไบต์) ใช้ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ และในวิศวกรรมสื่อสาร - หรือเทียบเท่าได้กับ 1,024 PB = 1 EB
| เอกซะไบต์เป็นหน่วยวัดขนาดของข้อมูลในอุปกรณ์ใด | {
"answer": [
"คอมพิวเตอร์"
],
"answer_begin_position": [
172
],
"answer_end_position": [
183
]
} |
3,964 | 85,974 | บอสซาโนวา บอสซาโนวา (, บอซานอวา) เป็นชื่อของแนวเพลงที่กำเนิดในประเทศบราซิล ในปี ค.ศ. 1958 โดยอังโตนีอู การ์ลูช โชบิง, วีนีซีอุช จี โมไรช์ และชูเอา ชิลเบร์ตู โดยมาจากการผสมผสานดนตรีแจ๊สของแอฟริกัน-อเมริกันกับดนตรีแซมบา ดนตรีพื้นบ้านของบราซิล เครื่องดนตรีที่ใช้กับดนตรีบอสซาโนวาประกอบด้วยเครื่องดนตรีหลัก 2 ชิ้น คือ กีตาร์และเปียโน โดยมีเครื่องดนตรีอื่น ๆ ได้แก่ออร์แกนไฟฟ้า ดับเบิลเบส กลอง และเครื่องเคาะ กีตาร์ที่ใช้จะต้องเป็นกีตาร์คลาสสิก สายไนลอน และเล่นโดยใช้นิ้ว ไม่ใช้ปิ๊ก ดนตรีบอสซาโนวา เป็นที่นิยมอยู่ในบราซิล สหรัฐอเมริกา ยุโรปตะวันตก ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์ ปัจจุบันอาจเรียกสั้น ๆ ว่า บอสซา ผลงานดนตรีที่ทำให้บอสซาโนวาเป็นที่นิยม คืออัลบัมเพลงประกอบภาพยนตร์ Black Orpheus (, 1959) โดยชูเอา ชิลเบร์ตู และเป็นที่นิยมในสหรัฐอเมริกาจากอัลบัม Jazz Samba (1962) ของสแตน เก็ตซ์และชาร์ลี เบิร์ด และโด่งดังไปทั่วโลกกับอัลบัม Getz/Gilberto (1963) ของสแตน เก็ตซ์และชูเอา ชิลเบร์ตู โดยเพลงที่มีชื่อเสียงที่สุดคือเพลง The Girl from Ipanema () ซึ่งขับร้องโดยอัสตรุด ชิลเบร์ตู ภรรยาของชูเอา เพลงนี้ได้รับรางวัลแกรมมีเมื่อปี ค.ศ. 1965มีเดีย
| บอสซาโนวาเป็นชื่อของแนวเพลงที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศใด | {
"answer": [
"บราซิล"
],
"answer_begin_position": [
150
],
"answer_end_position": [
156
]
} |
3,965 | 5,549 | จังหวัดอุดรธานี อุดรธานี เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย จังหวัดอุดรธานีเป็นศูนย์ปฏิบัติการกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 และศูนย์กลางพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง เดิมพื้นที่เมืองอุดรธานีในปัจจุบันคือบ้านเดื่อหมากแข้ง ซึ่งมีมานานร่วมสมัยกับเมืองเวียงจันทน์ อาณาจักรล้านช้าง เมืองอุดรธานีได้รับการสถาปนาให้เป็นเมืองศูนย์บัญชาการการปกครองของมณฑลอุดรอย่างเป็นทางการในสมัยรัชกาลที่ 4 ปี พ.ศ. 2436 โดยพลตรี พระเจ้าบรมวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ซึ่งทรงเป็นข้าหลวงใหญ่สำเร็จราชการแทนพระองค์ปกครอง มณฑลอุดร ในสมัยที่มีการปกครองในรูปแบบมณฑลเทศาภิบาล กรุงรัตนโกสินทร์ เมืองอุดรธานีเกิดจากรวมกันของหัวเมืองฝ่ายเหนือในพื้นที่มณฑลอุดร (มณฑลลาวพวน) คือ เมืองกุมภวาปี เมืองหนองหาน เมืองนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน และบ้านเดื่อหมากแข้ง มีอาณาเขตปกครองกว้างใหญ่ที่สุดในประเทศ จังหวัดอุดรธานีอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร 564 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 11,730 ตารางกิโลเมตร (ประมาณ 7,331,438.75 ไร่) มีสภาพภูมิประเทศที่อุดมสมบูรณ์ และมีแหล่งอารยธรรมที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของประเทศและของโลก ปัจจุบันอุดรธานีเป็นศูนย์กลางหน่วยงานราชการต่าง ๆ ในภูมิภาค ศูนย์กลางการเดินทางทางบกและทางอากาศของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาคอาเซียนสัญลักษณ์ประจำจังหวัดสัญลักษณ์ประจำจังหวัด. - อักษรย่อ : อด. - คำขวัญประจำจังหวัด : กรมหลวงประจักษสร้างเมือง ลือเลื่องแหล่งธรรมะ อารยธรรมบ้านเชียงมรดกโลกห้าพันปี ธานีผ้าหมี่ขิด ธรรมชาติเนรมิตทะเลบัวแดง - ตราประจำจังหวัด : ตราประจำจังหวัดศิลปากรเป็นผู้ออกแบบเมื่อ พ.ศ. 2483 - ต้นไม้ประจำจังหวัด : ต้นเต็ง () - พรรณไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัด : ต้นรังหรือต้นฮัง () เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ สูง 15-20 เมตร ใบรูปไข่ ดอกสีเหลือง มีกลิ่นหอม ออกดอกในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน - ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกทองกวาว () - สัตว์น้ำประจำจังหวัด : ปลาสร้อยลูกกล้วยหรือปลาคุยลาม () - ธงประจำจังหวัด : เป็นธงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีแสด มีรูปท้าวเวสสุวัณซึ่งเป็นดวงตราประจำจังหวัดอยู่กลางผืนธงประวัติศาสตร์ก่อนยุคประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์. ก่อนยุคประวัติศาสตร์. จังหวัดอุดรธานีเป็นเมืองที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของประวัติศาสตร์และเป็นดินแดนแห่งอุทยานประวัติศาสตร์อันเป็นมรดกโลก จากการขุดค้นพบซากโครงกระดูกและโบราณวัตถุ เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆที่บ้านเชียง อำเภอหนองหาน การพบถ้ำและภาพเขียนสีต่างๆ ที่อำเภอบ้านผือ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าบนดินแดนเขตจังหวัดอุดรธานีในปัจจุบัน เคยมีชุมชนตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ซึ่งมีอายุอยู่ในช่วงราว 5,000-7,000 ปีที่ผ่านมา จากการสืบค้นและศึกษาทางโบราณคดี เป็นที่ยอมรับนับถือในวงการศึกษาประวัติศาสตร์และโบราณคดีระหว่างประเทศว่า ชุมชนเก่าแก่เหล่านี้เคยมีอารยธรรมความเจริญในระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องปั้นดินเผาสีลายเส้นที่บ้านเชียงนั้น สันนิษฐานว่าอาจเป็นเครื่องปั้นดินเผาสีลายเส้นที่เก่าที่สุดของโลก หลักฐานหนึ่งที่น่าสนใจ คือโบราณวัตถุที่ขุดพบในบ้านเชียง ได้มีการนำไปศึกษาทดสอบอายุของภาชนะดินเผาโบราณด้วยระบบเรดิโอคาร์บอน หรือ คาร์บอน 14 พบว่าภาชนะดินเผาเหล่านี้มีอายุเก่าแก่ประมาณ 2,000-5,600 ปี ซึ่งนักโบราณคดีได้แบ่งอายุวัฒนธรรมบ้านเชียงออกเป็น 3 ช่วงตามลักษณะเด่นของภาชนะดินเผา โดยแบ่งเป็นประวัติศาสตร์ในช่วงสมัยปลาย สมัยกลาง และสมัยต้น ดังนี้- สมัยปลาย ภาชนะมีลักษณะเด่นที่ลายเส้นสีแดง พื้นผิวสีนวล มีอายุตั้งแต่ 1,800-2,300 ปี - สมัยกลาง พบภาชนะมีอายุตั้งแต่ 2,300-3,000 ปี ลักษณะเด่นอยู่ที่รูปทรงเป็นสันหักมุม ก้นภาชนะมีทั้งแบบแหลมและกลม ภาชนะสีขาว - สมัยต้น ภาชนะดินเผามีสีดำ ลักษณะเชิงเตี้ย ครึ่งบนตกแต่งด้วยเส้นขีดเป็นลายขด ส่วนครึ่งล่างภาชนะตกแต่งด้วยลายเชือกทาบ มีอายุมากกว่า 3,000-5,600 ปี นอกจากนั้น แหล่งโบราณคดีอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อำเภอบ้านผือ ก็เป็นอีกพื้นที่หนึ่ง ที่ยืนยันให้เห็นความรุ่งเรืองและอารยธรรมโบราณที่เคยปรากฏบนผืนดินแห่งเมืองอุดรธานี หลักฐานสำคัญที่ค้นพบในเขตนี้ได้แก่ ภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ซึ่งพบหลายแห่งบนเทือกเขาภูพานน้อยหรือภูพระบาทนี้ ภาพที่สำคัญๆ เช่น ภาพเขียนสีถ้ำคน ภาพเขียนสีถ้ำวัว ภาพเขียนสีโนนสาวเอ้ เป็นต้น ภาพเขียนเหล่านี้ใช้สีดินแดงเขียน เป็นภาพเหมือนจริงบ้าง เป็นภาพเรขาคณิตบ้างหรือภาพฝ่ามือแดงบ้าง ซึ่งนักโบราณคดีให้ความเห็นว่า คนสมัยก่อนประวัติศาสตร์เขียนขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรม หรือเป็นสัญลักษณ์สื่อสารกันระหว่างคนในเผ่า โดยในพิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี ส่วนของห้องประวัติศาสตร์และโบราณคดีได้แบ่งยุคโบราณคดีในชุดวัฒนธรรมบ้านเชียงออกมาเป็นยุคแรก และยุคอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทเป็นยุคประวัติศาสตร์ยุคที่ 2 ซึ่งเป็นช่วงอารยธรรมมนุษย์โบราณสมัย 1,200-1,800 ปีที่ผ่านมายุคประวัติศาสตร์ ยุคประวัติศาสตร์. หลังจากยุคความเจริญที่บ้านเชียงและแถบพื้นที่ราบสูงอำเภอบ้านผือแล้ว ดินแดนในเขตจังหวัดอุดรธานี ก็ยังคงเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์สืบต่อมาอีก จนกระทั่งสมัยประวัติศาสตร์ของประเทศไทย นับแต่สมัยทวารวดี (พ.ศ. 1200-1600) สมัยลพบุรี(พ.ศ. 1200-1800) และสมัยสุโขทัย(พ.ศ. 1800-2000) จากหลักฐานที่พบคือ ใบเสมาสมัยทวารวดี ลพบุรี และภาพเขียนปูนบนผนังโบสถ์ที่ปรักหักพังบริเวณเทือกเขาภูพานใกล้วัดพระพุทธบาทบัวบก อำเภอบ้านผือ แต่ทั้งนี้ยังไม่ปรากฏในประวัติศาสตร์ในขณะนั้นแต่อย่างใด ในส่วนของหลักฐานทางด้านพุทธศาสนาดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่าดินแดนที่ราบสูงแห่งนี้ ได้มีวัฒนธรรมอินเดียแพร่เข้ามาซึ่งเชื่อว่ามาจากแอ่งโคราช แล้วเผยแพร่มาสู่บริเวณลุ่มน้ำโขงสมัยกรุงศรีอยุธยา สมัยกรุงศรีอยุธยา. สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี พื้นที่จังหวัดอุดรธานีได้ปรากฏในประวัติศาสตร์ เมื่อราวปีจอ พ.ศ. 2117 เมื่อพระเจ้ากรุงหงสาวดี(บุเรงนอง)ได้ทรงเกณฑ์ทัพไทยให้ไปช่วยตีกรุงศรีสัตนาคณหุต(เวียงจันทร์)โดยให้สมเด็จพระมหาธรรมราชากับสมเด็จพระนเรศวรมหาราชยกทัพไปช่วยรบ แต่เมื่อกองทัพไทยยกมาถึงเมืองหนองบัวลำภู(จังหวัดหนองบัวลำภูในปัจจุบันเคยเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี)ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านของเมืองเวียงจันทร์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงพระประชวรด้วยไข้ทรพิษ จึงยกทัพกลับไม่ต้องรบพุ่งกับเวียงจันทร์ และที่เมืองหนองบัวลำภูนี้เองสันนิษฐานว่าเคยเป็นเมืองที่มีความเจริญมาตั้งแต่สมัยขอมเรืองอำนาจสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์. เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์เมื่อ พ.ศ. 2325 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้ทรงทะนุบำรุงบ้านเมืองให้มีความเจริญมาโดยตลอดซึ่งในระยะเวลาดังกล่าวนั้นยังไม่ได้มีการจัดตั้งเมืองอุดรธานี ดังนั้นจึงยังไม่มีชื่อเมืองอุดรธานีปรากฏในประวัติศาสตร์ และพงศาวดารในเวลานั้น แต่ได้มีการกล่าวถึงเมืองหนองบัวลำภูในสมัยรัชกาลที่3พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว กล่าวคือ ในระหว่าง พ.ศ. 2369-2371 ได้เกิดกบฏเจ้าอนุวงศ์ยกทัพมายึดเมืองนครราชสีมาและเมื่อพ่ายแพ้ชาวนครราชสีมาซึ่งมีผู้นำคือ คุณหญิงโม(ท้าวสุรนารี)กองทัพเจ้าอนุวงศ์ได้ถอยทัพมาตั้งรับที่เมืองหนองบัวลำภู และได้ต่อสู้กับกองทัพไทยและชาวเมืองหนองบัวลำภูจนทัพเจ้าอนุวงศ์แตกพ่ายไป ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ในระยะเวลานั้น นับเป็นเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญในประวัติศาสตร์ไทย เนื่องจากเป็นระยะเวลาที่ประเทศไทย(ในขณะนั้นเรียกว่าประเทศสยาม)ได้มีการติดต่อกับต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศทางตะวันตกมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ทำให้วัฒนธรรม อารยธรรม ความเจริญต่างๆได้หลั่งไหลเข้าสู่ประเทศไทย ประกอบกับในระยะเวลานั้นเป็นระยะเวลาของการแสวงหาเมืองขึ้น ตามลัทธิจักรวรรดินิยมตะวันตกของชาติตะวันตกที่สำคัญสองชาติ คือ อังกฤษ กับฝรั่งเศสที่พยายามจะผนวกดินแดนบริเวณแหลมอินโดจีนให้เป็นเมืองขึ้นของตน และพยายามที่จะแสวงหาผลประโยชน์จากเมืองไทยในระหว่าง พ.ศ. 2391-2395 พวกจีนที่เป็นกบฏที่เรียกว่ากบฏไต้เผง ถูกจีนตีจากผืนแผ่นดินใหญ่ได้มาอาศัยอยู่ตามชายแดนไทย ลาว และญวน ซึ่งเวลานั้นดินแดนลาวที่เรียกว่า ล้านช้าง บริเวณเขตสิบสองจุไทย หัวพันทั้งห้าทั้งหก ขึ้นอยู่กับประเทศไทย พวกฮ่อได้เที่ยวปล้นสะดมก่อความไม่สงบและได้กำเริบเสิบสานมากขึ้นจนกระทั่ง พ.ศ. 2411ได้เข้ายึดเมืองลาวกาย เมืองพวน เมืองเชียงขวาง และยกมาตีเมืองหลวงพระบาง เวียงจันทร์ และหนองคายต่อไป พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์เสด็จขึ้นครองราชย์ เมื่อพ.ศ. 2411 จึงได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พระยาสุโขทัยกับพระยาพิชัยยกกองทัพไปช่วยหลวงพระบางและให้พระยามหาอำมาตย์ยกทัพไปช่วยทางด้านหนองคาย แล้วรับสั่งให้เจ้าพระยาภูธราภัยยกกองทัพไปช่วย พระยามหาอำมาตย์อีกกองทัพหนึ่ง กองทัพไทยสามารถตีพวกฮ่อแตกพ่ายไป แต่กระนั้นก็ตามพวกฮ่อที่แตกพ่ายไปแล้วนั้นก็ยังทำการปล้นสะดมรบกวนชาวบ้านอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งใน พ.ศ. 2428 พวกฮ่อได้ส่องสุมกำลังมากขึ้น จนสามารถยึดเมืองซอนลา เมืองเชียงขวาง และทุ่งเชียงคำไว้ได้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม(พระยศในสมัยนั้น)เป็นแม่ทัพใหญ่ยกขึ้นไปปราบปรามทางด้านเมืองหนองคาย เรียกว่าแม่ทัพใหญ่ฝ่ายใต้และเจ้าหมื่นไวยวรนาถ (ต่อมาเป็นจอมพลพระยาสุรศักดิ์มนตรี)เป็นแม่ทัพใหญ่ฝ่ายเหนือทางเมืองหลวงพระบาง กองทัพไทยทั้งฝ่ายใต้และฝ่ายเหนือต้องประสบความลำบากในการทำสงครามกับพวกฮ่อ เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่เป็นป่าเขา ซึ่งมีไข้ป่าชุกชุมทำให้ทหารฝ่ายไทยต้องล้มตายลงเป็นจำนวนมาก ในที่สุดกองทัพไทยทั้งฝ่ายใต้ละฝ่ายเหนือก็สามารถตีพวกฮ่อแตกพ่ายไป ในเวลานั้นจังหวัดอุดรธานียังไม่ปรากฏชื่อ ปรากฏเพียงบ้านหมากแข้งหรือบ้านเดื่อหมากแข้ง สังกัดเมืองหนองคาย ขึ้นการปกครองกับมณฑลลาวพวน ซึ่งกรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคมแม่ทัพใหญ่ฝ่ายใต้ ได้เดินทัพผ่านบ้านหมากแข้งไปทำการปราบปรามพวกฮ่อจนสงบ ภายหลังการปราบปรามฮ่อสงบแล้ว ไทยมีกรณีพิพาทกับฝรั่งเศส เนื่องจากฝรั่งเศลต้องการลาว เขมร และญวนเป็นอาณานิคม เรียกว่า "กรณีพิพาท ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436)" ด้วยพระปรีชาญาณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงยอมเสียสละส่วนน้อยเพื่อรักษาประเทศไว้ จึงทรงสละดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้แก่ฝรั่งเศส และตามสนธิสัญญาที่ทำขึ้นระหว่าง 2 ประเทศ มีเงื่อนไขห้ามประเทศสยามตั้งกองทหารและป้อมปราการอยู่ในรัศมี 25 กิโลเมตรของฝั่งแม่น้ำโขง ดังนั้น หน่วยทหารไทยที่ตั้งประจำอยู่ที่เมืองหนองคาย อันเป็นเมืองศูนย์กลางของหัวเมืองหรือมณฑลอุดรธานี ซึ่งมีกรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคมเป็นข้าหลวงใหญ่สำเร็จราชการ จำต้องอพยพเคลื่อนย้ายลึกเข้ามาจนถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งชื่อบ้านเดื่อหมากแข้ง (ซึ่งเป็นที่ตั้งจังหวัดอุดรธานีปัจจุบัน) ห่างจากฝั่งแม่น้ำโขงกว่า 50 กิโลเมตร เมื่อทรงพิจารณาเห็นว่าหมู่บ้านแห่งนี้มีชัยภูมิเหมาะสม เพราะมีแหล่งน้ำดี เช่น หนองนาเกลือ (หนองประจักษ์ปัจจุบัน) และหนองน้ำอีกหลายแห่งรวมทั้งห้วยหมากแข้งซึ่งเป็นลำห้วยน้ำใสไหลเย็น กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคมทรงบัญชาให้ตั้งศูนย์มณฑลอุดรธานี และตั้งกองทหารขึ้น ณ หมู่บ้านเดื่อหมากแข้ง จึงพอเห็นได้ว่าเมืองอุดรธานีได้อุบัติขึ้นโดยบังเอิญเพราะเหตุผลทางด้านความมั่นคงและการเมืองระหว่างประเทศ อีกทั้งเหตุผลทางการค้า การคมนาคมในอดีต อย่างไรก็ตามคำว่า "อุดร" มาปรากฏในชื่อเมืองเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2450 (พิธีตั้งเมืองอุดรธานี 1 เมษายน ร.ศ. 127 พ.ศ. 2450 โดยพระยาศรีสุริยราช วรานุวัตร "โพธิ์ เนติโพธิ์") พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีกระแสพระบรมราชโองการให้จัดตั้งเมืองอุดรธานีขึ้นที่บ้านหมากแข้ง เป็นศูนย์กลางของมณฑลอุดร ครอบคลุม จังหวัด อุดรธานี ขอนแก่น หนองคาย เลย หนองบัวลำภู บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหารในสมัยนั้น หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็นระบอบประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2475 แล้วได้มีการปรับปรุงระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน ยกเลิกการปกครองในระบบมณฑลในส่วนภูมิภาคยังคงเหลือเฉพาะจังหวัดและอำเภอเท่านั้นมณฑลอุดรจึงถูกยุบเลิกไปเหลือเพียงจังหวัด "อุดรธานี" เท่านั้น อย่างไรก็ตามอุดรธานียังคงมีหน่วยงานราชการด้านการปกครองของกระทรวงต่าง ๆ ที่จัดตั้งในส่วนภูมิภาคที่แสดงเค้าโครงของศูนย์กลางการปกครองในพื้นที่อิสานตอนบน เช่น สำนักบริหารการทะเบียนราษ ภาค 4 คลังเขต 4 สรรพสามิตเขต 4 ศาล ตำรวจภูธรเขต 4 เป็นต้นชุมชนบ้านเดื่อหมากแข้ง ชุมชนบ้านเดื่อหมากแข้ง. ชุมชนบ้านเดื่อหมากแข้งเป็นชุมชนประวัติศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับการสร้างบ้านแปงเมืองอุดรธานีของเสด็จในกรมพลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมพระผู้สถาปนาเมืองอุดรธานี พระผู้ถวายชีวิตเพื่อแผ่นดินอิสาณ ชุมชนบ้านเดื่อหมากแข้ง (ปัจจุบันยกขึ้นเป็นตำบลหมากแข้งซึ่งเป็นตำบลเมืองอุดร) ลักษณะภูมิประเทศทั่วไปเป็นที่ราบชายเนิน สูงกว่าระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ย 175 เมตร รอบๆชุมชนมีแหล่งน้ำใหญ่ เช่น หนองนาเกลือ ปัจจุบันคือ หนองประจักษ์ศิลปาคม มีลำห้วยหมากแข้งและลำห้วยมั่งไหลจากภูพานผ่านชุมชนจากทิศใต้ไปทางทิศเหนือ ลำห้วยทั้งสองนี้เป็นลำคลองที่ช่วยระบายน้ำออกจากตัวเมืองมีพื้นที่ 5.6 ตารางกิโลเมตร มีอาณาเขตดังนี้- ทิศเหนือ ติดต่อชุมชนตำบลบ้านเลื่อม - ทิศใต้ ติดต่อชุมชนตำบลบ้านจั่น - ทิศตะวันออก ติดต่อทางชุมชนตำบลหนองบัว - ทิศตะวันตก ติดต่อชุมชนตำบลเชียงพิณ ประชากร ปัจจุบันมีประชากรทั้งสิ้น 154,340 คน เป็นชาย 77,600 คน หญิง 76,340 คน บ้าน 41,081 หลัง ความหนาแน่นของประชากร 3,239 คน/ตร.กม. จุดเด่นของชุมชนบ้านเดื่อหมากแข้งจำแนกได้เป็น 4 ลักษณะคือ1. ย่านศูนย์กลางของเศรษฐกิจ เป็นย่านธุรกิจการค้าอยู่บริเวณใจกลางชุมชนผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่น มีพื้นฐานการศึกษาและคุณภาพที่ดีพอสมควร 2. ย่านผู้คนแออัดแทรกอยู่ในย่านที่เจริญทางเศรษฐกิจ พื้นฐานการศึกษาและคุณภาพชีวิตไม่ดีนัก 3. ย่านใกล้กับชานเมืองมีสภาพคล้ายกับชุมชนชนบทแต่มีความเจริญด้อยกว่าชนบท เป็นย่านที่ต้องได้รับการพัฒนาให้อยู่ในสภาพที่ทัดเทียมกับย่านปกติอื่นๆ 4. ย่านหมู่บ้านจัดสรรเป็นย่านที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดีและปานกลาง เป็นกลุ่มที่มีพื้นฐานและคุณภาพชีวิตที่ดีปานกลาง จากสภาพของสิ่งแวดล้อมทางสังคมทำให้วิถีชีวิตของผู้คนในย่านดังกล่าวมีสภาพแบบโดดเดี่ยว ขาดการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างจริงจัง จังหวะเหมาะของบ้านเดื่อหมากแข้ง เมื่อครั้งแผ่นดินที่ 4 แห่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.ศ.112พ.ศ. 2436 ได้เกิดกรณีพิพาทระหว่างสามประเทศกับพวกนักล่าอาณานิคมฝรั่งเศสหลังจากที่ได้ยึดครองประเทศในแถบอินโดจีน คือ ลาว เวียดนาม กัมพูชา แล้วฝรั่งเศสก็คอยหาเรื่องกระทบกระทั่งกับฝ่ายสยามตลอดมา จนในที่สุดด้วยพระราชกุศโลบายอันลึกซึ่งสุขุมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ยอมเสียสละดินแดนส่วนน้อยเพื่อพิทักษ์รักษาดินแดนส่วนใหญ่ไว้ ต่อมาทั้งสองฝ่ายได้ร่วมลงนามในสนธิสัญญาสงบศึกลงวันที่ 3 ตุลาคม ร.ศ. 112 พ.ศ. 2436 ในสนธิสัญญาดังกล่าวระบุให้ฝ่ายสยามประเทศถอนกองกำลังทหารห่างจากชายแดนในรัศมี 25 กิโลเมตร ภายในเวลา 1 เดือน เป็นเหตุให้พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคมต้องย้ายที่มั่นกองกำลังทหารมณฑลลาวพวนออกจากเมืองหนองคายตามข้อบังคับของสนธิสัญญาฯ ต่อมาพระองค์ได้เคลื่อนกองกำลังทหารและพลเรือนมาทางใต้จนถึงลำน้ำซวย (ปัจจุบันเรียกเพี้ยนเป็น “ลำน้ำสวย” “ซวย” เป็นชื่อปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง) ห่างจากที่เดิมประมาณ 20 กิโลเมตร เมื่อพระองค์ตรวจตราภูมิประเทศแถบนี้แล้ว ทรงเห็นว่าเป็นที่ลุ่มมากไข้ป่าก็ชุกชุม ไม่เหมาะต่อการสร้างเมืองใหม่ขึ้นที่นี้ อีกทั้งบริเวณดังกล่าวห่างจากชายแดนเพียง 20 กิโลเมตรเท่านั้น ต่อมาพระองค์ได้ทรงเคลื่อนกองกำลังทหารและข้าราชบริพารลงมาทางใต้อีกห่างจากลำน้ำซวยประมาณ 30 กิโลเมตร จนถึงชุมชนบ้านเดื่อหมากแข้ง เมื่อพระองค์ทรงสำรวจชัยภูมิพื้นที่แห่งนี้แล้ว เห็นเป็นชัยภูมิที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแหล่งน้ำต่างๆ เช่น มีหนองนาเกลือ(หนองประจักษ์ศิลปาคมในปัจจุบัน) นอกจากนี้รอบๆชุมชนก็ยังมีแหล่งน้ำอีกจำนวนมาก เหมาะแก่การประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีลำห้วยหมากแข้งซึ่งมีต้นน้ำมาจากภูพาน มีน้ำใสสะอาด มีป่าไผ่ปกคลุม มีปลา เต่า จระเข้ชุกชุมมาก ลำน้ำนี้ไหลผ่านทางทิศใต้สู่ทิศเหนือลงลำห้วยหลวง เสด็จในกรมจึงตกลงพระทัยให้ตั้งกองบัญชาการสร้างบ้านแปงเมืองขึ้น ณ พื้นที่ดังกล่าวแห่งนี้การสร้างบ้านแปงเมือง การสร้างบ้านแปงเมือง. พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม ทรงวางแผน สร้างบ้านแปงเมืองอย่างจริงจัง พระองค์ทรงวางผังเมือง ค่ายทหาร ตลอดจนสถานที่ราชการต่างๆ โดยหันหน้าไปทางทิศเหนือเกือบทุกแห่ง ผู้เฒ่าผู้แก่เล่ากันว่าที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากความฝั่งใจที่คนไทยได้รับการข่มเหงรังแกจากฝรั่งเศสในสมัยนั้น ยังคงอยู่ในความทรงจำของคนไทยตลอดเวลา พระองค์จึงทรงตั้งพระทัยจะตั้งรับฝรั่งเศสผู้รุกราน พระองค์ทรงได้สร้างวังที่ประทับใกล้ต้นโพธิ์ใหญ่ บริเวณที่เป็นสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานีในปัจจุบัน ควบคู่กันไปกับการสร้างเมือง วัดนี้เดิมเป็นวัดร้างสร้างขึ้นบนเนินดินซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่า “โนนหมากแข้ง” เป็นวัดที่มีเจดีย์ศิลาแลงอยู่องค์หนึ่งและมีพระพุทธรูปปางนาคปรกหินสีขาว คือ “หลวงพ่อนาค” อันเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ ณ ศาลาเล็กๆมุงด้วยหญ้าคา ซึ่งชาวบ้านในละแวกนั้นได้พร้อมใจกันสร้างขึ้นมา เจดีย์องค์นี้มีตำนานเล่าสืบทอดกันมาว่าได้สร้างคร่อมตอต้นไม้หมากแข้ง ซึ่งพระเจ้าช้างร่มขาวแห่งอาณาจักรล้านช้างทรงโค่นไปทำกลองศึก 3 ใบ ใบแรกใหญ่สุดเอาไว้ที่ราชธานี คือ หลวงพระบาง ใบที่สองรองลงมาเอาไว้ที่นครเวียงจันทร์ ส่วนใบที่สามเล็กสุดนำไปไว้ที่วัดหนองบัวกลอง ซึ่งอยู่ริมแหล่งหนองน้ำหนองบัวกลอง บริเวณที่ตั้งศาลเจ้าปู่ยาในปัจจุบัน ตำนานยังได้บรรยายถึงความใหญ่โตของต้นหมากแข้งต้นนี้ว่า พระภิกษุสามเณร 8 รูป สามารถนั่งฉันจังหันรอบตอไม้หมากแข้งนี้ใช้แทนภาข้าว(สำรับสำหรับวางอาหารแบบขันโตก) นี้ได้อย่างสบาย พระองค์ได้อาศัยความเลื่อมใสศรัทธาที่ชาวบ้านมีต่อโบราณสถานเก่าแก่แห่งนี้ พระองค์จึงตั้งพระทัยที่จะสร้างพระอารามหลวงขึ้นเป็นวัดคู่บ้านคู่เมือง ในชั้นแรกโปรดให้สร้างกุฎิหลังเล็กๆขึ้นหลังหนึ่ง ห่างจากพระเจดีย์ไปทางเหนือประมาณ 8 เมตร แล้วอาราธนาพระพุทธรูปนาคปรกหินขาว(หลวงพ่อนาค ) เข้ามาประดิษฐานหน้ามุขพระอุโบสถ วัดมัชฌิมาวาสจึงเป็นที่เลื่อมใสของประชาชนสืบมา พระองค์ทรงทะนุบำรุงวัดนี้และให้ทรงกวดขันการปฏิบัติกิจของพระสงฆ์เกี่ยวกับการสวดมนต์และการประกอบพิธีต่างๆอีกทั้งยังทรงใช้วัดนี้เป็นสถานที่อบรมกุลบุตรกุลธิดาให้ได้รับความรู้อีกด้วยการวางรากฐานการปกครอง การวางรากฐานการปกครอง. ตลอดระยะเวลาที่พระองค์ประทับ ณ ชุมชนบ้านเดื่อหมากแข้ง ปกครองมณฑลลาวพวนต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นมณฑลฝ่ายเหนือ และต่อมาเปลี่ยนชื่อมาเป็นมณฑลอุดร ได้ทรงเป็นพระกำลังสำคัญแก่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการปกครองดูแลมณฑลชายแดนที่ต้องประสบปัญหาจากการคุกคามของฝรั่งเศสซึ่งเข้ามายึดครองดินแดนราชอาณาจักรลาวซึ่งมีอาณาเขตต่อเนื่องกันกับเขตแดนของไทย จึงต้องประสบปัญหาการกระทบกระทั่งทางชายแดนอย่างหนัก แต่ก็ทรงปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ด้วยความวิริยะอุสาหะทรงมีหนังสือปรึกษาข้อราชการเพื่อขอทราบพระราชดำริ หรือขอพระบรมราชานุญาติให้จัดการปกครองมณฑลอุดรในด้านต่างๆ ทรงเริ่มการจัดเก็บภาษีสุราและยาสูบแทนการเก็บส่วย ทรงแต่งตั้งข้าหลวงออกไปตรวจตราดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ว่าราชการเมืองต่างๆเพื่อป้องกันการฉ้อราษฎร์บังหลวง ทรงฝึกหัดทหารขึ้นที่มณฑลชายแดน ทรงยกฐานะการครองชีพของราษฎรโดยการออกทุนให้ชาวนาและส่งเสริมการบำรุงพันธ์สัตว์และการพิจารณาคดีตัดสินความก็ได้ทรงควบคุมดูแลให้เป็นไปด้วยความถูกต้องยุติธรรม โดยเฉพาะได้ลงโทษข้าราชการที่ฉ้อราษฎร์บังหลวงตลอดจนตั้งโรงเรียนสอนการปกครองขึ้นที่บ้านเดื่อหมากแข้ง พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคมได้ประทับอยู่ ณ มณฑลอุดร สร้างบ้านแปงเมืองและวางระเบียบแบบแผนการปกครองหัวเมืองชายแดน จนกระทั่งปี พ.ศ. 2442 เมื่อทรงจัดราชการบ้านเมืองเรียบร้อยแล้วจึงเสด็จกลับมายังกรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงกลาโหม ในขณะเดียวกันก็ควบในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือพร้อมกับทรงเลื่อนบรรดาศักดิ์ขึ้นเป็น “กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม” นอกจากนี้พระองค์ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯให้ตามเสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรปและตามเสด็จประพาสต้น เพื่อเยี่ยมเยียนทุกข์สุขของราษฎรแทบทุกครั้ง ต่อมาพระองค์ได้ถวายบังคมลาออกจากราชการเมื่อ พ.ศ. 2445 เนื่องจากพลานามัยไม่แข็งแรง แต่ก็ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯให้ประทับอยู่ใกล้ๆที่พระตำหนักริมประตูนกน้อยเพื่อมีรับสั่งใช้สอย พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ได้ทรงปฏิบัติราชกิจอันเป็นคุณประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองนานับประการ แต่ดูเหมือนพระราชกิจครั้งสำคัญคือ ช่วงเวลาที่มาสร้างบ้านแปงเมืองถึง 5 ปี จากชุมชนบ้านเดื่อหมากแข้งมาเป็นมณฑลอุดรนั้น เป็นช่วงที่พระองค์ทรงรำลึกถึงชาวอุดรธานีอย่างแนบแน่น จะเห็นได้จากในช่วงสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพของพระองค์ พระองค์ได้ประทานพระฉายาลักษณ์ฉายครั้งสุดท้ายมาประดิษฐานไว้ ณ วัดมัชฌิมาวาส พระอารามหลวงที่พระองค์สร้างขึ้นเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของมณฑลอุดร ลงพระนามเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2466 มีลายพระหัตถ์ของพระองค์ใต้พระรูปว่า “ข้าพเจ้าได้ส่งรูปนี้มายังมณฑลอุดร เพื่อเยี่ยมเยียนท่านทั้งหลายผู้เป็นมิตรที่เมตตากรุณาในตัวข้าพเจ้าในเมื่ออยู่ด้วยกันกับท่านทั้งปวงเมื่อท่านใดคิดถึงข้าพเจ้าขอจงดูรูปนี้ที่วัดมัชฌิมาวาส ขอท่านทั้งปวงจงปราศจากทุกข์ เจริญสุข ดังที่ข้าพเจ้าอวยพรมานี้ทั่วทุกคน เทอญ”ชุมชนต่างๆในอดีตของบ้านเดื่อหมากแข้ง ชุมชนต่างๆในอดีตของบ้านเดื่อหมากแข้ง. ในระยะเริ่มแรกนั้น บ้านเมืองยังไม่เจริญเติบโตชุมชนต่างๆจะตั้งอยู่ตามในลักษณะเป็นคุ้ม เป็นหมู่บ้าน เช่น บ้านเดื่อหมากแข้ง บ้านเหล่า บ้านโนน บ้านจิก บ้านศรีชมชื่น บ้านห้วย บ้านหนองบัว(กลอง) บ้านบ่อน้ำ บ้านเก่าน้อย ฯลฯ คุ้มตลาดเก่า คุ้มตลาดใหม่ คุ้มคอกวัว คุ้มห้วยโซ่(จากบริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ถึงบริเวณวงเวียนห้าแยก(น้ำพุ) ลักษณะของเมืองอุดรธานีในเวลานั้นยังเป็นป่ามีต้นไม้นานาพันธ์ขึ้นอย่างหนาแน่นล้อมรอบเมืองเช่น ต้นฉำฉา (ต้นก้ามปูหรือต้นจามจุรี) ต้นสะแก ต้นตะแบก ต้นฝาง(หางนกยูง) ตามริมฝั่งห้วยหมากแข้งทั้งสองฟาก มีกอไผ่ขึ้นประปราย ชาวเมืองนิยมไปขุดเอาหน่อไม้(หน่อนางดิน) เอาไปขายหรือเอาไปแกง ทำซุปหน่อไม้รสชาติอร่อยดี นอกจากชุมชนเก่าแก่ในท้องถิ่นแล้ว ยังมีกลุ่มผู้คนที่อพยพมาจากถิ่นอื่นเข้ามาตั้งหลักแหล่งในชุมชนบ้านเดื่อหมากแข้ง ซึ่งแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆคือกลุ่มชาวโคราช กลุ่มชาวโคราช. กลุ่มชาวโคราชส่วนมากจะตั้งบ้านเรือนอยู่บนถนนหมากแข้ง พูดภาษาถิ่นของตน เช่น คำว่า ไอ๋เหล่า(อะไรนะ ทำไมล่ะ ไปกันเถอะ) เปิ้งไปถัวะ ฯลฯ ชาวโคราชจะนุ่งผ้านุ่งสรวมเสื้อแขนกระบอก ห่มผ้าแถบรัดหน้าอกเวลาอยู่ที่บ้าน บางคนสรวมเสื้อแขนสั้นติดกระดุม 5 เม็ด เหมือนเสื้อชั้นในส่วนมากจะประกอบอาชีพค้าขายเล็กๆ เช่น ขายสีเสียด(เปลือกไม้ชนิดหนึ่งใช้กินหมากพลูซึ่งนิยมกินกันมากในสมัยโบราณ คนรุ่นใหม่ไม่นิยมกินหมากพลูสีเสียดจึงหาดูกันได้ไม่ง่ายนัก) ขายยาเส้น ยาสูบ ขี้ผึ่งสีปาก(ทาปาก) ท่านขุนหมากแข้งคืออดีตกำนันบ้านหมากแข้งเป็นคนโคราชภรรยาของท่านมีเชื้อสายของท้าวสุรนารี(คุณหญิงโม) ลูกหลานของท่านเหล่านี้คือ “ตระกูลวัชรินทร์ชัย” นอกจากนี้ก็ยังมี “ตระกูลชินพันธ์” บรรพบุรุษของตระกูลนี้เคยรับราชการเป็นทหารของพระเจ้าน้องยาเธอพลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม หรือแม้แต่ดาราภาพยนตร์ “ดาวค้างฟ้า” ผู้โด่งดังในอดีตผู้คนรู้จักกันดีทั่วประเทศ คือ สุริยา ชินพันธ์” ก็เป็นลูกหลานของตระกูลชินพันธ นอกจากนี้กลุ่มชาวโคราชยังไปตั้งบ้านเรือนอยู่แถวบ้านโนนที่ตั้งโรงพยาบาลวัฒนาแถบโรงเรียนเทศบาล2มุขมนตรี(ถนนมุขมนตรี) ในปัจจุบันบางกลุ่มก็ไปตั้งหลักแหล่งอยู่แถวบ้านแมด อำเภอเพ็ญประกอบอาชีพจับปลานำมาขายทำปลาร้า ปลาส้ม ฯลฯกลุ่มชาวลาวหลวงพระบาง-ชาวลาวเวียงจันทร์และลาวพวน กลุ่มชาวลาวหลวงพระบาง-ชาวลาวเวียงจันทร์และลาวพวน. กลุ่มชาวลาวเวียงจันทร์และชาวลาวหลวงพระบางนี้มีจำนวนมาก ผู้ชายส่วนใหญ่จะร่างกายบึกบึนแข็งแรงสมชายชาตรีส่วนสาวๆส่วนมากจะหน้าตาดี เป็นคนร่างเล็ก เอวกิ่ว(บาง) ผิวขาวเนียน มีอาชีพต่างกัน เช่น การต่ำหูก (ทอผ้า) ขายของเบ็ดเตล็ด ขายผักและผลไม้ นับถือจารีตประเพณี ในสมัยก่อนวิทยาการทางการแพทย์และสาธารณะสุขยังไม่เจริญก้าวหน้า และไม่พอเพียงต่อความต้องการของประชาชน การรักษาผู้คนเจ็บไข้ได้ป่วยในกลุ่มของคนเหล่านี้มักจะอาศัยสมุนไพรรากไม้ต่างๆนำมาฝนให้ละลายเข้ากับน้ำเพื่อให้คนป่วยรับประทาน แต่ก็ยังมีผู้คนอีกจำนวนไม่น้อยที่รักษาด้วยวิธีเป่า (คาถา) หรือรักษาด้วยวิธีอัญเชิญดวงวิญญาณของผีต่างๆที่เคารพนับถือเข้าร่างทรงเพื่อบริกรรมคาถาอาคมปลุกเสกลงในขันน้ำให้กลายเป็นน้ำมนต์ แล้วใช้ใบไม้ประพรมน้ำมนต์ไปยังร่างของคนเจ็บป่วยหรือบางทีก็ให้คนไข้ดื่มกินน้ำมนต์ดังกล่าวด้วยความเชื่อถือ ตอนกลางวันและกลางคืนจะได้ยินเสียงแคนเป่ามาจากญาติสนิทมิตรสหายที่มาเฝ้าไข้คนป่วย เพื่อเป็นการให้กำลังใจแก่คนป่วยคนไข้บางรายถ้าอาการไม่หนักมากพอได้ยินเสียงแคนเป่าก็ทำให้ใจคึกลุกขึ้นมาเต้นรำตามจังหวะเสียงแคนก็มี การรักษาด้วยวิธีดังกล่าวบางคนที่อาการไม่หนักก็หายแต่บางรายที่รักษาไม่หายก็เชื่อกันว่าเป็นเรื่องของเวรกรรม ตระกูลที่เก่าแก่ที่สุดของกลุ่มชาวลาวหลวงพระบางและเวียงจันทร์คือ ตระกูลบุญประคอง บางท่านรับราชการ บางท่านได้ประกอบคุณงามความดีให้แก่เมืองอุดรธานีและเป็นที่ยอมรับของสังคมอย่างกว้างขวาง เช่น คุณมะลิ คุณแย้ม บุญประคอง ในองค์กรการกุศลของภาคเอกชนเช่น สโมสรไลออนส์อุดรธานีก็มี ไลออนส์พิรุณ อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จังหวัดอุดรธานี เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกลุ่มลาวพวนที่มักเรียกตัวเองว่าข้อย(ผม,ฉัน) นิยมนุ่งผ้าซิ่น(ผ้าถุง)มัดหมี่ฝ้ายย้อมคราม นุ่งผ้าสองชั้น ชั้นในเป็นสีขาวคล้ายเป็นติโค้ดข้างนอกนุ่งผ้าสีกรมท่าย้อมครามทับ แล้วใช้ชายสีขาวแลบออกมาเมื่อใช้เสร็จแล้วเขาจะซักแต่ผ้าชั้นในสีขาวเพราะเขาถือว่านุ่งผ้ามัดหมี่ย้อมครามใช้สำหรับทำงาน ถ้าในพิธีไปบุญหรือไปวัด เขาจะนุ่งผ้ามัดหมี่สีต่างๆ เช่น สีแดง สีสิ่ว(เขียว) สีแหล่(ม่วง) สีเหลือง(ย้อมด้ายล้วนเข) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีชาวภูไทในจังหวัดอุดรธานี แต่มีจำนวนไม่มาก ท่านขุนทัณกิจ บรรหาร อดีตพัสดีเรือนจำเมืองอุดรธานีในสมัยก่อน ภรรยาคนแรกและภรรยาคนที่สองของท่านต่างก็เป็นชาวภูไทด้วยกันทั้งคู่ ปัจจุบันยังมีชาวภูไทอยู่มากที่อำเภอวังสามหมอและอำเภอศรีธาตุ ไทยโซ่หรือข่ากะโซ่ กลุ่มไทยโซ่หรือข่ากะโซ่ในปัจจุบันได้ผสมผสานกลมกลืนเป็นคนไทยหมดแล้ว แต่ยังมีหลงเหลือให้เห็นที่อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร ไทยผ้าขาว สันนิษฐานว่าเป็นพวกลาวพวนที่อพยพมาจากเมืองคำม่วน-คำเกิด นิยมนุ่งผ้ามัดหมี่ย้อมคาม สวมเสื้อแขนกระบอกสีดำ บ้างก็สวมเสื้อแขนสั้นแบบคนเก่าคนแก่ สวมสร้อยเงิน ต่างหูเงิน เข็มขัดเงิน ห่มผ้าสไบสีขาว ผู้ชายก็นุ่งผ้าขาว กลุ่มพวกนี้ชอบทำไร่ไถ่นา เลี้ยงวัว ควาย เป็ด ไก่ เลี้ยงปลา จับปลา อาหารที่ชาวลาวกลุ่มต่างๆชอบรับประทานก็เหมือนกับอาหารอีสานทั่วไปในปัจจุบัน เช่น กินข้าวเหนียว ลาบ ก้อย น้ำตก ไก่ย่าง ส้มตำ ปลาร้า ฯลฯ อาหารอีสานส่วนใหญ่จะมีรสจัด ชาวเมืองนิยมต้มเหล้ากินเอง(เหล้าต้ม) เช่น อุ บรรจุในไหใบเล็กๆส่วนมากจะเก็บไว้สำหรับต้อนรับแขกคนสำคัญเวลาดื่มจะมีหลอดดูดคู่หนึ่งสำหรับแขกผู้มาเยือน เวลาดูดอุนั้นทั้งแขกและเจ้าของบ้านจะดูดอุพร้อมๆกันนอกจากนี้ก็ยังมีเหล้าโท ปัจจุบันเหล้าพื้นเมืองดังกล่าวหากินได้ไม่ง่ายแล้วเพราะมีกฎหมายควบคุมหากต้มปรุงกันเองก็จะเข้าข่ายเหล้าเถื่อน ขนมต่างๆที่นิยมรับประทานในกลุ่มชาวลาวต่างๆ เช่น ขนมสัมมะปิ(รสชาติเหมือนขนมเปียกอ่อนของชาวไทยภาคกลางแต่กลิ่นจะหอมกว่าเพราะเขานิยมตำใบเตย ใบฟักทอง ใบเดือย ใบอ้อยเข้าด้วยกันแล้วนำมากรองผสมกับแป้งและหัวกระทิแล้วกวนในกระทะเวลาสุกได้ที่จะมีกลิ่นหอมอร่อยดี) ข้าวลอดช่อง(ลอดช่อง)รสชาติจะมีรสชาติเหมือนขนมลอดช่องของไทยภาคกลางแต่ที่ต่างกันคือจะไม่อบเทียน ข้าวปาด(เป็นขนมที่ทำมาจากข้าวจ้าวผสมน้ำตาล ใส่น้ำปูนใสนิดหน่อยแล้วกวนเข้าด้วยกันพอเหนียวก็ยกลงเทใส่ถาดแล้วโรยด้วยมะพร้าวขูดหยาบๆเหมือนมะพร้าวที่โรยหน้าขนมเปียกปูน) ข้าวเหนียวหัวหงอก(คือขนมที่ทำจากข้าวเหนียวนึ่งผสมกับมะพร้าวที่ขูดใหม่ๆผสมกับเกลือ น้ำตาลทราย อ้อย) และข้าวปุ้น(ขนมจีน)รับประทานกับน้ำยาลาวนิยมรับประทานกันมาก งานทำบุญประเพณีต่างๆมักจะมีข้าวปุ้นเป็นอาหารร่วมอยู่ด้วยเสมอ ส่วนขนบธรรมเนียมและจารีตประเพณีของกลุ่มคนเหล่านี้ก็เหมือนกับชาวอีสานทั่วไป คือ ยึดถือฮีต 12 (ประเพณี 12 เดือน) และครอง14 (ครอง = ครรลอง แนวทางหรือกติกาที่พึ่งใช้เป็นหลักปฏิบัติระหว่างผู้ปกครองกับผู้อยู่ใต้การปกครองที่พึ่งปฏิบัติกันมี 14 ประการ)กลุ่มพ่อค้าคนจีน กลุ่มพ่อค้าคนจีน. กลุ่มพ่อค้าคนจีนที่เก่าแก่ที่สุดของบ้านเดื่อหมากแข้งจะประกอบธุรกิจการค้าบริเวณตลาดเก่าประมาณ 5 ร้าน คือ ร้านเถ่แก่ล่งฮะ(คุณเจริญ คุณะปุระ)เป็นร้านค้าที่รวบรวมสรรพสินค้านานาชนิด นอกจากนี้ยังมีร้านค้าใหญ่ๆอีก 2-3 ร้าน เช่น ร้านเถ้าแก่เส็งเส่ง ร้านเถ้าแก่เชยซึ่งเป็นร้านขายขนมอันลือชื่อ ร้านน้ำเพชรเจียว ร้านป้าภา สรรพอาสาขายถั่วตัดขนมเปียขนมจันอับต่างๆ ตลาดเก่านั้นหมายถึงย่านชุมชนถนนอุดรดุษฎีตั้งแต่บริเวณคุ้มคอกวัวไปจนถึงบ้านห้วย ส่วนตลาดสด(ตลาดเก่า)นั้นอยู่บริเวณสำนักงานสาธารณะสุขจังหวัดอุดรธานีในปัจจุบัน ต่อมามีตลาดใหม่เกิดขึ้นแถวสี่แยกถนนหมากแข้ง-โพศรี มีร้านของเถ้าแก่ลักซ์คือร้านคูฉ่างจิว ร้านทองตราดาว ร้านทองตราช้าง ร้านทองตราสมอ ร้านหมอฟันของคุณเซ็งอี่(ประดิษฐ์ทันตแพทย์) ร้านอุดรศิลป์ของบิดาคุณเจียง ร้านเทียนเยี้ยงของคุณพัฒน์ ร้านค้าจากตลาดเก่าก็มาเปิดที่ย่านตลาดใหม่ คือ ร้านน้ำเพชรเจียว เถ้าแก่ล่งฮะ(คุณลุงเจริญ คุณะปุระ บิดาของคุณถาวร คุณะปุระ เจ้าของเจริญโฮเต็ล)ก็มาเปิดร้านขายผ้าชื่อร้านไทยเจริญ ส่วนบริเวณตลาดสดของตลาดใหม่อยู่มุมร้านนำรงค์พาณิชย์ไปจนถึงร้านเซ่งหลีไถ่ ส่วนทางด้านถนนโพศรีนั้นจากมุมสี่แยกร้านนำรงค์พาณิชย์ไปจนเกือบถึงตรอกข้าวต้มกลุ่มชาวเวียดนาม กลุ่มชาวเวียดนาม. กลุ่มชาวเวียดนามแบ่งเป็น 2 รุ่น คือรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ รุ่นเก่า คือ ชาวเวียดนามที่อพยพเข้ามาพึ่งในพระบรมธิสมภารในแผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ในพระบรมราชจักรีวงศ์ เป็นกลุ่มที่อพยพเข้ามาจากประเทศลาวรุ่นเดียวกันกับกลุ่มของเจ้าเพชรราชแห่งอาณาจักรลาว เนื่องจากไม่ยอมอยู่ใต้การปกครองของพวกนักล่าอาณานิคมฝรั่งเศส เป็นกลุ่มที่มีความจงรักภักดีต่อสยามและเสด็จในกรมพลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม แม่ทัพคนสำคัญของสยามประเทศที่ต่อต้านฝรั่งเศสในสมัยนั้น ผู้หญิงชาวเวียดนามส่วนใหญ่มักจะประกอบอาชีพค้าขายในตลาดสด เช่น ขายอาหาร ขนม ผักผลไม้ ของใช้เบ็ดเตล็ดที่เกี่ยวกับครัวเรือน ผู้หญิงส่วนใหญ่จะช่วยสามีและครอบครัวทำมาหากินและยังเก่งทางการบ้านการเรือนรู้จักทำหมูยอ แหนม และอาหารเวียดนามเกือบทุกชนิด เช่น ราม(เมี่ยงทอด) แหนมเนือง ขนมจีนทรงเครื่อง ขนมปากหม้อ บัวลอย ฯลฯ แม่ค้าเวียดนามมักจะทำอาหารและขนมขายในตลาดสดหรือบางทีก็หาบเร่ขายไปตามย่านตลาดทั่วไป ผู้ชายชาวเวียดนามส่วนใหญ่จะมีอาชีพฝีมือทางด้านช่างต่างๆติดตัวประจำแทบทุกคน เช่น ช่างเย็บผ้า ช่างถ่ายภาพ ช่างไม้ ช่างปูน ช่างวาดภาพ และส่วนใหญ่ผู้ชายจะฝึกเล่นกีฬาวอลเลย์บอล ฟุตบอล บาสเกตบอล ปิงปอง และเล่นดนตรีได้เก่งมาก สภาพแวดล้อมโดยทั่วไปได้ฝึกฝนให้ชาวเวียดนามมีความขยันหมั่นเพียรมีใจหนักแน่น ขันติ อดทน รู้จักอดออม และมีความอุตสาหะ อาคารร้านค้าพาณิชย์รวมทั้งสถานที่ราชการต่างๆในสมัยก่อน การออกแบบและการก่อสร้างโดยฝีมือของบรรดาช่างชาวเวียดนามเกือบทั้งสิ้น สถานที่ราชการต่างๆที่สร้างโดยชาวเวียดนามยังปรากฏให้เห็นเป็นหลักฐานในปัจจุบัน คือ อาคารสตรีราชินูทิศหลังเก่ สร้างปี พ.ศ. 2469 ในสมัยของพระศรีสุริยราชวรานุวัตร (สุข ดิษยบุตร) ดำรงตำแหน่งเป็นสมุหเทศาภิบาลมณฑลอุดร ปัจจุบันอาคารหลังดังกล่าวกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเพื่ออนุรักษ์สถาปัตยกรรมและทางจังหวัดอุดรธานีได้จัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี จากความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่และความคงทนแข็งแรงของตัวอาคารแม้ว่าการสร้างในสมัยนั้นไม่ใช่คอนกรีตเสริมเหล็ก ไม่มีการตอกเสาเข็มก็ตาม นอกจากนี้เรือนจำกลางจังหวัดอุดรธานีสร้างปี พ.ศ. 2473 ก็ก่อสร้างโดยช่างทีมงานชุดเดียวกัน ผู้รับเหมาสถาปนิกผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างอาคารสตรีราชินูทิศ หลังเก่าและเรือนจำกลางจังหวัดอุดรธานีดังกล่าว คือ นายตุ๊ก แซ่ฟาม หรือที่คนทั่วไปเรียกว่าองฝอตุ๊ก “ฝอ” เป็นชื่อเล่นที่คนทั่วไปให้เกียรติยกย่องคนเก่งผู้มีความสามารถเป็นเลิศเฉพาะด้าน นายตุ๊กหรือองฝอตุ๊กนี้มีผู้ช่วยในทีมงานที่เข้มแข็งอีก 2 คนคือ นายเตียนไม่ทราบนามสกุล(เตียนแปลว่าเทพ)และนายเขียวไม่ทราบนามสกุล(เขียวแปลว่าพรสวรรค์)ส่วนคำว่า “ตุ๊ก” นั้นมีความหมายว่า “อุดม” แม้แต่อาคารที่ทำการศาลากลางจังหวัดอุดรธานีหลังเก่า ด้านหน้าก็เป็นฝีมือการสร้างของช่างชาวเวียดนามรุ่นใหม่คือทีมงานขององกู่วันฝอเป็นที่น่าสังเกตว่าผู้รับเหมาก่อสร้างศาลากลางจังหวัดอุดรธานีก็มีคำว่า “ฝอ” อยู่ด้วยเช่นกัน ส่วนชาวเวียดนามที่อพยพมาจากลาวเมื่อปี พ.ศ. 248 นั้น คือชาวเวียดนามรุ่นใหม่ที่ลี้ภัยสงครามจากอินโดจีน ลูกหลานของชาวเวียดนามกลุ่มนี้เกิดในเมืองไทย สภาพแวดล้อมทางด้านสังคมได้ช่วยหล่อหลอมให้คนรุ่นนี้ผสมผสานกลมกลืนเป็นคนไทยเกือบหมดคือได้รับการศึกษาภาษาไทยตามสถาบันการศึกษาต่างๆ เด็กๆชาวเวียดนามรุ่นนี้จะไม่รู้หนังสือและภาษาพูดเวียดนาม ปัจจุบันภาษาที่ใช้พูดกันในครอบครัวแทบทุกบ้านใช้ภาษาไทยแม้แต่วิถีชีวิตและความเป็นอยู่ก็กลมกลืนเข้ากับจารีตและประเพณีของไทย เช่น งานศพใช้วิธีเผาแทนการฝั่ง พิธีทำบุญบ้านก็นิมนต์พระมาประกอบพิธีตามรูปแบบทางพุทธศาสนา ชาวเวียดนามเหล่านี้ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและต่อสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถกลุ่มพ่อค้าชาวอิหร่าน กลุ่มพ่อค้าชาวอิหร่าน. กลุ่มพ่อค้าชาวอิหร่านคือกลุ่มแขกที่ขายแป้ง หวี น้ำมันใส่ผม ขายถั่วมัน บ้างก็ประกอบอาชีพเป็นยาม สมัยก่อนโรงหนัง ธนาคาร และบริษัทห้างร้านใหญ่ๆ นิยมจ้างแขกมาเฝ้ายามจนเป็นศัพท์ที่เรียกติดปากกันทั่วไปว่า “แขกยาม” แม้ในปัจจุบันห้างร้านและธนาคารบางแห่งก็ยังนิยมจ้างแขกมาเฝ้ายาม เช่น ธนาคารกสิกรไทยสาขาอุดรธานีถนนโพศรีเป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกลุ่มแขกซิกซ์ที่ประกอบอาชีพขายผ้าแพรพรรณ แขกบางกลุ่มประกอบอาชีพเลี้ยงวัว ขายเนื้อ บรรดาลูกหลานแขกเหล่านี้ส่วนใหญ่ในปัจจุบันอาศัยอยู่แถวบ้านจิกถนนศรีชมชื่นรายนามผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีภูมิศาสตร์ที่ตั้ง ภูมิศาสตร์. ที่ตั้ง. จังหวัดอุดรธานี ตั้งอยู่ตอนบนของประเทศ หรือที่เรียกว่า อีสานเหนือ อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ระหว่างเส้นรุ้งที่ 17 องศา 13 ลิปดา เหนือ ถึง 18 องศา 10 ลิปดาเหนือ และระหว่างเส้นแวงที่ 102 องศา 00 ลิปดา ตะวันออก ถึง 103 องศา 30 ลิปดา ตะวันออกอาณาเขตติดต่อ อาณาเขตติดต่อ. อุดรธานีมีอาณาเขตติดกับจังหวัดอื่น ๆ ดังนี้- ทิศเหนือ จรดจังหวัดหนองคาย (อำเภอสระใคร,อำเภอท่าบ่อ,อำเภอโพนพิสัย,อำเภอศรีเชียงใหม่,อำเภอสังคม) - ทิศตะวันออก จรดจังหวัดสกลนคร (อำเภอบ้านม่วง,อำเภอเจริญศิลป์,อำเภอสว่างแดนดิน,อำเภอส่องดาว,อำเภอวาริชภูมิ) - ทิศใต้ จรดจังหวัดขอนแก่น (อำเภอเขาสวนกวาง,อำเภอกระนวน)และจังหวัดกาฬสินธุ์ (อำเภอสหัสขันธ์,อำเภอท่าคันโท) - ทิศตะวันตก จรดจังหวัดเลย (อำเภอปากชม)และจังหวัดหนองบัวลำภู (อำเภอเมืองหนองบัวลำภู)ภูมิประเทศ ภูมิประเทศ. ประกอบด้วยภูเขา ที่สูง ที่ราบ ที่ราบลุ่ม และพื้นที่ลูกคลื่นลอนตื้น แบ่งออกได้ 2 บริเวร คือบริเวณที่สูงทางทิศตะวันตกและทางทิศใต้สภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ภูเขา บางส่วนเป็นพื้นที่ลูกคลื่นลอนตื้นถึงลอนลึก มีความสูงจากระดับ น้ำทะเลปานกลางประมาณ 200 เมตร สภาพภูมิประเทศลักษณะนี้ครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอน้ำโสม อำเภอหนองวัวซอ อำเภอโนนสะอาด อำเภอศรีธาตุ อำเภอวังสามหมอ และด้านตะวันตกของอำเภอกุดจับและอำเภอบ้านผือ มีเทือกเขาสูงสลับเนินเตี้ย บางส่วนเป็นพื้นที่ลูกคลื่นลอนตื้นสลับพื้นที่นา มีที่ราบลุ่มอยู่บริเวณริมแม่น้ำ เช่น ลำน้ำโมง ลำปาว เป็นต้น บริเวณพื้นที่ลูกคลื่นทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันออก สภาพภูมิประเทศ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลูกคลื่นลอนตื้น มีที่ดอนสลับที่นา บางส่วนเป็นที่เนินเขาเตี้ย ๆ มีความสูงจาก ระดับน้ำทะเลปานกลางเฉลี่ยประมาณ 187 เมตร สภาพภูมิประเทศลักษณะนี้ครอบคลุมพื้นที่บริเวณอำเภอบ้านผือ อำเภอกุดจับ อำเภอเมือง อำเภอกุมภวาปี อำเภอหนองแสง อำเภอไชยวาน อำเภอเพ็ญ อำเภอทุ่งฝน อำเภอสร้างคอมและอำเภอบ้านดุง มีที่ราบลุ่มเป็นบริเวณกว้างในเขต ่อำเภอเมืองอุดรธานี และอำเภอกุมภวาปีซึ่งเป็นต้นกำเนิดของลำน้ำปาว พื้นที่ลูกคลื่นดังกล่าวจะมีพื้นที่สูง ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติเดิมทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือในเขตอำเภอบ้านดุง นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ราบลุ่มบริเวณแม่น้ำต่างๆเช่น ห้วยน้ำสวย ห้วยหลวง ลำน้ำเพ็ญ ห้วยดาน ห้วยไฟจานใหญ่ และแม่น้ำสงครามเป็นต้น โดยทั่วไปเป็นที่ราบสูง สูงกว่าระดับน้ำทะเล โดยเฉลี่ยประมาณ 187 เมตร พื้นที่เอียงลาดลงสู่แม่น้ำโขงทางจังหวัดหนองคาย ประกอบด้วยทุ่งนา ป่าไม้และภูเขา พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นดินปนทรายและดินลูกรัง ชั้นล่างเป็นดินดาน ไม่เก็บน้ำหรืออุ้มน้ำในฤดูแล้ง พื้นบางแห่งเป็นดินเค็มซึ่งประกอบการกสิกรรมไม่ค่อยได้ผลดี พื้นที่บางส่วนเป็นลูกคลื่นลอนลาด มีพื้นที่ราบแทรกอยู่กระจัดกระจายสภาพพื้นที่ทางตะวันตกมีภูเขาและป่าติดต่อกันเป็น แนวยาว มีเทือกเขาสำคัญคือ เทือกเขาภูพานทอดเป็นแนวยาวตั้งแต่เขตเหนือสุดของจังหวัดภูมิอากาศ ภูมิอากาศ. จังหวัดอุดรธานีอยู่ใต้อิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะภูมิอากาศโดยทั่วไปจะมีอากาศร้อนจัดในฤดูร้อนและหนาวจัดในฤดูหนาว ช่วง 5 ปีย้อนหลัง (ปี 2554 – 2558) อุณหภูมิสูงสุดวัดได้ 42.0 องศาเซลเซียส (เมษายน2556) อุณหภูมิต่ำสุดที่วัดได้ 9.8 องศาเซลเซียส (มกราคม 2558) ปี พ.ศ. 2558 อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี 28.10 องศาเซลเซียส โดยมีอุณหภูมิ สูงสุดในเดือนเมษายน วัดได้ 41.90 องศาเซลเซียสและต่ำสุดในเดือนมกราคมวัดได้ 9.80 องศาเซลเซียส ความกดอากาศเฉลี่ยทั้งปีวัดได้ 1,009.97 มิลิเมตรปรอท ร้อยละของความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยสูงสุดเท่ากับ 95.58 เฉลี่ยต่ำสุดเท่ากับ 34.08 และร้อยละของความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยทั้งปีเท่ากับ 70.51การเมืองการปกครอง การเมืองการปกครอง. หน่วยการปกครองแบ่งออกเป็น หน่วยการปกครองแบ่งออกเป็น 20 อำเภอ 156 ตำบล 1,880 หมู่บ้าน 101 ชุมชน 1 องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 เทศบาลนคร 3 เทศบาลเมือง 44 เทศบาลตำบล 132 องค์การบริหารส่วนตำบล มีจำนวนประชากรรวม 1,557,298 คน จำนวนครัวเรือน 414,868 ครัวเรือน โดยเทศบาลสามารถจำแนกได้ตามพื้นที่ดังนี้หน่วยการปกครอง หน่วยการปกครอง. การปกครองแบ่งออกเป็น 20 อำเภอ 155 ตำบล 1,862 หมู่บ้าน อำเภอหมายเลข 12-16 ตามรหัสเขตการปกครองคืออำเภอในจังหวัดหนองบัวลำภูในปัจจุบัน1. อำเภอเมืองอุดรธานี 2. อำเภอกุดจับ 3. อำเภอหนองวัวซอ 4. อำเภอกุมภวาปี 5. อำเภอโนนสะอาด 6. อำเภอหนองหาน 7. อำเภอทุ่งฝน 8. อำเภอไชยวาน 9. อำเภอศรีธาตุ 10. อำเภอวังสามหมอ 11. อำเภอบ้านดุง 12. อำเภอบ้านผือ (หมายเลข 17) 13. อำเภอน้ำโสม (หมายเลข 18) 14. อำเภอเพ็ญ (หมายเลข 19) 15. อำเภอสร้างคอม (หมายเลข 20) 16. อำเภอหนองแสง (หมายเลข 21) 17. อำเภอนายูง (หมายเลข 22) 18. อำเภอพิบูลย์รักษ์ (หมายเลข 23) 19. อำเภอกู่แก้ว (หมายเลข 24) 20. อำเภอประจักษ์ศิลปาคม (หมายเลข 25)ระยะทางไปอำเภอต่างระยะทางไปอำเภอต่าง. - อำเภอกุดจับ 24 กิโลเมตร - อำเภอหนองหาน 35 กิโลเมตร - อำเภอหนองแสง 35 กิโลเมตร - อำเภอประจักษ์ศิลปาคม 36 กิโลเมตร - อำเภอหนองวัวซอ 39 กิโลเมตร - อำเภอกุมภวาปี 43 กิโลเมตร - อำเภอเพ็ญ 43 กิโลเมตร - อำเภอพิบูลย์รักษ์ 50 กิโลเมตร - อำเภอโนนสะอาด 53 กิโลเมตร - อำเภอบ้านผือ 55 กิโลเมตร - อำเภอกู่แก้ว 61 กิโลเมตร - อำเภอไชยวาน 62 กิโลเมตร - อำเภอทุ่งฝน 65 กิโลเมตร - อำเภอสร้างคอม 68 กิโลเมตร - อำเภอศรีธาตุ 72 กิโลเมตร - อำเภอบ้านดุง 84 กิโลเมตร - อำเภอวังสามหมอ 96 กิโลเมตร - อำเภอน้ำโสม 110 กิโลเมตร - อำเภอนายูง 129 กิโลเมตรประชากร ประชากร. ประชากรจังหวัดอุดรธานี ส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 95 เป็นคนไทย มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นชาวต่างชาติที่สำคัญ ได้แก่ คนจีน คนญวน จังหวัดอุดรธานีได้จัดตั้งครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2436 ประชากรส่วนใหญ่อพยพมาจากถิ่นอื่นและมาตั้งหลักแหล่ง ประชาชนที่เป็นชาวพื้นเมืองจึงแทบไม่มี มีแต่พวกชาวไทยย้อที่ตั้งหลักแหล่งอาศัยอยู่ที่อำเภอวังสามหมอ และอำเภอศรีธาตุ ซึ่งมีจำนวนไม่มากการศึกษา การศึกษา. จังหวัดอุดรธานี มีสถาบันการศึกษาหลายแห่ง โดยแบ่งเป็นระดับประถมศึกษา ทั้งหมด 4 เขต และมัธยมศึกษา 1 เขต (ไม่รวมสังกัด อปท.)การแบ่งเขตพื้นที่มัธยมศึกษาการแบ่งเขตพื้นที่มัธยมศึกษา. - สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 20 - ครอบคลุมโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดอุดรธานี 63 แห่ง - สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี - ครอบคลุมโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดอุดรธานี 8 แห่งการแบ่งเขตพื้นที่ประถมศึกษา การแบ่งเขตพื้นที่ประถมศึกษา. แบ่งเป็นระดับประถมศึกษา ทั้งหมด 4 เขต- เขต 1 - อำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอเพ็ญ อำเภอสร้างคอม และอำเภอหนองวัวซอ - เขต 2 - อำเภอกุมภวาปี อำเภอโนนสะอาด อำเภอหนองแสง อำเภอศรีธาตุ อำเภอวังสามหมอ และอำเภอประจักษ์ศิลปาคม - เขต 3 - อำเภอพิบูลย์รักษ์ อำเภอกู่แก้ว อำเภอทุ่งฝน อำเภอไชยวาน อำเภอบ้านดุง และอำเภอหนองหาน - เขต 4 - อำเภอน้ำโสม อำเภอบ้านผือ อำเภอนายูง และอำเภอกุดจับ โรงเรียนโรงเรียน. - โรงเรียนประถมประจำจังหวัด:- โรงเรียนอนุบาลอุดรธานี - โรงเรียนบ้านหมากแข้ง - โรงเรียนสหศึกษาประจำจังหวัด: โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล - โรงเรียนสตรีประจำจังหวัด: โรงเรียนสตรีราชินูทิศ - โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาประจำจังหวัด: โรงเรียนอุดรพัฒนาการ - โรงเรียนกีฬาประจำจังหวัด:โรงเรียนพันดอนวิทยาโรงเรียนนานาชาติโรงเรียนนานาชาติ. - โรงเรียนนานาชาติอุดรธานี ตั้งอยู่ที่ ถนนมิตรภาพ ตำบลกุดสระ อำเภอเมืองอุดรธานี - โรงเรียนโฮลี่ แมรี่อุดรธานี ตั้งอยู่ที่ ถนนอุดร-บ้านผือ ตำบลนาข่า อำเภอเมืองอุดรธานีสถานศึกษาระดับอาชีวศึกษา สถานศึกษาระดับอาชีวศึกษา. สถานศึกษาในระดับอาชีวศึกษาทั้งรัฐและเอกชน ปัจจุบันอยู่ในกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรรมการการอาชีวศึกษาทั้งหมด สถานศึกษาระดับอาชีวศึกษาในจังหวัดอุดรธานี มีดังนี้ ประเภทรัฐบาล- วิทยาลัยบริหารธุรกิจและการท่องเที่ยวอุดรธานี - วิทยาลัยสารพัดช่างอุดรธานี - วิทยาลัยการอาชีพหนองหาน - วิทยาลัยการอาชีพบ้านผือ - วิทยาลัยการอาชีพกุมภวาปี - วิทยาลัยการอาชีพปลูกรากแก้วแผ่นดินนวมินทราชูทิศอุดรธานี อำเภอบ้านดุง ประเภทเอกชน- วิทยาลัยเทคโนโลยีสันตพล - วิทยาลัยโปลีเทคนิคอุดรธานี - วิทยาลัยเทคนิคพาณิชย์บ้านจั่น - วิทยาลัยเทคโนโลยีราชธานีอุดร - วิทยาลัยเทคโนอีสานเหนือ - วิทยาลัยเทคโนอีสานเหนือ2 - วิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการหนองหาน - วิทยาลัยเทคโนโลยีพิชญบัณฑิต2 - วิทยาลัยเทคนิคพิชญบัณฑิต - วิทยาลัยเทคโนโลยีภูมิบัณฑิต - วิทยาลัยเทคโนโลยีรังสิโยภาส - โรงเรียนช่างกลอุดรธานี - วิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการบ้านดุง - วิทยาลัยอาชีวศึกษาหนองหานสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาสถาบันฝึกอบรมพัฒนาฝีมือแรงงานในกำกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานสถาบันฝึกอบรมพัฒนาฝีมือแรงงานในกำกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน. - สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 18 อุดรธานี(สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน1-25) - สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานเทคโนโลยีชั้นสูงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 สาขาเกษตรแปรรูปและอาหาร อุดรธานีหน่วยงานราชการ/รัฐวิสาหกิจระดับเขต-ภาคหน่วยงานราชการ/รัฐวิสาหกิจระดับเขต-ภาค. - สำนักงานคลัง เขต 4 อุดรธานี กรมบัญชีกลาง - สรรพกร ภาค 10 - สำนักงานสรรพสามิต ภาคที่ 4 - สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคเขต 6 - เขตบริการสุขภาพ เขต 8 - สำนักงานสนับสนุนการบริการสุขภาพ เขต 8 - ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่ 8 - สำนักงานป้องกันควบคุมโรค ที่ 8 - สำนักอนามัย เขต 8 อุดรธานี กระทรวงสาธารณสุข - ศูนย์สุขภาพจิต ที่ 8 - สำนักงานหลักประกันสุขภาพ เขต 8 อุดรธานี กระทรวงสาธารณสุข - ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย เขต 14 - ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด เขต 4 - สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 3 - สำนักงานหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติ เขต 2 - ศูนย์ขยายพันธ์พืชที่ 10 - สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 6 - สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 10 - สำนักงานสิ่งแวดล้อม ภาคที่ 9 - ศูนย์สำรวจอุทกวิทยา ที่ 9 - สำนักงานทรัพยากรน้ำ ภาค 3 - สำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 10 - สำนักทางหลวงชนบท ที่ 15 - สำนักงานสาขาชั่ง ตวง วัด เขต 2-2 - ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรม ภาคที่ 4 - สำนักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เขต 2 - ศึกษาธิการ ภาค 10 - สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 20 - สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 1 - สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 - สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 3 - สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 4 - สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 18 - ศูนย์ความปลอดภัยในการทำงาน เขต 4 - มณฑลทหารบก ที่ 24 - สำนักงานพัฒนาภาค2 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา - สำนักงานตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 24 - กองกำกับการ4 กองบังคับการฝึกพิเศษ - สถานีตำรวจทางหลวง3 กองกำกับการ 4 - สถานีตำรวจท่องเที่ยว5 กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว - กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจสันติบาล1 - กองบิน 23 - การประปาส่วนภูมิภาค เขต 7 - สำนักชลประทาน ที่ 5 - สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ ที่ 5 - สำนักตรวจสอบพิเศษ ภาค 6 - ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เขต 5 - ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชน เขต 5 - ศูนย์สงเคราะห์บุคคลปัญญาอ่อนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ - ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ภาคที่ 4 - สำนักงาน กสทช.เขต 8 - ศูนย์ไปรษณีย์อุดรธานี - สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 1 - ศูนย์ควบคุมการจ่ายไฟเขต 1 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ - ธนาคารออมสิน เขต 10 - การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุดรธานี - ศูนย์ควบคุมการบินอุดรธานี - องค์การเภสัชกรรม สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ - ศูนย์ประสานข่าวกรองแห่งชาติ ภาค 3 อุดรธานี - ศาลปกครองอุดรธานี - สำนักงานอัยการศาลปกครองอุดรธานี - ศาลแรงงาน ภาค 4 - สำนักงานอัยการศาลแรงงาน ภาค 4 - สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ สาขา6อุดรธานีการสาธารณสุขโรงพยาบาลศูนย์การสาธารณสุข. โรงพยาบาลศูนย์. - โรงพยาบาลอุดรธานี (924 เตียง) เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขโรงพยาบาลทั่วไปโรงพยาบาลทั่วไป. - โรงพยาบาลกุมภวาปี (180 เตียง) เป็นโรงพยาบาลแม่ข่ายลุ่มน้ำปาวโรงพยาบาลชุมชนโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย. - โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี (สามพร้าว) (กำลังดำเนินการก่อสร้าง) (500เตียง)โรงพยาบาลเทศบาลโรงพยาบาลเทศบาล. - โรงพยาบาลเทศบาลนครอุดรธานี (300 เตียง)โรงพยาบาลทหารโรงพยาบาลทหาร. - โรงพยาบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคม (150 เตียง) - โรงพยาบาลกองบิน 23 อุดรธานี (30 เตียง)โรงพยาบาลเอกชนโรงพยาบาลเอกชน. - โรงพยาบาลกรุงเทพ-อุดรธานี (100 เตียง) - โรงพยาบาลเอกอุดร (100 เตียง) - โรงพยาบาลนอร์ทอีสเทอร์นวัฒนา (100 เตียง)โรงพยาบาลเฉพาะทางโรงพยาบาลเฉพาะทาง. - โรงพยาบาลมะเร็ง อุดรธานี (133 เตียง) - โรงพยาบาลธัญญารักษ์ อุดรธานี (60 เตียง)โรงพยาบาลสัตว์โรงพยาบาลสัตว์. - โรงพยาบาลสัตว์ราชภัฏอุดรธานีแหล่งท่องเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแหล่งท่องเที่ยว. แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ. 1. สวนสาธารณะหนองประจักษ์ อำเภอเมืองอุดรธานี 2. ภูฝอยลม อำเภอหนองแสง 3. ทะเลบัวแดง,สวนธรรมชาติ(สวนลิง),วัดถ้ำผาสวรรค์-ลานหินตั้ง-จุดชมวิวผาตากซ่ง-สะพานหิน-ลานหินงาม3จังหวัดภายในวนอุทยานภูเขาสวนกวาง ตำบลท่าลี่ อำเภอกุมภวาปี 4. เขื่อนห้วยหลวง อำเภอเมืองอุดรธานี 5. สวนกล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์ อำเภอเมืองอุดรธานี 6. อุทยานแห่งชาตินายูง-น้ำโสม,ภูหมอกบ่วาย,น้ำตกห้วยป่าชี,น้ำตกห้วยอัอ,น้ำตกตาลโตน,น้ำตกเขาเต่า,น้ำตกยูงทอง,น้ำตกตาดน้อย,น้ำตกชีโป,น้ำตกกลบเลา,น้ำตกฟ้าห้วน,น้ำตกคำพม่า อำเภอนายูง 7. อ่างเก็บน้ำพาน อำเภอสร้างคอม 8. อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท,น้ำตกตาดน้ำพุ(ต.คำด้วง),อ่างเก็บน้ำห้วยทรายแก้ว อำเภอบ้านผือ 9. คำชะโนด อำเภอบ้านดุง 10. ถ้ำสุมณฑา,ภูผาหัก,น้ำตกพิมานทอง,น้ำตกผาทอง(หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติภูผาเหล็ก อำเภอวังสามหมอ) 11. น้ำตกธารงาม,น้ำตกคอยนาง,น้ำตกตาดมะค่า,น้ำตกวังตาดเพ,น้ำตกถ้ำรู,น้ำตกตาดโตน,น้ำตกวังขอนแดง,น้ำตกดังบาล อ.หนองแสง 12. น้ำตกชะโนด,น้ำตกสามเทพ,ถ้ำผาแซง,อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำทรงตอนล่าง อำเภอน้ำโสม 13. วนอุทยานวังสามหมอ-แก่งวังใหญ่,เขื่อนลำพันชาด อำเภอวังสามหมอ 14. น้ำตกนางริน,น้ำตกผาอินแปลง,ถ้ำผาอินแปลง อำเภอโนนสะอาด 15. วนอุทยานภูเขาสวนกวาง,อ่างเก็บน้ำลำห้วยทราย,บ่อน้ำผุด,ถ้ำพระ,ถ้ำจ้อง อำเภอโนนสะอาด 16. วนอุทยานภูพระบาทบัวบก/น้ำตกตาดน้อย,น้ำตกตาดเม็ก,อ่างเก็บน้ำหัวยทราย(ช่องเขาขาด) อำเภอบ้านผือ 17. อุทยานแห่งชาติภูผายา,น้ำตกวังขนุน,ถ้ำสิงห์ อำเภอกุดจับ 18. อ่างเก็บน้ำห้วยตาดข่า,อ่างเก็บน้ำคำหมากคุณ,ภูลาดช่อฟ้า,น้ำตกห้วยหลีผี,น้ำตกหินตั้ง,น้ำตกตาดโตน(บ้านผาสิงห์) อำเภอหนองวัวซอ 19. อ่างเก็บน้ำถ้ำกกดู่/ถ้ำกกดู่(หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำที่ภก.4อำเภอหนองแสงและที่ภก.5ถ้ำกกดู่ อำเภอหนองวัวซอ) 20. ถ้ำงูซวง(ตำบลหมากหญ้า),น้ำตก2ชั้น(ตำบลโนนหวาย),อ่างเก็บน้ำห้วยเซียงลี(ตำบลกุดหมากไฟ) อำเภอหนองวัวซอ 21. โฮมสเตย์หมู่บ้านคีรีวงกต-ทะเลหมอก-น้ำตกห้วยช้างพลาย,น้ำตกห้วยพาง,น้ำตกตาดโตน อำเภอนายูง 22. เทือกเขาภูผาแดง(น้ำตกซำหินหงษ์,น้ำตกซำม่วง,ผาจันได,ผาคู่รัก,รอยพระพุทธบาทผาแดง,ลานหินแตก-หลุมสมบัติ,อ่างเก็บน้ำร่องป่าม่วย)อ.บ้านผือ 23. แก่งหินฮอมน้ำตก,แก่งมนน้อย อำเภอวังสามหมอ 24. อ่างเก็บน้ำวังขอนแดง(ถนนบ้านท่าสี)ตำบลแสงสว่าง,อ่างเก็บน้ำห้วยวังแซว(ถนนบ้านท่ายม)ตำบลทับกุง อำเภอหนองแสง 25. น้ำตกดีหมี ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูผาเหล็ก มีน้ำไหลตลอดปี อยู่บนสันเขาภูสันตาแสงและภูผาแดง พื้นที่อำเภอวังสามหมอน้ำตกที่มีชื่อเสียงในแต่ละอำเภอน้ำตกที่มีชื่อเสียงในแต่ละอำเภอ. 1. อำเภอวังสามหมอ น้ำตกดีหมี(มีน้ำไหลตลอดปี),น้ำตกพิมานทอง,น้ำตกผาทอง,น้ำตกตาดโตน 2. อำเภอโนนสะอาด น้ำตกนางริน,น้ำตกผาอินแปลง 3. อำเภอหนองแสง น้ำตกคอยนาง,น้ำตกธารงาม,น้ำตกตาดมะค่า,น้ำตกวังตาดเพ,น้ำตกถ้ำรู,น้ำตกวังขอนแดง,น้ำตกดังบาล 4. อำเภอหนองวัวซอ น้ำตกห้วยหลีผี(มีน้ำไหลเกือบตลอดปี),น้ำตกหินตั้ง,น้ำตกตาดโตน,น้ำตกสองชั้น 5. อำเภอกุดจับ น้ำตกวังขนุน(มีน้ำไหลเกือบตลอดปี) 6. อำเภอบ้านผือ น้ำตกตาดน้ำพุ(มีน้ำไหลตลอดปี),น้ำตกตาดน้อย,น้ำตกตาดเม็ก,น้ำตกซำหินหงษ์,น้ำตกซำม่วง 7. อำเภอน้ำโสม น้ำตกชะโนด(มีน้ำไหลตลอดปี),น้ำตกสามเทพ(มีน้ำไหลตลอดปี) 8. อำเภอนายูง น้ำตกยูงทอง,น้ำตกตาดน้อย(มีน้ำไหลตลอดปี),น้ำตกห้วยปาชี,น้ำตกห้วยอ้อ(มีน้ำไหลตลอดปี),น้ำตกตาลโตน,น้ำตกชีโป,น้ำตกกลบเลา,น้ำตกฟ้าห้วน,น้ำตกคำพม่า,น้ำตกตาดโตน,น้ำตกห้วยช้างพลาย(มีน้ำไหลตลอดปี),น้ำตกห้วยพาง(มีน้ำไหลตลอดปี),น้ำตกเขาเต่า(มีน้ำไหลตลอดปี)แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี. 1. อนุสาวรีย์กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม อำเภอเมืองอุดรธานี 2. แหล่งมรดกโลกบ้านเชียง อำเภอหนองหาน 3. พระพุทธบาทหลังเต่า อำเภอหนองวัวซอ 4. วัดพระพุทธบาทบัวบาน อำเภอบ้านผือ 5. วัดพระพุทธบาทบัวบก อำเภอบ้านผือ 6. วัดป่าภูก้อน อำเภอนายูง 7. ศาลหลักเมืองจังหวัดอุดรธานี 8. ศาลเจ้าปู่ย่าอุดรธานี อำเภอเมือง 9. วัดมัชฌิมาวาส อำเภอเมืองอุดรธานี 10. คำชะโนด/ศาลเจ้าปู่ศรีสุทโธ,อุตสาหกรรมเกลือสินเธาว์ อำเภอบ้านดุง 11. วัดพระแท่นบ้านแดง (หลวงปู่พิบูลย์ )อำเภอพิบูลย์รักษ์ 12. ถ้ำสิงห์ อำเภอกุดจับ 13. วัดถ้ำสหาย อำเภอหนองวัวซอ 14. วัดป่าภูย่าอู่ อำเภอบ้านผือ 15. วัดนาคาเทวี บ้านนาข่า อำเภอเมือง 16. วัดถ้ำสุมณฑาภาวนา อำเภอวังสามหมอ 17. วัดผาน้ำทิพย์ อำเภอวังสามหมอ 18. วัดป่าศรีคุณาราม อำเภอกู่แก้ว 19. วัดป่าภูหินร้อยก้อน อำเภอหนองแสง 20. วัดถ้ำเพียอินทร์ อำเภอหนองแสง 21. วัดถ้ำเต่า อำเภอหนองวัวซอ 22. วัดดอยนางหงษ์ อำเภอวังสามหมอ 23. วัดป่านาคำน้อย หลวงพ่ออินทร์ถวาย อำเภอนายูง 24. วัดป่าภูกระแต/บรรณพตวนาราม(หลวงปู่บุญนาค อุตตโม ศิษย์หลวงปู่มั่น) อำเภอศรีธาตุ 25. วัดภูทองเทพนิมิตร(หลวงพ่อทันใจ) อำเภอหนองแสง 26. วัดเขาช่องชาด อำเภอหนองวัวซอ 27. แหล่งประวัติศาสตร์โฮจิมินห์ อำเภอเมืองอุดรธานี 28. ปรางค์กู่แก้ว อำเภอกู่แก้ว 29. วัดพระพุทธบาทบัวขาว(วัดภูพระบาท)อำเภอหนองวัวซอ 30. วัดเทพสิงหาร(หลวงปู่เครื่อง ธรรมจาโร)อำเภอนายูง 31. วัดป่าภูทอง(หลวงปู่คูณ สุเมโร)อำเภอบ้านผือ 32. วัดป่านาคูณ(หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ)อำเภอบ้านผือ 33. วัดภูหินดัง(หลวงพ่อมหาเสริม ฉินนาลโย)อำเภอบ้านผือ 34. วัดภูสังโฆ/วัดภูสังโฆญาณวิสุทธิโสภณ(หลวงพ่อวันชัย วิจิตโต ศิษย์เอกหลวงตามหาบัว)อำเภอหนองวัวซอ 35. วัดสันติวนาราม(ป่าดงไร่) พุทธอุทยานบ้านเชียง อุโบสถกลางน้ำทรงดอกบัวหนึ่งเดียวในสยาม บ้านดงไร่ ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน 36. วัดเทพนรินทราราม/เทพนรินทร์อินทรมหาวราราม พระอาจารย์เทพนรินทร์ ชินรังษี ตำบลวังสามหมอ อำเภอวังสามหมอ 37. วัดตาดน้ำพุ ตำบลคำด้วง อำเภอบ้านผือ 38. วัดป่าสว่างธรรมศิริพร อำไพพงษ์ บ้านดอนกลอย อำเภอพิบูลย์รักษ์ 39. วัดป่าผาสุการาม บ้านหนองเม็ก ตำบลโนนหวาย อำเภอหนองวัวซอ 40. วัดโนนธาตุ(นมัสการหลวงพ่อศิลาอายุ700ปี/พระธาตุเจดีย์อุดมชัยมงคล/ต้นจำปาอายุ1,000ปี)บ้านเมืองปัง ตำบลอุ่มจาน อำเภอประจักษ์ศิลปาคมงานประเพณีท่องเที่ยวศิลปวัฒนธรรมและกิจกรรมงานประเพณีท่องเที่ยวศิลปวัฒนธรรมและกิจกรรม. 1. งานบวงสรวงกรมหลวงประจักษ์ อ.เมือง ณ บริเวณอนุสาวรีย์กรมหลวงฯ ทุกวันที่ 18 มกราคม ของทุกปี 2. งานบวงสรวงวันที่ระลึกเปิดศาลหลักเมืองอุดรธานี วันที่29 มกราคม ของทุกปี ณ.บริเวณหน้าศาลหลักเมืองสนามทุ่งศรีเมือง 3. งานเฉลิมฉลองมรดกโลกบ้านเชียง เดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ณ.ลานวัฒนธรรมและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง อำเภอหนองหาน 4. งาน"มหกรรมผ้าทอมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง:GMS Fabric Expo"(ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เดือนมีนาคมทุกปี)ณ.สนามทุ่งศรีเมือง 5. งานบวงสรวงศาลเทพารักษ์ วันที่4-5มีนาคมของทุกปี ณ.ศาลเทพารักษ์อุดรธานี 6. งานนมัสการพระพุทธบาทบัวบก อำเภอบ้านผือ จัดบริเวณวัดพระพุทธบากบัวบก ในวันขึ้น 13–15 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี 7. งานรื่นเริง เถลิงศก4ภาค(กรุงเทพ,เชียงใหม่,อุดรธานี,ภูเก็ต)"เทศกาลวิถีน้ำ...วิถีไทย"บ้านเชียงอุดรธานี13-15เมษายน ณ.ลานวัฒนธรรมมรดกโลกบ้านเชียง อ.หนองหาน 8. งานถนนอาหาร สงกรานต์เมืองอุดรธานี อำเภอเมืองอุดรธานี จัดในช่วงวันสงกรานต์ของทุกปี ระหว่างวันที่ 10–16 เมษายนของทุกปี บริเวณสวนสาธารณะหนองประจักษ์ และถนนเทศา 9. งานประเพณีบุญบั้งไฟล้าน บ้านธาตุ อำเภอเพ็ญ จัดขึ้นวันที่ 15 ค่ำ เดือน 6 10. งานบุญบั้งไฟกือ(บั้งไฟ10ล้าน)ชื่องาน เบิ่งศิลป์ถิ่นภูไทเอ้บั้งไฟใหญ่วังสามหมอ อำเภอวังสามหมอ จัดบริเวณสวนสาธารณะหนองแวงโคก ในวันที่20-25 พฤษภาคมของทุกปี 11. งานสถาปนาอำเภอวังสามหมอ ฮีตฮอยศิลป์ถิ่นภูไทตำนานความรักท้าวเฮ้ากับนางคำบาง จัดบริเวณลานหน้าที่ว่าการอำเภอวังสามหมอ จัดขึ้นวันที่ 8 มกราคม ของทุกปี 12. งานประเพณีแข่งเรือยาวชิงถ้วยพระราชทาน อำเภอกุมภวาปี ช่วงออกพรรษาของทุกปี 13. งานเทศกาลโคมลม อำเภอพิบูลย์รักษ์ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี 14. งานฉลองเจ้าปู่ เจ้าย่า อำเภอเมืองอุดรธานี จัดทุกวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี 15. งานรำบวงสรวงเจ้าปู่ศรีสุทโธ วันขึ้นปีใหม่ ศาลหลักเมืองอำเภอบ้านดุง จัดระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม – 2 มกราคมของทุกปี 16. งานประเพณีบุญบั้งไฟคำชะโนด คำชะโนด อำเภอบ้านดุง 17. งานทุ่งศรีเมือง งานกาชาด จังหวัดอุดรธานี ณ สนามทุ่งศรีเมือง จัดระหว่างวันที่ 1–15 ธันวาคมของทุกปีเส้นทางเชื่อมการท่องเที่ยวกับจังหวัดใกล้เคียงเส้นทางเชื่อมการท่องเที่ยวกับจังหวัดใกล้เคียง. - อุดรธานี-ขอนแก่น:วัดป่าบ้านตาด-หนองปะโค-สวนสัตว์ขอนแก่น - อุดรธานี-หนองบัวลำภู-เลย:วัดป่าบ้านตาด-วัดถ้ำกลองเพล-อนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวร-ถ้ำเอราวัณ-ภูกระดึง หรือภูหลวง-ภูเรือ-แก่งคุดคู้ - อุดรธานี-หาดโขงแก่งโขง:อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท-วัดป่าภูก้อน-วัดป่าบ้านเพิ่ม-หาดคัมภีร์-แก่งคุดคู้-น้ำตกตาดหมอก-น้ำตกธารทอง - อุดรธานี-หนองคาย:วัดพระธาตุบังพวน-วัดพระธาตุองค์ตื้อ-เวียงคุก-สะพานมิตรภาพ-ท่าเสด็จ-ศาลาแก้วกู่ - อุดรธานี-หนองบัวลำภู-ขอนแก่น:วัดถ้ำกลองเพล-อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ-เขื่อนอุบลรัตน์-วัดพระพุทธบาทภูพานคำ-วัดพระธาตุขามแก่น-น้ำตกธารงาม - อุดรธานี-สกลนคร:บ่อสร้างเหวย-บ้านเชียง-วัดป่าอุดมสมพร-วัดถ้ำขาม-หนองหาน-วัดพระธาตุเชิงชุม-วัดป่าสุทธาวาส-พระตำหนักภูพานราชนิเวศ-น้ำตกปรีชาสุขสันต์-วัดถ้ำสุมณฑา-เขื่อนน้ำอูน - อุดรธานี-กาฬสินธุ์:วัดป่าบ้านตาด-วัดมหาธาตุเจดีย์ดอนแก้ว-วัดป่าแมว-วนอุทยานวังสามหมอ-เขื่อนลำพันชาด-วนอุทยานภูพระ-เขื่อนลำปาว-สวนสะออน-ไดโนเสาร์สหัสขันธ์-บ้านโพนแพรวาสวนสาธารณะ/สวนพฤกษศาสตร์ สวนสาธารณะ/สวนพฤกษศาสตร์. 1. สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ มีมาตั้งแต่ก่อนตั้งเมืองอุดรธานี เดิมเรียกว่า หนองนาเกลือ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของตัว เมืองเพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ผู้ทรงก่อตั้งเมืองอุดรธานี ในปี พ.ศ. 2530 เทศบาลเมืองอุดรธานีได้ทำการปรับปรุงหนองประจักษ์ขึ้นใหม่ เพื่อถวายเป็นราชสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยบริเวณตัวเกาะกลางน้ำได้จัดทำสวนหย่อม ปลูกไม้ดอกไม้ประดับหลายชนิดสวยงามมาก ทำสะพานเชื่อมระหว่างเกาะ มีน้ำพุ หอนาฬิกา และสวนเด็กเล่น แต่ละวันจะมีประชาชนไปพักผ่อนและออกกำลังกายเป็นจำนวนมาก ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะมีพระตำหนักหนองประจักษ์ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน 2. สวนสาธารณะหนองสิม เป็นสวนสาธารณะในย่านชุมชนที่จะให้บริการแก่ประชาชนสำหรับเป็นสถานที่ใช้ในการออกกำลังกาย พักผ่อน ซึ้งภายในได้มีการจัดพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมต่าง ๆ 3. สวนสาธารณะหนองบัว เป็นสวนสาธารณะสำหรับใช้ออกกำลังกายจัดกิจกรรมต่าง ๆ ให้ประชาชนในพื้นที่ได้เป็นสถานที่พบปะพูดคุยกัน สวนสาธารณะหนองบัวตั้วอยู่ภายในเขตอำเภอเมืองอุดรธานี ภายในจัดเป็นสวนหย่อมปลูกต้นไม้ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม อีกทั้งยังมีการจัดแสดงน้ำพุให้ได้ชมกันอีกด้วย และรอบสวนสาธารณะหนองบัวยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดอุดรธานีตั้งอยู่ด้วย นั่นก็คือ ศาลเจ้าปู่ย่า จังหวัดอุดรธานี 4.สวนพฤกษศาสตร์ สวนรวมพรรณไม้ป่า60พรรษามหาราชินี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งอยู่ที่ตำบลทับกุง อำเภอหนองแสง 5.สวนรุกขชาติบ้านดุง ตั้งอยู่ที่ตำบลศรีสุทโธ อำเภอบ้านดุง 6.อุทยานสัตว์ป่าอีสานตอนบนขอนแก่น-อุดรธานี/สวนสัตว์เขาสวนกวาง/สวนสัตว์ขอนแก่น ตั้งอยู่บนพื้นที่4,696ไร่ในพื้นที่คาบเกี่ยว2จังหวัดคืออำเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่นและอำเภอโนนสะอาด จังหวัดอุดรธานี(เมื่อวันที่9มกราคม2553ใช้ชื่อว่าอุทยานสัตว์ป่าอีสานตอนบนขอนแก่น-อุดรธานีตั้งแต่นั้นมา จนกระทั่งเมื่อวันที่26มิถุนายน2556 กรรมการองค์การสวนสัตว์ได้มีมติให้เปลี่ยนชื่อมาเป็น"สวนสัตว์ขอนแก่น"จนถึงปัจจุบัน)อุทยานแห่งชาติ/วนอุทยาน อุทยานแห่งชาติ/วนอุทยาน. อุดรธานีเป็นจังหวัดที่มีทรัพยากรธรรมชาติทั้งภูเขาและป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ เป็น1ใน5จังหวัด(5จังหวัดที่ประกาศเป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธารของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ;จังหวัดนครราชสีมา-แม่น้ำมูล-ลำมูลบน-ลำตะคอง,จังหวัดชัยภูมิ-แม่น้ำชี-ลำน้ำพรหม-ลำน้ำเชิญ,จังหวัดเลย-แม่น้ำเลย-ลำน้ำพอง-แม่น้ำเหือง,จังหวัดอุดรธานี-แม่น้ำสงคราม-แม่น้ำปาว-ลำน้ำห้วยหลวงและจังหวัดสกลนคร-แม่น้ำสงคราม-ลำน้ำพุง-ลำน้ำก่ำ) ที่เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอุทยาน/วนอุทยาน/เขตห้ามล่าสัตว์ป่าที่สำคัญดังนี้1. อุทยานแห่งชาตินายูง-น้ำโสม ที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่ที่บ้านสว่าง ตำบลนายูง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี(อุดรธานี-เลย-หนองคาย) 2. อุทยานธารงาม-ภูฝอยลม ที่ทำการโครงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศภูฝอยลมตั้งอยู่ที่ตำบลทับกุง อำเภอหนองแสง(กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเตรียมประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติภูฝอยลม) 3. อุทยานแห่งชาติภูผายา ที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่ที่ภูหินจอมธาตุบ้านห้วยยางคำ ตำบลกุดจับ อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี (ผนวกรวม วนอุทยานภูผาแดง อ.บ้านผือ อุดรธานี,วนอุทยานภูหินจอมธาตุ อ.กุดจับ อุดรธานี,ภูผาเวียง-ภูแปลก-ภูผากูก-ภูผายา หนองบัวลำภู) 4. อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ(หนองบัวลำภู,อุดรธานี,ขอนแก่น) ที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่ที่บ้านท่าศิลา ตำบลบ้านค้อ อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู มีหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติภูเก้าภูพานคำที่ภก.4หนองแสงและภก.5ถ้ำกกดู่ ตั้งอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี 5. อุทยานแห่งชาติภูผาเหล็ก(สกลนคร,อุดรธานี,กาฬสินธุ์) ที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่ที่บ้านท่าวัด ตำบลปทุมวาปี อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร มีหน่วยพิทักษ์อุทยานฯตั้งอยู่ที่ภูผาหักอำเภอวังสามหมอจังหวัดอุดรธานี 6. วนอุทยานวังสามหมอ ที่ทำการวนอุทยานฯตั้งอยู่ที่ตำบลหนองกุ้งทับม้า อำเภอวังสามหมอ จังหวัดอุดรธานี 7. วนอุทยานภูเขาสวนกวาง ที่ทำการวนอุทยานฯตั้งอยู่ที่ตำบลทมนางาม อำเภอโนนสะอาด จังหวัดอุดรธานี 8. วนอุทยานน้ำตกคอยนาง ที่ทำการวนอุทยานฯตั้งอยู่ที่ตำบลแสงสว่าง ถนนบ้านท่ายม-น้ำตกคอยนาง อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี 9. วนอุทยานภูพระบาทบัวบก ที่ทำการวนอุทยานฯตั้งอยู่ที่ตำบลเมืองพาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธธานี 10. เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองหัวคู ที่ทำการเขตห้ามล่าสัตว์ป่าฯตั้งอยู่ที่ตำบลคำบง อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี 11. เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองหานกุมภวาปี ที่ทำการเขตห้ามล่าสัตว์ป่าฯตั้งอยู่ที่บ้านโนนสา ตำบลนาม่วง อำเภอประจักษ์ศิลปาคม จังหวัดอุดรธานี 12. เขตห้ามล่าสัตว์ป่าลำปาว ที่ทำการเขตห้ามล่าสัตว์ป่าฯตั้งอยู่ที่บริเวณแหลมโนนวิเศษ ตำบลโนนบุรี อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ (ครอบคลุมพื้นที่อำเภอสหัสขันธ์,ท่าคันโท,หนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์และพื้นที่อำเภอศรีธาตุ,วังสามหมอ จังหวัดอุดรธานี)แหล่งท่องเที่ยวล่องแพที่สำคัญแหล่งท่องเที่ยวล่องแพที่สำคัญ. 1. ล่องแพอ่างน้ำพาน อำเภอสร้างคอม (ปิดท่องเที่ยวเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมทุกปีเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศน์) 2. ล่องแพอ่างเก็บน้ำห้วยตาดข่า อำเภอหนองวัวซอ 3. ล่องแพหนองปะโค อำเภอกุมภวาปี 4. ล่องแพเขื่อนลำพันชาด/วังใหญ่ อำเภอวังสามหมอ 5. ล่องแพเขื่อนห้วยหลวง อำเภอเมืองอุดรธานี 6. ล่องแพอ่างเก็บน้ำคำลิ้นควาย บ้านทับไฮ อำเภอหนองแสง 7. ล่องแพอ่างภูหินจอมธาตุ ตำบลกุดจับ อำเภอกุดจับสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์/พิพิธภัณฑ์สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์/พิพิธภัณฑ์. 1. อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่ที่ภูพระบาทอำเภอบ้านผือ 2. พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติบ้านเชียง อำเภอหนองหาน 3. พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง 4. พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านไทพวนบ้านเชียง ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน 5. พิพิธภัณฑ์ไทพวน บ้านผือ วัดลุมพลีวัน บ้านถ่อน ตำบลบ้านผือ อำเภอบ้านผือ 6. พิพิธภัณฑ์/เจดีย์หลวงปู่สว่าง โอภาโส วัดป่าศรีอุดมรัตนาราม อำเภอโนนสะอาด 7. พิพิธภัณฑ์/เจดีย์ พระมหาธาตุเจดีย์ พิพิธภัณฑ์ หลวงพ่อทูล ขิปุปปญโญ วัดป่าบ้านค้อ อำเภอบ้านผือ 8. พิพิธภัณฑ์/เจดีย์หลวงปู่ถิร ฐิตธมโม วัดป่าบ้านจิก/ทิพยรัฐนิมิตร อำเภอเมืองอุดรธานี 9. พิพิธภัณฑ์/เจดีย์ พิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ พระธรรมวิสุทธิมงคล(หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน) หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อำเภอเมืองอุดรธานี 10. พิพิธภัณฑ์/เจดีย์ พระมหาธรรมเจดีย์ หลวงปู่จันทร์ศรี จนททีโป วัดโพธิสมภรณ์ อำเภอเมืองอุดรธานี 11. พิพิธภัณฑ์/เจดีย์หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม อำเภอหนองวัวซอ 12. พิพิธภัณฑ์/เจดีย์หลวงพ่อคำพอง ติสุโส วัดถ้ำกกดู่ อำเภอหนองวัวซอ 13. พิพิธภัณฑ์/เจดีย์หลวงปู่บัว สิริปุณโณ วัดป่าหนองแซง อำเภอหนองวัวซอ 14. พิพิธภัณฑ์/เจดีย์หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร วัดป่าประชาชุมพลพัฒนาราม อำเภอเมืองอุดรธานี 15. พิพิธภัณฑ์/เจดีย์หลวงปู่มี ปมุตโต วัดดอยเทพนิมิตร/ถ้ำเกีย อำเภอหนองวัวซอ 16. พิพิธภัณฑ์/เจดีย์หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ วัดประสิทธิธรรม อำเภอบ้านดุง 17. พิพิธภัณฑ์/เจดีย์หลวงปู่อุ่น ชาคโร วัดดอยบันไดสวรรค์ อำเภอหนองวัวซอ 18. พิพิธภัณฑ์/เจดีย์หลวงพ่อคำแพง อัตตสันโต วัดป่าบุญญานุสรณ์ อำเภอหนองวัวซอ 19. พิพิธภัณฑ์/เจดีย์ พุทธมหาเจดีย์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดภูผาแดง/วัดป่าเกษรศีลคุณธรรมเจดีย์ อำเภอหนองวัวซอ 20. พิพิธภัณฑ์/เจดีย์หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล วัดป่าสันติกาวาส อำเภอไชยวาน 21. พิพิธภัณฑ์/เจดีย์หลวงพ่อคำดี ธมุมธโร วัดป่าบุญญานุสิทธิ์ บ้านโคกก่อง ตำบลหมากหญ้า อำเภอหนองวัวซอ 22. พิพิธภัณฑ์/เจดีย์ พระมหาเจดีย์มงคล พระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระจักษุธาตุ หลวงปู่บุญเกิด ยุตตธัมโม พระครูวิสุทธิธรรมสุนทร วัดป่าศรีคุณาราม ตำบลบ้านจีต อำเภอกู่แก้ว 23. พิพิธภัณฑ์/เจดีย์ องค์พุทธเจดีย์ โรจนธัมมาพุทธานุสติยานุสรณ์ วัดป่าบ้านม่วง ตำบลหนองหาน อำเภอหนองหาน 24. พิพิธภัณฑ์/เจดีย์ องค์พระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์ พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนีและพระวิหาร วัดป่าภูก้อน ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง 25. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ค่ายรามสูร ค่ายพระยาสุนทรธรรมธาดา ตำบลโนนสูง อำเภอเมืองอุดรธานี 26. แหล่งศึกษาและท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์โฮจิมินห์ บ้านหนองฮาง ตำบลเชียงพิณ อำเภอเมืองอุดรธานีเมืองพี่น้อง เมืองพี่น้อง. จังหวัดอุดรธานีมีความสัมพันธ์ในฐานะบ้านพี่เมืองน้องกับเมืองดังต่อไปนี้1. เมืองลั่วหยาง มณฑลเหอนาน ประเทศจีน (จังหวัดอุดรธานี-ดอกบัวแดง กับดอกโบตั๋น-เมืองลั่วหยาง) 2. เมืองสามเหลี่ยมมรดกโลก (แหล่งมรดกโลกบ้านเชียง ร่วมกับเมืองเก่าหลวงพระบาง ประเทศลาว และอ่าวหะล็อง ประเทศเวียดนาม) 3. เมืองรีโน มลรัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกาการเดินทาง การเดินทาง. เส้นทางคมนาคมและการเดินทางที่สำคัญของอุดรธานี คือ- ทางรถยนต์ ได้แก่ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 22 จากกรุงเทพมหานครไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ถึงสระบุรีบริเวณกิโลเมตรที่ 107 แยกเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 ผ่านนครราชสีมา ขอนแก่น ถึงอุดรธานี รวมระยะทางประมาณ 564 กิโลเมตร - ทางรถโดยสารประจำทาง ได้แก่ บริการรถโดยสารทั้งธรรมดาและรถปรับอากาศวิ่งระหว่างกรุงเทพฯ-อุดรธานีทุกวัน รถออกจากสถานีขนส่งสายตะวันออกเฉียงเหนือ (จตุจักร) ถนนกำแพงเพชร 2 นอกจากนี้ ยังมีรถโดยสารประจำทางไปจังหวัดต่าง ๆ คือ หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู เลย สกลนคร นครพนม มุกดาหารขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ระยอง พิษณุโลก อุตรดิตถ์ ลำปาง เชียงใหม่ เชียงราย กาญจนบุรี หัวหิน ภูเก็ต และจังหวัดอื่น ๆ เป็นต้น การเดินทางโดยรถเช่า รถเช่าอยู่จังหวัดอุดรมีอยูหลายบริษัทให้เลือก ในสนามบินอุดรมีบริการให้เลือกมากมายหลายเจ้า แต่หากต้องการจองล่วงหน้า ร้านรถเช่า โอคาร์เร้นท์ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึงที่ดี รถโดยสารที่ให้บริการ ระหว่างเส้นทาง กรุงเทพ-อุดรธานี1. นครชัยแอร์ 2. ชาญทัวร์ 3. แอร์ อุดร 4. บุษราคัมทัวร์ 5. สมบัติทัวร์ 6. 407 พัฒนา- รถยนต์โดยสารระหว่างประเทศ1. เส้นทางเดินรถอุดรธานี-นครหลวงเวียงจันทน์(สปป.ลาว) 2. เส้นทางเดินรถอุดรธานี-หนองคาย-วังเวียง(สปป.ลาว)- ทางรถไฟ ได้แก่ สถานีรถไฟอุดรธานี ได้แก่ ขบวนรถกรุงเทพ-หนองคาย มีขบวนรถตอนเช้า - เย็น, ขบวนรถท้องถิ่น นครราชสีมา-หนองคาย - ทางอากาศ ได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี ซึ่งเป็นสนามบินหลักของภูมิภาคนี้และสามารถเชื่อมไปยัง สปป. ลาวได้การคมนาคมทางบกการคมนาคมทางบก. - สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดอุดรธานี แห่งที่1 (สังกัดเทศบาลนครอุดรธานี) ถนนประชาอุทิศ ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี - สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดอุดรธานี แห่งที่2 (สังกัดกรมการขนส่งทางบก) ถนนรอบเมือง ตำบลบ้านเลื่อม อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี - สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดอุดรธานี แห่งที่3 (โครงการในอนาคต) - สถานีขนส่งผู้โดยสารพันดอน อ.กุมภวาปี (สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี) ถนนมิตรภาพ ตำบลพันดอน อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี - สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอน้ำโสม (สังกัดเทศบาลตำบลนางัว) ถนนอนุสาวรีย์ชัย หมู่ที่ 2 ตำบลศรีสำราญ อำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานี - สถานีขนส่งผู้โดยสารเทศบาลเมืองบ้านดุง (สังกัดเทศบาลเมืองบ้านดุง) ซอยวิญญู 6 ตำบลศรีสุทโธ อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี - สถานีขนส่งผู้โดยสารเทศบาลตำบลเพ็ญ (สังกัดเทศบาลตำบลเพ็ญ) หมู่ที่ 1 ตำบลเพ็ญ อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานีการคมนาคมขนส่งทางรางการคมนาคมขนส่งทางราง. - สถานีรถไฟอุดรธานี - สถานีรถไฟโนนสะอาด - สถานีรถไฟห้วยเกิ้ง - สถานีรถไฟกุมภวาปี - สถานีรถไฟห้วยสามพาด - สถานีรถไฟหนองตะไก้ - ที่หยุดรถไฟบ้านคำกลิ้ง - สถานีรถไฟหนองขอนกว้าง - ที่หยุดรถไฟโคกช้าง - ที่หยุดรถไฟหนองตูม - สถานีรถไฟนาพู่การคมนาคมขนส่งทางอากาศการคมนาคมขนส่งทางอากาศ. - ท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานีเศรษฐกิจย่านการค้าที่สำคัญย่านถนนทองใหญ่-ถนนประจักษ์ศิลปาคม เศรษฐกิจ. ย่านการค้าที่สำคัญ. ย่านถนนทองใหญ่-ถนนประจักษ์ศิลปาคม. ย่านถนนทองใหญ่-ถนนประจักษ์ศิลปาคม เป็นจุดบรรจบของถนนสำคัญสองสาย และยังเป็นศูนย์กลางการคมนาคมสำคัญของจังหวัดอุดรธานี เนื่องจากเป็นที่ตั้งของสถานีขนส่งผู้โดยสารอุดรธานีแห่งที่ 1 และสถานีรถไฟอุดรธานี ซึ่งเป็นย่านการค้าที่สำคัญ มีห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านอาหาร หลายประเภทอยู่ด้วยกัน และยังเป็นจุดนัดพบปะสังสรรค์ของชาวอุดร ซึ่งมีห้างสรรพสินค้าจำนวนมากตั้งอยู่ย่านถนนนิตโย-ถนนโพศรี ย่านถนนนิตโย-ถนนโพศรี. ทางหลวงหมายเลข 22 หรือถนนนิตโย เป็นถนนที่เป็นเส้นทางหลักเชื่อมต่อกับจังหวัดสกลนคร แต่ช่วงที่อยู่ในเขตตัวเมืองอุดรธานี จะเรียกว่า ถนนโพศรี และเชื่อมต่อกับย่านธุรกิจที่สำคัญอีกหลายย่าน จึงเป็นถนนที่มีห้างสรรพสินค้า โรงแรม ร้านค้าต่าง ๆ รวมทั้งตลาดขนาดใหญ่ตั้งอยู่ย่านวงเวียนห้าแยกน้ำพุ ย่านวงเวียนห้าแยกน้ำพุ. ห้าแยกน้ำพุ เป็นจุดบรรจบของถนนสายสำคัญของจังหวัดอุดรธานี ถือเป็นจุดศูนย์กลางเมืองซึ่งได้รับการวางผังเมืองไว้เป็นอย่างดีตั้งแต่ในอดีต และเป็นสัญลักษณ์สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่อยู่คู่เมืองอุดรธานี นับตั้งแต่เมื่อเริ่มมีการก่อตั้งเมืองอุดรธานีขึ้นมา ทำให้บริเวณห้าแยกน้ำพุเป็นย่านการค้าเก่าแก่ที่มีร้านค้าต่าง ๆ มากมายรวมอยู่ในย่านนี้ นอกจากนี้ยังเป็นย่านธุกิจค้าส่งเสื้อผ้าที่สำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนย่านวงเวียนหอนาฬิกา ย่านวงเวียนหอนาฬิกา. วงเวียนหอนาฬิกาหรือสี่แยกคอกวัว เป็นหนึ่งในวงเวียนสำคัญของเมืองอุดรธานี ซึ่งเป็นจุดตัดของถนนอุดรดุษฎีและถนนประจักษ์ศิลปาคม เป็นย่านการค้าสำคัญของเมืองอุดรธานีมาตั้งแต่อดีตที่เชื่อมไปยังย่านอื่น ๆ ของตัวเมืองย่านถนนมิตรภาพ (ช่วงเลี่ยงเมือง อุดรธานี-หนองคาย) ย่านถนนมิตรภาพ (ช่วงเลี่ยงเมือง อุดรธานี-หนองคาย). ย่านธุรกิจแห่งใหม่ที่เกิดจากการขยายตัวของเมืองไปยังชานเมือง เป็นเส้นทางสำคัญที่เชื่อมต่อไปยังจังหวัดข้างเคียง และประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้มีห้างสรรพสินค้าและร้านค้ามากมายเกิดขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มวัสดุก่อสร้างและเครื่องเรือน และค้าส่ง ค้าปลีกสินค้าแฟชั่นย่านถนนมิตรภาพ (ช่วงเลี่ยงเมือง อุดรธานี-ขอนแก่น) ย่านถนนมิตรภาพ (ช่วงเลี่ยงเมือง อุดรธานี-ขอนแก่น). ย่านธุรกิจแห่งใหม่ที่เกิดจากการขยายตัวของเมืองไปยังชานเมือง เป็นเส้นทางสำคัญที่เชื่อมต่อไปยังจังหวัดข้างเคียงย่านถนนบุญยาหาร (เลี่ยงเมือง ช่วงอุดรธานี-หนองบัวลำภู) ย่านถนนบุญยาหาร (เลี่ยงเมือง ช่วงอุดรธานี-หนองบัวลำภู). ย่านธุรกิจแห่งใหม่ ที่เกิดจากการขยายตัวของตัวเมืองไปยังชานเมือง ซึ่งมีหมู่บ้านจัดสรรจำนวนมากตั้งอยู่ เป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อไปยังสนามบินนานาชาติอุดรธานีซึ่งเป็นศูนย์กลางการบินของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ ถนนสายนี้ยังเป็นที่ตั้งของสถานีขนส่งผู้โดยสารอุดรธานีแห่งที่2 ตลอดจนสามารถเชื่อมต่อไปยังจังหวัดหนองบัวลำภูและจังหวัดเลย ทำให้มีห้างค้าปลีกค้าส่งจำนวนมากตั้งอยู่ทางหลวงทางหลวงแผ่นดินทางหลวงหมาดเลขหลักเดียวทางหลวง. ทางหลวงแผ่นดิน. ทางหลวงหมาดเลขหลักเดียว. 1. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ในเขตจังหวัดอุดรธานี เริ่มจาก โคกกลาง - โนนสะอาด - ปะโค - ห้วยเกิ้ง - ตูมใต้ - พันดอน - ผาสุก - เสอเพลอ - หนองไผ่ - โนนสูง - บ้านจั่น - เทศบาลนครอุดรธานี -หมูม่น - กุดสระ - นาข่า - บ้านขาว - นาพู่ - บ้านธาตุ สิ้นสุดจังหวัดอุดรธานีในเขตอำเภอเพ็ญทางหลวงหมายเลขสองหลักทางหลวงหมายเลขสองหลัก. 1. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 22 (ถนนนิตโย) ในเขตจังหวัดอุดรธานี เริ่มจากถนนโพศรีหรือเทศบาลนครอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี - รอยต่ออำเภอสว่างแดนดินกับอำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร สิ้นสุดที่ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนมทางหลวงหมายเลขสามหลักทางหลวงหมายเลขสามหลัก. 1. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 210 (ถนนถนนบุญยาหาร) ในเขตจังหวัดอุดรธานี เริ่มจากแยกบ้านดอนอีไข (ถนนวงแหวนรอบเมืองอุดรธานี ด้านทิศตะวันตก) - รอยต่ออำเภอเมืองหนองบัวลำภู สิ้นสุดที่ อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย 2. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 216 (ถนนวงแหวนรอบเมืองอุดรธานี) อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี 3. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 227 (ถนนกาฬสินธุ์–พังโคน) ในเขตจังหวัดอุดรธานี ได้ผ่านอำเภอวังสามหมอทางหลวงชนบททางหลวงชนบท. 1. ทางหลวงชนบท อด.1071 ถนนบ้านผาสุก - ทะเลบัวแดง - บ้านพังงู - อำเภอไชยวาน 2. ทางหลวงชนบท อด.1076 ถนนบ้านจั่น - วัดป่าบ้านตาด - บ้านหลุบหวาย 3. ทางหลวงชนบท อด.1079 ถนนบ้านวาปี - อำเภอหนองแสง 4. ทางหลวงชนบท อด.1080 ถนนมิตรภาพ - แยกอำเภอเพ็ญ 5. ทางหลวงชนบท อด.2007 ถนนนิตโย - บ้านนาม่วง 6. ทางหลวงชนบท อด.2012 ถนนบ้านนิคมหนองตาล - บ้านผักตบ 7. ทางหลวงชนบท อด.2015 ถนนบ้านหนองเม็ก - บ้านหนองหลัก 8. ทางหลวงชนบท อด.2039 ถนนบ้านป่าก้าว - บ้านโคกสำราญ 9. ทางหลวงชนบท อด.2049 ถนน ม.สามพร้าว - บ้านหนองแก 10. ทางหลวงชนบท อด.3072 ถนนทางเข้าเขื่อนห้วยหลวง ตำบลโคกสะอาด อำเภอเมือง - บ้านหัวขัว ตำบลเมืองเพีย อำเภอกุดจับพระตำหนักที่สำคัญพระตำหนักที่สำคัญ. - พระตำหนักหนองประจักษ์ - พระตำหนักเขื่อนห้วยหลวง - พระตำหนักกองบิน23 - เรือนรับรองที่ประทับภูฝอยลมสนามกีฬาสนามกีฬา. 1. สนามกีฬาเทศบาลนครอุดรธานี 2. สนามกีฬาสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตอุดรธานี 3. สนามกีฬากลางมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี (ม.ในเมือง) 4. ศูนย์กีฬาครบวงจรมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี (สามพร้าว) 5. สนามกีฬาเมืองหลัก อุดรธานี (กกท.) (สามพร้าว) 6. สนามกีฬามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ศูนย์การศึกษาอุดรธานี (สนามกีฬา อบจ.อุดรธานี)ชาวอุดรธานีที่มีชื่อเสียงพระบรมวงศานุวงศ์ชาวอุดรธานีที่มีชื่อเสียง. พระบรมวงศานุวงศ์. - พลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ผู้ก่อตั้งจังหวัดอุดรธานี และทรงพัฒนาจังหวัดอุดรธานี - พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวัฒนา ข้าหลวงใหญ่มณฑลอุดรพระเถระพระเถระ. - พระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง - หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโคธาราม อ.หนองวัวซอ - หลวงปู่รื่น วัดป่านิโคธาราม อ.หนองวัวซอ - พระเทพวิสุทธาจารย์ หลวงปู่ดีเนาะ ปุญญสิริ วัดมัชฌิมาวาส อ.เมือง - หลวงปู่เครื่อง ธมฺมจาโร วัดเทพสิงหาร อ.นายูง - พระอุดมญาณโมลี (จันทร์ศรี จนฺททีโป) วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง - พระธรรมวิสุทธิมงคล (บัว ญาณสมฺปนฺโน) วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง - หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร วัดป่าประชาชุมพลพัฒนาราม อ.เมือง - หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดเกษรศีลคุณธรรมเจดีย์ (ภูผาแดง) อ.หนองวัวซอ - พระปัญญาพิศาลเถระ (ทูล ขิปฺปปญฺโญ) วัดป่าบ้านค้อ อ.บ้านผือ - พระครุวิมลภาวนาคุณ หลวงปู่คูณ สุเมโธ วัดป่าภูทอง อ.บ้านผือ - หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก วัดป่านายูง อ.นายูง - หลวงพ่อจันทร์เรียน วัดถ้ำสหาย อ.หนองวัวซอ - หลวงปู่ถิร วัดทิพยรัฐนิมิตร/วัดป่าบ้านจิก อ.เมือง - หลวงปู่สว่าง โอภาส วัดป่าศรีอุดมรัตนาราม อ.โนนสะอาด - หลวงพ่อคำแพง วัดป่าบุญญานุสรณ์ อ.หนองวัวซอ - หลวงปู่อุ่น วัดดอยบันไดสวรรค์ อ.หนองวัวซอ - หลวงปู่พรหม วัดป่าประสิทธิธรรม อ.บ้านดุง - หลวงปู่มี ปมุตโต วัดดอยเทพนิมิตร/วัดถ้ำเกีย อ.หนองวัวซอ - หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล วัดป่าสันติกาวาส อ.ไชยวาน - หลวงปู่บัว สิริปุณโณ วัดป่าหนองแซง/วัดราษฎร์สงเคราะห์ อ.หนองวัวซอ - หลวงพ่อวันชัย วิจิตโต วัดภูสังโฆ/ภูสังโฆญาณวิสุทธิโสภณ อ.หนองวัวซอ - พระครูสุวัณโณปมคุณ(หลวงพ่อคำพอง ติสุโส)วัดถ้ำกกดู่ อ.หนองวัวซอ - หลวงปู่ประไพร สุภโร วัดป่าไพรรัตนวราราม บ้านหลุบหวาย ต.บ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี - หลวงปู่บุญเกิด ยุตตธัมโม(พระครูวิสุทธิธรรมสุนทร) วัดป่าศรีคุณาราม ตำบลบ้านจีต อ.กู่แก้ว - พระอาจารย์ประจักษ์ ภูริปัญโญ วัดป่าศรีคุณาราม ตำบลบ้านจีต อ.กู่แก้ว - หลวงปู่คำผิว สุภโณ(พระครูภาวนาปัญญาโสภณ) วัดป่าศรีวิไล บ้านโนนธาตุ ต.บ้านยา อ.หนองหาน - หลวงพ่อคำดี ธมุมธโร(พระครูประสิทธิคณานุการ) บ้านโคกก่อง ตำบลหมากหญ้า อ.หนองวัวซอ - หลวงพ่อเจริญ ฐานยุตโต วัดโนนสว่าง อำเภอหนองวัวซอนักการเมืองนักการเมือง. - จอมพลประภาส จารุเสถียร รองนายกรัฐมนตรี,ผู้บัญชาการทหารบก - ขุนรักษาธนากร (กลึง เพาทธทัต) อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนแรกของจังหวัดอุดรธานี - เฉลิมพล สนิทวงศ์ชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร,รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ - ประจวบ ไชยสาส์น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ,รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทบวงมหาวิทยาลัย,หัวหน้าพรรคเสรีธรรม - รักเกียรติ สุขธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข - กิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี,รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย - เกียรติชัย ชัยเชาวรัตน์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี,รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย - สมคิด ศรีสังคม หัวหน้าพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย,อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร - ศราวุธ เพชรพนมพร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทย - สุรทิน พิมานเมฆินทร์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทย - วิเชียร ขาวขำ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.),นายกองค์บริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี - เตือนใจ นุอุปละ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข - สะไกร สามเสน อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคสหประชาไทย - ไชยยศ จิรเมธากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ,เลขาธิการพรรคเพื่อแผ่นดิน - ประสพ บุษราคัม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ - ต่อพงษ์ ไชยสาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข,รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี - ธีระชัย แสนแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ - ชัย ชัยจิตวณิชกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ - โชคสมาน สีลาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม - วิเชียร เวชสวรรค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย - ประยูร สุรนิวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม,รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการนักแสดง ผู้กำกับ นักข่าว ผู้สร้างชื่อเสียงนักแสดง ผู้กำกับ นักข่าว ผู้สร้างชื่อเสียง. - ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง นักแสดง พิธีกร - สัญญา คุณากร นักแสดง พิธีกร - โกสินทร์ ราชกรม นักแสดง - จามจุรี เชิดโฉม นักแสดง - กิตติ เชี่ยววงศ์กุล ผู้กำกับละคร นักแสดง - สุดารัตน์ บุตรพรหม - บรรเจิด สันธนะพานิช นักแสดง - ส้มโอ พรางชมพู - หงส์ทอง ดาวอุดร - สิปโปทัย ฉันทะสิริวัฒน์ - พุฒิพงศ์ คงสมศักดิ์สกุล วีเจแบงค์ แชนแนลวีไทยแลนด์ - วิจิตร แสนอุบล ศิลปิน นักแต่ง 2รางวัลพระราชทาน สาขาศิลปิน ดีเด่น ปี60 - เดียร์น่า ฟลีโป นักแสดงช่อง 3 - ขอขวัญ เรสเตอร์วี นักแสดง - นิศาชล ต้วมสูงเนิน (เม) นักแสดงช่อง 3 - วสุ ห้าวหาญ นักร้อง นักแต่งเพลง - อาณัตพล ศิริชุมแสง เดอะสตาร์ 3 - ระดับดาว ศรีระวงศ์ เดอะสตาร์ 11 - จีระศักดิ์ ปานพุ่ม - ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล - เล็ก ไอศูรย์ - พรศักดิ์ ส่องแสง - เบญจา อาร์สยาม - นกน้อย อุไรพร - ศิริพร อำไพพงษ์ - ชไมพร สิทธิวรนันท์ - ขจรเดช พรมรักษา มือกลองวงบิ๊กแอส - ไมค์ ภิรมย์พร นักร้อง - แหลม มอริสัน มือกีตาร์ระดับต้น ๆ ของประเทศ - อนุสรา วันทองทักษ์ ผู้เข้าแข่งขันในปฏิบัติการคนล่าฝัน (Academy Fantasia) ปีที่ 2 - ฝน ธนสุนทร นักร้อง - เพชร สหรัตน์ นักร้อง - กฤตภัค อุดมพานิช นักแสดง - พงศ์ทิวัตถ์ ตั้งวันเจริญ ดารา/ นักแสดง - สิปปวิศว์ เดชะพหุล ดารา/ นักแสดง - ณัชพล กวยเงิน ดารา/ นักแสดง - นก พงศกร ระเบียบวาทะศิลป์ - กัญญาภัค โภคสมบูรณ์ มิสไทยแลนด์เวิลด์ ปี2013 - เจนนิเฟอร์ โจนส์ (มิสทีนไทยแลนด์ 2559) - อิษยา ฮอสุวรรณ นักแสดงช่อง 3 - หวาน ธิดาทิพย์ - แก้ว พรวิภา - ยูโร ยศวรรธน์ ทะวาปี ดารา/นักแสดงช่อง 7 - บลู พงศ์ทิวัตถ์ ตั้งวันเจริญ ดารา/นักแสดงช่อง 7นักกีฬานักกีฬา. - พิพัฒน์ ต้นกันยา นักฟุตบอลทีมชาติไทย - อนัน พันแสน อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย - สำเรียน ประชุมชัน อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย - ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย นักกีฬาแบดมินตันหญิงชาวไทย - อะแมนดา เมียลเดรด คาร์ นักปั่นจักรยานทีมชาติไทย - อรรณพ ขำสมบัติ อดีตนักแข่งโมโตครอส - อดิเรก แซ่ลิ้ม อดีตนักแข่งโมโตครอส - เชาวลิต เกื้อจรูญ นักแข่งเจ็ตสกีแชมป์โลก - โชคอุทิศ โมลี นักแข่งเจ็ตสกีแชมป์โลก - โสภิต ภาโนมัย อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย - เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย - โกวิทย์ ฝอยทอง อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย - ชนาเทพ ไชยเอีย อดีตนักแหย่ไข่มดแดงทีมชาติไทยนักวิชาการนักวิชาการ. - สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ นักวิชาการด้านสื่อโทรคมนาคม
| ต้นไม้ประจำจังหวัดอุดรธานีคือต้นใด | {
"answer": [
"ต้นเต็ง"
],
"answer_begin_position": [
1612
],
"answer_end_position": [
1619
]
} |
3,966 | 892,789 | ราชา รวิ วรรมา ราชา รวิ วรรมา เป็นจิตกรและศิลปินผู้มีชื่อเสียงของอินเดีย เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในจิตรกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของศิลปะอินเดียสำหรับเหตุผลทางด้านสุนทรียศาสตร์และกว้างขึ้นหลายประการ ประการแรกผลงานของราชา รวิ วรรมา ถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดในการผสมผสานของเทคนิคยุโรปกับความรู้สึกของอินเดียอย่างหมดจด ในขณะที่ยังคงรักษาประเพณีและสุนทรียภาพของศิลปะอินเดียไว้ ประการที่สองเขาเป็นคนน่าจดจำสำหรับการพิมพ์ภาพราคาไม่แพงจากภาพวาดของเขาที่มีต่อสาธารณชนซึ่งช่วยเพิ่มการเข้าถึงและอิทธิพลของเขาในฐานะจิตรกรและบุคคลสาธารณะ ภาพวาดที่มีชื่อเสียงของราชา รวิ วรรมาส่วนมากมักเป็นภาพเทพเจ้าฮินดูและเรื่องราวจากวรรณคดีสันสฤตเรื่องต่าง ๆ เช่น มหาภารตะ รามายณะ ฯลฯ เป็นต้น
| ราชา รวิ วรรมา เป็นจิตกรและศิลปินผู้มีชื่อเสียงของประเทศใด | {
"answer": [
"อินเดีย"
],
"answer_begin_position": [
154
],
"answer_end_position": [
161
]
} |
3,967 | 509,588 | ขาหมูพะโล้ ขาหมูพะโล้ เป็นอาหารที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีนเป็นอาหารที่สามารถกินเป็นอาหารจานเดียวหรือแยกกินกับข้าวต่างหากก็ได้เป็นอาหารที่มีวิธีการทำโดยการนำขาหมูส่วนหน้าที่ผ่านการเผาไฟไปต้มเคี่ยวกับเครื่องพะโล้,เครื่องเทศ เครื่องปรุงรส ให้เปื่อยๆ ในประเทศไทย อาจกินเป็นอาหารจานเดียว ตักเสริฟกับข้าวสวยและไข่ต้ม ราดน้ำพะโล้ลงไปทานกับผักลวก โดยมีเครื่องเคียง เช่น ผักดอง น้ำส้ม กระเทียม พริก ข้าวขาหมูหากินได้ง่าย มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทั้งร้านข้างทาง หรือฟู้ดเซ็นเตอร์ในห้างสรรพสินค้า
| ขาหมูพะโล้ เป็นอาหารที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศใด | {
"answer": [
"จีน"
],
"answer_begin_position": [
141
],
"answer_end_position": [
144
]
} |
3,968 | 865,806 | ลัทธิเหมา ลัทธิเหมา คือ ทฤษฎีทางการเมืองที่พัฒนามาจากคำสอน และนโยบายของ เหมา เจ๋อตง (1893–1976) ผู้นำทางการเมืองและการปฏิวัติของประเทศจีน โดยในระยะแรกเริ่มถูกเรียกว่า "ทฤษฎีความคิดของเหมา เจ๋อตง" ลัทธิเหมาถูกพัฒนาขึ้นมาระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1950 ถึง 1970 จนกระทั่งได้รับการปฏิรูปจากเติ้ง เสี่ยวผิง ข้อแตกต่างสำคัญระหว่างลัทธิเหมากับลัทธิมากซ์รูปแบบอื่นคือ เหมากล่าวว่าชาวนาควรเป็นปราการป้องกันพลังการปฏิวัติ นำโดยชนชั้นใช้แรงงานในประเทศจีน
| ลัทธิเหมาคือทฤษฎีทางการเมืองที่พัฒนามาจากคำสอน และนโยบายของผู้นำจีนคนใด | {
"answer": [
"เหมา เจ๋อตง"
],
"answer_begin_position": [
156
],
"answer_end_position": [
167
]
} |
3,969 | 865,806 | ลัทธิเหมา ลัทธิเหมา คือ ทฤษฎีทางการเมืองที่พัฒนามาจากคำสอน และนโยบายของ เหมา เจ๋อตง (1893–1976) ผู้นำทางการเมืองและการปฏิวัติของประเทศจีน โดยในระยะแรกเริ่มถูกเรียกว่า "ทฤษฎีความคิดของเหมา เจ๋อตง" ลัทธิเหมาถูกพัฒนาขึ้นมาระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1950 ถึง 1970 จนกระทั่งได้รับการปฏิรูปจากเติ้ง เสี่ยวผิง ข้อแตกต่างสำคัญระหว่างลัทธิเหมากับลัทธิมากซ์รูปแบบอื่นคือ เหมากล่าวว่าชาวนาควรเป็นปราการป้องกันพลังการปฏิวัติ นำโดยชนชั้นใช้แรงงานในประเทศจีน
| ลัทธิเหมาถูกพัฒนาขึ้นมาระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1950 ถึงคริสต์ทศวรรษที่เท่าไร | {
"answer": [
"1970"
],
"answer_begin_position": [
332
],
"answer_end_position": [
336
]
} |
3,970 | 526,144 | ศรีสุลต่านฮาเมงกูบูโวโนที่ 10 สุลต่านฮาเมงกูบูโวโนที่ 10 (Sri sultan Hamengkubuwono X) ทรงเป็นสุลต่านพระองค์ที่ 10 แห่งยอกยาการ์ตา และผู้ว่าราชการจังหวัดคนที่ 3 ของเมืองยกยาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ประสูติเมื่อ 2 เมษายน พ.ศ. 2489 เป็นพระราชโอรสในสุลต่านฮาเมงกูบูโวโนที่ 9กับ เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อ7 มีนาคม พ.ศ. 2532 ต่อจากพระราชบิดา ทรงสำเร็จการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยกัจจา มาดา ทรงอภิเษกสมรสกับกุสตี กันเจง ราตู มีพระธิดา 5 พระองค์ ปัจจุบันประทับที่พระราชวังเมืองยกยาการ์ตา
| สุลต่านฮาเมงกูบูโวโนที่ 10 ทรงเป็นสุลต่านพระองค์ที่ 10 แห่งเมืองใดในประเทศอินโดนีเซีย | {
"answer": [
"ยอกยาการ์ตา"
],
"answer_begin_position": [
223
],
"answer_end_position": [
234
]
} |
3,971 | 526,144 | ศรีสุลต่านฮาเมงกูบูโวโนที่ 10 สุลต่านฮาเมงกูบูโวโนที่ 10 (Sri sultan Hamengkubuwono X) ทรงเป็นสุลต่านพระองค์ที่ 10 แห่งยอกยาการ์ตา และผู้ว่าราชการจังหวัดคนที่ 3 ของเมืองยกยาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ประสูติเมื่อ 2 เมษายน พ.ศ. 2489 เป็นพระราชโอรสในสุลต่านฮาเมงกูบูโวโนที่ 9กับ เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อ7 มีนาคม พ.ศ. 2532 ต่อจากพระราชบิดา ทรงสำเร็จการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยกัจจา มาดา ทรงอภิเษกสมรสกับกุสตี กันเจง ราตู มีพระธิดา 5 พระองค์ ปัจจุบันประทับที่พระราชวังเมืองยกยาการ์ตา
| สุลต่านพระองค์ที่ 10 แห่งยอกยาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย มีพระนามว่าอะไร | {
"answer": [
"สุลต่านฮาเมงกูบูโวโนที่ 10"
],
"answer_begin_position": [
134
],
"answer_end_position": [
160
]
} |
3,972 | 798,644 | จักรพรรดิซุโตะกุ จักรพรรดิซุโตะกุ ( , , 7 กรกฎาคม ค.ศ. 1119 - 14 กันยายน ค.ศ. 1164) จักรพรรดิองค์ที่ 75 แห่ง ราชวงศ์ญี่ปุ่น ตามที่ได้บันทึกไว้ใน รายพระนามจักรพรรดิญี่ปุ่น ทรงครอง ราชบัลลังก์ดอกเบญจมาศ ระหว่าง ค.ศ. 1123 - ค.ศ. 1142พระราชประวัติ พระราชประวัติ. จักรพรรดิซุโตะกุก่อนจะขึ้นสืบ ราชบัลลังก์ดอกเบญจมาศ ทรงมีพระนามเดิมว่า เจ้าชายอะกิฮิโตะ ( , ) ซึ่งพระนามของพระองค์เป็นพระนามเดียวกับ จักรพรรดิอะกิฮิโตะ () จักรพรรดิองค์ที่ 125 และองค์ปัจจุบันของญี่ปุ่นเพียงแต่พระนามของทั้งสองพระองค์สะกดแตกต่างกัน ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ใน จักรพรรดิโทะบะ แต่บางหลักฐานกล่าวว่าทรงเป็นพระราชโอรสใน จักรพรรดิชิระกะวะ พระอัยกา (ปู่) ของจักรพรรดิโทะบะเหตุการณ์ในพระชนม์ชีพของจักรพรรดิซุโตะกุเหตุการณ์ในพระชนม์ชีพของจักรพรรดิซุโตะกุ. - 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1123 (วันที่ 28 เดือน 1 ปี โฮอัง ที่ 4) : ปีที่ 16 ในรัชสมัยจักรพรรดิโทะบะสละราชบัลลังก์ให้กับเจ้าชายอะกิฮิโตะพระราชโอรสพระชนมายุ 3 พรรษาขึ้นสืบราชบัลลังก์ต่อมาเป็น จักรพรรดิซุโตะกุ- 18 มีนาคม ค.ศ. 1123 (วันที่ 19 เดือน 2 ปี โฮอัง ที่ 4) : จักรพรรดิซุโตะกุประกอบ พระราชพิธีราชาภิเษก ณ พระราชวังหลวงเฮอัง- ค.ศ. 1128 (เดือน 6 ปี ไดจิ ที่ 3) : ได้รับแต่งตั้งให้เป็น เซ็สโซและคัมปะกุ- 17 สิงหาคม ค.ศ. 1135 (วันที่ 7 เดือน 7 ปี โฮเอ็ง ที่ 1) : อดีตจักรพรรดิชิระกะวะสวรรคตเมื่อพระชนมายุ 77 พรรษา- ค.ศ. 1141 (เดือน 3 ปี เอจิ ที่ 1) : อดีตจักรพรรดิโทะบะพระผนวชเมื่อพระชนมายุ 39 พรรษา- 5 มกราคม ค.ศ. 1142 (วันที่ 7 เดือน 12 ปี เอจิ ที่ 1) : ปีที่ 18 ในรัชสมัยสละราชบัลลังก์ให้กับพระราชอนุชาต่างพระราชมารดาคือ เจ้าชายนะริฮิโตะ พระราชโอรสองค์ที่ 8 ในอดีตจักรพรรดิโทะบะพระชนมายุเพียง 3 พรรษาขึ้นสืบ ราชบัลลังก์ดอกเบญจมาศ ต่อมาเป็น จักรพรรดิโคะโนะเอะ- 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1142 (วันที่ 28 เดือน 4 ปี เอจิ ที่ 2) : จักรพรรดิโคะโนะเอะประกอบ พระราชพิธีราชาภิเษก ณ พระราชวังหลวงเฮอัง หลังจากความพ่ายแพ้ใน กบฏปีโฮเง็ง เมื่อปี ค.ศ. 1156 อดีตจักรพรรดิซุโตะกุถูกเนรเทศพร้อมพระราชโอรสไปยัง (ปัจจุบันคือ จังหวัดคะงะวะ ) จนสวรรคตเมื่อวันที่ 26 เดือน 8 ปี โชคัง ที่ 2 ตรงกับวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 1164 ขณะพระชนมายุได้ 45 พรรษา
| จักรพรรดิซุโตะกุเป็นจักรพรรดิองค์ที่เท่าใดของราชวงศ์ญี่ปุ่น | {
"answer": [
"75"
],
"answer_begin_position": [
192
],
"answer_end_position": [
194
]
} |
3,973 | 798,644 | จักรพรรดิซุโตะกุ จักรพรรดิซุโตะกุ ( , , 7 กรกฎาคม ค.ศ. 1119 - 14 กันยายน ค.ศ. 1164) จักรพรรดิองค์ที่ 75 แห่ง ราชวงศ์ญี่ปุ่น ตามที่ได้บันทึกไว้ใน รายพระนามจักรพรรดิญี่ปุ่น ทรงครอง ราชบัลลังก์ดอกเบญจมาศ ระหว่าง ค.ศ. 1123 - ค.ศ. 1142พระราชประวัติ พระราชประวัติ. จักรพรรดิซุโตะกุก่อนจะขึ้นสืบ ราชบัลลังก์ดอกเบญจมาศ ทรงมีพระนามเดิมว่า เจ้าชายอะกิฮิโตะ ( , ) ซึ่งพระนามของพระองค์เป็นพระนามเดียวกับ จักรพรรดิอะกิฮิโตะ () จักรพรรดิองค์ที่ 125 และองค์ปัจจุบันของญี่ปุ่นเพียงแต่พระนามของทั้งสองพระองค์สะกดแตกต่างกัน ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ใน จักรพรรดิโทะบะ แต่บางหลักฐานกล่าวว่าทรงเป็นพระราชโอรสใน จักรพรรดิชิระกะวะ พระอัยกา (ปู่) ของจักรพรรดิโทะบะเหตุการณ์ในพระชนม์ชีพของจักรพรรดิซุโตะกุเหตุการณ์ในพระชนม์ชีพของจักรพรรดิซุโตะกุ. - 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1123 (วันที่ 28 เดือน 1 ปี โฮอัง ที่ 4) : ปีที่ 16 ในรัชสมัยจักรพรรดิโทะบะสละราชบัลลังก์ให้กับเจ้าชายอะกิฮิโตะพระราชโอรสพระชนมายุ 3 พรรษาขึ้นสืบราชบัลลังก์ต่อมาเป็น จักรพรรดิซุโตะกุ- 18 มีนาคม ค.ศ. 1123 (วันที่ 19 เดือน 2 ปี โฮอัง ที่ 4) : จักรพรรดิซุโตะกุประกอบ พระราชพิธีราชาภิเษก ณ พระราชวังหลวงเฮอัง- ค.ศ. 1128 (เดือน 6 ปี ไดจิ ที่ 3) : ได้รับแต่งตั้งให้เป็น เซ็สโซและคัมปะกุ- 17 สิงหาคม ค.ศ. 1135 (วันที่ 7 เดือน 7 ปี โฮเอ็ง ที่ 1) : อดีตจักรพรรดิชิระกะวะสวรรคตเมื่อพระชนมายุ 77 พรรษา- ค.ศ. 1141 (เดือน 3 ปี เอจิ ที่ 1) : อดีตจักรพรรดิโทะบะพระผนวชเมื่อพระชนมายุ 39 พรรษา- 5 มกราคม ค.ศ. 1142 (วันที่ 7 เดือน 12 ปี เอจิ ที่ 1) : ปีที่ 18 ในรัชสมัยสละราชบัลลังก์ให้กับพระราชอนุชาต่างพระราชมารดาคือ เจ้าชายนะริฮิโตะ พระราชโอรสองค์ที่ 8 ในอดีตจักรพรรดิโทะบะพระชนมายุเพียง 3 พรรษาขึ้นสืบ ราชบัลลังก์ดอกเบญจมาศ ต่อมาเป็น จักรพรรดิโคะโนะเอะ- 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1142 (วันที่ 28 เดือน 4 ปี เอจิ ที่ 2) : จักรพรรดิโคะโนะเอะประกอบ พระราชพิธีราชาภิเษก ณ พระราชวังหลวงเฮอัง หลังจากความพ่ายแพ้ใน กบฏปีโฮเง็ง เมื่อปี ค.ศ. 1156 อดีตจักรพรรดิซุโตะกุถูกเนรเทศพร้อมพระราชโอรสไปยัง (ปัจจุบันคือ จังหวัดคะงะวะ ) จนสวรรคตเมื่อวันที่ 26 เดือน 8 ปี โชคัง ที่ 2 ตรงกับวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 1164 ขณะพระชนมายุได้ 45 พรรษา
| จักรพรรดิซุโตะกุแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่นทรงมีพระนามเดิมว่าอะไร | {
"answer": [
"เจ้าชายอะกิฮิโตะ"
],
"answer_begin_position": [
421
],
"answer_end_position": [
437
]
} |
3,974 | 122,707 | เขตวัลลูน เขตวัลลูน (; ; ) เรียกอีกอย่างว่า "วาโลเนีย" เป็นเขตการปกครองตามรัฐธรรมนูญของประเทศเบลเยียม ร่วมกับเขตฟลามส์และเขตเมืองหลวงบรัสเซลส์ มีเนื้อที่ 55% ของเนื้อที่ประเทศ แต่มีประชากรเป็นอันดับที่ 3 แม้ว่าประชากรส่วนใหญ่พูดภาษาฝรั่งเศส แต่เขตวัลลูนก็มิได้รวมเข้ากับชุมชนฝรั่งเศสแห่งเบลเยียมเหมือนในกรณีของเขตฟลามส์ซึ่งรวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับชุมชนฟลามส์ นอกจากนี้ในเขตวัลลูนยังมีประชาคมผู้ใช้ภาษาเยอรมัน ซึ่งอยู่ในทิศตะวันออกที่มีสภาแยกดูแลในด้านการศึกษาและวัฒนธรรมโดยเฉพาะ เช่นเดียวกับเขตอื่น ๆ เขตวัลลูนมีสภาและรัฐบาลดูแลกิจการภายในเขต ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ เมืองหลวงของเขตคือนามูร์ มีภาษาราชการคือภาษาฝรั่งเศสและภาษาเยอรมัน ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรม วาโลเนียนั้นเป็นเพียงอันดับสองรองจากสหราชอาณาจักรในด้านอุตสาหกรรมหนัก โดยเฉพาะการถลุงเหล็กและถ่านหิน ซึ่งนำมาซึ่งความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจของเขตภูมิภาควัลลูน ตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 จนถึงช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 วัลลูนถือเป็นครึ่งหนึ่งของเบลเยียมที่ร่ำรวยที่สุด แต่ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ความสำคัญของอุตสาหกรรมหนักลดลงอย่างมาก ทำให้เขตฟลามส์นั้นก้าวหน้าขึ้นกว่าเขตวัลลูนในด้านเศรษฐกิจ ในปัจจุบันเขตวัลลูนนั้นมีปัญหาด้านอัตราผู้ไม่มีงานทำค่อนข้างสูง และยังมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศต่อหัวประชากร (GDP per Capita) ต่ำกว่าเขตฟลามส์อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและภาษาของทั้งสองภูมิภาคหลักของเบลเยียมนั้นได้นำพามาซึ่งปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในระดับประเทศในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เมืองหลวงของวาโลเนียตั้งอยู่ที่นามูร์ แต่เขตเมืองที่ใหญ่ที่สุดนั้นคือลีแยฌ ส่วนเขตเทศบาลเดียวที่มีประชากรมากที่สุดคือ ชาร์เลอรัว เมืองใหญ่ต่างๆในวาโลเนียนั้นตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำซอมบร์ และแม่น้ำเมิส อันประกอบด้วยจำนวนประชากรทั้งหมดกว่าสองในสามของเขต อันเป็นเขตอุตสาหกรรมในอดีตของเบลเยียม ด้านทิศเหนือนั้นเป็นที่ราบลุ่มภาคกลางของเบลเยียม ซึ่งเหมือนกับเขตฟลามส์ อันมีความอุดมสมบูรณ์และเหมาะสมต่อการทำเกษตรกรรม ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้นั้นเป็นเขตอาร์เดนน์ ซึ่งประกอบด้วยภูเขาสลับอย่างหนาแน่น พรมแดนของเขตวัลลูนทางด้านเหนือนั้นติดกับเขตฟลามส์ และประเทศเนเธอร์แลนด์ ด้านใต้และตะวันตกจรดกับประเทศฝรั่งเศส ส่วนทิศตะวันออกนั้นติดกับประเทศเยอรมนี และประเทศลักเซมเบิร์กเขตการปกครอง เขตการปกครอง. เขตวัลลูนนั้นแบ่งการปกครองออกเป็นห้ามณฑล (Province) ได้แก่ วัลลูนบราบันต์, แอโน, ลีแยฌ, ลักเซมเบิร์ก และ นามูร์ ตามหมายเลขหนึ่งถึงห้าที่อยู่ในรูปภาพมุมบนขวา โดยแบ่งย่อยการปกครองลงไปเป็นเขตการปกครองท้องถิ่น () จำนวน 20 เขตปกครอง อันประกอบด้วยเทศบาลทั้งหมดถึง 262 แห่ง เมืองสำคัญในเขตวัลลูนที่มีจำนวนประชากรหนาแน่นได้แก่- ชาร์เลอรัว (204,146 คน) - ลีแยฌ (195,790 คน) - นามูร์ (110,428 คน) - มงส์ (92,529 คน) - ลา ลูวิแยร์ (78,414 คน) - ตูร์เน (69,792 คน) - เซอแรง (63,500 คน) - แวร์วิเย (56,596 คน) - มูครง (55,687 คน) - แอร์สตัล (38,969 คน) - แบรน-ลัลเลอ (38,748 คน) - ชาเตอเล (36,131 คน)
| เขตวัลลูนเป็นเขตการปกครองตามรัฐธรรมนูญของประเทศใด | {
"answer": [
"เบลเยียม"
],
"answer_begin_position": [
177
],
"answer_end_position": [
185
]
} |
3,977 | 345,932 | สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี () เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพของอังกฤษ มีสนามเหย้า คือ คิงเพาเวอร์สเตเดียมในเมืองเลสเตอร์ ปัจจุบันเล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีก โดยเลื่อนชั้นในฐานะทีมที่ชนะเลิศจากฟุตบอลลีกแชมเปียนชิปในฤดูกาล 2013–14 ซึ่งเป็นการกลับมาเล่นในลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบทศวรรษ ในฤดูกาล 2015–16 เลสเตอร์ซิตีสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรประวัติ ประวัติ. สโมสรก่อตั้งในปี ค.ศ. 1884 โดยใช้ชื่อว่า เลสเตอร์ฟอสส์ (Leicester Fosse) โดยเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่เรียนอยู่ในโรงเรียนโบสถ์ที่เคร่งครัด ลงขันกันเพื่อซื้อลูกฟุตบอลราคา 9 เพนนี มาเตะเล่น โดยการแข่งขันนัดแรกของสโมสร ตามที่บันทึกไว้ในหนังสือพิมพ์เดอะมิร์เรอร์ว่า เลสเตอร์ฟอสซี แข่งนัดแรก และเป็นฝ่ายชนะ ซิสตันฟอสส์ (Syston Fosse) ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน โดยเล่นในสนามละแวกถนนฟอสส์ ชื่อ วิกตอเรียพาร์ก (Victoria Park) ที่แตกต่างไปจากสโมสรอื่น ๆ คือ เลสเตอร์ซิตีมีสนามเหย้าของตัวเองก่อนการประกาศก่อตั้งสโมสรอย่างเป็นทางการ เนื่องจากในปถัดมา คือ ค.ศ. 1886 เมื่อมีสมาชิกของสโมสรครบ 40 คน เลสเตอร์ซิตีจึงประกาศเป็นทางการว่าปี ค.ศ. 1886 เป็นปีก่อตั้งอย่างเป็นทางการ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นเลสเตอร์ซิตีในปี ค.ศ. 1919 ต่อมาในปี ค.ศ. 1887 สโมสรมีเหตุจำเป็นที่ต้องย้ายไปสนามเบลเกรจโรดสปอร์ตส์ (Belgrave Road Sports) ก่อนที่ปีนั้นนั่นเอง สนามใหม่แห่งนี้ได้ตกเป็นของสหพันธ์รักบี้ ดังนั้นสโมสรจึงต้องย้ายตัวเองกลับไปวิกตอเรียพาร์กอีกครั้งหนึ่ง ในปี ค.ศ. 1891 สโมสรจึงย้ายสนามมาที่ฟิลเบิร์ตสตรีท และใช้สนามนี้เป็นเวลา 111 ปี ก่อนที่จะมาย้ายสนามซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงกันเป็นวอล์กเกอส์สเตเดียมในปี ค.ศ. 2002 และได้ทำการเปลี่ยนชื่อสนามมาเป็น เดอะคิงพาวเวอร์สเตเดียม ตามชื่อของกลุ่มบริษัทผู้ซื้อกิจการ ในปี ค.ศ. 2010 นอกจากนี้แล้ว เลสเตอร์ซิตียังเป็นเพียงไม่กี่สโมสรที่สัญลักษณ์ของสโมสรมีปรากฏชัดเจนตั้งแต่ก่อตั้ง คือ รูปของสุนัขจิ้งจอก อันเป็นที่มาของชื่อเล่นและฉายา เนื่องจากเมืองเลสเตอร์นั้นเป็นเมืองที่มีการล่าสุนัขจิ้งจอกเป็นประจำจนกลายเป็นขนบธรรมเนียมและประเพณีประจำเมืองคู่แข่ง คู่แข่ง. สโมสรตั้งอยู่ในภาคมิดแลนด์สตะวันออกของอังกฤษ และถือว่าทีมคู่แข่งร่วมภูมิภาค ได้แก่ ดาร์บีเคาน์ตี และนอตติงแฮมฟอเรสต์ แต่ทีมที่ถือว่าเป็นคู่แข่งสำคัญ ดาร์บีเคาน์ตี ทุกครั้งที่พบกันนั้น จะไม่มีสโมสรใดยอมอ่อนข้อให้เป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี ที่มันดุเดือด สนุกถูกใจแฟนบอล [ชิงชัย แข่งกันเป็นเจ้าแห่งมิดแลนด์ตะวันออก] อีกหนึ่งทีม คือโคเวนทรีซิตี ที่ถึงแม้ว่าจะอยู่ในภาคมิดแลนด์สตะวันตก ซึ่งถือว่าอยู่คนละภูมิภาคกันและอยู่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง แต่ก็อยู่ห่างออกไปเพียง 24 ไมล์ หรือประมาณ 38.6 กิโลเมตร และทั้งสองเมืองเชื่อมต่อกันด้วยทางหลวงสาย M69 สื่อจึงมักขนานนามการแข่งขันระหว่างทั้งสองทีมว่า เอ็ม 69 ดาร์บี้แมตช์ผู้เล่นผู้เล่นชุดปัจจุบันทำเนียบผู้จัดการทีมบุคลากรสโมสรสถิติผู้เล่นกัปตันผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีเกียรติประวัติเกียรติประวัติ. - พรีเมียร์ลีก- ดิวิชัน 2และฟุตบอลลีกแชมเปียนชิป- ฟุตบอลลีกวัน- ฟุตบอลลีกคัพ- เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ (เดิมคือ ชาริตีชิลด์)สถิติสถิติ. - นักเตะที่ทำประตูได้ 11 นัดติดต่อกันใน 1 ฤดูกาล : เจมี วาร์ดี ในวันที่ 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015 - แชมป์พรีเมียร์ลีกที่มีมูลค่าทีมน้อยที่สุด - นักเตะที่เล่นให้เลสเตอร์ซิตีแล้วได้แชมป์ลีก 3 ดิวิชัน : แอนดี คิง - ผู้จัดการทีมที่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกเร็วที่สุด : เคลาดีโอ รานิเอรี โดยใช้ระยะเวลา 294 วัน ตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม ค.ศ. 2015 ถึง 2 พฤษภาคม ค.ศ. 2016 - สถิติแพ้น้อยที่สุดในประวัติศาศตร์ของสโมสรในหนึ่งฤดูกาลและสถิติแพ้นอกบ้านน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรต่อการเล่นหนึ่งฤดูกาล
| สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพของประเทศใด | {
"answer": [
"อังกฤษ"
],
"answer_begin_position": [
172
],
"answer_end_position": [
178
]
} |
3,978 | 345,932 | สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี () เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพของอังกฤษ มีสนามเหย้า คือ คิงเพาเวอร์สเตเดียมในเมืองเลสเตอร์ ปัจจุบันเล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีก โดยเลื่อนชั้นในฐานะทีมที่ชนะเลิศจากฟุตบอลลีกแชมเปียนชิปในฤดูกาล 2013–14 ซึ่งเป็นการกลับมาเล่นในลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบทศวรรษ ในฤดูกาล 2015–16 เลสเตอร์ซิตีสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรประวัติ ประวัติ. สโมสรก่อตั้งในปี ค.ศ. 1884 โดยใช้ชื่อว่า เลสเตอร์ฟอสส์ (Leicester Fosse) โดยเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่เรียนอยู่ในโรงเรียนโบสถ์ที่เคร่งครัด ลงขันกันเพื่อซื้อลูกฟุตบอลราคา 9 เพนนี มาเตะเล่น โดยการแข่งขันนัดแรกของสโมสร ตามที่บันทึกไว้ในหนังสือพิมพ์เดอะมิร์เรอร์ว่า เลสเตอร์ฟอสซี แข่งนัดแรก และเป็นฝ่ายชนะ ซิสตันฟอสส์ (Syston Fosse) ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน โดยเล่นในสนามละแวกถนนฟอสส์ ชื่อ วิกตอเรียพาร์ก (Victoria Park) ที่แตกต่างไปจากสโมสรอื่น ๆ คือ เลสเตอร์ซิตีมีสนามเหย้าของตัวเองก่อนการประกาศก่อตั้งสโมสรอย่างเป็นทางการ เนื่องจากในปถัดมา คือ ค.ศ. 1886 เมื่อมีสมาชิกของสโมสรครบ 40 คน เลสเตอร์ซิตีจึงประกาศเป็นทางการว่าปี ค.ศ. 1886 เป็นปีก่อตั้งอย่างเป็นทางการ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นเลสเตอร์ซิตีในปี ค.ศ. 1919 ต่อมาในปี ค.ศ. 1887 สโมสรมีเหตุจำเป็นที่ต้องย้ายไปสนามเบลเกรจโรดสปอร์ตส์ (Belgrave Road Sports) ก่อนที่ปีนั้นนั่นเอง สนามใหม่แห่งนี้ได้ตกเป็นของสหพันธ์รักบี้ ดังนั้นสโมสรจึงต้องย้ายตัวเองกลับไปวิกตอเรียพาร์กอีกครั้งหนึ่ง ในปี ค.ศ. 1891 สโมสรจึงย้ายสนามมาที่ฟิลเบิร์ตสตรีท และใช้สนามนี้เป็นเวลา 111 ปี ก่อนที่จะมาย้ายสนามซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงกันเป็นวอล์กเกอส์สเตเดียมในปี ค.ศ. 2002 และได้ทำการเปลี่ยนชื่อสนามมาเป็น เดอะคิงพาวเวอร์สเตเดียม ตามชื่อของกลุ่มบริษัทผู้ซื้อกิจการ ในปี ค.ศ. 2010 นอกจากนี้แล้ว เลสเตอร์ซิตียังเป็นเพียงไม่กี่สโมสรที่สัญลักษณ์ของสโมสรมีปรากฏชัดเจนตั้งแต่ก่อตั้ง คือ รูปของสุนัขจิ้งจอก อันเป็นที่มาของชื่อเล่นและฉายา เนื่องจากเมืองเลสเตอร์นั้นเป็นเมืองที่มีการล่าสุนัขจิ้งจอกเป็นประจำจนกลายเป็นขนบธรรมเนียมและประเพณีประจำเมืองคู่แข่ง คู่แข่ง. สโมสรตั้งอยู่ในภาคมิดแลนด์สตะวันออกของอังกฤษ และถือว่าทีมคู่แข่งร่วมภูมิภาค ได้แก่ ดาร์บีเคาน์ตี และนอตติงแฮมฟอเรสต์ แต่ทีมที่ถือว่าเป็นคู่แข่งสำคัญ ดาร์บีเคาน์ตี ทุกครั้งที่พบกันนั้น จะไม่มีสโมสรใดยอมอ่อนข้อให้เป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี ที่มันดุเดือด สนุกถูกใจแฟนบอล [ชิงชัย แข่งกันเป็นเจ้าแห่งมิดแลนด์ตะวันออก] อีกหนึ่งทีม คือโคเวนทรีซิตี ที่ถึงแม้ว่าจะอยู่ในภาคมิดแลนด์สตะวันตก ซึ่งถือว่าอยู่คนละภูมิภาคกันและอยู่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง แต่ก็อยู่ห่างออกไปเพียง 24 ไมล์ หรือประมาณ 38.6 กิโลเมตร และทั้งสองเมืองเชื่อมต่อกันด้วยทางหลวงสาย M69 สื่อจึงมักขนานนามการแข่งขันระหว่างทั้งสองทีมว่า เอ็ม 69 ดาร์บี้แมตช์ผู้เล่นผู้เล่นชุดปัจจุบันทำเนียบผู้จัดการทีมบุคลากรสโมสรสถิติผู้เล่นกัปตันผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีเกียรติประวัติเกียรติประวัติ. - พรีเมียร์ลีก- ดิวิชัน 2และฟุตบอลลีกแชมเปียนชิป- ฟุตบอลลีกวัน- ฟุตบอลลีกคัพ- เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ (เดิมคือ ชาริตีชิลด์)สถิติสถิติ. - นักเตะที่ทำประตูได้ 11 นัดติดต่อกันใน 1 ฤดูกาล : เจมี วาร์ดี ในวันที่ 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015 - แชมป์พรีเมียร์ลีกที่มีมูลค่าทีมน้อยที่สุด - นักเตะที่เล่นให้เลสเตอร์ซิตีแล้วได้แชมป์ลีก 3 ดิวิชัน : แอนดี คิง - ผู้จัดการทีมที่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกเร็วที่สุด : เคลาดีโอ รานิเอรี โดยใช้ระยะเวลา 294 วัน ตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม ค.ศ. 2015 ถึง 2 พฤษภาคม ค.ศ. 2016 - สถิติแพ้น้อยที่สุดในประวัติศาศตร์ของสโมสรในหนึ่งฤดูกาลและสถิติแพ้นอกบ้านน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรต่อการเล่นหนึ่งฤดูกาล
| สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตีในอังกฤษ สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรเมื่อฤดูกาลใด | {
"answer": [
"2015–16"
],
"answer_begin_position": [
394
],
"answer_end_position": [
401
]
} |
3,979 | 233,901 | ซางีรัน ซางีรัน () คือแหล่งขุดค้นมนุษย์ชวาที่ได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกของประเทศอินโดนีเซีย ค้นพบครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2479 (ค.ศ. 1936)มรดกโลก มรดกโลก. แหล่งมนุษย์ยุคเริ่มแรกซางีรันได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 20 เมื่อปี พ.ศ. 2539 ที่เมืองเมรีดา ประเทศเม็กซิโก ด้วยข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ดังนี้- (iii) - เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว - (iv) - เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนา ทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
| ซางีรันคือแหล่งขุดค้นมนุษย์ชวาที่ได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกของประเทศใด | {
"answer": [
"อินโดนีเซีย"
],
"answer_begin_position": [
162
],
"answer_end_position": [
173
]
} |
3,980 | 233,901 | ซางีรัน ซางีรัน () คือแหล่งขุดค้นมนุษย์ชวาที่ได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกของประเทศอินโดนีเซีย ค้นพบครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2479 (ค.ศ. 1936)มรดกโลก มรดกโลก. แหล่งมนุษย์ยุคเริ่มแรกซางีรันได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 20 เมื่อปี พ.ศ. 2539 ที่เมืองเมรีดา ประเทศเม็กซิโก ด้วยข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ดังนี้- (iii) - เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว - (iv) - เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนา ทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
| แหล่งขุดค้นมนุษย์ชวาที่ได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกของประเทศอินโดนีเซียชื่อว่า ซางีรัน ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.ใด | {
"answer": [
"2479"
],
"answer_begin_position": [
200
],
"answer_end_position": [
204
]
} |
3,981 | 206,688 | กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นส่วนราชการระดับกรม สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก่อตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 โดยเป็นองค์กรหลักในการบริหารจัดการน้ำบาดาลในประเทศไทยประวัติ ประวัติ. การเจาะบ่อน้ำบาดาลระดับลึกในประเทศไทย เริ่มเมื่อปี พ.ศ. 2450 โดนนายเส็งยัง แซ่อาว เจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด อาวย่งซุนฮวด ได้เจาะบ่อน้ำบาดาลโดยใช้ไม้ไผ่ ต้นแบบของเครื่องเจาะไม้ไผ่มากจากประเทศจีน โดยเจาะบ่อบาดาลบ่อแรกที่โรงพยาบาลเทียบหัวย่านเยาวราช กรุงเทพฯ ใกล้โรงภาพยนตร์นิวโอเดียนในอดีต ความลึกประมาณ 120 เมตร ได้น้ำบาดาลพอที่จะใช้ในการอุปโภคบริโภคได้ ปี พ.ศ. 2452 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จัดให้มีการประปาในกรุงเทพฯ โดยใช้แหล่งน้ำผิวดินในคลองประปาเป็นแหล่งน้ำดิบ ในอดีตแหล่งน้ำผิวดินมีเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค เนื่องจากยังไม่มีประชากรหนาแน่นดังเช่นปัจจุบัน ต่อมาภายหลังเมื่อมีการขยายตัวของชุมชน และขยายเขตบริการของการประปา ทำให้มีการเจาะบ่อบาดาลเพื่อนำน้ำบาดาลเพื่อนำน้ำบาดาลมาใช้เป็นน้ำดิบร่วม กับแหล่งน้ำผิวดิน ต่อมาในปี พ.ศ. 2502 กรมโยธาธิการได้จัดตั้งโครงการเจาะน้ำบาดาล โดยสังกัดกองประปาภูมิภาค กำหนดเป้าหมายเจาะบ่อบาดาลในท้องถิ่นชนบททั่วราชอาณาจักร ปี พ.ศ. 2497 กระทรวงอุตสาหกรรม กับคณะเจ้าหน้าที่องค์การให้ความช่วยเหลือของประเทศสหรัฐอเมริกาคือองค์กร Special Technical Economic Mission หรือเรียกว่า STEM (องค์การความช่วยเหลือของประเทศสหรัฐอเมริกา มีชื่อเปลี่ยนไปต่าง ๆ กันคือ ECA MSA STEM ICA และ USOM) ได้ร่วมกันพิจารณาปัญหาความแห้งแล้งขาดแคลนน้ำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากเป็นภาคที่มีภาวะขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งมากที่สุดและรุนแรงยิ่งกว่า ภาคใดๆ กรมโลหกิจ กรมชลประทาน และกรมอนามัยของไทย จึงได้ร่วมกันจัดตั้ง "โครงการสำรวจน้ำบาดาล" ขึ้น โดยองค์กร STEM ให้ความช่วยเหลือผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการ เครื่องมืออุปกรณ์ การฝึกอบรม และงบประมาณองค์การ คณะรัฐมนตรีจึงได้แต่งตั้ง "คณะกรรมการน้ำบาดาล" เพื่อควบคุมกำกับดูแลการสำรวจน้ำบาดาลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2498 ในปี พ.ศ. 2501 โครงการสำรวจน้ำบาดาลได้รับความช่วยเหลือจาก International Coorporation Administration (ICA) ซึ่งเป็นองค์การให้ความช่วยเหลือต่อเนื่องจากองค์การ STEM โดยการดำเนินงานอยู่ในความควบคุมดูแลของกรมโลหกิจฝ่ายเดียว ปีถัดมาในวันที่ 8 มิถุนายน 2502 คณะรัฐมนตรีได้มีการแต่งตั้ง “คณะกรรมการน้ำบาดาลแห่งประเทศไทย” เพื่อทำหน้าที่สำรวจน้ำบาดาลทั่วประเทศไทยขึ้น โดยคณะกรรมการนี้มีการประชุมเป็นครั้งคราวส่วนใหญ่เป็นการควบคุมและติดตามผลงานโครงการสำรวจ และพัฒนาการน้ำบาดาลของกรมโลหกิจ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2506 ได้มีการจัดตั้งกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติขึ้นใหม่และมีพระราชบัญญัติโอนอำนาจ หน้าที่ของกรมโลหกิจ กระทรวงอุตสาหกรรม มาสังกัดกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ เพื่อความเหมาะสมในการพัฒนาประเทศให้เจริญยิ่งขึ้นและเปลี่ยนชื่อจาก "กรมโลหกิจ" เป็น "กรมทรัพยากรธรณี" ในการนี้กระทรวงพัฒนาการแห่งชาติได้พิจารณาเห็นว่า งานสำรวจและพัฒนาการน้ำบาดาล โดยเฉพาะในภาคตะวันออก เฉียงเหนือ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องดำเนินการ ให้ได้ผลเร็วที่สุด คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2506 ให้แต่งตั้ง "คณะกรรมการน้ำบาดาล" ขึ้นใหม่ คณะกรรมการชุดนี้ปฏิบัติงานเรื่อยมาจนสิ้นสุดอายุของรัฐบาลชุดก่อนการเลือก ตั้ง ปี พ.ศ. 2512 จึงหมดอายุ และไม่ได้มีการแต่งตั้งขึ้นใหม่จนถึงปัจจุบัน ปี พ.ศ. 2507 กรมทรัพยากรธรณีได้มีการจัดตั้งกองขึ้นใหม่ 4 กอง โดย "แผนกน้ำบาดาล กองธรณีวิทยา" ได้ยกฐานะขึ้นเป็น "กองน้ำบาดาล" สังกัดกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ จนถึงวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2515 ได้มีการยุบกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ กองน้ำบาดาล กรมทรัพยากรธรณี จึงได้ย้ายกลับมาสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมตามเดิม ในปี พ.ศ. 2545 รัฐบาลมีนโยบายปฏิรูประบบราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม เพื่อให้ระบบราชการเป็นกลไกและเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ เสริมสร้างสมรรถนะของประเทศในการแข่งขันระดับโลกสร้างความโปร่งใสในการ ปฏิบัติราชการและสร้างวัฒนธรรมใหม่ในวงการ จึงได้ยกฐานะกองน้ำบาดาล กรมทรัพยากรธรณี ขึ้นเป็นกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และมีพระราชบัญญัติโอนอำนาจหน้าที่ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลไปสังกัดกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่จัดตั้งขึ้นใหม่เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2545อำนาจและหน้าที่อำนาจและหน้าที่. 1. เป็นองค์กรหลักในการบริหารจัดการน้ำบาดาล 2. เสนอแนะในการจัดทำนโยบายแผนและมาตรการที่เกี่ยวข้อง กับทรัพยากรน้ำบาดาล 3. สำรวจ บริหารจัดการ พัฒนา อนุรักษ์ ฟื้นฟู รวมทั้งควบคุม ดูแล กำกับ ประสาน ติดตามประเมินผลและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับทรัพยากรน้ำบาดาล 4. พัฒนาวิชาการ กำหนดมาตรฐานและถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านทรัพยากรน้ำบาดาลหน่วยงานในสังกัดหน่วยงานในสังกัด. - สำนักบริหารกลาง - กองแผนงาน - กองวิเคราะห์น้ำบาดาล - กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร - กลุ่มตรวจสอบภายใน - กลุ่มนิติการ - ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศทรัพยากรน้ำบาดาล - สำนักพัฒนาน้ำบาดาล - สำนักควบคุมกิจการน้ำบาดาล - สำนักสำรวจและประเมินศักยภาพน้ำบาดาล - สำนักอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรน้ำบาดาล - สำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 1-12
| กรมทรัพยากรน้ำบาดาลในประเทศไทยสังกัดกระทรวงใด | {
"answer": [
"ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม"
],
"answer_begin_position": [
170
],
"answer_end_position": [
200
]
} |
3,982 | 862,126 | ทอเลมีที่ 15 ซีซาเรียน ทอเลมีที่ 15 หรือ ทอเลมีที่ 15 ซีซาเรียน ( 23 มิถุนายน, 47 ปีก่อนคริสตกาล - 23 สิงหาคม, 30 ปีก่อนคริสตกาล ) เป็นที่รู้จักกันดีโดยชื่อเล่น Caesarion (/ sᵻzɛəriən /; อังกฤษ: ซีซาร์ ละติน: Caesariō) และทอเลมีซีซาร์ (/ tɒlᵻmisiːzər /; กรีก: ΠτολεμαῖοςΚαῖσαρ, Ptolemaios Kaisar ละติน: Ptolemaeus ซีซาร์) เป็นฟาโรห์พระองค์สุดท้ายของอียิปต์พระองค์เป็นสมาชิกองค์สุดท้ายของราชวงศ์ทอเลมีของอียิปต์ผู้ครองราชย์กับพระราชมารดาของพระองค์ คลีโอพัตราที่ 7 ของอียิปต์ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 44 ปีก่อนคริสตกาลพระองค์ดำรงตำแหน่งผู้ปกครอง แต่เพียงผู้เดียวระหว่างการสวรรคตของพระนางคลีโอพัตราเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 30 ก่อนคริสตศักราชจนถึงวันที่ 23 สิงหาคม 30 ปีก่อนคริสตกาล
| ฟาโรห์พระองค์สุดท้ายของอียิปต์มีพระนามว่าอะไร | {
"answer": [
"ทอเลมีที่ 15"
],
"answer_begin_position": [
120
],
"answer_end_position": [
132
]
} |
3,985 | 25,625 | พนมเปญ พนมเปญ หรือ ภนุมปึญ ( พนมเพ็ญ ออกเสียง: ; ) อีกชื่อหนึ่งคือ ราชธานีพนมเปญ เป็นเมืองหลวงของประเทศกัมพูชา และยังเป็นเมืองหลวงของนครหลวงพนมเปญด้วย ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่า ไข่มุกแห่งเอเชีย (เมื่อคริสต์ทศวรรษ 1920 พร้อมกับเมืองเสียมราฐ) นับเป็นเมืองที่เป็นเป้าการท่องเที่ยวทั้งจากผู้คนในประเทศและจากต่างประเทศ พนมเปญยังมีชื่อเสียงในฐานะที่มีสถาปัตยกรรมแบบเขมรดั้งเดิมและแบบได้รับอิทธิพลฝรั่งเศส กรุงพนมเปญเป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยจังหวัดกันดาล และเป็นเมืองศูนย์กลางการค้า การเมือง และวัฒนธรรมของกัมพูชา มีประชากรถึง 2 ล้านคน จากประชากรทั้งประเทศ 15.2 ล้านคนประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์. พนมเปญไม่ได้มีจุดเริ่มต้นจากการเป็นถิ่นฐานที่ตั้งหลัก จนกระทั่งเข้าสู่ยุคเมืองพระนคร หลังจากนครวัดและเมืองอื่นๆใกล้เคียงเริ่มมีชื่อเสียงโดดเด่นประจักษ์สู่สายตาประชาคมโลก ช่วงกลางศตวรรษที่ 15 เจ้าพระยาญาติย้ายราชธานีจากเมืองพระนครหนีสยามมาตั้งอยู่ที่นครวัดและสร้างพระราชวัง ณ พื้นที่ที่เป็นกรุงพนมเปญในปัจจุบัน ต่อมาภายหลังมีการสร้างเจดีย์ขึ้นซึ่งในขณะนั้นเมืองยังไม่ได้เป็นเมืองหลวงอย่างเป็นทางการ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1866 ภายใต้การปกครองของพระบาทสมเด็จพระนโรดม พรหมบริรักษ์ จึงได้แต่งตั้งกรุงพนมเปญเป็นเมืองหลวงของประเทศ อย่างไรก็ตามสามปีก่อนตั้งกรุงพนมเปญเป็นราชธานี กัมพูชาลงนามในสนธิสัญญายอมเป็นรัฐในอารักขาของฝรั่งเศส ซึ่งต่อมาถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิอาณานิคมฝรั่งเศสแถบอินโดจีนที่รวมถึงเวียดนามและลาว ภายใต้อำนาจการปกครองแบบเต็มรูปแบบของปารีส ทำให้พนมเปญมีศักยภาพและเติบโตแบบก้าวกระโดด จากเมืองที่มีขนาดเล็กกว่าหมู่บ้าน ก้าวไปสู่การพัฒนาเป็นเมืองท่าริมน้ำที่ทันสมัยของฝรั่งเศส แม้จะมีความวุ่นวายในส่วนอื่นๆ ของประเทศทั้งก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่สอง แต่พนมเปญยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสจนกระทั่งปี ค.ศ. 1953 ภายใต้การนำของสมเด็จนโรดมสีหนุและคลื่นมวลชนชาวเขมรที่ออกมาเรียกร้องเอกราช จนได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสอย่างสมบูรณ์ ซึ่งช่วงต้นของปี ค.ศ. 1970 พนมเปญค่อนข้างมีความสงบท่ามกลางทะเลสงครามในประเทศกัมพูชา ในปี ค.ศ. 1975 กองกำลังเขมรแดงภายใต้การนำของพอลพตบุกโจมตีพนมเปญ หลังจากเข้ายึดครองไม่กี่วันจึงเริ่มกวาดล้างประชากรกว่าสองล้านคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่โดยเนรเทศออกไปสู่ชนบท ภายใน 4 ปีพนมเปญแทบร้างผู้คน ยกเว้นเขตพื้นที่กักกัน เช่น S-21 และพื้นที่บางส่วนที่ชาวเขมรแดงอาศัยอยู่ เมื่อเขมรแดงถูกขับไล่ออกไปจากกรุงพนมเปญในปี ค.ศ. 1979 ผู้คนจึงค่อยๆ ทยอยกลับเข้ามาอาศัยในเมืองอีกครั้ง แต่เนื่องจากสภาพบ้านเมืองที่ถูกทำลายและทรุดโทรมอย่างมาก รวมถึงจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นน้อย องค์การระหว่างประเทศจึงเริ่มเข้ามามีบทบาทและให้ความช่วยเหลือในการฟื้นฟูบ้านเมือง หลังจากการลงนามในความตกลงทางการเมืองสมบูรณ์แบบในความขัดแย้งกัมพูชา หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า ความตกลงสันติภาพกรุงปารีส (Paris Peace Agreement) ในปี ค.ศ. 1991 ซึ่งคืนเสถียรภาพเต็มที่แก่ประชาชนชาวกัมพูชา ในปี ค.ศ. 1999 กัมพูชาเข้าร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งสนับสนุนและดึงดูดให้ชาวต่างชาติเข้ามาร่วมลงทุนในกัมพูชามากขึ้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นในทางที่ดีสำหรับประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของประเทศภูมิศาสตร์ ภูมิศาสตร์. พนมเปญ ตั้งอยู่ในพื้นที่ตอนกลางค่อนใต้ของกัมพูชา และล้อมรอบด้วยเขตกันดาล ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงและโตนเลสาบ พิกัดภูมิศาสตร์ (11°33' เหนือ, 104°55' ตะวันออก,) ครอบคลุมพื้นที่ เป็นตัวเมือง และถนนภูมิอากาศเขตการปกครอง เขตการปกครอง. เทศบาลพนมเปญ มีพื้นที่ มีสถานะเป็นจังหวัด มีทั้งหมด 9 เขต 76 แขวง และ 637 หมู่บ้านประชากร ประชากร. ใน ค.ศ. 2008 พนมเปญมีประชากร 2,009,264 คน มีครัวเรือน 5,358 หลัง อัตราการเติบโต 3.92% ชนชาติอื่นๆ ในพนมเปญ ได้แก่ ชนชาติจีน เวียดนาม ฯลฯ และชนกลุ่มน้อย เช่น ไทยสยาม บูดง มนง กุย ชง และ จาม ศาสนาประจำชาติคือ ศาสนาพุทธ นิกายเถรวาท คิดเป็น 90% ของชาวพนมเปญทั้งหมด ภาษาทางการคือ ภาษาเขมร ส่วนภาษาอื่นที่ใช้กันทั่วไปคือ ภาษาอังกฤษ และ ภาษาฝรั่งเศส พนมเปญ เป็นเมืองที่มีดัชนีการพัฒนามนุษย์มากที่สุดในประเทศ มีค่าอยู่ที่ 0.936 อยู่ในระดับสูงเศรษฐกิจ เศรษฐกิจ. พนมเปญเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของกัมพูชา มีอัตราการเติบโตมากขึ้นในแต่ละปี เป็นศูนย์รวมของโรงแรม ภัตตาคาร บาร์ และสิ่งก่อสร้างมากมาย การเติบโตทางเศรษฐกิจ เริ่มตั้งแต่ทศวรรษที่ 1990 ได้มีการเปิดศูนย์การค้าแบบตะวันตกชื่อว่า ศูนย์การค้าโสรยา และ ศูนย์การค้าสุวรรณา รวมทั้งกิจการภัตตาคารและแฟรนไชส์ตะวันตกอื่น ๆ ได้แก่- แดรี่ควีน เบอร์เกอร์คิง เปิดบริการใน ท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ - เคเอฟซี เปิดบริการเป็นสาขาแรกในย่านถนนพระมุนีวงศ์ - พิซซ่าฮัท - สเวนเซ่นส์ เปิดบริการใน ศูนย์การค้าโสรยา และห้างสรรพสินค้าอิออน มอลล์ - พ.ศ. 2557 เปิดห้างสรรพสินค้า อิออน มอลล์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าข้ามชาติแห่งแรกในกัมพูชา ตึกที่สูงที่สุดในพนมเปญ คือ ตึกวัฒนะ (Vattanac Capital Phnom Penh) สูง สร้างถึงยอดเมื่อ พฤษภาคม ค.ศ. 2012 สามารถมองเห็นตัวเมืองได้ทั่ว สายการบิน กัมพูชานครแอร์ มีที่ทำการใน พนมเปญการศึกษาการศึกษา. - มหาวิทยาลัยภูมินทร์พนมเปญ (RUPP) เป็นสถาบันการศึกษาที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดของประเทศกัมพูชา ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1960 เป็นสถาบันที่เปิดสอนทางด้านวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และภาษาต่างประเทศ - มหาวิทยาลัยภูมินทร์นิติศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ (RULE) - มหาวิทยาลัยภูมินทร์วิจิตรศิลปะ (RUFA) - มหาวิทยาลัยภูมินทร์กสิกรรม (RUA) - มหาวิทยาลัยการจัดการแห่งชาติ (NUM) - สถาบันเทคโนโลยีแห่งกัมพูชา (ITC) - สถาบันพุทธศาสนาบัณฑิตย์ ก่อตั้งเมื่อ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 1930สถานที่สำคัญหนังสือพิมพ์รายวันเขมรหนังสือพิมพ์. รายวัน. เขมร. - Sralagn' Khmer - จักรวาลเดลี่ - กัมพูชาเดลี่ - แคมโบเดียทูเดย์ - Kanychok Sangkhum - ไอส์แลนด์ออฟพีซ - เขมรคอมเชนส์ - ไลท์ออฟกัมพูชา - วอยซ์ออฟเขมรเยาท์ - เขมรไอเดียล - วัดพนมเดลี่อังกฤษอังกฤษ. - พนมเปญโพสต์ - เดอะแคมโบเดียเดลี่จีนจีน. - 《柬華日報》(Jianhua Daily) - 《星洲日報》(Sinchew Daily) - 《華商日報》(Huashang Daily) - 《新柬埔寨》(นิวแคมโบเดีย)นิตรสารนิตรสาร. - เอเชียไลฟ์ไกด์ พนมเปญ - พ็อกเกตไกด์แคมโบเดีย - เลดี้ แม็กกาซีน - แอฟ แม็กกาซีน - ซอฟริน แม็กกาซีนกีฬา กีฬา. สนามกีฬาที่สำคัญในพนมเปญ ได้แก่ สนามกีฬาโอลิมปิกพนมเปญ จุคนได้ 50,000 คน อย่างไรก็ตาม สนามนี้ไม่เคยถูกใช้ในกีฬาโอลิมปิกเลย สนามนี้สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1964 เป็นสนามเหย้าของฟุตบอลทีมชาติกัมพูชาการคมนาคม การคมนาคม. การเดินทางในพนมเปญใช้รถตุ๊กตุ๊กและรถจักรยานยนต์ เมื่อ 9 สิงหาคม ค.ศ. 2007 เริ่มมี บริษัท มายลิง โอเพ่นทัวร์ (Mai Linh Open Tou) จากเวียดนามมาบริการแท๊กซี่มิเตอร์หลังคาสีเขียว จะคิดค่าบริการเริ่มต้นที่ 1.50 ดอลลาร์ ท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในกัมพูชา ห่างจากตัวเมืองพนมเปญทางหลวงแผ่นดินเมืองพี่น้อง เมืองพี่น้อง. พนมเปญมีเมืองพี่น้องดังต่อไปนี้- เซี่ยงไฮ้, จีน - เทียนสิน, จีน - คุนหมิง, จีน - ฉางชา, จีน - ลองบีช, รัฐแคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา - บริสตอล, สหราชอาณาจักร - ไกสอน พมวิหาน, ลาว - เวียงจันทน์, ลาว - มัณฑะเลย์, พม่า - อิโลอิโล, ฟิลิปปินส์ - ปูซาน, เกาหลีใต้ - อินชอน, เกาหลีใต้ - กรุงเทพมหานคร, ไทย - โลเวลล์, รัฐแมสซาชูเซตส์, สหรัฐอเมริกา - พรอวิเดนซ์, รัฐโรดไอแลนด์, สหรัฐอเมริกา - คลีฟแลนด์, รัฐเทนเนสซี, สหรัฐอเมริกา - นครโฮจิมินห์, เวียดนาม - ฮานอย, เวียดนาม - เกิ่นเทอ, เวียดนาม - เลิมด่ง, เวียดนาม
| เมืองหลวงของประเทศกัมพูชามีชื่อว่าอะไร | {
"answer": [
"พนมเปญ"
],
"answer_begin_position": [
86
],
"answer_end_position": [
92
]
} |
3,986 | 49,259 | ศ ศ (ศาลา) เป็นพยัญชนะ ตัวที่ 38 ในบรรดาพยัญชนะ 44 ตัวของอักษรไทย ในลำดับถัดจาก ว (แหวน) และก่อนหน้า ษ (ฤๅษี) ออกเสียงอย่าง ส (เสือ) จัดอยู่ในกลุ่มอักษรสูง ในระบบไตรยางศ์ มีชื่อเรียกกำกับว่า "ศ ศาลา" (บางคนก็เรียกว่า ศ คอ เนื่องจากมีรูปร่างคล้าย ค) อักษร ศ เป็นได้ทั้งพยัญชนะต้น ให้เสียง /s/ และพยัญชนะส.ะกด ให้เสียง /t̚/
| ศ ศาลา เป็นพยัญชนะตัวที่เท่าใดของอักษรไทย | {
"answer": [
"38"
],
"answer_begin_position": [
104
],
"answer_end_position": [
106
]
} |
3,987 | 56,305 | สพรั่ง กัลยาณมิตร พลเอก สพรั่ง กัลยาณมิตร (8 กรกฎาคม พ.ศ. 2491 — ) อดีตแม่ทัพภาคที่ 3 เป็น 1 ในคณะก่อการรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549 ภายหลังได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ และเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และได้รับการพิจารณาให้เป็นประธานบอร์ดการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)ประวัติ ประวัติ. พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร เกิดเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2491 ที่จังหวัดลำปาง เป็นบุตรคนที่ 7 ในจำนวน 8 คนของ พันโทศรี(เป็นบุตรของ พระยาสุจริตรักษา(เชื้อ)โดยมีทวด คือ หลวงเดชนายเวร(ทองอยู่)) และนางเพ็ญแก้ว กัลยาณมิตร มีชื่อเล่นว่า "เปย" เป็นนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 7, โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 18, วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่น 43 และปริญญาโทจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ พล.อ.สพรั่ง สมรสกับ วิภาดา กัลยาณมิตร มีบุตรชาย 3 คน คือ นักเรียนนายร้อยเอกวีร์ กัลยาณมิตร (ศึกษาต่ออยู่ที่ประเทศเยอรมนี), นักเรียนนายเรืออากาศอัครวัต กัลยาณมิตร (ศึกษาต่ออยู่ที่ประเทศเยอรมนี) และนักเรียนนายเรืออากาศเอกวริษฐ์ กัลยาณมิตร (ศึกษาต่ออยู่ที่โรงเรียนนายเรืออากาศสเปน)การรับราชการทหาร การรับราชการทหาร. พล.อ.สพรั่ง เริ่มรับราชการเมื่อ พ.ศ. 2512 เป็นผู้บังคับหมวดปืนเล็ก ร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 3 กรมผสมที่ 4 เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 4, ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 19, ผู้บังคับการกรม นักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร, ผู้บังคับการกรมนักเรียนนายร้อยรักษาพระองค์ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า พล.อ.สพรั่ง ดำรงตำแหน่งผู้บัญชากองพลกองพลทหารราบที่ 15 เมื่อ พ.ศ. 2540, ตำแหน่งแม่ทัพน้อยที่ 3 เมื่อ พ.ศ. 2546 ,ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 3 เมื่อ พ.ศ. 2548 ก่อนจะเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ภายหลังการรัฐประหาร เมื่อ พ.ศ. 2549 และเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม เมื่อ พ.ศ. 2550 หลังจากนั้นได้แต่งตั้งให้ พลโท สัญชัย กัลยาณมิตร ซึ่งเป็นน้องชาย ขึ้นเป็นแม่ทัพน้อยที่ 2บทบาทหลังการรัฐประหาร บทบาทหลังการรัฐประหาร. หลังการรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549 พล.อ.สพรั่งภายหลังได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ และเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และได้รับการพิจารณาให้เป็นประธานบอร์ดการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) โดยยังเป็นที่ถกเถียงในเรื่องของความเหมาะสมในการนำทหารที่ไม่มีประสบการณ์ มาบริหารงานรัฐวิสาหกิจ การปลดนายวุฒิพงษ์ เพรียบจริยวัฒน์ เนื่องจากคัดค้านการอนุมัติงบ 800 ล้านบาทของบริษัท ทีโอที ให้กองทัพ และการอนุมัติงบประมาณเกินความจำเป็นให้ตนเองพวกพ้อง ทำให้เป็นที่วิพากวิจารณ์กันอย่างมากถึงความเหมาะสม- กรณีงบลับ 800 ล้านบาท และปลดปลดนายวุฒิพงษ์ เพรียบจริยวัฒน์ ออกจากรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ และกรรมการบริษัท ทีโอที ซึ่งคัดค้านกรณีสนับสนุนงบประมาณ 800 ล้านบาทให้กองทัพ โดยเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน บอร์ดทีโอทีได้ให้ความเห็นชอบโครงการขอรับการสนับสนุนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับความมั่นคงมูลค่า 800 ล้านบาท เนื่องจากเกี่ยวข้องกับความมั่นคงประเทศ ด้านนายวุฒิพงษ์ อดีตรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า "หากบอร์ดทีโอทีไม่ให้ทำงานก็พร้อม และไม่รู้สึกหนักใจอะไร เพราะได้ทำงานอย่างเต็มที่ เมื่อสู้กับอำนาจไม่ได้ ก็ต้องเป็นอย่างนี้" ทั้งนี้ หลังบอร์ดทีโอทีมีมติปลด ได้มีหนังสือชี้แจง ลงชื่อนายวุฒิพงษ์ ต่อเรื่อง ดังกล่าวว่า 1.หากโครงการนี้มีความจำเป็น ทางด้านความมั่นคงในระดับคอขาดบาดตายจริง ทำไมจึงต้องมาใช้เงินของทีโอที ซึ่งงบสำคัญขนาดนี้น่าจะปรากฏงบของกองทัพหรือกลาโหม ซึ่งมีทั้งงบปกติและงบลับจำนวนมหาศาลอยู่แล้ว 2.โครงการนี้มิได้ใช้แค่อุปกรณ์ แต่ต้องมีการเตรียมบุคลากรจำนวนมากเพื่อปฏิบัติการ ถ้าไม่มีการเตรียมเจ้าหน้าที่อย่างพร้อมมูล อุปกรณ์ก็กลายเป็นเศษเหล็กไม่เกิดประโยชน์อะไร แต่หากได้มีการตระเตรียมบุคลากรมาอย่างพร้อมพรั่งสมบูรณ์ดีแล้ว มูลค่าอุปกรณ์ก็น่าจะถูกรวมไว้ในงบประมาณด้านความมั่นคงเรียบร้อยแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องพึ่งเงินบริจาคของทีโอที 3.ถ้ามีความสำคัญอย่างที่กล่าวอ้างจริง ทำไมถึงไม่มีจดหมายจากหน่วยงานหลัก เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ อาทิ คณะมนตรีความมั่นคง หรือ คมช. กองทัพบก สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ หรือ กอ.รมน. หรือกระทรวงกลาโหม แต่กลับออกมาจากหน่วยงานภายในของกองทัพ/กลาโหม ซึ่งไม่มีฐานะเป็นนิติบุคคล นอกจากนั้น ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องวิธีการเบิกจ่ายผู้รับเงิน วิธี จัดซื้อจัดจ้าง ตลอดจนถึงรูปแบบของความช่วยเหลือ ว่าจะเป็นเงินสดหรืออุปกรณ์ 4.ทีโอทีไม่ได้มีสถานะทางการเงินที่เข้มแข็งแต่ประการใด งบประมาณจำนวน 800 ล้านบาท จะเป็นตัวเลขที่ถ่วงผลประกอบการของบริษัท 5.ถ้าเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าวรั่วไหลสู่สาธารณะ ซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก จะส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นของพนักงาน และประชาชน ที่มีต่อกรรมการบริษัท ในการกวาดล้างคอร์รัปชันและสร้างความโปร่งใสให้กับ ทีโอที โดยเฉพาะต่อ พล.อ.สพรั่งซึ่งเป็นบุคคลที่มีตำแหน่งสำคัญในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช.- กรณีเงิกงบประมาณไปดูงานต่างประเทศของบอร์ดทอท.ไปดูงานอังกฤษ เยอรมนี ตั้งงบพิเศษ 12 ล้าน ให้วอร์รูม คมช. ที่มีคนในตระกูล “กัลยาณมิตร” เป็นผู้ใช้เงิน "ตัวเลขไม่ใช่เรื่องสำคัญ สำคัญที่เจตนา ลงทุนบาทเดียว ไม่คุ้ม ก็น่าตำหนิ การเดินทางไปครั้งนี้ไม่ต้องชี้แจงประธาน คมช. เพราะท่านอนุมัติให้เดินทางไปตั้งแต่ต้นแล้ว และการที่พูดอยู่นี้ก็ชี้แจงต่อสาธารณชนอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือเพราะไม่ใช่จำเลย เราวีรบุรุษ" พล.อ.สพรั่ง เมื่อถูกถามว่า เงินจำนวน 7 ล้าน ที่ไปทำงาน ถือว่าคุ้มไหมเกี่ยวกับตระกูลกัลยาณมิตร เกี่ยวกับตระกูลกัลยาณมิตร. ต้นตระกูลกัลยาณมิตร คือ เจ้าพระยานิกรบดินทร์ (เจ้าสัวโต) เป็นบุตรของ หลวงพิไชยวารี (มั่ง แซ่อึ้ง) ซึ่งเป็นชาวจีนฮกเกี้ยน ที่จั๋นกัวยิม เมืองเอ้หมึง ประเทศจีน ขณะนั้น มั่ง แซ่อึ้ง ได้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระเจ้ากรุงธนบุรี ในฐานะพ่อค้าเรือสำเภา ค้าขายรุ่งเรือง ได้เป็นคุณหลวงในรัชกาลที่ 1 มีบุตร 2 คน คือ เจ้าสัวโต และเจ้าสัวต่วน เจ้าพระยานิกรบดินทร์ เป็นขุนนางในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงไว้วางพระราชหฤทัยเป็นอันมาก เพราะแต่เดิมเมื่อพระองค์ยังไม่ขึ้นครองราชสมบัตินั้น เจ้าสัวโตถือเป็นขุนนางผู้ใกล้ชิด และทำราชการอยู่ในกรมท่า ดูแลการค้าขายเรือสำเภาเป็นที่รุ่งเรือง เป็นที่พอพระทัยเป็นอย่างมาก และเจ้าพระยานิกรบดินทร์ ตำแหน่งสุดท้ายเป็นถึงสมุหนายก (ดูแลหัวเมืองฝ่ายเหนือ) อีกทั้งยังถือเป็นเสนาบดีผู้ใหญ่คนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการอัญเชิญรัชกาลที่ 4 ขณะที่ยังผนวชอยู่ขึ้นเถลิงราชสมบัติอีกด้วย ขณะที่ หลวงเดชนายเวร (ทองอยู่) ทวดของ พล.อ.สพรั่ง มีบทบาทสำคัญในการเจริญราชไมตรีกับประเทศอังกฤษช่วงรัชกาลที่ 4 (ช่วงปี 2400 ) โดยเป็นผู้กำกับเครื่องราชมงคลบรรณาการไปยังประเทศอังกฤษ กับคณะราชทูตสยามชุดนั้นด้วย ซึ่งรัชกาลที่ 4 มีพระราชหัตถเลขา เกี่ยวกับอาการป่วยของเจ้าพระยานิกรบดินทร์ พระราชทานแก่นายพิจารณ์สรรพกิจ (ยศขณะนั้น) รวม 10 กว่าฉบับ ส่วนที่มาของนามสกุล 'กัลยาณมิตร' เกิดจากเมื่อครั้งเจ้าสัวโต เป็นพระยาราชสุภาวดี มีศรัทธาสร้างวัดถวายรัชกาลที่ 3 และด้วยความจงรักภักดี เช่น 'มิตรแท้' ทำให้รัชกาลที่ 3 ได้พระราชทานวัดนามว่า 'วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร' (ตั้งอยู่ปากคลองบางกอกใหญ่) อีกทั้งรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์เจ้าสัวโต เป็น 'เจ้าพระยานิกรบดินทร์มหินธรมหากัลยาณมิตร' และรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เจ้าสัวรอด เป็น 'เจ้าพระยารัตนบดินทร์มหินธรมหากัลยาณมิตร' จึงทำให้รัชกาลที่ 6 มีพระราชดำรัสกับเจ้าพระยาสุรสีห์วิสิษฐศักดิ์ (เชย) ว่า "พวกเจ้าพระยาสุรสีห์เป็นวงษ์กัลยาณมิตร ทั้งในสร้อยนามเจ้าพระยานิกรบดินทร์ เจ้าพระยารัตนบดินทร์ และของเจ้าพระยาสุรสีห์เองก็มีกัลยาณมิตรเป็นที่ปรากฏอยู่แล้ว" จึงได้พระราชทานนามสกุลด้วยลายพระหัตถ์เป็นหลักฐานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - พ.ศ. 2546 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)
| พลเอกสพรั่ง กัลยาณมิตร เป็นหนึ่งในคณะก่อการรัฐประหารในประเทศไทย เมื่อปีพ.ศ.ใด | {
"answer": [
"2549"
],
"answer_begin_position": [
220
],
"answer_end_position": [
224
]
} |
3,988 | 717,693 | ละครสัตว์รัตติกาล ละครสัตว์รัตติกาล คือจินตนิยายกึ่งสมจริง (magical realism) ประพันธ์โดยเอริน มอร์เก็นสเติร์น นักเขียนชาวอเมริกัน ตีพิมพ์ครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2011 มีเนื้อหาเกี่ยวกับคณะละครสัตว์ลึกลับที่ปรากฏขึ้นโดยไม่มีผู้ใดรู้ล่วงหน้า และเปิดให้เข้าเฉพาะยามวิกาลโดยขึ้นป้ายว่า "เปิดเมื่อย่ำค่ำ ปิดเมื่อย่ำรุ่ง" คณะละครสัตว์คณะนี้มีชื่อว่า "เลอ เซิร์ก เดส์ เรฟส์" และมีนาฬิกาเรือนใหญอันวิจิตรที่สร้างความประทับใจและความพิศวงแก่ผู้ที่ได้เห็น ตลอดจนมีนักเนรมิตภาพลวง ผู้วิเศษ หมดู นักกายกรรม นักมายากล นักดัดตน ปรากฏในเรื่อง ผู้เขียนใช้วิธีการดำเนินเรื่องที่ไม่เรียงตามลำดับเวลา แต่ตัดฉากไปมาในลักษณะที่ไม่เป็นเส้นตรง (non-linear) พร้อมทั้งพรรณาภาพฉากในคณะละครสัตว์อย่างวิจิตร ฉบับภาษาไทยตีพิมพ์เมื่อปี 2014 แปลโดยเลอไถง เลขะ
| ใครคือผู้ประพันธ์จินตนิยายกึ่งสมจริงของประเทศสหรัฐอเมริกาเรื่องละครสัตว์รัตติกาล | {
"answer": [
"เอริน มอร์เก็นสเติร์น"
],
"answer_begin_position": [
180
],
"answer_end_position": [
201
]
} |
3,989 | 717,693 | ละครสัตว์รัตติกาล ละครสัตว์รัตติกาล คือจินตนิยายกึ่งสมจริง (magical realism) ประพันธ์โดยเอริน มอร์เก็นสเติร์น นักเขียนชาวอเมริกัน ตีพิมพ์ครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2011 มีเนื้อหาเกี่ยวกับคณะละครสัตว์ลึกลับที่ปรากฏขึ้นโดยไม่มีผู้ใดรู้ล่วงหน้า และเปิดให้เข้าเฉพาะยามวิกาลโดยขึ้นป้ายว่า "เปิดเมื่อย่ำค่ำ ปิดเมื่อย่ำรุ่ง" คณะละครสัตว์คณะนี้มีชื่อว่า "เลอ เซิร์ก เดส์ เรฟส์" และมีนาฬิกาเรือนใหญอันวิจิตรที่สร้างความประทับใจและความพิศวงแก่ผู้ที่ได้เห็น ตลอดจนมีนักเนรมิตภาพลวง ผู้วิเศษ หมดู นักกายกรรม นักมายากล นักดัดตน ปรากฏในเรื่อง ผู้เขียนใช้วิธีการดำเนินเรื่องที่ไม่เรียงตามลำดับเวลา แต่ตัดฉากไปมาในลักษณะที่ไม่เป็นเส้นตรง (non-linear) พร้อมทั้งพรรณาภาพฉากในคณะละครสัตว์อย่างวิจิตร ฉบับภาษาไทยตีพิมพ์เมื่อปี 2014 แปลโดยเลอไถง เลขะ
| จินตนิยายกึ่งสมจริงเรื่อง ละครสัตว์รัตติกาล ตีพิมพ์ครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา เมื่อปี ค.ศ. ใด | {
"answer": [
"2011"
],
"answer_begin_position": [
260
],
"answer_end_position": [
264
]
} |
3,990 | 227,466 | ภูเขาชิงเฉิงและระบบชลประทานตูเจียงยั่น ภูเขาชิงเฉิงและระบบชลประทานตูเจียงยั่น () คือแหล่งมรดกโลกที่ตั้งอยู่ในมณฑลเสฉวน ประเทศจีน ระบบชลประทานตูเจียงยั่นซึ่งยังคงใช้ได้อยู่ในปัจจุบันนี้ได้เริ่มก่อสร้างในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 3 เพื่อกั้นแม่น้ำหมินและจัดการระบบน้ำในที่ราบสูงเฉิงตู ส่วนภูเขาชิงเฉิงนั้นเป็นจุดกำเนิดของลัทธิเต๋า มีสิ่งก่อสร้างโบราณเป็นจำนวนมากบนเขาแห่งนี้มรดกโลก มรดกโลก. ภูเขาชิงเฉิงและระบบชลประทานตูเจียงยั่นได้ร่วมกันลงทะเบียนเป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 24 เมื่อปี พ.ศ. 2543 ที่เมืองแคนส์ ประเทศออสเตรเลีย ด้วยข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ดังต่อไปนี้- (ii) - เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลยิ่ง ผลักดันให้เกิดการพัฒนาสืบต่อมาในด้านการออกแบบทางสถาปัตยกรรม อนุสรณ์สถาน ประติมากรรม สวน และภูมิทัศน์ ตลอดจนการพัฒนาศิลปกรรมที่เกี่ยวข้อง หรือการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือบนพื้นที่ใด ๆ ของโลกซึ่งทรงไว้ซึ่งวัฒนธรรม - (iv) - เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนา ทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ - (vi) - มีความคิดหรือความเชื่อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์หรือมีความโดดเด่นยิ่งในประวัติศาสตร์
| ภูเขาชิงเฉิงและระบบชลประทานตูเจียงยั่นคือแหล่งมรดกโลกที่ตั้งอยู่ในมณฑลใดของประเทศจีน | {
"answer": [
"เสฉวน"
],
"answer_begin_position": [
226
],
"answer_end_position": [
231
]
} |
3,991 | 227,466 | ภูเขาชิงเฉิงและระบบชลประทานตูเจียงยั่น ภูเขาชิงเฉิงและระบบชลประทานตูเจียงยั่น () คือแหล่งมรดกโลกที่ตั้งอยู่ในมณฑลเสฉวน ประเทศจีน ระบบชลประทานตูเจียงยั่นซึ่งยังคงใช้ได้อยู่ในปัจจุบันนี้ได้เริ่มก่อสร้างในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 3 เพื่อกั้นแม่น้ำหมินและจัดการระบบน้ำในที่ราบสูงเฉิงตู ส่วนภูเขาชิงเฉิงนั้นเป็นจุดกำเนิดของลัทธิเต๋า มีสิ่งก่อสร้างโบราณเป็นจำนวนมากบนเขาแห่งนี้มรดกโลก มรดกโลก. ภูเขาชิงเฉิงและระบบชลประทานตูเจียงยั่นได้ร่วมกันลงทะเบียนเป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 24 เมื่อปี พ.ศ. 2543 ที่เมืองแคนส์ ประเทศออสเตรเลีย ด้วยข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ดังต่อไปนี้- (ii) - เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลยิ่ง ผลักดันให้เกิดการพัฒนาสืบต่อมาในด้านการออกแบบทางสถาปัตยกรรม อนุสรณ์สถาน ประติมากรรม สวน และภูมิทัศน์ ตลอดจนการพัฒนาศิลปกรรมที่เกี่ยวข้อง หรือการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือบนพื้นที่ใด ๆ ของโลกซึ่งทรงไว้ซึ่งวัฒนธรรม - (iv) - เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนา ทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ - (vi) - มีความคิดหรือความเชื่อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์หรือมีความโดดเด่นยิ่งในประวัติศาสตร์
| ภูเขาชิงเฉิงในมณฑลเสฉวนของประเทศจีนเป็นจุดกำเนิดของลัทธิใด | {
"answer": [
"เต๋า"
],
"answer_begin_position": [
431
],
"answer_end_position": [
435
]
} |
3,992 | 33,479 | อัมสเตอร์ดัม อัมสเตอร์ดัม (, ) เป็นเมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอัมสเติล (Amstel) เริ่มก่อตั้งประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 12 ปัจจุบันเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเนเธอร์แลนด์ มีประชากรในเขตตัวเมืองประมาณ 742,000 คน แต่ถ้านับรวมประชากรในเขตเมืองโดยรอบทั้งหมด จะมีประมาณ 1.5 ล้านคน (ข้อมูลปี ค.ศ. 2005) อัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของทวีปยุโรป โดยเฉพาะช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นช่วงยุคทองของเนเธอร์แลนด์ ถึงแม้อัมสเตอร์ดัมจะเป็นเมืองหลวงของประเทศ แต่ศูนย์กลางของหน่วยงานรัฐบาลนั้นอยู่ที่เฮก
| เมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์มีชื่อว่าอะไร | {
"answer": [
"อัมสเตอร์ดัม"
],
"answer_begin_position": [
98
],
"answer_end_position": [
110
]
} |
3,993 | 168,720 | โลเฮ็นกริน โลเฮ็นกริน () เป็นบทละครโอเปราที่ประพันธ์ขึ้นโดย ริชาร์ด วากเนอร์ ดัดแปลงจากตำนานของ Garin le Loherain ในยุคกลาง เกี่ยวกับอัศวินหงส์ขาว โลเฮ็นกรินออกแสดงรอบปฐมทัศน์ที่โรงละคร Staatskapelle Weimar เยอรมนีเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 1850 กำกับการแสดงโดยฟรานซ์ ลิซท์ ซึ่งเลือกวันที่เปิดแสดงตรงกับวันนี้เพื่อเป็นเกียรติแก่โยฮันน์ โวล์ฟกัง ฟอน เกอเธอ ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 1749 และประสบความสำเร็จตั้งแต่รอบแรก อุปรากรโลเฮ็นกริน แบ่งออกเป็น 3 องก์ มีทำนองที่ได้รับความนิยมเป็นช่วงโหมโรงเข้าสู่องก์ที่ 1 และ องก์ที่ 3 และท่อนร้องประสานเสียง "Bridal Chorus" จากองก์ที่ 3 ฉากการแต่งงานของโลเฮ็นกรินกับเอลซ่า ที่ปัจจุบันนิยมนำมาใช้บรรเลงในงานแต่งงานแบบคริสต์ เรียกว่า "Bridal march" หรือ "here comes the bride"เรื่องย่อ เรื่องย่อ. โลเฮ็นกรินเป็นบุตรของปาร์ซิวอล เขาเป็นอัศวินปกป้องจอกศักดิ์สิทธิ์ ที่ถูกส่งให้เดินทางไปด้วยเรือที่ลากโดยหงส์ เพื่อไปช่วยหญิงสาว บางบทความกล่าวว่าเพื่อช่วยเหลือเจ้าหญิงที่ตกอยู่ในอันตรายที่มีนามว่า เอลซ่า ซึ่งเป็นพระราชธิดาในกษัตริย์บราแดนท์ ที่เสด็จสวรรคตโดยไม่มีรัชทายาทชาย ดังนั้น ณ แท่นบรรทมก่อนเสด็จสวรรคต กษัตริย์บราแดนท์ได้ให้ทุกคนที่ล้อมรอบอยู่ ณ ที่นั้นสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อพระราชธิดา แต่ถึงกระนั้น ท่านเคานท์เทรามันท์ไม่ยอมรับพระราชธิดาเอลซ่าเป็นประมุข และเพื่อเป็นการรักษาคำมั่น ท่านเคานท์จึงจะแต่งงานกับพระราชธิดาเอลซ่า และขึ้นเป็นกษัตริย์เอง ทันใดนั้นเอง โลเฮ็นกรินได้ปรากฏตัวขึ้นและได้ช่วยเหลือพระราชธิดาเอลซ่า จากนั้นอัศวินหงส์ผู้นี้ได้แต่งงานกับพระราชธิดาเอลซ่า โดยก่อนที่เขาจะพาเธอเดินทางกลับนั้น เขาได้ให้เธอสัญญาว่าจะไม่ถามว่าเขามาจากไหน เขาได้เตือนเธอว่าเมื่อไรก็ตามที่เธอผิดคำมั่นนี้ เขาจะหายไปจากเธอตลอดกาล เมื่อลูก ๆ 2 คนโตขึ้น เธอเกิดสงสัยและได้เอ่ยถามขึ้น หงส์ที่พาโลเฮ็นกรินมาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งและได้พาเขากลับไป
| ใครคือผู้ประพันธ์บทละครโอเปราเรื่อง โลเฮ็นกริน | {
"answer": [
"ริชาร์ด วากเนอร์"
],
"answer_begin_position": [
145
],
"answer_end_position": [
161
]
} |
3,994 | 6,865 | จังหวัดปัตตานี ปัตตานี เป็นจังหวัดในภาคใต้ ติดต่อกับจังหวัดนราธิวาส จังหวัดยะลา และจังหวัดสงขลาสัญลักษณ์ประจำจังหวัดสัญลักษณ์ประจำจังหวัด. - ตราประจำจังหวัด: ปืนใหญ่นางพญาตานี - ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกชบา (Hibiscus sp.) - ต้นไม้ประจำจังหวัด: ตะเคียนทอง (Hopes odorata) - คำขวัญประจำจังหวัด: "เมืองงามสามวัฒนธรรม ศูนย์ฮาลาลเลิศล้ำ ชนน้อมนำศรัทธา ถิ่นธรรมชาติงามตา ปัตตานีสันติสุขแดนใต้" - คำขวัญประจำจังหวัดเดิม: บูดูสะอาด หาดทรายสวย รวยน้ำตก นกเขาดี ลูกหยีอร่อยที่มาของชื่อ ที่มาของชื่อ. คำว่า ปัตตานี มาจากคำภาษามลายูปัตตานี ڤطاني ซึ่งมาจากคำว่า Pata Ini ("ชายหาดแห่งนี้") อีกทีหนึ่งที่ตั้ง ที่ตั้ง. ปัตตานีเป็นหนึ่งในห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลตะวันออกของภาคใต้สุด ติดกับทะเลจีนใต้ อยู่ห่างจากกรุงเทพโดยทางรถยนต์ประมาณ 1,055 กิโลเมตร หรือ 1,025 กิโลเมตรโดยทางรถไฟ (สถานีรถไฟโคกโพธิ์)ภูเขาที่สำคัญ ภูเขาที่สำคัญ. ได้แก่ ภูเขาทรายขาว ซึ่งอยู่ในทิวเขาสันกาลาคีรี มีแม่น้ำที่สำคัญ 2 สาย คือ แม่น้ำปัตตานีและแม่น้ำสายบุรี ภูมิอากาศอบอุ่นตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ย 27.5 องศาเซลเซียส ฝนตกชุกในระหว่างเดือนธันวาคม-มกราคม ฝนตกเฉลี่ย 1,750.9 มิลลิเมตร/ปี (เฉลี่ยในรอบ 30 ปี)ฤดูกาลฤดูร้อน ฤดูกาล. ฤดูร้อน. เดือนกุมภาพันธ์-กรกฎาคมฤดูฝน ฤดูฝน. สิงหาคม-มกราคมศาสนาและอาชีพพลเมือง ศาสนาและอาชีพพลเมือง. ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ชาวปัตตานีมีอาชีพหลักคือการทำนา สวนยาง นอกจากนี้ประชาชนที่อาศัยอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัด เช่น อำเภอเมืองปัตตานี อำเภอปะนาเระ และอำเภอสายบุรี ยังประกอบอาชีพประมง ซึ่งส่งผลให้เกิดผลผลิตในภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่องอย่างมากหน่วยการปกครอง หน่วยการปกครอง. การปกครองแบ่งออกเป็น 12 อำเภอ 115 ตำบล 642 หมู่บ้านอุทยานอุทยาน. - อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาวสถานที่ท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยว. - มัสยิดกรือเซะ เป็นมัสยิดที่สร้างโดยสุลต่านมุสัฟฟาร์ ชาร์ พระองค์ได้สร้างมัสยิดแห่งนี้พร้อมกับมัสยิดบ้านดาโตะ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี มัสยิดกรือเซะเป็นมัสยิดที่สุลต่านใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจและะพบปะพูดคุยกับประชาชน มัสยิดกรือเซะเป็นมัสยิดแห่งแรกในคาบสมุทรมลายู- หาดตะโละกาโปร์ - เมืองโบราณยะรัง - ศาลหลักเมืองปัตตานี - ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวหรือศาลเจ้าเล่งจูเกียง - สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ปัตตานี - หอนาฬิกาสามวัฒนธรรม - มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี - มัสยิดรายอ ปัตตานี - มัสยิดกรือเซะ ปัตตานี - วังยะหริ่ง ปัตตานีการศึกษาระดับอุดมศึกษาการศึกษา. ระดับอุดมศึกษา. - มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี - มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา วิทยาเขตปัตตานี - วิทยาลัยชุมชนปัตตานี - มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์ปัตตานีโรงเรียนโรงเรียน. - ดูที่ รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดปัตตานีชาวจังหวัดปัตตานีที่มีชื่อเสียงชาวจังหวัดปัตตานีที่มีชื่อเสียง. - นายสวัสดิ์ วัฒนายากร อดีตองคมนตรีในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช อดีตตุลาการศาลปกครองสูงสุด อดีตอธิบดีกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ - พนมเทียน หรือ ฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ ศิลปินแห่งชาติเทศกาลเทศกาล. - งานสมโภชเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว - งานประเพณีชักพระ - งานแข่งขันกีฬาตกปลาสายบุรี
| ปัตตานี เป็นจังหวัดในภาคใดของประเทศไทย | {
"answer": [
"ใต้"
],
"answer_begin_position": [
124
],
"answer_end_position": [
127
]
} |
3,995 | 6,865 | จังหวัดปัตตานี ปัตตานี เป็นจังหวัดในภาคใต้ ติดต่อกับจังหวัดนราธิวาส จังหวัดยะลา และจังหวัดสงขลาสัญลักษณ์ประจำจังหวัดสัญลักษณ์ประจำจังหวัด. - ตราประจำจังหวัด: ปืนใหญ่นางพญาตานี - ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกชบา (Hibiscus sp.) - ต้นไม้ประจำจังหวัด: ตะเคียนทอง (Hopes odorata) - คำขวัญประจำจังหวัด: "เมืองงามสามวัฒนธรรม ศูนย์ฮาลาลเลิศล้ำ ชนน้อมนำศรัทธา ถิ่นธรรมชาติงามตา ปัตตานีสันติสุขแดนใต้" - คำขวัญประจำจังหวัดเดิม: บูดูสะอาด หาดทรายสวย รวยน้ำตก นกเขาดี ลูกหยีอร่อยที่มาของชื่อ ที่มาของชื่อ. คำว่า ปัตตานี มาจากคำภาษามลายูปัตตานี ڤطاني ซึ่งมาจากคำว่า Pata Ini ("ชายหาดแห่งนี้") อีกทีหนึ่งที่ตั้ง ที่ตั้ง. ปัตตานีเป็นหนึ่งในห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลตะวันออกของภาคใต้สุด ติดกับทะเลจีนใต้ อยู่ห่างจากกรุงเทพโดยทางรถยนต์ประมาณ 1,055 กิโลเมตร หรือ 1,025 กิโลเมตรโดยทางรถไฟ (สถานีรถไฟโคกโพธิ์)ภูเขาที่สำคัญ ภูเขาที่สำคัญ. ได้แก่ ภูเขาทรายขาว ซึ่งอยู่ในทิวเขาสันกาลาคีรี มีแม่น้ำที่สำคัญ 2 สาย คือ แม่น้ำปัตตานีและแม่น้ำสายบุรี ภูมิอากาศอบอุ่นตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ย 27.5 องศาเซลเซียส ฝนตกชุกในระหว่างเดือนธันวาคม-มกราคม ฝนตกเฉลี่ย 1,750.9 มิลลิเมตร/ปี (เฉลี่ยในรอบ 30 ปี)ฤดูกาลฤดูร้อน ฤดูกาล. ฤดูร้อน. เดือนกุมภาพันธ์-กรกฎาคมฤดูฝน ฤดูฝน. สิงหาคม-มกราคมศาสนาและอาชีพพลเมือง ศาสนาและอาชีพพลเมือง. ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ชาวปัตตานีมีอาชีพหลักคือการทำนา สวนยาง นอกจากนี้ประชาชนที่อาศัยอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัด เช่น อำเภอเมืองปัตตานี อำเภอปะนาเระ และอำเภอสายบุรี ยังประกอบอาชีพประมง ซึ่งส่งผลให้เกิดผลผลิตในภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่องอย่างมากหน่วยการปกครอง หน่วยการปกครอง. การปกครองแบ่งออกเป็น 12 อำเภอ 115 ตำบล 642 หมู่บ้านอุทยานอุทยาน. - อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาวสถานที่ท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยว. - มัสยิดกรือเซะ เป็นมัสยิดที่สร้างโดยสุลต่านมุสัฟฟาร์ ชาร์ พระองค์ได้สร้างมัสยิดแห่งนี้พร้อมกับมัสยิดบ้านดาโตะ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี มัสยิดกรือเซะเป็นมัสยิดที่สุลต่านใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจและะพบปะพูดคุยกับประชาชน มัสยิดกรือเซะเป็นมัสยิดแห่งแรกในคาบสมุทรมลายู- หาดตะโละกาโปร์ - เมืองโบราณยะรัง - ศาลหลักเมืองปัตตานี - ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวหรือศาลเจ้าเล่งจูเกียง - สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ปัตตานี - หอนาฬิกาสามวัฒนธรรม - มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี - มัสยิดรายอ ปัตตานี - มัสยิดกรือเซะ ปัตตานี - วังยะหริ่ง ปัตตานีการศึกษาระดับอุดมศึกษาการศึกษา. ระดับอุดมศึกษา. - มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี - มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา วิทยาเขตปัตตานี - วิทยาลัยชุมชนปัตตานี - มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์ปัตตานีโรงเรียนโรงเรียน. - ดูที่ รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดปัตตานีชาวจังหวัดปัตตานีที่มีชื่อเสียงชาวจังหวัดปัตตานีที่มีชื่อเสียง. - นายสวัสดิ์ วัฒนายากร อดีตองคมนตรีในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช อดีตตุลาการศาลปกครองสูงสุด อดีตอธิบดีกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ - พนมเทียน หรือ ฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ ศิลปินแห่งชาติเทศกาลเทศกาล. - งานสมโภชเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว - งานประเพณีชักพระ - งานแข่งขันกีฬาตกปลาสายบุรี
| ต้นไม้ประจำจังหวัดปัตตานีของประเทศไทยคือต้นอะไร | {
"answer": [
"ตะเคียนทอง"
],
"answer_begin_position": [
327
],
"answer_end_position": [
337
]
} |
3,996 | 5,114 | จังหวัดนครราชสีมา นครราชสีมา หรือรู้จักในชื่อ โคราช เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทยและมีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ชื่อเมืองนครราชสีมาปรากฏครั้งแรกเป็นเมืองพระยามหานครในการปฏิรูปการปกครองในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ(ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา) ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงมีรับสั่งให้ย้ายเมืองนครราชสีมามาตั้งบริเวณพื้นที่ปัจจุบัน เมื่อ พ.ศ. 2217สัญลักษณ์ประจำจังหวัดสัญลักษณ์ประจำจังหวัด. - คำขวัญประจำจังหวัด : เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน - ตราประจำจังหวัด : รูปอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีหน้าประตูชุมพล - ธงประจำจังหวัด : รูปอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีหน้าประตูชุมพล ในพื้นธงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีแสด - ต้นไม้ประจำจังหวัด : ต้นสาธร () - ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกสาธร - สัตว์น้ำประจำจังหวัด : ปลาบ้าหรือปลาพวง ()ที่มาของชื่อ ที่มาของชื่อ. มีผู้เสนอว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่ เมืองนครราช คือเมืองเดียวกันกับเมืองราด ของพ่อขุนผาเมือง เนื่องจากมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเมืองพระนครหลายประการ นอกจากนี้รูปสลักกองทัพชาวสยามบนระเบียงด้านหนึ่งของ นครวัด อาจเป็นชาวสยามจากลุ่มแม่น้ำมูลที่เกี่ยวข้องกับเมืองนครราช และยังมีการกล่าวถึงเมืองนครราชสีมาในพงศาวดารของกัมพูชาหลายครั้งด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีมุมมองอีกด้านหนึ่งก็ว่า นครราชสีมา นั้นเป็นคำไทยเป็นคำใหม่ แยกเป็นคำได้คือ นคร, ราช และ สีมา หมายความว่า "เมืองใหญ่อันเป็นขอบขัณฑสีมาของราชอาณาจักร" (ราช+สีมา) ส่วนคำว่า โคราช (สำเนียงถิ่น: โค-หฺราด , ไทยกลาง: โค-ราด, เขมร: โก-เรียช ) นั้น น่าจะเพี้ยนมาจาก นครราช (อ่านตามสำเนียงว่า คอน-หฺราด ซึ่งเป็นคำเรียกนครราชสีมาแบบย่อ ๆ ของชาวบ้าน) หรือ อังกอร์เรียจ ต่อมาลดรูปเป็น กอร์เรียจ และเพี้ยนเป็นโคราช ในที่สุด และไม่ได้เพี้ยนมาจากชื่อเมืองโคราฆปุระ (Gorakhpur) ที่เป็นชื่อเมืองสมัยใหม่ในแคว้นเดียวกับเมืองอโยธยา (Ayodhya) ในอินเดีย ตามข้อสันนิษฐานของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เดิมทีนั้นชื่อเมืองนครราชสีมา มีการใช้ "นครราชสีมา" และ "นครราชสีห์มา" สลับกันไป จนกระทั่งเมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2445 (พ.ศ. 2444 เดิม) ได้มีพระบรมราชโองการฯ ให้ประกาศว่าประวัติศาสตร์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์. สมัยก่อนประวัติศาสตร์. จากหลักฐานทางโบราณคดีพบว่า มีชุมชนโบราณซึ่งเป็นร่องรอยของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคหินใหม่ต่อเนื่องมาถึงยุคสำริด และยุคเหล็ก กระจายอยู่ทั่วไปในจังหวัดนครราชสีมา โดยมีแหล่งโบราณคดีที่สำคัญคือ ชุมชนบ้านปราสาท ชุมชนบ้านโนนวัด แหล่งภาพเขียนสีเขาจันท์งาม ซึ่งกำหนดอายุได้ประมาณ 4,500 ปีมาแล้วสมัยประวัติศาสตร์อาณาจักรศรีจนาศะ หรือ จนาศะปุระ สมัยประวัติศาสตร์. อาณาจักรศรีจนาศะ หรือ จนาศะปุระ. มีความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยทวารวดี ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองเสมา ตั้งอยู่บริเวณอำเภอสูงเนินในปัจจุบัน เป็นเมืองใหญ่เชื่อกันว่าเป็นที่ตั้งของรัฐศรีจนาศะ ใน พ.ศ. 1411 ตามจารึก ข้อมูลปฐมภูมิเกี่ยวอาณาจักรนี้ ศึกษาได้จากศิลาจารึก ซึ่งปัจจุบันพบอยู่ 2 หลักคือ 1. จารึกบ่ออีกา (จารึกด้วยอักษรหลังปัลลวะ ใช้ภาษาสันสกฤต กับ เขมร กำหนดอายุได้ พ.ศ. 1411) สถานที่พบ บ้านบ่ออีกา อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา เนื้อหาโดยสังเขป ด้านที่ 1 กล่าวถึงสัตว์และทาสที่พระราชาแห่งศรีจนาศะถวายแก่พระสงฆ์ ด้านที่ 2 เริ่มต้นด้วยการกล่าวสรรเสริญพระศิวะ แล้วกล่าวยกย่องอังศเทพซึ่งเป็นผู้สร้างศิวลึงค์นี้ 2. จารึกศรีจานาศะ (จารึกด้วยอักษรขอมโบราณ ใช้ภาษาสันสกฤต กับ เขมร กำหนดอายุได้ พ.ศ. 1480) สถานที่พบ บริเวณเทวสถาน ใกล้สะพานชีกุน อำเภอเมือง จังหวัด พระนครศรีอยุธยา เนื้อหาโดยสังเขป ด้านที่ 1 เริ่มต้นด้วยการสรรเสริญพระศิวะ จากนั้นสรรเสริญนางปารวตี ต่อจากนั้นจึงกล่าวถึงรายพระนามพระราชาแห่งอาณาจักรจานาศปุระ คือ พระราชาองค์แรกทรงพระนามว่าภคทัตต์ ผู้ที่สืบต่อลงมาจากพระเจ้าภคทัตต์องค์หนึ่งทรงพระนามว่า สุนทรปรากรม พระเจ้าสุนทรปรากรมทรงมีโอรสทรงพระนามว่า สุนทรวรมัน พระเจ้าสุนทรวรมันทรงมีโอรส 2 องค์องค์พี่ทรงนามว่านรปติสิงหวรมัน ได้เสด็จขึ้นครองราชย์แห่งอาณาจักรศรีจานาศะ องค์น้องทรงนามว่า มงคลวรมัน ได้โปรดให้สร้างจารึกหลักนี้เพื่อฉลองการสร้างพระรูปพระชนนีเป็นพระราชเทวี คือ ชายาของพระศิวะ เมื่อศักราช 859 (พ.ศ. 1480) ส่วนจารึกด้านที่ ๒ นั้น เป็นรายชื่อของทาส เมืองพิมาย หรือ วิมายปุระ เมืองพิมาย หรือ วิมายปุระ. ชุมชนในเขตลุ่มแม่น้ำมูลเริ่มมีการตั้งถิ่นฐานเป็นบ้านเมืองขึ้นในช่วงประมาณพุทธศตวรรษที่ 12 (ประมาณกลางคริสต์ศตวรรษที่ 6 ถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 7) เมื่อปรากฏเมืองที่มีคันดินล้อมรอบซี่งมีรูปร่างกลมหรือมีรูปร่างไม่แน่นอนกระจายอยู่ทั่วบริเวณ เช่น บริเวณบ้านเมืองฝ้าย ตำบลบ้านฝ้าย อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ บริเวณบ้านโตนด ตำบลโตนด อำเภอโนนสูงบริเวณเมืองพิมาย อำเภอพิมาย บริเวณเมืองเสมา อำเภอเนินสูง บริเวณหินขอนอำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา โดยบริเวณบ้านโตนดที่อยู่ห่างจากเมืองพิมายไปทางด้านใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร ได้พบลูกปัดแก้วสีน้ำเงินและลูกปัดหินทำด้วยหินอารเกทและเตอร์เนเสียน มีลายสลับเขียว เหลือง แดง ซึ่งพบมากในชุมชนลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา แสดงให้เห็นว่าบ้านเมืองในเขตลุ่มแม่น้ำมูล มีการรับวัฒนธรรมจากภายนอกเข้ามา พิเศษ เจียจันทร์พงษ์ แสดงความเห็นว่า บริเวณบ้านโตนดน่าจะเป็นหมู่บ้านชนบทของเมืองพิมาย เป็นพื้นที่ทำการเพาะปลูกส่วนหนึ่งของเมืองพิมาย โดยมีแม่น้ำมูลเป็นทางคมนาคมขนส่งในการลำเลียงพืชพันธุ์ธัญญาหารสู่เมืองพิมายในขณะเดียวกัน เมืองพิมายได้ปรากฏชื่ออยู่ในจารึกของเขมรมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอิศานวรมันที่ 1(พ.ศ. 1159 ถึงราว พ.ศ. 1180 หรือ ค.ศ. 616 ถึงราว ค.ศ. 637) ว่า ภีมปุระ (Bhimapura) ประกอบกับการพบจารึกของพระเจ้ามเหนทรวรมัน (ราว พ.ศ. 1150 ถึง พ.ศ. 1159 หรือ ราว ค.ศ. 607 ถึง ค.ศ. 616) ที่อำเภอนางรองจังหวัดบุรีรัมย์ และที่จังหวัดอุบลราชธานีเป็นจำนวนหลายหลัก แสดงให้เห็นว่า อารยธรรมเขมรได้แผ่ขยายอิทธิพลเข้ามามีบทบาทในเขตลุ่มแม่น้ำมูลตั้งแต่ช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 12 (ครึ่งหลังคริสต์ศตวรรษที่ 6) แล้ว โดยปรากฏชุมชนในวัฒนธรรมเขมรหลายแห่งในบริเวณนี้ เช่น บริเวณแก่งสะพือ อำเภอพิบูล มังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี บริเวณบ้านดม อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ เมืองพิมายได้เจริญขึ้นมามีบทบาทสำคัญเป็นเมืองศูนย์กลางขนาดใหญ่ของอารยธรรมเขมรในเขตลุ่มแม่น้ำมูลในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 1654 (ครึ่งแรกคริสต์ศตวรรษที่ 11)เมื่อมีการสถาปนาราชวงศ์มหิธรปุระ (Mahidrapura) ขึ้นในเขตที่ราบสูงโคราช และเจริญรุ่งเรืองสุดในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (พ.ศ. 1724 ถึงราว พ.ศ. 1763 หรือ ค.ศ. 1181 ถึงราว ค.ศ. 1220) เพราะมีชื่อเมืองพิมายปรากฏในจารึกปราสาทพระขรรค์56 กล่าวว่า “จากเมืองหลวงไปยังเมืองวิมาย (มี) ที่พักพร้อมด้วยไฟ 17 แห่ง”และมีรูปฉลององค์ของพระเจ้าชัยวรมันที่7 และพระชายาอยู่ที่ปราสาทหินพิมายด้วย จารึกปราสาทหินพิมาย จารึกที่พบที่ปราสาทหินพิมายมีทั้งหมด 6 หลัก คือ - จารึกปราสาทหินพิมาย 1 อักษรขอม ภาษาสันสกฤต ศิลาทราย กว้าง 57 เซนติเมตร สูง 40 เซนติเมตร หนา 12เซนติเมตร ไม่ปรากฏหลักฐานว่าพบในส่วนใดของปราสาท - จารึกปราสาทหินพิมาย 2 อักษรขอม ภาษาสันสกฤตและเขมร ศิลารูปใบเสมา กว้าง 23 เซนติเมตร สูง 18 เซนติเมตรหนา 5.5 เซนติเมตร พบที่มุมตะวันออกเฉียงใต้ของปราสาทประธาน - จารึกปราสาหินพิมาย 3 อักษรขอม ภาษาเขมร พบที่กรอบประตูซุ้มระเบียงคดด้านทิศใต้ - จารึกปราสาทหินพิมาย 4 อักษรขอม ภาษาเขมร พบที่ระเบียงคดด้านใต้ซีกตะวันออก เป็นจารึกฐานประติมากรรม - จารึกปราสาทหินพิมาย 5 อักษรขอม ภาษาบาลี กว้าง 15 เซนติเมตร ยาว 32เซนติเมตร ไม่ปรากฏหลักฐานว่าพบในส่วนใดของปราสาท - จารึกปราสาทหินพิมาย 6 อักษรขอม ภาษาเขมร แตกชำรุดเป็น 5 ชิ้น ไม่ปรากฏหลักฐานว่าพบส่วนใดของปราสาท จารึกที่มีข้อความพอที่จะศึกษาได้ คือ จารึกปราสาทหินพิมาย 2 จารึกปราสาทหินพิมาย 3 และจารึกปราสาทหินพิมาย 4 โดยเนื้อหาสาระของจารึกมีประเด็นที่สำคัญ คือ 1. การบูชาและถวายของแด่พระพุทธเจ้า 2. การกล่าวสรรเสริญพระเจ้าสูรยวรมันที่ 1 (พ.ศ. 1545 – 1593 / ค.ศ. 1002 –1050) 3. การทำนุบำรุงศาสนสถานโดยการสร้างรูปเคารพ การทำพิธีต่างๆ และการถวายที่ดิน ข้าทาส สิ่งของแก่ศาสนสถานเพื่ออุทิศบุญกุศลแก่บรรพบุรุษ 4. การสร้างเมืองและศาสนสถาน จากจารึกปราสาทหินพิมาย 2 มีการกล่าวถึง มหาศักราช 95858 เทียบได้กับ พ.ศ. 1579 (ค.ศ. 1036) และพระนาม“ศรีสูรยวรมะ” ซึ่งหมายถึง พระเจ้าสูรยวรมันที่ 1 ทำให้นักวิชาการมีความเห็นว่า ปราสาทหินพิมายคงจะสร้างขึ้นในรัชสมัยนี้โดยปามังติเอร์ (H.Parmentier) ให้ความเห็นว่า รูปแบบศิลปะของซุ้มและมุขหน้าปราสาทประธาน น่าจะเป็นฝีมือช่างในสมัยพระเจ้าสูรยวรมันที่ 1 ซึ่งเทียบได้กับศิลปะที่ปราสาทวัดเอกและวัดบาเสตในเมืองพระตะบองซึ่งสร้างขึ้นในรัชกาลนี้แต่จารึกหลักนี้มีปัญหาที่ว่าไม่ได้เป็นจารึกที่อยู่ติดกับตัวปราสาทหินพิมาย จึงไม่อาจสรุปลงไปได้อย่างชัดเจนว่า ปราสาทหินพิมายสร้างขึ้นในรัชสมัย พระเจ้าสูรยวรมันที่ 1อย่างไรก็ตาม จารึกปราสาทหินพิมาย 3 ซึ่งเป็นจารึกที่ติดกับศาสนสถานได้กล่าวถึงมหาศักราช1030 หรือ พ.ศ. 1651 (ค.ศ. 1108) ซึ่งตรงกับรัชกาลพระเจ้าธรณีนทรวรมันที่ 1 (พ.ศ. 1650 – 1656 หรือ ค.ศ. 1107 – 1113) “...กมรเตงอัญศรีวิเรนทราธิบดีวรมะเมืองโฉกวะกุลสถาปนากมรเตงชคตเสนาบดีไตรโลกยวิชัย ซึ่งเป็นเสนาบดีแห่งกมรเตงชคต-วิมายะฯ...” ได้แสดงให้เห็นว่าในปี พ.ศ. 1651 (ค.ศ. 1108) ต้องมีศาสนสถานปราสาทหิน พิมายอยู่แล้ว เพราะมีรูปเคารพกมรเตงชคตวิมายะ ซึ่งเป็นประธานของปราสาทหินพิมายแล้ว โดยนักวิชาการแสดงความเห็นว่ากมรเตงอัญศรีวิเรนทราธิบดีวรมะนั้นน่าจะหมายถึง เจ้าเมืองหรือขุนนางของพระเจ้าธรณีนทรวรมันที่ 1 ที่ครองเมืองพิมายอยู่ในขณะนั้น เพราะชื่อ ศรีวิเรนทราธิบดีวรมะเป็นชื่อตามปราสาทหินพิมายที่ปรากฏในจารึก คือ ศรีวิเรนทราศรม ซึ่งหมายถึง อาศรมของศรีวิเรนทราธิบดี และไซเดนฟาเดน (E. Seidenfaden) ได้แสดงความเห็นว่า กมรเตงอัญศรีวิเรนทราธิบดีวรมะ ต่อมาก็ได้เป็นพระเจ้าสูรยวรมันที่ 2 (พ.ศ. 1656ถึงหลัง พ.ศ. 1688 หรือ ค.ศ.1113 ถึงหลัง ค.ศ. 1145) นอกจากนี้ ในตอนท้ายจารึกปราสาทหินพิมาย 3 ยังได้กล่าวถึงศักราช 1031 (พ.ศ. 1652 / ค.ศ. 1109) กมรเตงอัญศรีวีรวรมะได้ถวายของและข้าพระแด่กมรเตงชคตเสนาบดีไตรโลกวิชัย เพื่อถวายผลนั้นแด่พระบาทกมรเตงอัญศรีธรณีนทรวรมเทวะฯ ซึ่งหมายถึง พระเจ้าธรณีนทรวรมันที่ 1 ที่ครองราชย์อยู่ที่เมืองพระนครขณะนั้น จากจารึกทั้งสองหลักพอจะสันนิษฐานได้ว่า ปราสาทหินพิมายคงจะสร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ. 1651 (ค.ศ. 1108) ซึ่งกรอสลิเย่ (Bernard Philippe Groslier) กล่าวว่า คงเริ่มสร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 6 (พ.ศ. 1623 – 1650 / ค.ศ. 1080 – 1107) เนื่องจากเมืองพิมายเป็นราชธานีของพระองค์มาก่อน โดยพระองค์โปรดให้สร้างปราสาทหินพิมายขึ้นเพื่ออุทิศถวายแด่บรรพบุรุษในราชวงศ์มหิธรปุระ พุทธศาสนาที่ปราสาทหินพิมาย เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า ปราสาทหินพิมายเป็นศาสนสถานที่สร้างขึ้นในคติพุทธศาสนา เพราะประธานเป็นรูปพระพุทธรูปนาคปรกศิลามีพระนาม กมรเตงชคตวิมายะ แต่การศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้นักวิชาการส่วนมากเข้าใจว่าพุทธศาสนาลัทธิวัชรยานหรือตันตระยาน เป็นนิกายหนึ่งของพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ซึ่งเมื่อศึกษาถึงปรัชญาและจุดมุ่งหมายของวัชรยานและมหายานแล้ว จะเห็นได้ว่าทั้งวัชรยานและมหายานต่างก็มีปรัชญาที่ต่างกัน ดังนั้นวัชรยานและมหายานจึงเป็นลัทธิที่แยกออกจากกันอย่างชัดเจน เมื่อพิจารณาจากหลักฐานที่ปรากฏที่ปราสาทหินพิมายทั้งจากตัวศิลปะและจารึกกล่าวได้ว่า ปราสาทหินพิมายสร้างขึ้นในพุทธศาสนาลัทธิวัชรยาน เนื่องจากด้านหน้าทางเข้าปราสาทประธาน ปรากฏรูปพระวัชรสัตวพุทธะ คือ พระชินพุทธะองค์ที่ 6 ของลัทธิวัชรยานแสดงรูปโดยทรงถือวัชระในพระหัตถ์ขวา และทรงถือกระดิ่งในพระหัตถ์ซ้าย และจากการศึกษาประติมากรรมเครื่องใช้สัมฤทธิ์ที่บริเวณเมืองพิมายและบริเวณใกล้เคียง พบวัชระและกระดิ่งที่ภิกษุในลัทธิวัชรยานใช้ในการประกอบพิธีกรรมเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้รูปเคารพที่ปรากฏอยู่บนทับหลังประดับประตูด้านในวิมานของปราสาทประธาน ยังแสดงถึงรูปเทพเจ้าในลัทธิวัชรยานด้วย คือทับหลังประดับทิศใต้ แสดงภาพกมรเตงชคตวิมายะอยู่ตรงกลาง ตอนบนของทับหลัง คือ พระชินพุทธะ 6 พระองค์ ด้านละ 3 พระองค์ ทับหลังประดับทิศตะวันตก ตอนบนแสดงภาพพระอมิตาภพุทธะ พระชินพุทธะ ประจำทิศตะวันตกส่วนตอนล่างแสดงภาพความรื่นรมย์บนสวรรค์สุขาวดี ทับหลังประดับทิศเหนือ ตรงกลางเป็นรูปเทพเจ้า 3 พักตร์ 6 กร โดยพระหัตถ์ล่างอยู่ในท่าปางสมาธิ พระหัตถ์ขวากลางถือลูกประคำ และพระหัตถ์ซ้ายกลางถือกระดิ่ง ซึ่งก็คือเหวัชระ หรือพระวัชรินตามชื่อที่ปรากฏในจารึกของกัมพูชาทับหลังประดับทิศตะวันออก แสดงภาพเทพเจ้า 4 พักตร์ 8 กร โดยพระพักตร์ที่ 4อยู่ด้านหลังสองกรล่างอยู่ในท่าแสดงธรรม ร่ายรำอยู่ในท่าอรรธปรยังกะ บนพระไภรวะและนางกาลราตรี และทรงถือหนังช้าง เทพเจ้าองค์นี้คือ สังวร ซึ่งอยู่ในสกุลพระอักโษภยะพระชินพุทธะประจำทิศตะวันออกนอกจากนี้ ยังปรากฏทับหลังประดับประตูชิ้นหนึ่งไม่ทราบตำแหน่งเดิมจากปราสาทหินพิมาย คือ ทับหลังภาพเจ้าเมืองทำอัษฎางคประดิษฐ์ ในพระหัตถ์มีหม้อน้ำที่รองรับน้ำมนตร์จากพระกมรเตงชคตวิมายะ ที่แสดงภาพอยู่ตอนกลางด้านบนของทับหลัง การถวายอัษฎางคประดิษฐ์เป็นการถวายความเคารพในลัทธิวัชรยาน ซึ่งยังคงปรากฏอยู่ในประเทศธิเบตและเนปาลปัจจุบัน ลัทธิวัชรยานเริ่มปรากฏในเขมรมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าราเชนทรวรมัน (พ.ศ. 1474 –1511 หรือ ค.ศ. 935 – 968) เพราะจารึกปราสาทเบ็งเวียนได้กล่าวถึงพระโลเกศวรและนางปรัชญาปารมิตา ผู้ประทานกำเนิดพระชินพุทธะและธาตุทั้ง 5 (มูลปฺรกฤติ)ในไตรโลก นอกจากนี้จารึกบ้านสับบาก อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ใน พ.ศ. 1609 (ค.ศ. 1066) ได้กล่าวถึงพระปาญจสุคต ซึ่งคือ พระชินพุทธะในลัทธิวัชรยาน และยังกล่าวถึงคัมภีร์ศรีสมาจะ ซึ่งเป็นชื่อย่อของคัมภีร์ศรีคุหยสมาจตันตระ(การสนทนาที่เป็นความลับ) เป็นคัมภีร์เก่าสุดที่พระพุทธเจ้าพระนามว่า สรรว-ตถาคต-กาย-วาก-จิตต์ ประทานให้กับพุทธสมาคมและเป็นต้นตำรับของวัชรยาน ทั้งยังเป็น 1 ใน 9 คัมภีร์หลักของเนปาลจารึกทั้งสองหลักแสดงให้เห็นว่าพุทธศาสนาลัทธิวัชรยานได้มีการวางรากฐานในอารยธรรมเขมรมาตั้งแต่ปลายพุทธศตวรรษที่ 15 (ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 10) และคงแผ่ขยายอิทธิพลเข้ามาในเขตที่ราบสูงโคราชช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 17 (กลางคริสต์ศตวรรษที่ 11) จากนั้นก็เจริญรุ่งเรืองสุดในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7โดยมีศูนย์กลางของลัทธิวัชรยานในประเทศไทยที่เมืองพิมาย และมีปราสาทหินพิมายเป็นศาสนสถานที่สำคัญของลัทธินี้ บทบาทและหน้าที่ของปราสาทหินพิมาย ปราสาทหินพิมายเป็นปราสาทในอารยธรรมเขมรแบบ “ที่มีระเบียงคดล้อมรอบปรางค์ประธาน” และเป็นศูนย์กลางลัทธิวัชรยานจากกัมพูชาที่สำคัญในประเทศไทย อีกทั้งในจารึกปราสาทพระขรรค์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ยังกล่าวถึงเมืองพิมายในฐานะที่เป็นเมืองปลายทางของเส้นทางหลักสายหนึ่งในจำนวน 6 เส้นทางจากเมืองพระนคร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเมืองพิมายในช่วงระยะเวลานี้ได้อย่างดี ประกอบกับภายนอกกำแพงเมืองด้านทิศใต้มีสิ่งก่อสร้างที่สำคัญของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หลงเหลืออยู่ คือ อโรคยศาลที่พระองค์โปรดให้สร้างขึ้นทั่วพระราชอาณาจักรของพระองค์ เพราะทรงมีความปรารถนาที่จะช่วยเหลือราษฎรให้พ้นจากความทุกข์กายอันได้แก่ความไม่มีโรค จากลักษณะดังกล่าวต่างเป็นสิ่งแสดงถึงฐานะของเมืองพิมายที่มิใช่เป็นเพียง “ดินแดนนอกกัมพุชเทศ” เท่านั้น แต่มีความสำคัญในฐานะที่เป็นดินแดนปิตุภูมิของกษัตริย์เขมรในราชวงศ์มหิธรปุระอีกประการหนึ่งที่สำคัญ คือ รูปแบบศิลปะสถาปัตยกรรมของปราสาทหินพิมายที่จัดอยู่ในศิลปะเขมรแบบนครวัดตอนต้นนี้ ยังส่งอิทธิพลกลับคืนไปยังศูนย์กลางที่เมืองพระนครด้วยความเป็นศูนย์กลางของพิมายในลุ่มแม่น้ำมูลตอนบนเช่นนี้ ทำให้ปราสาทหินพิมายไม่ได้เป็นเพียงปราสาทของราชวงศ์มหิธรปุระเท่านั้น หากยังเป็นศาสนสถานที่รับใช้ชุมชนพิมายเองด้วย ดังปรากฏในจารึกปราสาทหินพิมาย 2 ที่กล่าวถึงการทำบุญในวันสำคัญต่างๆ และการไปนมัสการพระพุทธเจ้าเพื่อให้เกิดความเจริญในชีวิต อีกทั้งภายในบริเวณเมืองพิมายเองก็มีการขุดสระหรือบารายขนาดใหญ่ คือ สระแก้ว สระพรุ่ง (สระศรี) และสระขวัญ และภายนอกกำแพงเมืองด้านตะวันออก คือ สระเพลง นอกกำแพงด้านทิศใต้ คือ สระช่องแมว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงระบบการชลประทานขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรับใช้ชุมชนที่มีขนาดใหญ่ ดังนั้นปราสาทหินพิมายจึงมีความสำคัญในฐานะที่เป็นปราสาทประจำราชวงศ์มหิธรปุระ และเป็นศาสนสถานในลัทธิวัชรยานของชุมชนแม่น้ำมูลตอนบนสมัยอยุธยา สมัยอยุธยา. เนื่องจากตั้งอยู่เป็นบริเวณที่เป็นชายขอบระหว่างรัฐที่มีอำนาจ เป็นรัฐกันชน นครราชสีมาจึงมีประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวพันกับความขัดแย้งระหว่างรัฐอยู่เสมอ เช่น ระหว่างสยามกับกัมพูชา หรือ ระหว่างสยามกับล้านช้าง หรือ ในบางครั้งได้มีความพยายามที่จะตั้งตัวเป็นรัฐอิสระไม่ขึ้นกับผู้ใด เฉกเช่นเดียวกับบรรดาเมืองใหญ่อื่น ๆ ในรัชสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 อาณาจักรอยุธยาสามารถเอาชนะกัมพูชาได้ รวมทั้งได้ทำการรวบรวมหัวเมืองในลุ่มแม่น้ำมูลเข้ามาอยู่ในอำนาจ เมื่อสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พ.ศ. 1991 - 2031 ได้สืบราชสมบัติต่อมา มีการจัดระดับเมืองพระยามหานคร 8 หัวเมือง คือ พิษณุโลก ศรีสัชนาลัย สุโขทัย กำแพงเพชร นครศรีธรรมราช นครราชสีมา ตะนาวศรี และทวาย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เริ่มปรากฏชื่อเมืองนครราชสีมาเป็นเมืองสำคัญในขอบขัณฑสีมา และได้ดำรงความสำคัญสืบต่อมาในประวัติศาสตร์อยุธยาและรัตนโกสินทร์ ตามระบบระบบบรรดาศักดิ์ขุนนางไทย เจ้าเมืองนครราชสีมานับเป็นขุนนางระดับสูงมีบรรดาศักดิ์เป็น ออกญากำแหงสงครามรามภักดีพิรียภาหะ มีศักดินา 10,000 ไร่ ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช กองทัพเมืองนครราชสีมาได้ถูกมอบหมายให้เป็นกำลังหลักในการโจมตีเมืองเสียมราฐ และภาคตะวันออกของทะเลสาบจนได้ชัยชนะเหนือพระยาละแวก ในที่สุด ครั้นถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงเห็นว่าเป็นหัวเมืองใหญ่และมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ เนื่องจากเป็นเมืองหน้าด่านของอยุธยาติดกับพรมแดนลาว (เข้าใจว่าเลยลำสะแทด ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำมูลเหนือเมืองพิมายเป็นเขตแดนลาว เพราะมีบันทึกไว้ในนิราศหนองคาย สอดคล้องกับวัฒนธรรมและภาษาที่เปลี่ยนไปด้วย) จึงโปรดให้ย้ายเมืองเสมา มาสร้างเมืองใหม่ ณ ที่ตั้งปัจจุบัน โดยมีการวางผังเมืองเป็นตารางรูปสีเหลี่ยม ขนาดกว้าง 1,000 เมตร ความยาว 1,700 เมตร มีกำแพงเมืองขนาดใหญ่ มีป้อมค่ายหอรบ และพระราชทานนามว่า "เมืองนครราชสีมา" จุลศักราช 1036 (พุทธศักราช 2217) โปรดให้พระยายมราช (สังข์)เป็นเจ้าเมือง ในคราวเดียวกันกับที่แต่งตั้ง เจ้าพระยารามเดโช เป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ซีมง เดอ ลา ลูแบร์ ชาวฝรั่งเศสที่เข้ามาสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้เขียนรายงานและบันทึกไว้ในจดหมายเหตุ ว่า เมืองโคราชสีมา (Corazema) เป็นหัวเมืองใหญ่ 1 ใน 7 มณฑล ตั้งอยู่ติดชายแดนของราชอาณาจักรสยามกับเมืองลาว มีเมืองบริวาร 5 เมือง ในแผ่นดิน สมเด็จพระเพทราชา พระยายมราชเจ้าเมืองนครราชสีมาที่แต่งตั้งโดยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้แข็งเมือง เนื่องจากไม่พอใจสมเด็จพระเพทราชา ที่ก่อการยึดอำนาจและเปลี่ยนราชวงศ์ จึงไม่ขอขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยา แต่ถูกกองทัพกรุงศรีอยุธยาใช้เวลาปราบปรามโดยล้อมเมืองอยู่ประมาณ 2 ปี โดยใช้อุบายและกลยุทธปราบลงได้ พระยายมราช เจ้าเมืองนครราชสีมาได้หนีไปพึ่ง เจ้าพระยารามเดโชเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชซึ่งไม่พอใจสมเด็จพระเพทราชาเช่นกัน แต่ถูกกองทัพอยุธยาตามไปปราบปรามลงได้ นับแต่นั้นเมืองนครราชสีมาได้ถูกลดความสำคัญลงไม่เข้มแข็งดังแต่ก่อนสมัยกรุงธนบุรี สมัยกรุงธนบุรี. หลังกรุงศรีอยุธยาล่มสลาย เจ้าเมืองพิมายและกรมหมื่นเทพพิพิธได้ตั้งตัวเป็นชุมนุมอิสระที่สำคัญชุมนุมหนึ่งแต่ถูกปราบลงโดยพระเจ้าตาก หลังจากนั้นเมืองนครราชสีมาได้เป็นฐานกำลังทางทหารและการปกครองที่สำคัญของไทยมาโดยตลอด โดยในสมัยกรุงธนบุรีได้ถูกใช้เป็นฐานรวบรวมกำลังของ พระยาอภัยรณฤทธิ์ และ พระยาอนุชิตราชา ในการสงครามกับล้านช้างและกัมพูชา ในคราวสงครามตีเมืองเวียงจันทน์และได้พระแก้วมรกต หลวงยกกระบัตรเมืองพิมายอยู่ในทัพหน้า มีความดีความชอบจึงได้รับการแต่งตั้งเป็น พระยานครราชสีมา และ เจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น) ในที่สุด ต่อมาพระยากำแหงสงคราม (บุญคง) ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองนครราชสีมา ในช่วงปลายรัชสมัยพระเจ้าตาก เมื่อเกิดการกบฏพระยาสรรค์ขึ้น พระสุริยอภัย กรรมการเมืองนครราชสีมา ได้นำกำลังทหารชาวนครราชสีมากลับเข้าควบคุมสถานการณ์ในกรุงธนบุรีไว้ได้ก่อนที่ เจ้าพระยาจักรี และ เจ้าพระยาสุรสีห์ จะยกทัพกลับมาจากกัมพูชาและเกิดการเปลี่ยนแผ่นดิน ในครั้งนั้น พระยากำแหงสงคราม (บุญคง) เจ้าเมืองนครราชสีมา ที่นำทัพไปกัมพูชาพร้อมกับ เจ้าฟ้ากรมขุนอินทรพิทักษ์ ถูกประหารชีวิตไปพร้อมกับเชื้อพระวงศ์ และขุนนางเดิมของพระเจ้าตาก จำนวนหนึ่ง และได้มีการเปลี่ยนตัวเจ้าเมืองนครราชสีมาเป็นพระยานครราชสีมา (เที่ยง) ผู้ซึ่งเป็นบุตรของเจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น)สมัยรัตนโกสินทร์ สมัยรัตนโกสินทร์. ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมืองนครราชสีมามีฐานะเป็นเมืองชั้นเอก กำกับตรวจตราเมืองประเทศราช ๓ เมือง คือ เวียงจันทน์ นครพนม จำปาศักดิ์ ให้รวมทั้งปกครองหัวเมืองเขมร พระยานครราชสีมา (เที่ยง) เป็นผู้สำเร็จราชการ และในรัชสมัยนี้ ชาวเมืองนครราชสีมาได้น้อมเกล้าถวายช้างเผือก 2 เชือก ในสมัยรัชกาลที่ 2 เกิดกบฏ อ้ายสาเกียดโง้ง ที่จำปาศักดิ์ มีรับสั่งให้พระยานครราชสีมา (เที่ยง) นำกองทัพไปปราบ แต่ เจ้าอนุวงศ์ เจ้าประเทศราชเวียงจันทน์ส่งเจ้าราชวงศ์ไปปราบกบฏได้เสร็จสิ้นก่อน และเจ้าราชวงศ์ได้ครองเมืองจำปาศักดิ์ต่อมา ต่อมาทองอิน เชื้อสายของพระเจ้าตาก และบุตรบุญธรรมของเจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น) ได้เป็นผู้สำเร็จราชการต่อจากพระยานครราชสีมา (เที่ยง) ในสมัยรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ ฉวยโอกาสที่เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) นำกองทหารไปราชการต่างเมือง ยกทัพลาวมายึดครองเมืองนครราชสีมา และส่งกองทหารไปกวาดต้อนครอบครัวลาวถึงเขตเมืองสระบุรีก่อนที่จะถอยทัพเมื่อกองทัพสยามจากพระนครเริ่มรวมพลได้ทัน เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 ก่อนกองทัพลาวจะถอยทัพออกจากเมืองนครราชสีมา ไปยังทางเหนือเพื่อสมทบกับกองทัพของเจ้าสุทธิสาร โดยก่อนไป ได้ถอนเสาหลักเมืองออกเพื่อให้เป็นเมืองร้าง และเจ้าอนุวงศ์ได้สั่งการให้ทหารกองหลังรื้อกำแพงเมืองออก เผาประตูเมือง และสถานที่สำคัญๆในเมืองให้หมดสิ้น ให้ตัดต้นไม้ที่ให้ผลให้เหลือแต่ตอ ด้วยที่จะได้กลับมายึดเมืองนครราชสีมาได้สะดวกในภายหลัง ทำให้ต้นไม้ผลถูกตัดหมดสิ้น กำแพงเมืองจากมุมทิศอิสานและกำแพงเมืองด้านทิศตะวันออกถูกรื้อออกหมด กำแพงเมืองทางทิศใต้ถูกรื้อมาถึงด้านหลังวัดสระแก้ว ส่วนกำแพงเมืองจากมุมทิศอิสานและกำแพงเมืองทางทิศเหนือถูกรื้อ กำแพงเมืองด้านทิศตะวันตกถูกรื้อออก 1 ส่วนเหลือ 2 ส่วน ประตูเมืองถูกเผาบางส่วน 3 ประตูคือ ประตูเมืองทางทิศตะวันเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันออก ชาวเมืองนครราชสีมาผู้เฒ่าผู้แก่ที่ไม่ได้ถูกกวาดต้อน ได้รับข่าวว่ากองทัพจากพระนครที่ส่งกำลังมาช่วยเหลือ กำลังจะเดินทัพมามาถึงทุ่งโพธิ์เตี้ยห่างจากเมืองนครราชสีมา 10 กม. ในอีกไม่นาน ทำให้กำลังทหารลาวกองหลังของเจ้าอนุวงศ์ที่กำลังทำรื้อกำแพง และเผาทำลายเมืองนครราชสีมาอยู่นั้น เกิดความหวาดกลัวและถอยทัพออกไป ทำให้เมืองนครราชสีมาถูกเผาทำลายลงไปเพียงบางส่วน ส่วนชาวเมืองนครราชสีมาที่ถูกกวาดต้อนไปนั้น ได้รวมตัวกันต่อต้านกองทัพลาวของเจ้าอนุวงศ์ โดยมีพระยาปลัดนครราชสีมา พระยายกกระบัตร และ พระณรงค์สงคราม (มี) เป็นผู้นำในการรบ ณ ทุ่งสัมฤทธิ และผู้นำในการสนับสนุนช่วยเหลือการรบ คือ คุณหญิงโม ภริยาปลัดเมืองนครราชสีมา และนางสาวบุญเหลือ บุตรบุญธรรมคุณหญิงโม ต่อมากองทัพชาวนครราชสีมาได้ร่วมกับกองทัพหลวงของกรมพระราชวังบวรฯ ในการรบครั้งต่อๆมาจนกระทั่งเข้ายึดเมืองเวียงจันทน์ได้ในที่สุด ภายหลัง คุณหญิงโมได้รับการแต่งตั้งเป็นท้าวสุรนารี และ พระณรงค์สงครามได้เลื่อนตำแหน่งเป็นพระยาณรงค์สงคราม ในการสงครามเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) และพระยาณรงค์สงคราม ได้เป็นทัพหน้าของกองทัพที่นำโดยเจ้าพระยาบดินทรเดชานำพลชาวนครราชสีมาทำการรบอย่างกล้าหาญในสงครามกับเวียดนาม และสามารถรุกไปถึงเขตแดนเมืองไซ่ง่อน ก่อนที่จะต้องถอยทัพเนื่องจากกองทัพไทยพ่ายแพ้ในแนวรบด้านอื่น ต่อมาพระยาณรงค์สงคราม ได้เป็นนายทัพสำคัญในกองทัพของเจ้าพระยาบดินทรเดชา จนสิ้นสุดสงคราม เมื่อ เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) ถึงแก่กรรม พระพรหมบริรักษ์ (เกษ) บุตรชายคนโตของเจ้าพระยาบดินทรเดชาได้รับการแต่งตั้งให้เป็น เจ้าเมืองนครราชสีมาคนต่อมา เมื่อว่างเว้นจากสงคราม เมืองโคราชได้ฟื้นตัวขึ้นใหม่กลายเป็นชุมทาง การค้าที่สำคัญ ในการติดต่อระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับภาคกลาง มีกองเกวียน กองคาราวานการค้า ขนาดใหญ่ผ่าน และ หยุดพักอยู่เสมอ ในสมัยรัชกาลที่ 4 บาทหลวงปาลเลกัวซ์ ได้เขียนว่า ตัวเมืองโคราชล้อมรอบด้วยกำแพงตั้งอยู่บนที่ราบสูง เดินทางจากบางกอกใช้เวลา 6 วันโดยไต่ระดับสูงขึ้นไปตามเส้นทาง ดงพญาไฟ ประชากรโคราชมีประมาณ 60,000 คน ครึ่งหนึ่งเป็นคนสยาม อีกครึ่งหนึ่งเป็นคนเขมร ในตัวเมืองมีประชากร 7,000 คน มีคนจีนประมาณ 700 คน มีเหมืองแร่ทองแดง มีโรงหีบอ้อย สินค้า คือ ข้าว งาช้าง หนังสัตว์ เขาสัตว์ ไม้เต็ง อบเชย ในรัชกาลนี้ เจ้าพระยานครราชสีมา (เกษ) ได้เลื่อนเป็น เจ้าพระยามุขมนตรี (เกษ) และ เจ้าเมืองนครราชสีมาคนต่อมาคือ พระยานครราชสีมา (แก้ว) บุตรชายคนรองของเจ้าพระยาบดินทรเดชา หลังจากนั้น พระยานครราชสีมา (แก้ว) ได้เลื่อนเป็น เจ้าพระยายมราช (แก้ว) และ เจ้าเมืองคนต่อมาคือ พระยานครราชสีมา (เมฆ) บุตรชายคนโตของ เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) ในสมัยรัชกาลที่ 5 พระยานครราชสีมา (เมฆ) บุตรของ เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) ได้เป็นแม่ทัพบกไปปราบจีนฮ่อที่เมืองหนองคาย ต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งมณฑลนครราชสีมาเพื่อควบคุมดูแลหัวเมืองในบริเวณใกล้เคียง เป็นมณฑลแรกของประเทศ มีพระยานครราชสีมา (กาจ สิงหเสนี) บุตรเขยของพระยานครราชสีมา (เมฆ) เป็นผู้ว่าราชการคนแรก มีการจัดตั้งกองทหารประจำมณฑลตามหลักสากล มีการตั้งโรงเรียนนายร้อยตำรวจที่นครราชสีมา มีการสร้างทางรถไฟจากกรุงเทพฯ ผ่านอยุธยา สระบุรี ดงพญาไฟ ไปสู่นครราชสีมา จนเปิดการเดินรถไฟหลวง สายกรุงเทพ - นครราชสีมา ได้สำเร็จ การคมนาคมติดต่อสะดวกขึ้นเป็นอย่างมาก ในช่วงเดียวกันฝรั่งเศสได้เข้ามามีอำนาจเหนือคาบสมุทรอินโดจีน ทำให้สยามจำต้องเร่งการปรับปรุงพัฒนาราชอาณาจักรโดยเฉพาะในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในสมัยรัชกาลที่ 6 มีการจัดตั้งการขนส่งปรษณียภัณฑ์ทางอากาศ และ สายการบินระหว่าง กรุงเทพ - นครราชสีมา มีการขยายเส้นทางรถไฟสายอีสาน จนสามารถขยายเส้นทางการเดินรถไฟจาก นครราชสีมา ถึง ขอนแก่น และ นครราชสีมา ถึง อุบลราชธานี ได้สำเร็จในสมัยรัชกาลที่ 7ยุคหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ยุคหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง. ในช่วงหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พระองค์เจ้าบวรเดช ได้รวบรวมกองกำลังทหารจากมณฑลนครราชสีมาเป็นหลัก ร่วมกับ พันเอกพระยาศรีสิทธิ์สงคราม เพื่อทำการต่อสู้กับคณะผู้เปลี่ยนแปลงการปกครอง คณะผู้ก่อการได้ยกกองกำลังเข้ามาล้อมกรุงเทพฯ แต่เมื่อการต่อสู้ยืดเยื้อในที่สุดก็ต้องถอยทัพและประสบความพ่ายแพ้เนื่องจากมีกำลังที่น้อยกว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ พันโทหลวงพิบูลสงครามผู้บัญชาการกองกำลังผสมฝ่ายรัฐบาล มีอำนาจในการควบคุมกำลังทหารมากขึ้นส่งผลให้ได้อำนาจทางการเมืองและจัดตั้งรัฐบาลทหารได้ในเวลาต่อมา ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กองทหารในสังกัด มณฑลทหารบกที่ 3 นครราชสีมา ได้ทำการร่วมรบในกรณีพิพาทอินโดจีน กองทัพไทยสามารถยึดดินแดนกลับคืนมาบางส่วน เป็นการชั่วคราว หลังสงครามยุติสหรัฐอเมริกาได้ให้ความช่วยเหลือสร้างถนนมิตรภาพ จาก สระบุรี ถึง นครราชสีมา ซึ่งเป็นทางหลวงที่ได้มาตรฐานดีที่สุดของประเทศในขณะนั้น ในช่วงสงครามเวียดนาม สหรัฐอเมริกาได้ขอใช้นครราชสีมาเป็นฐานบัญชาการการรบ มีการสร้างฐานบินโคราช และต่อมาไทยได้เปลี่ยนให้เป็น กองบิน 1 ซึ่งเป็นฐานกำลังรบทางอากาศหลักของกองทัพอากาศไทยในปัจจุบัน โดยมีมีเครื่องบิน F-16 ประจำการอยู่สองฝูงบิน ในปี พ.ศ. 2523 มีความพยายามรัฐประหารโดยกลุ่มทหารของ พลเอกสัณห์ จิตรปฏิมา แต่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์นายกรัฐมนตรี ได้กราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ทรงแปรพระราชฐานไปประทับที่นครราชสีมา กองกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 2 นำโดยพลตรี อาทิตย์ กำลังเอกได้เป็นกองกำลังหลักในการปราบกบฏลงได้ในที่สุด หลังจากนั้น อดีตผู้บัญชาการกองทัพภาคที่ 2 หลายท่านได้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกในเวลาต่อมา เนื่องจากความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ปัจจุบัน นครราชสีมา จึงได้กลายเป็นเมืองศูนย์กลางการรบที่สำคัญรองจากกรุงเทพมหานคร เป็นประตูสู่อิสาน เป็นศูนย์กลางการคมนาคมของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งเป็นที่ตั้งของกองฐานกำลังรบหลักของกองทัพบก และกองทัพอากาศในปัจจุบัน ในปี พ.ศ. 2553 ได้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในจังหวัดนครราชสีมา เนื่องจากฝนช่วงปลายฤดูตกหนักในบริเวณต้นแม่น้ำมูล นับเป็นอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 50 ปีภูมิศาสตร์ภูมิประเทศ ภูมิศาสตร์. ภูมิประเทศ. จังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่บนที่ราบสูงโคราช ห่างจากกรุงเทพ 259 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมด 20,493.964 ตารางกิโลเมตร (12,808,728 ไร่) เป็นพื้นที่ป่าไม้ 2,297,735 ไร่ โดยส่วนใหญ่เป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติคืออุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และอุทยานแห่งชาติทับลานร้อยละ 61.4 และเป็นแหล่งน้ำ 280,313 ไร่ ทิศเหนือติดต่อกับจังหวัดชัยภูมิ และขอนแก่น ทิศใต้ติดต่อกับจังหวัดปราจีนบุรี นครนายก และสระแก้ว ทิศตะวันออกติดต่อกับจังหวัดบุรีรัมย์ และทิศตะวันตกติดต่อกับจังหวัดสระบุรี ชัยภูมิ และลพบุรี พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางระหว่าง 150-300 เมตร มีเทือกเขาสันกำแพง และเทือกเขาพนมดงรัก เป็นแนวยาวทางด้านทิศใต้และทิศตะวันตก ส่วนบริเวณตอนล่างค่อนไปทางเหนือและตะวันออกเป็นที่ราบลุ่ม โดยมีลำตะคองและลำน้ำสาขาอื่น ๆ ไหลหล่อเลี้ยงบริเวณด้านเหนือของเมือง และ เป็นสาขาหนึ่งของแม่น้ำสำคัญคือแม่น้ำมูลซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของภาคตะวันออกเฉียงเหนือภูมิอากาศ ภูมิอากาศ. สภาพภูมิอากาศของจังหวัดนครราชสีมาจัดอยู่ในประเภททุ่งหญ้าเขตร้อน มีลมมรสุมหลักพัดผ่านคือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้อากาศหนาวเย็นและแห้งแล้ง กับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้มีอากาศชุ่มชื้นและมีฝนตกชุก โดยทั่วไปสามารถแบ่งฤดูกาลออกได้เป็น 3 ฤดู คือ ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม มีฝนตกชุก ตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงเดือนตุลาคม โดยมีปริมาณน้ำฝนสูงสุดในเดือนตุลาคม ฤดูหนาว สภาพอากาศจะเริ่มเปลี่ยนจากฤดูฝนไปสู่ฤดูหนาวตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ระยะนี้ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นลมหนาวและแห้งพัดจากประเทศจีน และฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ ถึงกลางเดือนพฤษภาคม เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมาเป็นพื้นที่ราบสูง มีป่าและทิวเขาสูงกั้นเขตแดนเป็นแนวยาว อากาศจึงค่อนข้างร้อนอบอ้าวในฤดูร้อน และในฤดูหนาวก็ค่อนข้างหนาวเย็นโดยอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีประมาณ 27.4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 22.7 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 33 อาศาเซลเซียส มีค่าความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยตลอดทั้งปี 71 % ความชื้นสัมพัทธ์สูงสุดเฉลี่ย 89% ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำสุดเฉลี่ย 49 %ข้อมูลการปกครองการปกครองส่วนภูมิภาค ข้อมูลการปกครอง. การปกครองส่วนภูมิภาค. แบ่งปกครองแบ่งออกเป็น 32 อำเภอ 289 ตำบล 3,743 หมู่บ้าน เนื้อที่รวม 20,493.968 ตารางกิโลเมตรการปกครองส่วนท้องถิ่น การปกครองส่วนท้องถิ่น. มีจำนวนทั้งสิ้น 334 แห่ง แบ่งออกเป็น เทศบาลนคร 1 แห่ง เทศบาลเมือง 4 แห่ง เทศบาลตำบล 85 แห่ง และ องค์การบริหารส่วนตำบล 243 แห่ง โดยเทศบาลสามารถจำแนกได้ตามพื้นที่ดังนี้รายนามผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเศรษฐกิจ เศรษฐกิจ. โครงสร้างเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดนครราชสีมามีโครงสร้างที่สำคัญ ได้แก่ ภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร และการค้าส่งค้าปลีก ซึ่งมีอัตราสัดส่วนโครงสร้างร้อยละ 22.46, 19.82 และ 14.91 ตามลำดับ ในภาคการเกษตร จังหวัดมีพื้นที่เกษตรกรรมทั้งสิ้น 8,931,032 ไร่ แบ่งเป็น ปลูกข้าว จำนวน 4,329,724 ไร่ พืชไร่จำพวกข้าวโพด มันสำปะหลัง ปอ ฝ้าย และข้าวฟ่าง จำนวน 3,793,602 ไร่ และปลูกพืชสวน 632,170 ไร่ มีครัวเรือนเกษตรกรรวมทั้งสิ้น 326,587 ครัวเรือน โดยมีพืชเศรษฐกิจ 3 อันดับแรก คือ ข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงสัตว์ เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด การเลี้ยงไหมโดยเฉพาะที่อำเภอปักธงชัยเป็นแหล่งผ้าไหมที่ขึ้นชื่อ อาชีพการทำป่าไม้ และการประมงน้ำจืดตามลุ่มน้ำ ในภาคอุตสาหกรรม ปี พ.ศ. 2553 จังหวัดนครราชสีมามีโรงงานทั้งสิ้น 2,398 โรงงาน มีมูลค่าการลงทุน ประมาณ 119 ล้านบาท ซึ่งโรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมการเกษตรมีสัดส่วนเฉลี่ยร้อยละ 18.84 อุตสาหกรรมขนส่งเฉลี่ยร้อยละ 12.27 อุตสาหกรรมอโลหะเฉลี่ยร้อยละ 11.38 และอุตสาหกรรมอาหารเฉลี่ยร้อยละ 10.02 สำหรับอุตสาหกรรมเหมืองแร่ มีแร่ที่สำคัญคือ หินบะซอลต์ หินปูน และ เกลือหิน โดยเฉพาะเกลือหิน พบมากในตอนเหนือและตอนกลางของจังหวัด ปี พ.ศ. 2557 (2014) มีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (Gross Provincial Product - GPP) เท่ากับ 245,248 ล้านบาท อยู่ในลำดับที่ 1 ของภาตตะวันออกเฉียงเหนือ ลำดับที่ 10 ของประเทศ และ ผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อคน (GPP per capita) เท่ากับ 97,963 บาท เป็นอันดับ 2 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และอันดับ 37 ของประเทศ ในปี พ.ศ. 2558 (year 2015) จังหวัดนครราชสีมามีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (Gross Provincial Product - GPP) เท่ากับ 264,964 ล้านบาท อยู่ในลำดับที่ 1 ของภาตตะวันออกเฉียงเหนือ ลำดับที่ 10 ของประเทศ และ ผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อคน (GPP per capita) เท่ากับ 106,000 บาท อยู่ในลำดับที่ 2 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลำดับที่ 32 ของประเทศ ภาคการเงินการธนาคาร จังหวัดนครราชสีมามีจำนวนสำนักงานของธนาคารทั้งสิ้น 187 สำนักงาน(มีนาคม พ.ศ. 2560) เงินรับฝากรวมทุกประเภท (มีนาคม พ.ศ. 2557) ทั้งสิ้น 115,893 ล้านบาท และ เงินให้สินเชื่อรวมทุกประเภท (มี.ค.2557) ทั้งสิ้น 123,798 ล้านบาทนิคมอุตสาหกรรมนิคมอุตสาหกรรม. - นิคมอุตสาหกรรมนวนคร 2 นครรราชสีมา - เขตอุตสาหกรรมสุรนารี - นิคมอุตสาหกรรมสูงเนิน (โครงการ) ประชากรศาสตร์ชาติพันธุ์ ประชากรศาสตร์. ชาติพันธุ์. ปัจจุบันจังหวัดนครราชสีมามีประชากรมากเป็นอันดับหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมากเป็นอันดับสองของประเทศรองจากกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยประชากรหลากหลายเชื้อชาติหรือหลายชาติพันธุ์ แต่กลุ่มชาติพันธุ์ในจังหวัดนครราชสีมาที่มีจำนวนมากมีอยู่สองกลุ่มใหญ่คือ ไทย (หรือเรียกอีกอย่างว่า ไทโคราช) และอีกกลุ่มคือชาวลาว (ตอนบนและด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเขตจังหวัด) และมีชนกลุ่มน้อยอีกได้แก่ มอญ กุย (หรือส่วย) ชาวบน จีน ไทยวน ญวน และแขกไทโคราช ไทโคราช. กลุ่มชาติพันธุ์ไทยที่อยู่ในนครราชสีมาเรียกอีกอย่างว่า ไทโคราช เป็นคนกลุ่มใหญ่ที่สุดในจังหวัดนครราชสีมา คนกลุ่มนี้ใช้ภาษาคล้ายคนไทยภาคกลาง เพียงแต่เสียงวรรณยุกต์เพี้ยนไปบ้าง และมีคำศัพท์สำนวนบางอย่างที่มีลักษณะเป็นของตนเอง เดิมถิ่นนี้ชาวพื้นเมืองเป็นละว้า ชาวไทยภาคกลางได้อพยพเข้ามาอยู่อาศัย สมัยกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าอู่ทองให้ขุนหลวงพะงั่วยกกองทัพมารวบรวมดินแดนแถบนี้เข้ากับกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าอู่ทองโปรดฯให้กองทหารอยุธยาตั้งด่านอยู่ประจำ และส่งช่างชาวอยุธยามาก่อสร้างบ้านเรือนและวัดวาอารามเป็นอันมาก ชาวไทยอยุธยาได้อพยพเข้ามาอยู่อาศัยเพิ่มขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และได้อพยพมาอยู่นครราชสีมาอีกระลอกหนึ่งคือ คราวเสียกรุงครั้งที่2 โดยมีชาวไทยชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกได้อพยพเข้ามาเพิ่มด้วย ชาวไทยกลุ่มนี้และชาวไทยพื้นเมืองเดิม (เข้าใจว่าเป็นชาวสยามลุ่มน้ำมูล) สืบเชื้อสายเป็นชาวไทยโคราชและรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีสืบทอดกันมา กลุ่มไทโคราชเป็นกลุ่มที่แสดงเอกลักษณ์ของเมืองนครราชสีมา เพราะสำเนียงแตกต่างจากกลุ่มอื่น เป็นกลุ่มที่พูดภาษาไทยโคราชซึ่งคล้ายคลึงภาษาไทยกลางแต่สำเนียงเพี้ยน เหน่อ ห้วนสั้น เกิ่นเสียง มีคำไทยลาว (อีสาน) ปะปนบ้างเล็กน้อย ชาวไทยโคราชแต่งกายแบบไทยภาคกลาง รับประทานข้าวเจ้า อาหารทั่วไปคล้ายคลึงภาคกลาง ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมคล้ายไทยภาคกลาง ปัจจุบัน กลุ่มไทยโคราชอาศัยอยู่ในทุกอำเภอในจังหวัดนครราชสีมา ยกเว้นบางอำเภอที่มีชาวไทยอีสานมากกว่า (อำเภอบัวใหญ่ ปักธงชัย และสูงเนิน) และยังพบชาวไทยโคราชในบางส่วนของจังหวัดสระบุรี จังหวัดลพบุรี จังหวัดชัยภูมิ (อำเภอบำเหน็จณรงค์และจัตุรัส) และจังหวัดบุรีรัมย์ (อำเภอเมืองบุรีรัมย์ นางรอง และหนองกี่)ชาวไทอีสาน ชาวไทอีสาน. ชาวไทอีสานเป็นกลุ่มหนึ่งที่มีจำนวนประชากรมากรองจากกลุ่มไทโคราช อาศัยอยู่มากในบางอำเภอของจังหวัดนครราชสีมา เช่น อำเภอบัวใหญ่ อำเภอบัวลาย อำเภอสีดา อำเภอแก้งสนามนาง อำเภอประทาย อำเภอโนนแดง อำเภอบ้านเหลื่อม อำเภอเมืองยาง อำเภอลำทะเมนชัย อำเภอปักธงชัย อำเภอสูงเนิน และบางส่วนของอำเภอคง อำเภอห้วยแถลง อำเภอชุมพวง อำเภอครบุรี อำเภอเสิงสาง และอำเภอสีคิ้ว เป็นต้น ชาวไทยอีสานพูดภาษาอีสานท้องถิ่นคล้ายกับจังหวัดอื่นๆในภาคอีสาน และมีขนบธรรมเนียมประเพณีเหมือนชาวอีสานทั่วไป กลุ่มชาวไทยอีสานอพยพเข้ามาอยู่ในจังหวัดนครราชสีมาหลายรุ่นตามความเจริญของเศรษฐกิจ ในบางข้อสันนิฐานให้ข้อมูลว่า เดิมชาวโคราชพูดภาษากลางแบบชาวสยาม และมีชาวไทยอีสานอพยพเข้ามาอยู่ปะปนกัน จึงเกิดการผสมผสานเป็นภาษาไทโคราช แต่อย่างไรก็ดีชาวไทยอีสานดั้งเดิมมีถิ่นอาศัยอยู่ในภาคอีสานมานานแล้ว มิได้อพยพมาจากฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง มีความพัวพันกับอาณาจักรไทยในอดีต เช่น โคตรบูรณ์ ศรีจะนาศะ ซึ่งเป็นอาณาจักรของศาสนาพุทธ มิใช่พราหม-ฮินดู แบบจักรวรรดิ์เขมร กล่าวได้ว่าชาวไทยอีสานเป็นชนพื้นเมืองเดิมของภาคอีสานมาช้านานแล้วชาวไทยเชื้อสายลาว ชาวไทยเชื้อสายลาว. อพยพเข้ามาอยู่สมัยสงครามปราบปรามเมืองเวียงจันทน์ในสมัยกรุงธนบุรี และสมัยปราบเจ้าอนุวงศ์ในรัชกาลที่3 มีการกวาดต้อนครอบครัวลาวเข้ามาอยู่ในหัวเมืองชั้นในหลายครั้ง และมีการอพยพเข้ามาโดยสมัครใจเพิ่มขึ้นในระยะหลัง คนกลุ่มที่นี้มักเรียกกันว่า "ลาวเวียง" มีการใช้ภาษาลาวสำเนียงเวียงจันทน์ซึ่งต่างกับภาษาอีสานสำเนียงท้องถิ่นอย่างสิ้นเชิง กระจายอาศัยกันอยู่ทั่วไปในจังหวัดนครราชสีมา ปัจจุบันสืบหาแทบไม่ได้แล้วเนื่อจากการเทครัวมีมานับ200ปีและมีการแต่งงานกับคนพื้นเมือง มีจำนวนน้อยที่สืบหาได้ว่ามีเชื้อสาวลาวเวียงจันทน์ตามคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ เช่น การเก็บรักษาผ้าซิ่นแต่เดิมไว้ และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เนื่องจากชาวลาวเวียงจันทน์อพยพมาจากเมืองที่มีวัฒนธรรมสูง มักจะมีของมีค่าติดตัวมาด้วย เช่น ผ้าซิ่น ข้าวของเครื่องใช้ รวมถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตแบบชาวเวียงจันทน์ที่ยังสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ชาลาวเวียงจันทน์อพยพมากที่สุดในสมัยรัชกาลที่3เนื่องจากมีการทำสงครามกับเวียงจันทน์หลายครั้ง และเป็นครั้งใหญ่ที่ทำลายนครเวียงจันทน์อย่างราบคราบ จึงทำให้ชาวลาวเวียงจันทน์ถูกเกณฑ์เป็นเชลยจำนวนมาก โดยหัวเมืองใหญ่อย่างนครราชสีมารับชาวเชลยไว้เป็นจำหนึ่ง ส่วนที่เหลือกระจายไปตามหัวเมืองต่างๆในภาคกลางมอญ มอญ. จากการสำรวจสำมะโนประชากรของจังหวัดนครราชสีมา เมื่อปี พ.ศ. 2446 ในสมัยรัชกาลที่ 5 พบว่า มีชาวมอญอยู่จำนวน 2,249 คน จากจำนวนประชากรของนครราชสีมา 402,668 คน ชาวมอญอพยพเข้ามาอยู่บริเวณเมืองนครราชสีมา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2318 ในสมัยกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พระราชทานครัวมอญที่อพยพเข้ามาสวามิภักดิ์ มีเจ้าพระยามหาโยธา (พญาเจ่ง) ต้นสกุล "คชเสนี" เป็นหัวหน้า แบ่งให้พระยานครราชสีมานำขึ้นมาอยู่ที่เมืองนครราชสีมา ตั้งครัวมอญที่ลำพระเพลิง เขตอำเภอปักธงชัยที่บ้านพลับพลา อำเภอโชคชัย พระยาศรีราชรามัญผู้เป็นหัวหน้าพาญาติพี่น้องมาอยู่ในเมืองเป็นสายกองส่วยทอง ตั้งบ้านเรือนเรียกว่าบ้านมอญ เมื่อเกิดกบฏเจ้าอนุวงศ์ เมื่อปี พ.ศ. 2336 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยามหาโยธา (ทอเรียะ คชเสนี) คุมกองมอญมาสมทบมาร่วมรบกับกำลังฝ่ายไทย เมื่อเสร็จศึกแล้วพวกมอญเห็นเมืองปักธงชัยอุดมสมบูรณ์จึงมาตั้งถิ่นฐาน ปัจจุบันชาวมอญในนครราชสีมายังรักษาวัฒนธรรมประเพณีมอญไว้ เช่น ภาษา การไหว้ผี การเล่นสะบ้าในเขตบ้านท่าโพธิ บ้านสำราญเพลิง ตำบลนกออก อำเภอปักธงชัย ประกอบอาชีพทำนา ทำสวน ทำเครื่องปั้นดินเผา ภาษามอญจะใช้พูดในชาวไทยมอญที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป คนรุ่นหลังจากนี้จะพูดภาษาไทยโคราชทั้งสิ้นส่วย ส่วย. ส่วย หรือ ข่า เป็นชนพื้นเมืองของหัวเมืองเขมรป่าดงและเมืองนครราชสีมา พูดภาษาตระกูลมอญ-เขมร ได้อยู่ในพื้นที่นี้ก่อนที่คนไทยจะเข้ามามีอิทธิพลเหนือดินแดนบริเวณลุ่มแม่น้ำมูลตอนบน เมื่อปี พ.ศ. 2362 เจ้าเมืองนครราชสีมา (ทองอินทร์) ตีข่าได้ แล้วนำมายังเมืองนครราชสีมา ภาษาส่วย เป็นภาษาของชาวส่วยที่อพยพมาจากจังหวัดสุรินทร์ จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดบุรีรัมย์ ที่มาตั้งหลักแหล่งอยู่ที่ ตำบลห้วยแถลง อำเภอห้วยแถลง ปัจจุบันมีเฉพาะผู้ที่อายุเกิน 40 ปีขึ้นไป ที่ยังคงใช้ภาษาส่วยในกลุ่มของตนเอง นอกจากนั้นจะใช้ภาษาไทยโคราชเป็นพื้นญัฮกุร ญัฮกุร. ญัฮกุร หรือ เนียะกุล เป็นชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ตามไหล่เขาหรือเนินเขาเตี้ย ๆ บริเวณด้านในของที่ราบสูงโคราช ชาวบนอาจสืบเชื้อสายมาจากคนในสมัยทวารวดี อยู่ในบางหมู่บ้านของอำเภอปักธงชัย อำเภอครบุรี และอำเภอหนองบุญมาก ภาษาชาวบน เป็นภาษาตระกูลมอญ-เขมร ปัจจุบันชาวบนพูดภาษาชาวบนเฉพาะผู้ที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป นอกจากนั้นใช้ภาษาไทยโคราชไทยวน ไทยวน. ไทยวน หรือ ไทยโยนก เป็นเผ่าไทยในภาคเหนือของไทย ได้อพยพเข้ามาอยู่ที่อำเภอสีคิ้วสองทางด้วยกันคือ พวกแรกอพยพจากทางเหนือมาอยู่ที่อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี ต่อมาเจ้าเมืองสระบุรีต้องการตั้งกองเลี้ยงโคนมที่เมืองนครจันทึก จึงได้แบ่งครอบครัวชาวไทยวนจากอำเภอเสาไห้ไปอยู่ที่อำเภอสีคิ้ว ส่วนอีกพวกหนึ่งอพยพมาจากเวียงจันทน์ ชาวไทยวนยังรักษาประเพณีและวัฒนธรรมแบบโยนกไว้ได้ดีมาก ภาษาไทยวน ใช้พูดในหมู่ไทยวนด้วยกันเองซึ่งมีอยู่ประมาณ 5,000 คน ในเขตอำเภอสีคิ้ว ในท้องที่ตำบลลาดบัวขาว ตำบลสีคิ้ว และตำบลบ้านหัน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มเชื้อสาย ชาวจีน, ชาวเวียดนาม, และแขก(อินเดีย, บังคลาเทศ, ปากีสถาน ฯลฯ)การศึกษา การศึกษา. จังหวัดนครราชสีมามีสถาบันการศึกษาหลายแห่ง โดยแบ่งเป็นระดับประถมศึกษา ทั้งหมด 7 เขต และมัธยมศึกษา 1 เขต (ไม่รวมสังกัด อปท.)การแบ่งเขตพื้นที่มัธยมศึกษาการแบ่งเขตพื้นที่มัธยมศึกษา. - สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 31 - ครอบคลุมโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดนครราชสีมา 50 แห่ง - สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา - ครอบคลุมโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดนครราชสีมา 59 แห่งการแบ่งเขตพื้นที่ประถมศึกษา การแบ่งเขตพื้นที่ประถมศึกษา. แบ่งเป็นระดับประถมศึกษา ทั้งหมด 7 เขต- เขต 1 - อำเภอเมืองนครราชสีมาและอำเภอโนนสูง - เขต 2 - อำเภอจักราช อำเภอหนองบุญมาก อำเภอห้วยแถลง อำเภอเฉลิมพระเกียรติและอำเภอโชคชัย - เขต 3 - อำเภอปักธงชัย อำเภอครบุรี อำเภอเสิงสาง และอำเภอวังน้ำเขียว - เขต 4 - อำเภอสีคิ้ว อำเภอสูงเนินและอำเภอปากช่อง - เขต 5 - อำเภอเทพารักษ์ อำเภอพระทองคำ อำเภอขามสะแกแสง อำเภอขามทะเลสอ อำเภอโนนไทยและอำเภอด่านขุนทด - เขต 6 - อำเภอสีดา อำเภอบัวลาย อำเภอบ้านเหลื่อม อำเภอแก้งสนามนาง อำเภอคงและอำเภอบัวใหญ่ - เขต 7 - อำเภอประทาย อำเภอเมืองยาง อำเภอชุมพวง อำเภอลำทะเมนชัย อำเภอพิมายและอำเภอโนนแดงโรงเรียนโรงเรียน. - โรงเรียนชายล้วนประจำจังหวัด: โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย - โรงเรียนสตรีประจำจังหวัด: โรงเรียนสุรนารีวิทยา - โรงเรียนสหศึกษาประจำจังหวัด: โรงเรียนบุญวัฒนา - โรงเรียนสหศึกษาประจำจังหวัด: โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์สถาบันอุดมศึกษาสถาบันอุดมศึกษาของรัฐสถาบันอุดมศึกษา. สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ. - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี - มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (ศูนย์กลางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นครราชสีมา) - มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา - มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครราชสีมา - มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย มหาปชาบดีเถรีวิทยาลัย และศูนย์การศึกษาโคราช - สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า สีคิ้ว) - สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (วนศ.นครราชสีมา) - วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมาสถาบันอุดมศึกษาเอกชนสถาบันอุดมศึกษาเอกชน. - มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล - วิทยาลัยนครราชสีมา - วิทยาลัยเทคโนโลยีพนมวันท์ - สถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชน ศูนย์การเรียนรู้จังหวัดนครราชสีมา - วิทยาลัยพิชญบัณฑิต นครราชสีมา - วิทยาลัยพุทธศาสนานานาชาติ วิทยาเขตนครราชสีมาสถาบันอาชีวศึกษาสถาบันการอาชีวศึกษาของรัฐสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 สถาบันอาชีวศึกษา. สถาบันการอาชีวศึกษาของรัฐ. สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5. สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 ประกอบด้วยวิทยาลัยในสังกัด 9 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา,วิทยาลัยอาชีวศึกษานครราชสีมา,วิทยาลัยเทคนิคหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ, วิทยาลัยเทคนิคสุรนารี,วิทยาลัยเทคนิคชัยภูมิ,วิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์,วิทยาลัยเทคนิคคูเมือง,วิทยาลัยเทคนิคสุรินทร์ และวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุรินทร์ มีที่ตั้งสำนักงานสถาบัน(ชั่วคราว) อยู่ภายในวิทยาลัยเทคนิคหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เป็น 1ในสถาบันการอาชีวศึกษา 19 สถาบัน ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎกระทรวงการรวมสถานศึกษาอาชีวศึกษาเพื่อจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2555 สำหรับวิทยาลัยในสังกัดในจังหวัดนครราชสีมา ได้แก่- วิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา เปิดสอนระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ-ปริญญาตรี (สายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการ) - วิทยาลัยเทคนิคสุรนารี อ.โชคชัย - วิทยาลัยเทคนิคหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ อ.ด่านขุนทด - วิทยาลัยอาชีวศึกษานครราชสีมา - วิทยาลัยเทคนิคพิมาย (การอาชีพพิมายเดิม)วิทยาลัยอาชีวศึกษาอื่น ๆวิทยาลัยอาชีวศึกษาอื่น ๆ. - วิทยาลัยสารพัดช่างนครราชสีมา - วิทยาลัยเกษตรกรรมและเทคโนโลยีนครราชสีมา อ.สีคิ้ว - วิทยาลัยเทคนิคปักธงชัย - วิทยาลัยบริหารธุรกิจและการท่องเที่ยวนครราชสีมา (NR-CBAT) เปิดสอนระดับ ปวช.-ปวส. ในด้านบริหารธุรกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว - วิทยาลัยการอาชีพปากช่อง - วิทยาลัยการอาชีพปากช่อง วิทยาเขตสูงเนิน - วิทยาลัยการอาชีพบัวใหญ่ - วิทยาลัยการอาชีพชุมพวงสถาบันอาชีวศึกษา (เอกชน)สถาบันอาชีวศึกษา (เอกชน). - วิทยาลัยเทคโนโลยีชนะพลขันธ์ นครราชสีมา - วิทยาลัยเทคโนโลยีช่างกลพณิชยการนครราชสีมา - วิทยาลัยเทคโนโลยีอาชีวศึษานครราชสีมา - โรงเรียนเทคโนโลยีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ - วิทยาลัยอาชีวศึกษาเมรี่เทคโนโลยี - วิทยาลัยเทคโนโลยีมารีย์บริหารธุรกิจ นครราชสีมา (สถาบันในเครือมารีย์วิทยา) - โรงเรียนเทคโนสุระ - บัวใหญ่เทคโนโลยีพณิชยการ - วิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการปากช่อง - วิทยาลัยเทคโนโลยีสายมิตร นครราชสีมา - โรงเรียนกุสุมภ์เทคโนโลยีวิทยาลัยเฉพาะทางวิทยาลัยเฉพาะทาง. - วิทยาลัยนาฏศิลปนครราชสีมา เปิดสอนหลักสูตรนาฏศิลป์ชั้นต้น กลาง และสูงสถาบันวิจัยสถาบันวิจัย. - สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) - ศูนย์วิจัยข้าวโพดข้าวฟ่างแห่งชาติการสาธารณสุขการสาธารณสุข. - โรงพยาบาลศูนย์- โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา (1,619 เตียง) เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข- โรงพยาบาลทั่วไป- โรงพยาบาลปากช่องนานา (300 เตียง) - โรงพยาบาลบัวใหญ่ (268 เตียง) - โรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมา (200 เตียง) - โรงพยาบาลพิมาย (144 เตียง)- โรงพยาบาลชุมชน - โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย- โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (608 เตียง)- โรงพยาบาลทหาร- โรงพยาบาลค่ายสุรนารี (420 เตียง) - โรงพยาบาลกองบิน 1 (50 เตียง)- โรงพยาบาลเอกชน - โรงพยาบาลเฉพาะทาง- โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ (300 เตียง)- อื่นๆ- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 5 กรมอนามัย (60 เตียง)การคมนาคมทางอากาศ การคมนาคม. ทางอากาศ. -วันที่ 2 กันยายน 2554 ที่ท่าอากาศยานนครราชสีมา อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา บริษัท Thai Regional Aviation จำกัด ได้ทำการเปิดเที่ยวบิน สุวรรณภูมิ-โคราช-สุวรรณภูมิ บริษัทเลือกใช้เครื่องบินรุ่น Piper Navajo Chieftain ซึ่งเป็นเครื่องบินที่ได้รับความนิยมสูง และ มีความปลอดภัยจากประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้เวลาในการเดินทาง 40 นาที -วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2558 สายการบิน กานต์แอร์ ได้ทำการเปิดเที่ยวบิน จาก ท่าอากาศยานเชียงใหม่ - ท่าอากาศยานนครราชสีมา โดยทำการบิน 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ( จันทร์,พุธ,พฤหัสบดี,เสาร์ ) โดยใช้เครื่องบินรุ่น ATR-72 (ปัจจุบันหยุดให้บริการในสายนี้แล้ว) -วันที่ 3 ธันวาคม 2560 สายการบินนิวเจน แอร์เวย์ส เปิดให้บริการเส้นทางบิน นครราชสีมา - เชียงใหม่ และภูเก็ต -วันที่ 21 ธันวาคม 2560 สายการบินนิวเจน แอร์เวย์ส เปิดให้บริการเส้นทางบิน นครราชสีมา - กรุงเทพฯ(ดอนเมือง)รายชื่อสายการบินรถยนต์ รถยนต์. จากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ มายังจังหวัดนครราชสีมาได้หลายเส้นทาง คือ- เส้นทางผ่านทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ผ่านรังสิต วังน้อย จนถึงจังหวัดสระบุรี ข้ามทางต่างระดับมิตรภาพ ทางทิศตะวันออก ไปยัง ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ผ่านอำเภอแก่งคอย มวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เรื่อยไปจนถึงอำเภอปากช่อง สีคิ้ว สูงเนิน และจังหวัดนครราชสีมา รวมระยะทางประมาณ 256 กิโลเมตร - ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 เส้นทางผ่านเขตมีนบุรี อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา อำเภอพนมสารคาม อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอวังน้ำเขียว อำเภอปักธงชัย จนถึงจังหวัดนครราชสีมา รวมระยะทางประมาณ 273 กิโลเมตร - ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 305 เส้นทางรังสิต-นครนายก ต่อทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 33 ไปกบินทร์บุรี แล้วแยกเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 ผ่านอำเภอวังน้ำเขียว ปักธงชัย เรื่อยไปจนถึงจังหวัดนครราชสีมารถโดยสารประจำทาง รถโดยสารประจำทาง. มีรถโดยสารธรรมดา และ รถปรับอากาศชั้น 1 ชั้น 2 และรถตู้ปรับอากาศ สาย 21 (กรุงเทพฯ - นครราชสีมา) วิ่งให้บริการจาก สถานีขนส่งหมอชิต 2 กรุงเทพฯ มายังจังหวัดนครราชสีมา ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีบริษัทเอกชน ที่ได้รับสัมปทานเปิดบริการเดินรถโดยสารสาย 21 ดังนี้ รถปรับอากาศชั้น 1 รถปรับอากาศชั้น 2 รถตู้ปรับอากาศ (ไม่รับรายทาง) ซึ่งจะให้บริการ รับ-ส่ง ผู้โดยสารที่สถานีขนส่งทั้งสองแห่ง คือ สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 1 (ถนนบุรินทร์) และ สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 (ถนนมิตรภาพ-หนองคาย) นอกจากนั้น ยังสามารถที่จะเลือกเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางจากกรุงเทพฯ ปลายทางจังหวัดต่าง ๆ ในภาคอีสานที่ผ่านจังหวัดนครราชสีมาได้ การเดินทางภายในเขตเทศบาลและพื้นที่ใกล้เคียง มีขนส่งสาธารณะให้บริการดังนี้คือ ถ้าต้องการเดินทางไปต่างอำเภอ จะมีรถโดยสารประจำทางหมวด 4 ให้บริการไปยังอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดนครราชสีมา หลายสายด้วยกัน สามารถขึ้นรถได้ที่สถานีขนส่งแห่งที่ 1 ถนนบุรินทร์ มีทั้งประเภทรถสองแถว และ รถบัสโดยสารประจำทางให้บริการ จะมีรถโดยสารไป อำเภอปักธงชัย อำเภอประทาย อำเภอด่านขุนทด อำเภอปากช่อง อำเภอสูงเนิน สำหรับสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 นั้น จะมีรถโดยสาร ไปเฉพาะ อำเภอพิมาย และ ด่านเกวียน, อำเภอโชคชัย มีทั้งรถโดยสารประจำทางธรรมดา และปรับอากาศ หมวด 2 และ 3 จำนวนหลายเส้นทางในจังหวัดต่าง ๆ วิ่งให้บริการผ่านจังหวัดนครราชสีมาที่สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 (ถนนมิตรภาพ-หนองคาย) ทุกวัน นอกจากนี้ มีรถโดยสารประจำทาง ให้บริการรับส่งผู้โดยสารจาก ต้นทางจังหวัดนครราชสีมา ไปยังปลายทางจังหวัดอื่น ในภาคต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ ในการเดินทางข้ามแดนจากจังหวัดนครราชสีมา ไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สามารถใช้หลักฐาน คือหนังสือเดินทางคือหนังสือผ่านแดน หรือหนังสือผ่านแดนชั่วคราวโดยมีแนวปฏิบัติและขั้นตอนดังต่อไปนี้ จังหวัดนครราชสีมา มีสถานีขนส่งผู้โดยสารที่ให้บริการแก่ผู้ที่ต้องเดินทางไปยังอำเภอ หรือ จังหวัดต่างๆ ดังนี้ สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 1 ตั้งอยู่เลขที่ 86 ถนนบุรินทร์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองฯ มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 7 ไร่ 2 งาน 98 ตารางวา เปิดใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 บริหารจัดการโดยเทศบาลนครนครราชสีมา ใช้เป็นสถานีขนส่งภายในจังหวัดเป็นหลัก และมีรถโดยสารปรับอากาศ สายที่ 21 กรุงเทพฯ – นครราชสีมา ให้บริการ ประกอบไปด้วย ปัจจุบันสถานีขนส่งฯ แห่งที่ 1 มีรถโดยสารประจำทางเข้าใช้บริการเฉลี่ยวันละ 2,000 เที่ยว/วัน หรือประมาณ 730,000 เที่ยว/ปี และมีผู้โดยสารหมุนเวียนเข้าใช้บริการเฉลี่ย 50,000 คน/วัน หรือประมาณ 18,000,000 คน/ปี สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 ตั้งอยู่ที่ ถนนมิตรภาพ-หนองคาย ตำบลในเมือง อำเภอเมืองฯ มีเนื้อที่ 29 ไร่ 50 ตารางวา เป็นสถานีขนส่งฯที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในจังหวัดนครราชสีมาและในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้ง และดำเนินการสถานีขนส่ง คือ บริษัท ไทยสงวนบริการ จำกัด ใช้เป็นสถานีขนส่งผู้โดยสารระหว่างจังหวัดเป็นหลักเส้นทางที่สำคัญคือ สายที่ 21 กรุงเทพฯ – นครราชสีมา ประกอบด้วย ปัจจุบันสถานีขนส่งฯ แห่งที่ 2 มีรถโดยสารประจำทางเข้าใช้บริการเฉลี่ยวันละ 1,300 เที่ยว /วัน หรือประมาณ 470,000 เที่ยว/ปี และมีผู้โดยสารหมุนเวียนเข้าใช้บริการเฉลี่ย 30,000 คน/วัน หรือประมาณ 11,000,000 คน/ปี สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอโชคชัย ตั้งอยู่เลขที่ 1 หมู่ที่ 12 ตำบลโชคชัย อำเภอโชคชัย มีเนื้อที่ 7 ไร่ บริหารจัดการโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เปิดดำเนินการเมื่อปี พ.ศ. 2539 ประกอบด้วย สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอโชคชัย มีรถโดยสารประจำทางเข้าใช้บริการวันละประมาณ 210 เที่ยว สถานีขนส่งฯ สามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณวันละ 2,000 คน /วัน สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอพิมาย ตั้งอยู่บริเวณตำบลในเมือง อำเภอพิมาย มีเนื้อที่ 6 ไร่ 54 ตารางวา ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้ง และดำเนินการสถานีขนส่งคือ บริษัท ไทยสงวนบริการ จำกัด เปิดดำเนินการเมื่อปี พ.ศ. 2538 ประกอบด้วย สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอพิมาย มีรถโดยสารประจำทางเข้าใช้บริการวันละประมาณ 230 เที่ยว สถานีขนส่งฯ สามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณวันละ 2,000 คน / วันรถไฟ รถไฟ. มีรถไฟสายภาคตะวันออกเฉียงเหนือกรุงเทพ - อุบลราชธานีและกรุงเทพ - หนองคายทั้งขบวนรถด่วนพิเศษ รถด่วน รถเร็วและรถธรรมดาวิ่งให้บริการจากสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ผ่านจังหวัดนครราชสีมาทุกวัน นอกจากนี้ยังมีขบวนรถท้องถิ่นวิ่งให้บริการระหว่างสถานีรถไฟนครราชสีมาไปยังสถานีรถไฟจังหวัดอื่นๆ เช่น สุรินทร์ อุบลราชธานี อุดรธานี หนองคาย และอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรีอีกด้วย สถานีรถไฟนครราชสีมาสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดนครราชสีมาและในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นสถานีรถไฟชั้น 1 ตั้งอยู่ที่ถนนมุขมนตรี อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา อยู่ห่างจากสถานีรถไฟกรุงเทพเป็นระยะทาง 264 กิโลเมตรรถไฟความเร็วสูง รถไฟความเร็วสูง. โครงการรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ในระหว่างการก่อสร้างเฟสแรก กรุงเทพ - นครราชสีมา (21 ธันวาคม 2560) คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี พ.ศ. 2564- สถานีรถไฟความเร็วสูงปากช่อง - สถานีรถไฟความเร็วสูงนครราชสีมาระยะทางจากอำเภอเมืองไปอำเภอต่างๆระยะทางจากอำเภอเมืองไปอำเภอต่างๆ. - อำเภอเฉลิมพระเกียรติ 24 กิโลเมตร - อำเภอขามทะเลสอ 25 กิโลเมตร - อำเภอโนนไทย 30 กิโลเมตร - อำเภอโชคชัย 33 กิโลเมตร - อำเภอปักธงชัย 36 กิโลเมตร - อำเภอสูงเนิน 36 กิโลเมตร - อำเภอโนนสูง 39 กิโลเมตร - อำเภอจักราช 44 กิโลเมตร - อำเภอขามสะแกแสง 52 กิโลเมตร - อำเภอสีคิ้ว 53 กิโลเมตร - อำเภอหนองบุญมาก 54 กิโลเมตร - อำเภอพระทองคำ 60 กิโลเมตร - อำเภอพิมาย 61 กิโลเมตร - อำเภอด่านขุนทด 62 กิโลเมตร - อำเภอครบุรี 64 กิโลเมตร - อำเภอห้วยแถลง 70 กิโลเมตร - อำเภอโนนแดง 75 กิโลเมตร - อำเภอคง 80 กิโลเมตร - อำเภอวังนํ้าเขียว 82 กิโลเมตร - อำเภอปากช่อง 89 กิโลเมตร - อำเภอสีดา 89 กิโลเมตร - อำเภอเทพารักษ์ 92 กิโลเมตร - อำเภอเสิงสาง 93 กิโลเมตร - อำเภอบัวใหญ่ 95 กิโลเมตร - อำเภอชุมพวง 99 กิโลเมตร - อำเภอประทาย 100 กิโลเมตร - อำเภอบัวลาย 102 กิโลเมตร - อำเภอบ้านเหลื่อม 105 กิโลเมตร - อำเภอแก้งสนามนาง 105 กิโลเมตร - อำเภอลำทะเมนชัย 118 กิโลเมตร - อำเภอเมืองยาง 129 กิโลเมตรทางหลวงทางหลวงพิเศษทางหลวง. ทางหลวงพิเศษ. - ทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 หรือ ถนนมอเตอร์เวย์บางปะอิน-นครราชสีมา(กำลังก่อสร้าง)ทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงแผ่นดิน. ทางหลวงสายสำคัญของจังหวัดนครราชสีมามีดังนี้- ทางหลวงหมาดเลขหลักเดียว1. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เริ่มจาก กลางดง - ปากช่อง - คลองไผ่ - สีคิ้ว - สูงเนิน - โคกกรวด - นครราชสีมา - จอหอ - ตลาดแค - บ้านวัด - สีดา - สิ้นสุดจังหวัดนครราชสีมาในเขตอำเภอบัวลาย- ทางหลวงหมายเลขสองหลัก1. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24 (ถนนโชคชัย-เดชอุดม และถนนสถลมารค) ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เริ่มจากทางแยกต่างระดับสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา - รอยต่ออำเภอหนองบุนนากกับอำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์- ทางหลวงหมายเลขสามหลัก1. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 (ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนรามอินทรา ถนนสุวินทวงศ์) ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เริ่มจากรอยต่อจังหวัดปราจีนบุรีกับอำเภอวังน้ำเขียว - อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา 2. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เริ่มจากอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา - รอยต่ออำเภอด่านขุนทดกับอำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ 3. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 202 ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เริ่มจากรอยต่ออำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิกับอำเภอแก้งสนามนาง - รอยต่ออำเภอประทาย กับ อำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ จังหวัดบุรีรัมย์ 4. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 204 (ถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมา) อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา 5. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 205 (ถนนสุรนารายณ์) ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เริ่มจากรอยต่ออำเภอด่านขุนทดกับอำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ - อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา 6. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 206 (ทางเข้าเมืองพิมาย และ เลี่ยงเมืองพิมาย) จาก ถนนมิตรภาพ อำเภอโนนสูง - อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา 7. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 207(ถนนพาณิชย์เจริญ) จากอำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา - รอยต่ออำเภอพล จังหวัดขอนแก่น 8. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 224 ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เริ่มจากอำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา - รอยต่ออำเภอเสิงสางกับจังหวัดบุรีรัมย์ 9. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 226 ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เริ่มจากอำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา - รอยต่ออำเภอห้วยแถลงกับจังหวัดบุรีรัมย์ 10. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 290 (ถนนวงแหวนรอบเมืองนครราชสีมา) อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมาทางหลวงชนบทกีฬา กีฬา. เนื่องจากจังหวัดนครราชสีมามีศักยภาพหลายด้าน ทำให้จังหวัดนครราชสีมามีโอกาสจัดการแข่งขันกีฬาในระดับชาติ และระดับนานาชาติอยู่เสมอกีฬาระดับชาติกีฬาระดับชาติ. - กีฬาแห่งชาติ- พ.ศ. 2513 จัดกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 4 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2513 - พ.ศ. 2557 จัดกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 43 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-19 ธันวาคม พ.ศ. 2557- กีฬาเยาวชนแห่งชาติ- พ.ศ. 2528 จัดกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 1 ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 1 ซึ่งกำหนดการให้มีการแข่งขันระหว่างวันที่ 26 เมษายน 2528 ถึง 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2528- กีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งชาติ- พ.ศ. 2560 จัดกีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งชาติ ย่าโมเกมส์ ครั้งที่ 38 วันที่ 23-31 ม.ค. 2560 - กีฬาระดับอุดมศึกษา- พ.ศ. 2541 กีฬาสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 15 "ราชมงคลเกมส์" ประจำปีการศึกษา 2540 แข่งขันระหว่างวันที่ 24 – 31 มกราคม 2541 ณ สนามกีฬาวิทยาเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดนครราชสีมา - พ.ศ. 2548 จัดกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 32 (สุรนารีเกมส์) จัดการแข่งขันวันที่ 8- 15 มกราคม พ.ศ. 2548 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา - พ.ศ. 2557 จัดกีฬามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 30 “อีสานเกมส์” ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ศูนย์กลางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 31 มกราคม - 7 กุมภาพันธ์ 2557 - พ.ศ. 2560 จัดกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 44 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ระหว่างวันที่ 21กุมภาพันธ์ - 2 มีนาคม 2560กีฬานานาชาติ กีฬานานาชาติ. จังหวัดนครราชสีมา เป็นรับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติหลายครั้ง- พ.ศ. 2536- วอลเลย์บอลชายชิงแชมป์เอเชีย 1993 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 ถึง 19 กันยายน พ.ศ. 2536 - พ.ศ. 2544- วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2001 การแข่งขันในครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23- 30 กันยายน กันยายน พ.ศ. 2544 - พ.ศ. 2550- วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี - วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2007 จัดขึ้นระหว่างวัน 5-13 กันยายน 2550 โดยสนามแข่งขันจัดขึ้น ณ เอ็มซีซีฮอลล์ ศูนย์การค้าเดอะมอลล์นครราชสีมา - กีฬาซีเกมส์ 2007 ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวา 2550 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 ถึง 15 ธันวาคม พ.ศ. 2550 การจัดการแข่งขันครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในการเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช - พ.ศ. 2551- กีฬาอาเซียนพาราเกมส์ 2008 ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวา 2550 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 มกราคม ถึง 26 มกราคม พ.ศ. 2551 - วอลเลย์บอลชายชิงแชมป์เอเชียนคัพ 2008 จัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 20-26 กันยายน 2008 ที่ MCC Hall Convention Center The Mall Korat จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย - วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชียนคัพ 2008โดยจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 1-7 ตุลาคม 2008 ที่ MCC Hall Convention Center The Mall Korat จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย - พ.ศ. 2552- วอลเลย์บอลยุวชนหญิงชิงแชมป์โลก 2009 จัดตั้งแต่วันที่ 3–12 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 - พ.ศ. 2553- ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 40 สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวา 2550 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-23 มกราคม พ.ศ. 2553 - พ.ศ. 2554- จักรยาน ลู่-ถนน ชิงแชมป์เอเชีย 2011 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 - พ.ศ. 2555- ฟุตซอลชิงแชมป์โลก ที่อาคารโคราช ชาติชาย ฮอลล์ ในสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวา 2550 ร่วมกับกรุงเทพมหานครอีกด้วย โดยจัดในช่วงวันที่ 1 – 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - พ.ศ. 2556- วอลเลย์บอลยุวชนหญิงอายุไม่เกิน 18 ปีชิงแชมป์โลก 2013 ที่อาคารชาติชาย ฮอลล์ และ ลิปตพัลลภ ฮอลล์ จัดการแข่งขันตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม ถึง 4 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2013 โดยใช้อาคารชาติชาย ฮอลล์ ร่วมกับ สนาม MCC Hall Convention Center The Mall Korat จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 กันยายน - 21 กันยายน พ.ศ. 2556 - พ.ศ. 2557- วอลเลย์บอลยุวชนหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2014 สนาม MCC Hall Convention Center The Mall Korat จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 ตุลาคม–19 ตุลาคม พ.ศ. 2557 - พ.ศ. 2558- ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 43 สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวา 2550 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 - จักรยานชิงแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 35 ในเวลากลางคืน โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 - 16 กุมภาพันธ์ 2558 - พ.ศ. 2559- วอลเลย์บอลเยาวชนหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2016 (u19) ครั้งที่ 18 โดยจัดขึ้นในเดือน กรกฎาคม 2559 - พ.ศ. 2560- วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2017 ระหว่างวันที่ 13-21 พฤษภาคม 2560 - พ.ศ. 2561- วอลเลย์บอลหญิงเอวีซีคัพ 2018 (ทีมหญิง) วันที่ 17-23 กันยายน 2561 ที่จังหวัดนครราชสีมาการพัฒนากีฬา การพัฒนากีฬา. จังหวัดนครราชสีมา เป็นจังหวัดที่มีความโดดเด่นด้านกีฬาทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ เนื่องจากมีการพัฒนาด้านกีฬาตลอดเวลา ในหลากหลายชนิดกีฬา เช่น- นักมวยโคราช ได้สร้างชื่อจนเป็นที่ยอมรับในวงการมวยไทย และมวยสากล มาเป็นระยะเวลายาวนาน วอลเลย์บอล- ทีมวอลเลย์บอลของโรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา ได้ผลิตนักกีฬาที่มีชื่อเสียงหลายคนเข้าสู่ทีมชาติอย่างต่อเนื่อง - ทีมวอลเลย์บอลประจำจังหวัด คือ สโมสรวอลเลย์บอลนครราชสีมา (แคทเดวิล) โดยมีทั้งทีมชายและทีมหญิง ปัจจุบันเล่นอยู่ในวอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีก - วันที่ 17- 25 เมษายน 2557 ทีมสโมสรวอลเลย์บอลนครราชสีมา (หญิง) เข้าร่วมการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์สโมสรเอเชีย 2014 ที่ยิมเนเซียมเทศบาลเมืองนครปฐม ได้อันดับที่ 5 ของทวีเปอเชีย- ไทยแลนด์ฟุตซอลลีก- ทีมสโมสรฟุตซอลนครราชสีมา เดอะเดอะมอลล์ วีวัน (ซุปเปอร์แคท) - ฟุตซอลลีก ดิวิชั่น 1- ทีมสโมสรฟุตซอลนครราชสีมา SAT3- ไทยลีก (T1)- ทีมสโมสรฟุตบอลนครราชสีมามาสด้า เอฟซี (สวาทแคท)- ไทยลีก 4 (T4)- ทีมสโมสรฟุตบอลนครราชสีมา ห้วยแถลง ยูไนเต็ด- ไทยลีก อเมเจอร์ ทัวร์นาเมนต์- ทีมสโมสรฟุตบอลเพื่อนปากช่อง - ทีมสโมสรฟุตบอลโคราช (นักรบที่ราบสูง) - ทีมสโมสรฟุตบอลโคราช ยูไนเต็ด (ไอ้กระทิงดุ) - ทีมสโมสรฟุตบอลนครราชสีมา ยูไนเต็ด - ทีมสโมสรฟุตบอลโคราช ซิตี้ - ทีมสโมสรฟุตบอลห้วยแถลง - ทีมสโมสรฟุตบอลมหาวิทยาลัยวงชวลิตกุล - ทีมสโมสรฟุตบอลจิมทอมสัน ฟาร์ม- ทีมสโมสรตะกร้อนครราชสีมา (แมวป่าทมิฬ) ปัจจุบันทำการแข่งขันในตะกร้อ ไทยแลนด์ ลีก บาสเกตบอล- ในจังหวัดนครราชสีมามีการจัดการแข่งขันบาสเกตบอลลีกภายในจังหวัด ในชื่อ โคราชบาสเกตบอล ลีกสนามกีฬาสนามกีฬา. - สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวา 2550- โคราช ชาติชาย ฮอลล์ - สนามกีฬากลาง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (นครราชสีมา) - สนามกีฬามหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล - สนามกีฬาเทศบาลนครราชสีมา - สนามกีฬาสุรพลากีฬาสถาน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี - สนามกีฬากลาง ค่ายสุรนารีบุคคลที่มีชื่อเสียงบุคคลในประวัติศาสตร์พระสงฆ์นายกรัฐมนตรีผู้บัญชาการทหาร/ตำรวจนักการเมืองนักมวยไทย/นักมวยสากลอาชีพนักกีฬานักวิชาการผู้กำกับการแสดงนักเขียนนักแสดง / นายแบบ / นางงามบุคคลที่มีชื่อเสียง. นักแสดง / นายแบบ / นางงาม. - นันทวัน เมฆใหญ่ - จรัสพงษ์ สุรัสวดี - ธงชัย ประสงค์สันติ - เพ็ญพิสุทธิ์ เลิศรัตนชัย - ธนา สุทธิกมล - โสภิตสุดา อิทธิเมธินทร์ - วรัทยา นิลคูหา - วงศกร ปรมัตถากร - พิมพ์อักษิพร วินโกมินทร์ - สุชารัตน์ มานะยิ่ง - กรวรรณ หลอดสันเทียะ - เดอะเฟซไทยแลนด์ ซีซัน 3, เดอะเฟซไทยแลนด์ ซีซัน 4 - เจเน็ต เขียว - ธงธง มกจ๊ก - สุทธิพงษ์ สีสวาท - รพีพร พ่วงเพ็ชร - ชาลิตา แย้มวัณณังค์ - มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2556 - อมร พันธ์ชมภู - ปรภัสสร วรสิรินดา - มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2014, รองอันดับ 1 มิสซูปราเนชันแนล 2014 - ภาคิน บวรศิริลักษณ์ - ปภาดา กลิ่นสุมาลย์นักร้อง/นักดนตรีเพลงไทยสากลเพลงลูกกรุง, ลูกทุ่ง และเพื่อชีวิตสถานที่ท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยว. - อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี - อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย - อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ - หมู่บ้านทำเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน - หมู่บ้านหินทราย บ้านหนองโสน - วัดบ้านไร่ - สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ - พิพิธภัณฑ์จิตรกรรมสามมิติโคราช - สวนสัตว์นครราชสีมา - วัดศาลาลอย - สวนทุ่งลุงพี - วัดโนนกุ๋ม - ตลาดน้ำกลางดง - เขี่อนลำตะคลอง - เขื่อนลำมูลบน/หาดจอมทอง - ผาเก็บตะวัน - เขาแผงม้า - ตลาดเมืองย่า 100 ปี - ตลาดเซฟวัน - เมืองเสมา (รัฐศรีจนาศะ) - ปราสาทหินเมืองแขก - ปราสาทหินเมืองเก่า - ปราสาทหินโนนกู่ - วัดธรรมจักรเสมาราม - สะพานดำ สถานีรถไฟสูงเนิน - สถานีรถไฟสูงเนินเทศกาลและงานประเพณีเทศกาลและงานประเพณี. - งานฉลองวันแห่งชัยชนะของท้าวสุรนารี กำหนดจัดระหว่างวันที่ 23 มีนาคม - 3 เมษายน ของทุกปี ซึ่งถือเป็นวันที่คุณหญิงโมได้รับชัยชนะจากข้าศึก จัดบริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี - งานแห่เทียนพรรษาโคราช เสริมบุญสร้างบารมี กำหนดจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษา ณ บริเวณสวนรักษ์และลานอนุสาวรีย์ ท้าวสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีความวิจิตรสวยงามตระการตา และมีจำนวนนักท่องเที่ยวมากที่สุดในภูมิภาค กว่า 500,000คน - งานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่โคราช คนร่วมนับถอยหลังสู่ปีใหม่ร่วมกัน นับแต่ปีเป็นการตอกย้ำที่สำคัญว่าเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เป็นเทศกาลสากลที่ประชาชนให้ความสำคัญ และเป็นศูนย์กลางแห่งการเฉลิมฉลอง ส่งท้ายปีของชาวโคราช และนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดอีกครั้งเพราะเราเชื่อมั่นว่าโคราชเป็นเมืองซึ่งเป็นศูนย์รวมการท่องเที่ยวเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งรอยยิ้ม และความสวยงามที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยสีสัน - งานตรุษจีนนครราชสีมา งานตรุษจีนนครราชสีมา กิจกรรมที่เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์อันดีต่อกันระหว่างชาวไทยและชาวจีน ซึ่งถือว่าเป็นงานที่มีความยิ่งใหญ่ภายใต้ความเชื่อที่มีมานาน และเป็นการฉลองวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีนสุดยิ่งใหญ่อลังการ ณ บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และบริเวณสวนอนุสรณ์สถาน อำเภอเมืองนครราชสีมา - สงกรานต์โคราช เทศกาลสงกรานต์ที่โคราชจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีแต่ละปีจะยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ - บีบีคิวเฟสติวัลแอตโคราช โดยหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา - งานเบญจมาศบาน ในม่านหมอก จัดขึ้นในช่วงฤดูหนาวของทุกปี ณ หน้าที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลไทยสามัคคี มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนในท้องถิ่น อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของอำเภอวังน้ำเขียวซึ่งมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ การประกวดและจำหน่าย “ดอกเบญจมาศ” แปลงสาธิตดอกเบญจมาศหลากสายพันธุ์ หลากการแสดงและจำหน่ายสินค้าผักเมืองหนาวและกิจกรรมการขี่จักรยานท่องเที่ยวรับสายหมอกและลมหนาวของอำเภอวังน้ำเขียว - การแข่งเรือพิมาย การแข่งเรือเป็นรูปแบบของการเล่นในฤดูน้ำหลากที่สร้างความสามัคคีของคนในหมู่บ้าน และคนต่างหมู่บ้านได้พบปะกัน เป็นการสร้างความสมานสามัคคีของสังคมได้ทางหนึ่งช่วงเวลา จัดหลังวันออกพรรษา แต่ไม่เกินวันเพ็ญเดือนสิบสอง - งานเทศกาลเที่ยวพิมาย จัดในวันเสาร์-อาทิตย์ สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤศจิกายน จัดขึ้นเพื่อเป็นการสร้างสรรค์กิจกรรมส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวหลักของจังหวัด คือ อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดียวกับงานประเพณีแข่งเรือพิมาย ภายในงานมีกิจกรรมหลายอย่าง เช่น การแข่งเรือยาวประเพณี การแสดงทางวัฒนธรรม ขบวนแห่พุทธราชาและพุทธประวัติ ขบวนแห่พุทธประทีปและการแสดงประกอบแสง เสียง - งานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา คณะสงฆ์อำเภอเสิงสางโดยความร่วมมือของเทศบาลตำบลเสิงสาง วัฒนธรรมอำเภอเสิงสาง และพุทธสมาคมอำเภอเสิงสางได้ร่วมกันจัดกิจกรรมสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในวันวิสาขบูชาอำเภอเสิงสางประจำปี จัดที่เทศบาลตำบลเสิงสาง - ไม้ชวนชมประจำอำเภอคง - เทศกาลประเพณีของดีเมืองคง - ประเพณีบุญบั้งไฟตำบลหนองมะนาว อำเภอคง - งานเห็ดเมืองคง - งานผ้าไหมและของดีเมืองปักธงชัย เป็นงานที่ชาวอำเภอปักธงชัย ได้จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมผ้าไหม และสินค้าต่าง ๆ ของอำเภอปักธงชัย จัดในวันที่ 9-15 ธันวาคม ของทุกปี ที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอปักธงชัย - ปากช่องคาวบอยซิตี ริมถนนมิตรภาพสายเก่า บริเวณสวนสาธารณะเขาแคน อำเภอปากช่อง เทศกาลที่ชาวอำเภอปากช่องต่างแต้มสีสันในแบบอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ การเนรมิตเมืองปากช่องให้เป็นเมืองคาวบอยตะวันตก - เทศกาลกินหมี่ ประเพณีแห่เทียนพรรษา อำเภอโชคชัย - แข่งเรือพาย ตำบลท่าลาดขาว อำเภอโชคชัย เดือนพฤศจิกายนของทุกปี - แข่งเรือ ตำบลละลมใหม่พัฒนา อำเภอโชคชัย - งานสมโภชพระบรมสารีริกธาตุ วัดบ้านไร่ วัดบ้านไร่ ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด วันที่ 11 มกราคมของทุกปี - งานของดีอำเภอขามสะแกแสง บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอขามสะแกแสง เพื่อประชาสัมพันธ์ผลผลิตจากเกษตรกรโดยเฉพาะพริก ถือเป็นของดีของอำเภอ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับรู้ พร้อมส่งเสริมให้เกษตรกรตระหนักถึงความสำคัญในอาชีพเกษตรกร ได้รับความรู้เชิงวิชาการและความรู้ใหม่ในการเพิ่มผลผลิต อีกทั้งการสร้างเสริมการตลาด ส่งเสริมความสามัคคี และอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นของอำเภอ - ประเพณีกินเข่าค่ำของดีเมืองสูงเนิน จัดขึ้นเป็นประจำในเสาร์ที่2ของเดือนมีนาคมของทุกปี โดยมีการแสดงแสง สี เสียง ชุดนิรมิตกรรมเหนือลำตะคลอง และการแสดงโอทอปประจำตำบลของอำเภอสูงเนิน การประกวดธิดากินเข่าค่ำ จัดขึ้นที่ปราสาทเมืองแขก ตำบลโคราช - เทศกาลกวนข้าวทิพย์ออกพรรษา - เทศกาลน้อยหน่า ของดีปากช่อง และงานกาชาด - เทศกาลเฟื้องฟ้างาม อำเภอหนองบุญมาก - งานเทศกาล มหัศจรรย์ทุ่งดอกจานบานสะพรั่ง อำเภอแก้งสนามนาง - งานบุญข้าวจี่ อำเภอแก้งสนามนาง - งานทอดผ้าไหม อำเภอแก้งสนามนาง - งานบุญบั้งไฟ ตำบลดอนยาวใหญ่ อำเภอโนนแดง - วังน้ำเขียวฟลอร่าแฟนตาเซีย ณ บริเวณแยกวัดโพธิ์เฉลิมพระเกียรติ อำเภอวังน้ำเขียว - งานเทศกาลชมพระอาทิตย์ตกดิน ดอยเจดีย์ อำเภอเทพารักษ์ - พิธีสักการะรูปหล่อหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ตำบลบึงปรือ อำเภอเทพารักษ์ - ประเพณีงานข้าวใหม่ปลามัน จัดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคของทุกปีซึ่งเป็นระยะเวลาที่การเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นแล้วและเชื่อกันว่าหากได้ข้าวและปลาในช่วงดังกล่าวจะมีรสชาติดีเป็นเลิศ อำเภอเมืองยาง - การแข่งขันพายเรืออีโปงในเทศกาลวันสงกรานต์ อำเภอลำทะเมนชัย - งานงิ้วประจำปี ประจำปีของชาวตลาดหนองบัวลายเป็นการบูชาและบวงสรวงแก่เจ้าพ่อที่เป็นที่เคารพของอำเภอบัวลายถือเป็นงานประเพณีที่จัดกันเป็นประจำทุกปีกว่า 30 ปี โดยจะจัดในช่วงเดือนตุลาคมหรือเดือนพฤศจิกายนของทุกปี - งานท้องถิ่นอำเภอสีดา - การจัดงานเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราช และวันครบรอบการเปิดที่ว่าการอำเภอ หน้าที่ว่าการอำเภอเฉลิมพระเกียรติ 5 ธันวาคมของทุกปี - การจัดงานวันสงกรานต์และวันผู้สูงอายุ หน้าที่ว่าการอำเภอเฉลิมพระเกียรติ วันที่ 13 เมษายน ทุกปีกระบวนการยุติธรรมกระบวนการยุติธรรม. - ศาลอุทธรณ์ภาค 3 - ศาลแรงงานภาค 3 - ศาลจังหวัดนครราชสีมา - ศาลจังหวัดสีคิ้ว - ศาลจังหวัดสีคิ้ว(ปากช่อง) - ศาลจังหวัดบัวใหญ่ - ศาลจังหวัดพิมาย - ศาลแขวงนครราชสีมา - ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครราชสีมา - ศาลปกครองนครราชสีมา
| จังหวัดใดมีพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทย | {
"answer": [
"นครราชสีมา"
],
"answer_begin_position": [
106
],
"answer_end_position": [
116
]
} |
3,997 | 5,114 | จังหวัดนครราชสีมา นครราชสีมา หรือรู้จักในชื่อ โคราช เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทยและมีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ชื่อเมืองนครราชสีมาปรากฏครั้งแรกเป็นเมืองพระยามหานครในการปฏิรูปการปกครองในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ(ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา) ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงมีรับสั่งให้ย้ายเมืองนครราชสีมามาตั้งบริเวณพื้นที่ปัจจุบัน เมื่อ พ.ศ. 2217สัญลักษณ์ประจำจังหวัดสัญลักษณ์ประจำจังหวัด. - คำขวัญประจำจังหวัด : เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน - ตราประจำจังหวัด : รูปอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีหน้าประตูชุมพล - ธงประจำจังหวัด : รูปอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีหน้าประตูชุมพล ในพื้นธงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีแสด - ต้นไม้ประจำจังหวัด : ต้นสาธร () - ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกสาธร - สัตว์น้ำประจำจังหวัด : ปลาบ้าหรือปลาพวง ()ที่มาของชื่อ ที่มาของชื่อ. มีผู้เสนอว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่ เมืองนครราช คือเมืองเดียวกันกับเมืองราด ของพ่อขุนผาเมือง เนื่องจากมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเมืองพระนครหลายประการ นอกจากนี้รูปสลักกองทัพชาวสยามบนระเบียงด้านหนึ่งของ นครวัด อาจเป็นชาวสยามจากลุ่มแม่น้ำมูลที่เกี่ยวข้องกับเมืองนครราช และยังมีการกล่าวถึงเมืองนครราชสีมาในพงศาวดารของกัมพูชาหลายครั้งด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีมุมมองอีกด้านหนึ่งก็ว่า นครราชสีมา นั้นเป็นคำไทยเป็นคำใหม่ แยกเป็นคำได้คือ นคร, ราช และ สีมา หมายความว่า "เมืองใหญ่อันเป็นขอบขัณฑสีมาของราชอาณาจักร" (ราช+สีมา) ส่วนคำว่า โคราช (สำเนียงถิ่น: โค-หฺราด , ไทยกลาง: โค-ราด, เขมร: โก-เรียช ) นั้น น่าจะเพี้ยนมาจาก นครราช (อ่านตามสำเนียงว่า คอน-หฺราด ซึ่งเป็นคำเรียกนครราชสีมาแบบย่อ ๆ ของชาวบ้าน) หรือ อังกอร์เรียจ ต่อมาลดรูปเป็น กอร์เรียจ และเพี้ยนเป็นโคราช ในที่สุด และไม่ได้เพี้ยนมาจากชื่อเมืองโคราฆปุระ (Gorakhpur) ที่เป็นชื่อเมืองสมัยใหม่ในแคว้นเดียวกับเมืองอโยธยา (Ayodhya) ในอินเดีย ตามข้อสันนิษฐานของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เดิมทีนั้นชื่อเมืองนครราชสีมา มีการใช้ "นครราชสีมา" และ "นครราชสีห์มา" สลับกันไป จนกระทั่งเมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2445 (พ.ศ. 2444 เดิม) ได้มีพระบรมราชโองการฯ ให้ประกาศว่าประวัติศาสตร์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์. สมัยก่อนประวัติศาสตร์. จากหลักฐานทางโบราณคดีพบว่า มีชุมชนโบราณซึ่งเป็นร่องรอยของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคหินใหม่ต่อเนื่องมาถึงยุคสำริด และยุคเหล็ก กระจายอยู่ทั่วไปในจังหวัดนครราชสีมา โดยมีแหล่งโบราณคดีที่สำคัญคือ ชุมชนบ้านปราสาท ชุมชนบ้านโนนวัด แหล่งภาพเขียนสีเขาจันท์งาม ซึ่งกำหนดอายุได้ประมาณ 4,500 ปีมาแล้วสมัยประวัติศาสตร์อาณาจักรศรีจนาศะ หรือ จนาศะปุระ สมัยประวัติศาสตร์. อาณาจักรศรีจนาศะ หรือ จนาศะปุระ. มีความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยทวารวดี ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองเสมา ตั้งอยู่บริเวณอำเภอสูงเนินในปัจจุบัน เป็นเมืองใหญ่เชื่อกันว่าเป็นที่ตั้งของรัฐศรีจนาศะ ใน พ.ศ. 1411 ตามจารึก ข้อมูลปฐมภูมิเกี่ยวอาณาจักรนี้ ศึกษาได้จากศิลาจารึก ซึ่งปัจจุบันพบอยู่ 2 หลักคือ 1. จารึกบ่ออีกา (จารึกด้วยอักษรหลังปัลลวะ ใช้ภาษาสันสกฤต กับ เขมร กำหนดอายุได้ พ.ศ. 1411) สถานที่พบ บ้านบ่ออีกา อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา เนื้อหาโดยสังเขป ด้านที่ 1 กล่าวถึงสัตว์และทาสที่พระราชาแห่งศรีจนาศะถวายแก่พระสงฆ์ ด้านที่ 2 เริ่มต้นด้วยการกล่าวสรรเสริญพระศิวะ แล้วกล่าวยกย่องอังศเทพซึ่งเป็นผู้สร้างศิวลึงค์นี้ 2. จารึกศรีจานาศะ (จารึกด้วยอักษรขอมโบราณ ใช้ภาษาสันสกฤต กับ เขมร กำหนดอายุได้ พ.ศ. 1480) สถานที่พบ บริเวณเทวสถาน ใกล้สะพานชีกุน อำเภอเมือง จังหวัด พระนครศรีอยุธยา เนื้อหาโดยสังเขป ด้านที่ 1 เริ่มต้นด้วยการสรรเสริญพระศิวะ จากนั้นสรรเสริญนางปารวตี ต่อจากนั้นจึงกล่าวถึงรายพระนามพระราชาแห่งอาณาจักรจานาศปุระ คือ พระราชาองค์แรกทรงพระนามว่าภคทัตต์ ผู้ที่สืบต่อลงมาจากพระเจ้าภคทัตต์องค์หนึ่งทรงพระนามว่า สุนทรปรากรม พระเจ้าสุนทรปรากรมทรงมีโอรสทรงพระนามว่า สุนทรวรมัน พระเจ้าสุนทรวรมันทรงมีโอรส 2 องค์องค์พี่ทรงนามว่านรปติสิงหวรมัน ได้เสด็จขึ้นครองราชย์แห่งอาณาจักรศรีจานาศะ องค์น้องทรงนามว่า มงคลวรมัน ได้โปรดให้สร้างจารึกหลักนี้เพื่อฉลองการสร้างพระรูปพระชนนีเป็นพระราชเทวี คือ ชายาของพระศิวะ เมื่อศักราช 859 (พ.ศ. 1480) ส่วนจารึกด้านที่ ๒ นั้น เป็นรายชื่อของทาส เมืองพิมาย หรือ วิมายปุระ เมืองพิมาย หรือ วิมายปุระ. ชุมชนในเขตลุ่มแม่น้ำมูลเริ่มมีการตั้งถิ่นฐานเป็นบ้านเมืองขึ้นในช่วงประมาณพุทธศตวรรษที่ 12 (ประมาณกลางคริสต์ศตวรรษที่ 6 ถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 7) เมื่อปรากฏเมืองที่มีคันดินล้อมรอบซี่งมีรูปร่างกลมหรือมีรูปร่างไม่แน่นอนกระจายอยู่ทั่วบริเวณ เช่น บริเวณบ้านเมืองฝ้าย ตำบลบ้านฝ้าย อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ บริเวณบ้านโตนด ตำบลโตนด อำเภอโนนสูงบริเวณเมืองพิมาย อำเภอพิมาย บริเวณเมืองเสมา อำเภอเนินสูง บริเวณหินขอนอำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา โดยบริเวณบ้านโตนดที่อยู่ห่างจากเมืองพิมายไปทางด้านใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร ได้พบลูกปัดแก้วสีน้ำเงินและลูกปัดหินทำด้วยหินอารเกทและเตอร์เนเสียน มีลายสลับเขียว เหลือง แดง ซึ่งพบมากในชุมชนลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา แสดงให้เห็นว่าบ้านเมืองในเขตลุ่มแม่น้ำมูล มีการรับวัฒนธรรมจากภายนอกเข้ามา พิเศษ เจียจันทร์พงษ์ แสดงความเห็นว่า บริเวณบ้านโตนดน่าจะเป็นหมู่บ้านชนบทของเมืองพิมาย เป็นพื้นที่ทำการเพาะปลูกส่วนหนึ่งของเมืองพิมาย โดยมีแม่น้ำมูลเป็นทางคมนาคมขนส่งในการลำเลียงพืชพันธุ์ธัญญาหารสู่เมืองพิมายในขณะเดียวกัน เมืองพิมายได้ปรากฏชื่ออยู่ในจารึกของเขมรมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอิศานวรมันที่ 1(พ.ศ. 1159 ถึงราว พ.ศ. 1180 หรือ ค.ศ. 616 ถึงราว ค.ศ. 637) ว่า ภีมปุระ (Bhimapura) ประกอบกับการพบจารึกของพระเจ้ามเหนทรวรมัน (ราว พ.ศ. 1150 ถึง พ.ศ. 1159 หรือ ราว ค.ศ. 607 ถึง ค.ศ. 616) ที่อำเภอนางรองจังหวัดบุรีรัมย์ และที่จังหวัดอุบลราชธานีเป็นจำนวนหลายหลัก แสดงให้เห็นว่า อารยธรรมเขมรได้แผ่ขยายอิทธิพลเข้ามามีบทบาทในเขตลุ่มแม่น้ำมูลตั้งแต่ช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 12 (ครึ่งหลังคริสต์ศตวรรษที่ 6) แล้ว โดยปรากฏชุมชนในวัฒนธรรมเขมรหลายแห่งในบริเวณนี้ เช่น บริเวณแก่งสะพือ อำเภอพิบูล มังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี บริเวณบ้านดม อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ เมืองพิมายได้เจริญขึ้นมามีบทบาทสำคัญเป็นเมืองศูนย์กลางขนาดใหญ่ของอารยธรรมเขมรในเขตลุ่มแม่น้ำมูลในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 1654 (ครึ่งแรกคริสต์ศตวรรษที่ 11)เมื่อมีการสถาปนาราชวงศ์มหิธรปุระ (Mahidrapura) ขึ้นในเขตที่ราบสูงโคราช และเจริญรุ่งเรืองสุดในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (พ.ศ. 1724 ถึงราว พ.ศ. 1763 หรือ ค.ศ. 1181 ถึงราว ค.ศ. 1220) เพราะมีชื่อเมืองพิมายปรากฏในจารึกปราสาทพระขรรค์56 กล่าวว่า “จากเมืองหลวงไปยังเมืองวิมาย (มี) ที่พักพร้อมด้วยไฟ 17 แห่ง”และมีรูปฉลององค์ของพระเจ้าชัยวรมันที่7 และพระชายาอยู่ที่ปราสาทหินพิมายด้วย จารึกปราสาทหินพิมาย จารึกที่พบที่ปราสาทหินพิมายมีทั้งหมด 6 หลัก คือ - จารึกปราสาทหินพิมาย 1 อักษรขอม ภาษาสันสกฤต ศิลาทราย กว้าง 57 เซนติเมตร สูง 40 เซนติเมตร หนา 12เซนติเมตร ไม่ปรากฏหลักฐานว่าพบในส่วนใดของปราสาท - จารึกปราสาทหินพิมาย 2 อักษรขอม ภาษาสันสกฤตและเขมร ศิลารูปใบเสมา กว้าง 23 เซนติเมตร สูง 18 เซนติเมตรหนา 5.5 เซนติเมตร พบที่มุมตะวันออกเฉียงใต้ของปราสาทประธาน - จารึกปราสาหินพิมาย 3 อักษรขอม ภาษาเขมร พบที่กรอบประตูซุ้มระเบียงคดด้านทิศใต้ - จารึกปราสาทหินพิมาย 4 อักษรขอม ภาษาเขมร พบที่ระเบียงคดด้านใต้ซีกตะวันออก เป็นจารึกฐานประติมากรรม - จารึกปราสาทหินพิมาย 5 อักษรขอม ภาษาบาลี กว้าง 15 เซนติเมตร ยาว 32เซนติเมตร ไม่ปรากฏหลักฐานว่าพบในส่วนใดของปราสาท - จารึกปราสาทหินพิมาย 6 อักษรขอม ภาษาเขมร แตกชำรุดเป็น 5 ชิ้น ไม่ปรากฏหลักฐานว่าพบส่วนใดของปราสาท จารึกที่มีข้อความพอที่จะศึกษาได้ คือ จารึกปราสาทหินพิมาย 2 จารึกปราสาทหินพิมาย 3 และจารึกปราสาทหินพิมาย 4 โดยเนื้อหาสาระของจารึกมีประเด็นที่สำคัญ คือ 1. การบูชาและถวายของแด่พระพุทธเจ้า 2. การกล่าวสรรเสริญพระเจ้าสูรยวรมันที่ 1 (พ.ศ. 1545 – 1593 / ค.ศ. 1002 –1050) 3. การทำนุบำรุงศาสนสถานโดยการสร้างรูปเคารพ การทำพิธีต่างๆ และการถวายที่ดิน ข้าทาส สิ่งของแก่ศาสนสถานเพื่ออุทิศบุญกุศลแก่บรรพบุรุษ 4. การสร้างเมืองและศาสนสถาน จากจารึกปราสาทหินพิมาย 2 มีการกล่าวถึง มหาศักราช 95858 เทียบได้กับ พ.ศ. 1579 (ค.ศ. 1036) และพระนาม“ศรีสูรยวรมะ” ซึ่งหมายถึง พระเจ้าสูรยวรมันที่ 1 ทำให้นักวิชาการมีความเห็นว่า ปราสาทหินพิมายคงจะสร้างขึ้นในรัชสมัยนี้โดยปามังติเอร์ (H.Parmentier) ให้ความเห็นว่า รูปแบบศิลปะของซุ้มและมุขหน้าปราสาทประธาน น่าจะเป็นฝีมือช่างในสมัยพระเจ้าสูรยวรมันที่ 1 ซึ่งเทียบได้กับศิลปะที่ปราสาทวัดเอกและวัดบาเสตในเมืองพระตะบองซึ่งสร้างขึ้นในรัชกาลนี้แต่จารึกหลักนี้มีปัญหาที่ว่าไม่ได้เป็นจารึกที่อยู่ติดกับตัวปราสาทหินพิมาย จึงไม่อาจสรุปลงไปได้อย่างชัดเจนว่า ปราสาทหินพิมายสร้างขึ้นในรัชสมัย พระเจ้าสูรยวรมันที่ 1อย่างไรก็ตาม จารึกปราสาทหินพิมาย 3 ซึ่งเป็นจารึกที่ติดกับศาสนสถานได้กล่าวถึงมหาศักราช1030 หรือ พ.ศ. 1651 (ค.ศ. 1108) ซึ่งตรงกับรัชกาลพระเจ้าธรณีนทรวรมันที่ 1 (พ.ศ. 1650 – 1656 หรือ ค.ศ. 1107 – 1113) “...กมรเตงอัญศรีวิเรนทราธิบดีวรมะเมืองโฉกวะกุลสถาปนากมรเตงชคตเสนาบดีไตรโลกยวิชัย ซึ่งเป็นเสนาบดีแห่งกมรเตงชคต-วิมายะฯ...” ได้แสดงให้เห็นว่าในปี พ.ศ. 1651 (ค.ศ. 1108) ต้องมีศาสนสถานปราสาทหิน พิมายอยู่แล้ว เพราะมีรูปเคารพกมรเตงชคตวิมายะ ซึ่งเป็นประธานของปราสาทหินพิมายแล้ว โดยนักวิชาการแสดงความเห็นว่ากมรเตงอัญศรีวิเรนทราธิบดีวรมะนั้นน่าจะหมายถึง เจ้าเมืองหรือขุนนางของพระเจ้าธรณีนทรวรมันที่ 1 ที่ครองเมืองพิมายอยู่ในขณะนั้น เพราะชื่อ ศรีวิเรนทราธิบดีวรมะเป็นชื่อตามปราสาทหินพิมายที่ปรากฏในจารึก คือ ศรีวิเรนทราศรม ซึ่งหมายถึง อาศรมของศรีวิเรนทราธิบดี และไซเดนฟาเดน (E. Seidenfaden) ได้แสดงความเห็นว่า กมรเตงอัญศรีวิเรนทราธิบดีวรมะ ต่อมาก็ได้เป็นพระเจ้าสูรยวรมันที่ 2 (พ.ศ. 1656ถึงหลัง พ.ศ. 1688 หรือ ค.ศ.1113 ถึงหลัง ค.ศ. 1145) นอกจากนี้ ในตอนท้ายจารึกปราสาทหินพิมาย 3 ยังได้กล่าวถึงศักราช 1031 (พ.ศ. 1652 / ค.ศ. 1109) กมรเตงอัญศรีวีรวรมะได้ถวายของและข้าพระแด่กมรเตงชคตเสนาบดีไตรโลกวิชัย เพื่อถวายผลนั้นแด่พระบาทกมรเตงอัญศรีธรณีนทรวรมเทวะฯ ซึ่งหมายถึง พระเจ้าธรณีนทรวรมันที่ 1 ที่ครองราชย์อยู่ที่เมืองพระนครขณะนั้น จากจารึกทั้งสองหลักพอจะสันนิษฐานได้ว่า ปราสาทหินพิมายคงจะสร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ. 1651 (ค.ศ. 1108) ซึ่งกรอสลิเย่ (Bernard Philippe Groslier) กล่าวว่า คงเริ่มสร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 6 (พ.ศ. 1623 – 1650 / ค.ศ. 1080 – 1107) เนื่องจากเมืองพิมายเป็นราชธานีของพระองค์มาก่อน โดยพระองค์โปรดให้สร้างปราสาทหินพิมายขึ้นเพื่ออุทิศถวายแด่บรรพบุรุษในราชวงศ์มหิธรปุระ พุทธศาสนาที่ปราสาทหินพิมาย เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า ปราสาทหินพิมายเป็นศาสนสถานที่สร้างขึ้นในคติพุทธศาสนา เพราะประธานเป็นรูปพระพุทธรูปนาคปรกศิลามีพระนาม กมรเตงชคตวิมายะ แต่การศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้นักวิชาการส่วนมากเข้าใจว่าพุทธศาสนาลัทธิวัชรยานหรือตันตระยาน เป็นนิกายหนึ่งของพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ซึ่งเมื่อศึกษาถึงปรัชญาและจุดมุ่งหมายของวัชรยานและมหายานแล้ว จะเห็นได้ว่าทั้งวัชรยานและมหายานต่างก็มีปรัชญาที่ต่างกัน ดังนั้นวัชรยานและมหายานจึงเป็นลัทธิที่แยกออกจากกันอย่างชัดเจน เมื่อพิจารณาจากหลักฐานที่ปรากฏที่ปราสาทหินพิมายทั้งจากตัวศิลปะและจารึกกล่าวได้ว่า ปราสาทหินพิมายสร้างขึ้นในพุทธศาสนาลัทธิวัชรยาน เนื่องจากด้านหน้าทางเข้าปราสาทประธาน ปรากฏรูปพระวัชรสัตวพุทธะ คือ พระชินพุทธะองค์ที่ 6 ของลัทธิวัชรยานแสดงรูปโดยทรงถือวัชระในพระหัตถ์ขวา และทรงถือกระดิ่งในพระหัตถ์ซ้าย และจากการศึกษาประติมากรรมเครื่องใช้สัมฤทธิ์ที่บริเวณเมืองพิมายและบริเวณใกล้เคียง พบวัชระและกระดิ่งที่ภิกษุในลัทธิวัชรยานใช้ในการประกอบพิธีกรรมเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้รูปเคารพที่ปรากฏอยู่บนทับหลังประดับประตูด้านในวิมานของปราสาทประธาน ยังแสดงถึงรูปเทพเจ้าในลัทธิวัชรยานด้วย คือทับหลังประดับทิศใต้ แสดงภาพกมรเตงชคตวิมายะอยู่ตรงกลาง ตอนบนของทับหลัง คือ พระชินพุทธะ 6 พระองค์ ด้านละ 3 พระองค์ ทับหลังประดับทิศตะวันตก ตอนบนแสดงภาพพระอมิตาภพุทธะ พระชินพุทธะ ประจำทิศตะวันตกส่วนตอนล่างแสดงภาพความรื่นรมย์บนสวรรค์สุขาวดี ทับหลังประดับทิศเหนือ ตรงกลางเป็นรูปเทพเจ้า 3 พักตร์ 6 กร โดยพระหัตถ์ล่างอยู่ในท่าปางสมาธิ พระหัตถ์ขวากลางถือลูกประคำ และพระหัตถ์ซ้ายกลางถือกระดิ่ง ซึ่งก็คือเหวัชระ หรือพระวัชรินตามชื่อที่ปรากฏในจารึกของกัมพูชาทับหลังประดับทิศตะวันออก แสดงภาพเทพเจ้า 4 พักตร์ 8 กร โดยพระพักตร์ที่ 4อยู่ด้านหลังสองกรล่างอยู่ในท่าแสดงธรรม ร่ายรำอยู่ในท่าอรรธปรยังกะ บนพระไภรวะและนางกาลราตรี และทรงถือหนังช้าง เทพเจ้าองค์นี้คือ สังวร ซึ่งอยู่ในสกุลพระอักโษภยะพระชินพุทธะประจำทิศตะวันออกนอกจากนี้ ยังปรากฏทับหลังประดับประตูชิ้นหนึ่งไม่ทราบตำแหน่งเดิมจากปราสาทหินพิมาย คือ ทับหลังภาพเจ้าเมืองทำอัษฎางคประดิษฐ์ ในพระหัตถ์มีหม้อน้ำที่รองรับน้ำมนตร์จากพระกมรเตงชคตวิมายะ ที่แสดงภาพอยู่ตอนกลางด้านบนของทับหลัง การถวายอัษฎางคประดิษฐ์เป็นการถวายความเคารพในลัทธิวัชรยาน ซึ่งยังคงปรากฏอยู่ในประเทศธิเบตและเนปาลปัจจุบัน ลัทธิวัชรยานเริ่มปรากฏในเขมรมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าราเชนทรวรมัน (พ.ศ. 1474 –1511 หรือ ค.ศ. 935 – 968) เพราะจารึกปราสาทเบ็งเวียนได้กล่าวถึงพระโลเกศวรและนางปรัชญาปารมิตา ผู้ประทานกำเนิดพระชินพุทธะและธาตุทั้ง 5 (มูลปฺรกฤติ)ในไตรโลก นอกจากนี้จารึกบ้านสับบาก อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ใน พ.ศ. 1609 (ค.ศ. 1066) ได้กล่าวถึงพระปาญจสุคต ซึ่งคือ พระชินพุทธะในลัทธิวัชรยาน และยังกล่าวถึงคัมภีร์ศรีสมาจะ ซึ่งเป็นชื่อย่อของคัมภีร์ศรีคุหยสมาจตันตระ(การสนทนาที่เป็นความลับ) เป็นคัมภีร์เก่าสุดที่พระพุทธเจ้าพระนามว่า สรรว-ตถาคต-กาย-วาก-จิตต์ ประทานให้กับพุทธสมาคมและเป็นต้นตำรับของวัชรยาน ทั้งยังเป็น 1 ใน 9 คัมภีร์หลักของเนปาลจารึกทั้งสองหลักแสดงให้เห็นว่าพุทธศาสนาลัทธิวัชรยานได้มีการวางรากฐานในอารยธรรมเขมรมาตั้งแต่ปลายพุทธศตวรรษที่ 15 (ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 10) และคงแผ่ขยายอิทธิพลเข้ามาในเขตที่ราบสูงโคราชช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 17 (กลางคริสต์ศตวรรษที่ 11) จากนั้นก็เจริญรุ่งเรืองสุดในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7โดยมีศูนย์กลางของลัทธิวัชรยานในประเทศไทยที่เมืองพิมาย และมีปราสาทหินพิมายเป็นศาสนสถานที่สำคัญของลัทธินี้ บทบาทและหน้าที่ของปราสาทหินพิมาย ปราสาทหินพิมายเป็นปราสาทในอารยธรรมเขมรแบบ “ที่มีระเบียงคดล้อมรอบปรางค์ประธาน” และเป็นศูนย์กลางลัทธิวัชรยานจากกัมพูชาที่สำคัญในประเทศไทย อีกทั้งในจารึกปราสาทพระขรรค์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ยังกล่าวถึงเมืองพิมายในฐานะที่เป็นเมืองปลายทางของเส้นทางหลักสายหนึ่งในจำนวน 6 เส้นทางจากเมืองพระนคร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเมืองพิมายในช่วงระยะเวลานี้ได้อย่างดี ประกอบกับภายนอกกำแพงเมืองด้านทิศใต้มีสิ่งก่อสร้างที่สำคัญของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หลงเหลืออยู่ คือ อโรคยศาลที่พระองค์โปรดให้สร้างขึ้นทั่วพระราชอาณาจักรของพระองค์ เพราะทรงมีความปรารถนาที่จะช่วยเหลือราษฎรให้พ้นจากความทุกข์กายอันได้แก่ความไม่มีโรค จากลักษณะดังกล่าวต่างเป็นสิ่งแสดงถึงฐานะของเมืองพิมายที่มิใช่เป็นเพียง “ดินแดนนอกกัมพุชเทศ” เท่านั้น แต่มีความสำคัญในฐานะที่เป็นดินแดนปิตุภูมิของกษัตริย์เขมรในราชวงศ์มหิธรปุระอีกประการหนึ่งที่สำคัญ คือ รูปแบบศิลปะสถาปัตยกรรมของปราสาทหินพิมายที่จัดอยู่ในศิลปะเขมรแบบนครวัดตอนต้นนี้ ยังส่งอิทธิพลกลับคืนไปยังศูนย์กลางที่เมืองพระนครด้วยความเป็นศูนย์กลางของพิมายในลุ่มแม่น้ำมูลตอนบนเช่นนี้ ทำให้ปราสาทหินพิมายไม่ได้เป็นเพียงปราสาทของราชวงศ์มหิธรปุระเท่านั้น หากยังเป็นศาสนสถานที่รับใช้ชุมชนพิมายเองด้วย ดังปรากฏในจารึกปราสาทหินพิมาย 2 ที่กล่าวถึงการทำบุญในวันสำคัญต่างๆ และการไปนมัสการพระพุทธเจ้าเพื่อให้เกิดความเจริญในชีวิต อีกทั้งภายในบริเวณเมืองพิมายเองก็มีการขุดสระหรือบารายขนาดใหญ่ คือ สระแก้ว สระพรุ่ง (สระศรี) และสระขวัญ และภายนอกกำแพงเมืองด้านตะวันออก คือ สระเพลง นอกกำแพงด้านทิศใต้ คือ สระช่องแมว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงระบบการชลประทานขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรับใช้ชุมชนที่มีขนาดใหญ่ ดังนั้นปราสาทหินพิมายจึงมีความสำคัญในฐานะที่เป็นปราสาทประจำราชวงศ์มหิธรปุระ และเป็นศาสนสถานในลัทธิวัชรยานของชุมชนแม่น้ำมูลตอนบนสมัยอยุธยา สมัยอยุธยา. เนื่องจากตั้งอยู่เป็นบริเวณที่เป็นชายขอบระหว่างรัฐที่มีอำนาจ เป็นรัฐกันชน นครราชสีมาจึงมีประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวพันกับความขัดแย้งระหว่างรัฐอยู่เสมอ เช่น ระหว่างสยามกับกัมพูชา หรือ ระหว่างสยามกับล้านช้าง หรือ ในบางครั้งได้มีความพยายามที่จะตั้งตัวเป็นรัฐอิสระไม่ขึ้นกับผู้ใด เฉกเช่นเดียวกับบรรดาเมืองใหญ่อื่น ๆ ในรัชสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 อาณาจักรอยุธยาสามารถเอาชนะกัมพูชาได้ รวมทั้งได้ทำการรวบรวมหัวเมืองในลุ่มแม่น้ำมูลเข้ามาอยู่ในอำนาจ เมื่อสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พ.ศ. 1991 - 2031 ได้สืบราชสมบัติต่อมา มีการจัดระดับเมืองพระยามหานคร 8 หัวเมือง คือ พิษณุโลก ศรีสัชนาลัย สุโขทัย กำแพงเพชร นครศรีธรรมราช นครราชสีมา ตะนาวศรี และทวาย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เริ่มปรากฏชื่อเมืองนครราชสีมาเป็นเมืองสำคัญในขอบขัณฑสีมา และได้ดำรงความสำคัญสืบต่อมาในประวัติศาสตร์อยุธยาและรัตนโกสินทร์ ตามระบบระบบบรรดาศักดิ์ขุนนางไทย เจ้าเมืองนครราชสีมานับเป็นขุนนางระดับสูงมีบรรดาศักดิ์เป็น ออกญากำแหงสงครามรามภักดีพิรียภาหะ มีศักดินา 10,000 ไร่ ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช กองทัพเมืองนครราชสีมาได้ถูกมอบหมายให้เป็นกำลังหลักในการโจมตีเมืองเสียมราฐ และภาคตะวันออกของทะเลสาบจนได้ชัยชนะเหนือพระยาละแวก ในที่สุด ครั้นถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงเห็นว่าเป็นหัวเมืองใหญ่และมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ เนื่องจากเป็นเมืองหน้าด่านของอยุธยาติดกับพรมแดนลาว (เข้าใจว่าเลยลำสะแทด ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำมูลเหนือเมืองพิมายเป็นเขตแดนลาว เพราะมีบันทึกไว้ในนิราศหนองคาย สอดคล้องกับวัฒนธรรมและภาษาที่เปลี่ยนไปด้วย) จึงโปรดให้ย้ายเมืองเสมา มาสร้างเมืองใหม่ ณ ที่ตั้งปัจจุบัน โดยมีการวางผังเมืองเป็นตารางรูปสีเหลี่ยม ขนาดกว้าง 1,000 เมตร ความยาว 1,700 เมตร มีกำแพงเมืองขนาดใหญ่ มีป้อมค่ายหอรบ และพระราชทานนามว่า "เมืองนครราชสีมา" จุลศักราช 1036 (พุทธศักราช 2217) โปรดให้พระยายมราช (สังข์)เป็นเจ้าเมือง ในคราวเดียวกันกับที่แต่งตั้ง เจ้าพระยารามเดโช เป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ซีมง เดอ ลา ลูแบร์ ชาวฝรั่งเศสที่เข้ามาสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้เขียนรายงานและบันทึกไว้ในจดหมายเหตุ ว่า เมืองโคราชสีมา (Corazema) เป็นหัวเมืองใหญ่ 1 ใน 7 มณฑล ตั้งอยู่ติดชายแดนของราชอาณาจักรสยามกับเมืองลาว มีเมืองบริวาร 5 เมือง ในแผ่นดิน สมเด็จพระเพทราชา พระยายมราชเจ้าเมืองนครราชสีมาที่แต่งตั้งโดยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้แข็งเมือง เนื่องจากไม่พอใจสมเด็จพระเพทราชา ที่ก่อการยึดอำนาจและเปลี่ยนราชวงศ์ จึงไม่ขอขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยา แต่ถูกกองทัพกรุงศรีอยุธยาใช้เวลาปราบปรามโดยล้อมเมืองอยู่ประมาณ 2 ปี โดยใช้อุบายและกลยุทธปราบลงได้ พระยายมราช เจ้าเมืองนครราชสีมาได้หนีไปพึ่ง เจ้าพระยารามเดโชเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชซึ่งไม่พอใจสมเด็จพระเพทราชาเช่นกัน แต่ถูกกองทัพอยุธยาตามไปปราบปรามลงได้ นับแต่นั้นเมืองนครราชสีมาได้ถูกลดความสำคัญลงไม่เข้มแข็งดังแต่ก่อนสมัยกรุงธนบุรี สมัยกรุงธนบุรี. หลังกรุงศรีอยุธยาล่มสลาย เจ้าเมืองพิมายและกรมหมื่นเทพพิพิธได้ตั้งตัวเป็นชุมนุมอิสระที่สำคัญชุมนุมหนึ่งแต่ถูกปราบลงโดยพระเจ้าตาก หลังจากนั้นเมืองนครราชสีมาได้เป็นฐานกำลังทางทหารและการปกครองที่สำคัญของไทยมาโดยตลอด โดยในสมัยกรุงธนบุรีได้ถูกใช้เป็นฐานรวบรวมกำลังของ พระยาอภัยรณฤทธิ์ และ พระยาอนุชิตราชา ในการสงครามกับล้านช้างและกัมพูชา ในคราวสงครามตีเมืองเวียงจันทน์และได้พระแก้วมรกต หลวงยกกระบัตรเมืองพิมายอยู่ในทัพหน้า มีความดีความชอบจึงได้รับการแต่งตั้งเป็น พระยานครราชสีมา และ เจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น) ในที่สุด ต่อมาพระยากำแหงสงคราม (บุญคง) ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองนครราชสีมา ในช่วงปลายรัชสมัยพระเจ้าตาก เมื่อเกิดการกบฏพระยาสรรค์ขึ้น พระสุริยอภัย กรรมการเมืองนครราชสีมา ได้นำกำลังทหารชาวนครราชสีมากลับเข้าควบคุมสถานการณ์ในกรุงธนบุรีไว้ได้ก่อนที่ เจ้าพระยาจักรี และ เจ้าพระยาสุรสีห์ จะยกทัพกลับมาจากกัมพูชาและเกิดการเปลี่ยนแผ่นดิน ในครั้งนั้น พระยากำแหงสงคราม (บุญคง) เจ้าเมืองนครราชสีมา ที่นำทัพไปกัมพูชาพร้อมกับ เจ้าฟ้ากรมขุนอินทรพิทักษ์ ถูกประหารชีวิตไปพร้อมกับเชื้อพระวงศ์ และขุนนางเดิมของพระเจ้าตาก จำนวนหนึ่ง และได้มีการเปลี่ยนตัวเจ้าเมืองนครราชสีมาเป็นพระยานครราชสีมา (เที่ยง) ผู้ซึ่งเป็นบุตรของเจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น)สมัยรัตนโกสินทร์ สมัยรัตนโกสินทร์. ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมืองนครราชสีมามีฐานะเป็นเมืองชั้นเอก กำกับตรวจตราเมืองประเทศราช ๓ เมือง คือ เวียงจันทน์ นครพนม จำปาศักดิ์ ให้รวมทั้งปกครองหัวเมืองเขมร พระยานครราชสีมา (เที่ยง) เป็นผู้สำเร็จราชการ และในรัชสมัยนี้ ชาวเมืองนครราชสีมาได้น้อมเกล้าถวายช้างเผือก 2 เชือก ในสมัยรัชกาลที่ 2 เกิดกบฏ อ้ายสาเกียดโง้ง ที่จำปาศักดิ์ มีรับสั่งให้พระยานครราชสีมา (เที่ยง) นำกองทัพไปปราบ แต่ เจ้าอนุวงศ์ เจ้าประเทศราชเวียงจันทน์ส่งเจ้าราชวงศ์ไปปราบกบฏได้เสร็จสิ้นก่อน และเจ้าราชวงศ์ได้ครองเมืองจำปาศักดิ์ต่อมา ต่อมาทองอิน เชื้อสายของพระเจ้าตาก และบุตรบุญธรรมของเจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น) ได้เป็นผู้สำเร็จราชการต่อจากพระยานครราชสีมา (เที่ยง) ในสมัยรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ ฉวยโอกาสที่เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) นำกองทหารไปราชการต่างเมือง ยกทัพลาวมายึดครองเมืองนครราชสีมา และส่งกองทหารไปกวาดต้อนครอบครัวลาวถึงเขตเมืองสระบุรีก่อนที่จะถอยทัพเมื่อกองทัพสยามจากพระนครเริ่มรวมพลได้ทัน เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 ก่อนกองทัพลาวจะถอยทัพออกจากเมืองนครราชสีมา ไปยังทางเหนือเพื่อสมทบกับกองทัพของเจ้าสุทธิสาร โดยก่อนไป ได้ถอนเสาหลักเมืองออกเพื่อให้เป็นเมืองร้าง และเจ้าอนุวงศ์ได้สั่งการให้ทหารกองหลังรื้อกำแพงเมืองออก เผาประตูเมือง และสถานที่สำคัญๆในเมืองให้หมดสิ้น ให้ตัดต้นไม้ที่ให้ผลให้เหลือแต่ตอ ด้วยที่จะได้กลับมายึดเมืองนครราชสีมาได้สะดวกในภายหลัง ทำให้ต้นไม้ผลถูกตัดหมดสิ้น กำแพงเมืองจากมุมทิศอิสานและกำแพงเมืองด้านทิศตะวันออกถูกรื้อออกหมด กำแพงเมืองทางทิศใต้ถูกรื้อมาถึงด้านหลังวัดสระแก้ว ส่วนกำแพงเมืองจากมุมทิศอิสานและกำแพงเมืองทางทิศเหนือถูกรื้อ กำแพงเมืองด้านทิศตะวันตกถูกรื้อออก 1 ส่วนเหลือ 2 ส่วน ประตูเมืองถูกเผาบางส่วน 3 ประตูคือ ประตูเมืองทางทิศตะวันเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันออก ชาวเมืองนครราชสีมาผู้เฒ่าผู้แก่ที่ไม่ได้ถูกกวาดต้อน ได้รับข่าวว่ากองทัพจากพระนครที่ส่งกำลังมาช่วยเหลือ กำลังจะเดินทัพมามาถึงทุ่งโพธิ์เตี้ยห่างจากเมืองนครราชสีมา 10 กม. ในอีกไม่นาน ทำให้กำลังทหารลาวกองหลังของเจ้าอนุวงศ์ที่กำลังทำรื้อกำแพง และเผาทำลายเมืองนครราชสีมาอยู่นั้น เกิดความหวาดกลัวและถอยทัพออกไป ทำให้เมืองนครราชสีมาถูกเผาทำลายลงไปเพียงบางส่วน ส่วนชาวเมืองนครราชสีมาที่ถูกกวาดต้อนไปนั้น ได้รวมตัวกันต่อต้านกองทัพลาวของเจ้าอนุวงศ์ โดยมีพระยาปลัดนครราชสีมา พระยายกกระบัตร และ พระณรงค์สงคราม (มี) เป็นผู้นำในการรบ ณ ทุ่งสัมฤทธิ และผู้นำในการสนับสนุนช่วยเหลือการรบ คือ คุณหญิงโม ภริยาปลัดเมืองนครราชสีมา และนางสาวบุญเหลือ บุตรบุญธรรมคุณหญิงโม ต่อมากองทัพชาวนครราชสีมาได้ร่วมกับกองทัพหลวงของกรมพระราชวังบวรฯ ในการรบครั้งต่อๆมาจนกระทั่งเข้ายึดเมืองเวียงจันทน์ได้ในที่สุด ภายหลัง คุณหญิงโมได้รับการแต่งตั้งเป็นท้าวสุรนารี และ พระณรงค์สงครามได้เลื่อนตำแหน่งเป็นพระยาณรงค์สงคราม ในการสงครามเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) และพระยาณรงค์สงคราม ได้เป็นทัพหน้าของกองทัพที่นำโดยเจ้าพระยาบดินทรเดชานำพลชาวนครราชสีมาทำการรบอย่างกล้าหาญในสงครามกับเวียดนาม และสามารถรุกไปถึงเขตแดนเมืองไซ่ง่อน ก่อนที่จะต้องถอยทัพเนื่องจากกองทัพไทยพ่ายแพ้ในแนวรบด้านอื่น ต่อมาพระยาณรงค์สงคราม ได้เป็นนายทัพสำคัญในกองทัพของเจ้าพระยาบดินทรเดชา จนสิ้นสุดสงคราม เมื่อ เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) ถึงแก่กรรม พระพรหมบริรักษ์ (เกษ) บุตรชายคนโตของเจ้าพระยาบดินทรเดชาได้รับการแต่งตั้งให้เป็น เจ้าเมืองนครราชสีมาคนต่อมา เมื่อว่างเว้นจากสงคราม เมืองโคราชได้ฟื้นตัวขึ้นใหม่กลายเป็นชุมทาง การค้าที่สำคัญ ในการติดต่อระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับภาคกลาง มีกองเกวียน กองคาราวานการค้า ขนาดใหญ่ผ่าน และ หยุดพักอยู่เสมอ ในสมัยรัชกาลที่ 4 บาทหลวงปาลเลกัวซ์ ได้เขียนว่า ตัวเมืองโคราชล้อมรอบด้วยกำแพงตั้งอยู่บนที่ราบสูง เดินทางจากบางกอกใช้เวลา 6 วันโดยไต่ระดับสูงขึ้นไปตามเส้นทาง ดงพญาไฟ ประชากรโคราชมีประมาณ 60,000 คน ครึ่งหนึ่งเป็นคนสยาม อีกครึ่งหนึ่งเป็นคนเขมร ในตัวเมืองมีประชากร 7,000 คน มีคนจีนประมาณ 700 คน มีเหมืองแร่ทองแดง มีโรงหีบอ้อย สินค้า คือ ข้าว งาช้าง หนังสัตว์ เขาสัตว์ ไม้เต็ง อบเชย ในรัชกาลนี้ เจ้าพระยานครราชสีมา (เกษ) ได้เลื่อนเป็น เจ้าพระยามุขมนตรี (เกษ) และ เจ้าเมืองนครราชสีมาคนต่อมาคือ พระยานครราชสีมา (แก้ว) บุตรชายคนรองของเจ้าพระยาบดินทรเดชา หลังจากนั้น พระยานครราชสีมา (แก้ว) ได้เลื่อนเป็น เจ้าพระยายมราช (แก้ว) และ เจ้าเมืองคนต่อมาคือ พระยานครราชสีมา (เมฆ) บุตรชายคนโตของ เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) ในสมัยรัชกาลที่ 5 พระยานครราชสีมา (เมฆ) บุตรของ เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) ได้เป็นแม่ทัพบกไปปราบจีนฮ่อที่เมืองหนองคาย ต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งมณฑลนครราชสีมาเพื่อควบคุมดูแลหัวเมืองในบริเวณใกล้เคียง เป็นมณฑลแรกของประเทศ มีพระยานครราชสีมา (กาจ สิงหเสนี) บุตรเขยของพระยานครราชสีมา (เมฆ) เป็นผู้ว่าราชการคนแรก มีการจัดตั้งกองทหารประจำมณฑลตามหลักสากล มีการตั้งโรงเรียนนายร้อยตำรวจที่นครราชสีมา มีการสร้างทางรถไฟจากกรุงเทพฯ ผ่านอยุธยา สระบุรี ดงพญาไฟ ไปสู่นครราชสีมา จนเปิดการเดินรถไฟหลวง สายกรุงเทพ - นครราชสีมา ได้สำเร็จ การคมนาคมติดต่อสะดวกขึ้นเป็นอย่างมาก ในช่วงเดียวกันฝรั่งเศสได้เข้ามามีอำนาจเหนือคาบสมุทรอินโดจีน ทำให้สยามจำต้องเร่งการปรับปรุงพัฒนาราชอาณาจักรโดยเฉพาะในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในสมัยรัชกาลที่ 6 มีการจัดตั้งการขนส่งปรษณียภัณฑ์ทางอากาศ และ สายการบินระหว่าง กรุงเทพ - นครราชสีมา มีการขยายเส้นทางรถไฟสายอีสาน จนสามารถขยายเส้นทางการเดินรถไฟจาก นครราชสีมา ถึง ขอนแก่น และ นครราชสีมา ถึง อุบลราชธานี ได้สำเร็จในสมัยรัชกาลที่ 7ยุคหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ยุคหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง. ในช่วงหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พระองค์เจ้าบวรเดช ได้รวบรวมกองกำลังทหารจากมณฑลนครราชสีมาเป็นหลัก ร่วมกับ พันเอกพระยาศรีสิทธิ์สงคราม เพื่อทำการต่อสู้กับคณะผู้เปลี่ยนแปลงการปกครอง คณะผู้ก่อการได้ยกกองกำลังเข้ามาล้อมกรุงเทพฯ แต่เมื่อการต่อสู้ยืดเยื้อในที่สุดก็ต้องถอยทัพและประสบความพ่ายแพ้เนื่องจากมีกำลังที่น้อยกว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ พันโทหลวงพิบูลสงครามผู้บัญชาการกองกำลังผสมฝ่ายรัฐบาล มีอำนาจในการควบคุมกำลังทหารมากขึ้นส่งผลให้ได้อำนาจทางการเมืองและจัดตั้งรัฐบาลทหารได้ในเวลาต่อมา ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กองทหารในสังกัด มณฑลทหารบกที่ 3 นครราชสีมา ได้ทำการร่วมรบในกรณีพิพาทอินโดจีน กองทัพไทยสามารถยึดดินแดนกลับคืนมาบางส่วน เป็นการชั่วคราว หลังสงครามยุติสหรัฐอเมริกาได้ให้ความช่วยเหลือสร้างถนนมิตรภาพ จาก สระบุรี ถึง นครราชสีมา ซึ่งเป็นทางหลวงที่ได้มาตรฐานดีที่สุดของประเทศในขณะนั้น ในช่วงสงครามเวียดนาม สหรัฐอเมริกาได้ขอใช้นครราชสีมาเป็นฐานบัญชาการการรบ มีการสร้างฐานบินโคราช และต่อมาไทยได้เปลี่ยนให้เป็น กองบิน 1 ซึ่งเป็นฐานกำลังรบทางอากาศหลักของกองทัพอากาศไทยในปัจจุบัน โดยมีมีเครื่องบิน F-16 ประจำการอยู่สองฝูงบิน ในปี พ.ศ. 2523 มีความพยายามรัฐประหารโดยกลุ่มทหารของ พลเอกสัณห์ จิตรปฏิมา แต่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์นายกรัฐมนตรี ได้กราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ทรงแปรพระราชฐานไปประทับที่นครราชสีมา กองกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 2 นำโดยพลตรี อาทิตย์ กำลังเอกได้เป็นกองกำลังหลักในการปราบกบฏลงได้ในที่สุด หลังจากนั้น อดีตผู้บัญชาการกองทัพภาคที่ 2 หลายท่านได้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกในเวลาต่อมา เนื่องจากความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ปัจจุบัน นครราชสีมา จึงได้กลายเป็นเมืองศูนย์กลางการรบที่สำคัญรองจากกรุงเทพมหานคร เป็นประตูสู่อิสาน เป็นศูนย์กลางการคมนาคมของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งเป็นที่ตั้งของกองฐานกำลังรบหลักของกองทัพบก และกองทัพอากาศในปัจจุบัน ในปี พ.ศ. 2553 ได้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในจังหวัดนครราชสีมา เนื่องจากฝนช่วงปลายฤดูตกหนักในบริเวณต้นแม่น้ำมูล นับเป็นอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 50 ปีภูมิศาสตร์ภูมิประเทศ ภูมิศาสตร์. ภูมิประเทศ. จังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่บนที่ราบสูงโคราช ห่างจากกรุงเทพ 259 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมด 20,493.964 ตารางกิโลเมตร (12,808,728 ไร่) เป็นพื้นที่ป่าไม้ 2,297,735 ไร่ โดยส่วนใหญ่เป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติคืออุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และอุทยานแห่งชาติทับลานร้อยละ 61.4 และเป็นแหล่งน้ำ 280,313 ไร่ ทิศเหนือติดต่อกับจังหวัดชัยภูมิ และขอนแก่น ทิศใต้ติดต่อกับจังหวัดปราจีนบุรี นครนายก และสระแก้ว ทิศตะวันออกติดต่อกับจังหวัดบุรีรัมย์ และทิศตะวันตกติดต่อกับจังหวัดสระบุรี ชัยภูมิ และลพบุรี พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางระหว่าง 150-300 เมตร มีเทือกเขาสันกำแพง และเทือกเขาพนมดงรัก เป็นแนวยาวทางด้านทิศใต้และทิศตะวันตก ส่วนบริเวณตอนล่างค่อนไปทางเหนือและตะวันออกเป็นที่ราบลุ่ม โดยมีลำตะคองและลำน้ำสาขาอื่น ๆ ไหลหล่อเลี้ยงบริเวณด้านเหนือของเมือง และ เป็นสาขาหนึ่งของแม่น้ำสำคัญคือแม่น้ำมูลซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของภาคตะวันออกเฉียงเหนือภูมิอากาศ ภูมิอากาศ. สภาพภูมิอากาศของจังหวัดนครราชสีมาจัดอยู่ในประเภททุ่งหญ้าเขตร้อน มีลมมรสุมหลักพัดผ่านคือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้อากาศหนาวเย็นและแห้งแล้ง กับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้มีอากาศชุ่มชื้นและมีฝนตกชุก โดยทั่วไปสามารถแบ่งฤดูกาลออกได้เป็น 3 ฤดู คือ ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม มีฝนตกชุก ตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงเดือนตุลาคม โดยมีปริมาณน้ำฝนสูงสุดในเดือนตุลาคม ฤดูหนาว สภาพอากาศจะเริ่มเปลี่ยนจากฤดูฝนไปสู่ฤดูหนาวตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ระยะนี้ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นลมหนาวและแห้งพัดจากประเทศจีน และฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ ถึงกลางเดือนพฤษภาคม เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมาเป็นพื้นที่ราบสูง มีป่าและทิวเขาสูงกั้นเขตแดนเป็นแนวยาว อากาศจึงค่อนข้างร้อนอบอ้าวในฤดูร้อน และในฤดูหนาวก็ค่อนข้างหนาวเย็นโดยอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีประมาณ 27.4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 22.7 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 33 อาศาเซลเซียส มีค่าความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยตลอดทั้งปี 71 % ความชื้นสัมพัทธ์สูงสุดเฉลี่ย 89% ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำสุดเฉลี่ย 49 %ข้อมูลการปกครองการปกครองส่วนภูมิภาค ข้อมูลการปกครอง. การปกครองส่วนภูมิภาค. แบ่งปกครองแบ่งออกเป็น 32 อำเภอ 289 ตำบล 3,743 หมู่บ้าน เนื้อที่รวม 20,493.968 ตารางกิโลเมตรการปกครองส่วนท้องถิ่น การปกครองส่วนท้องถิ่น. มีจำนวนทั้งสิ้น 334 แห่ง แบ่งออกเป็น เทศบาลนคร 1 แห่ง เทศบาลเมือง 4 แห่ง เทศบาลตำบล 85 แห่ง และ องค์การบริหารส่วนตำบล 243 แห่ง โดยเทศบาลสามารถจำแนกได้ตามพื้นที่ดังนี้รายนามผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเศรษฐกิจ เศรษฐกิจ. โครงสร้างเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดนครราชสีมามีโครงสร้างที่สำคัญ ได้แก่ ภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร และการค้าส่งค้าปลีก ซึ่งมีอัตราสัดส่วนโครงสร้างร้อยละ 22.46, 19.82 และ 14.91 ตามลำดับ ในภาคการเกษตร จังหวัดมีพื้นที่เกษตรกรรมทั้งสิ้น 8,931,032 ไร่ แบ่งเป็น ปลูกข้าว จำนวน 4,329,724 ไร่ พืชไร่จำพวกข้าวโพด มันสำปะหลัง ปอ ฝ้าย และข้าวฟ่าง จำนวน 3,793,602 ไร่ และปลูกพืชสวน 632,170 ไร่ มีครัวเรือนเกษตรกรรวมทั้งสิ้น 326,587 ครัวเรือน โดยมีพืชเศรษฐกิจ 3 อันดับแรก คือ ข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงสัตว์ เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด การเลี้ยงไหมโดยเฉพาะที่อำเภอปักธงชัยเป็นแหล่งผ้าไหมที่ขึ้นชื่อ อาชีพการทำป่าไม้ และการประมงน้ำจืดตามลุ่มน้ำ ในภาคอุตสาหกรรม ปี พ.ศ. 2553 จังหวัดนครราชสีมามีโรงงานทั้งสิ้น 2,398 โรงงาน มีมูลค่าการลงทุน ประมาณ 119 ล้านบาท ซึ่งโรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมการเกษตรมีสัดส่วนเฉลี่ยร้อยละ 18.84 อุตสาหกรรมขนส่งเฉลี่ยร้อยละ 12.27 อุตสาหกรรมอโลหะเฉลี่ยร้อยละ 11.38 และอุตสาหกรรมอาหารเฉลี่ยร้อยละ 10.02 สำหรับอุตสาหกรรมเหมืองแร่ มีแร่ที่สำคัญคือ หินบะซอลต์ หินปูน และ เกลือหิน โดยเฉพาะเกลือหิน พบมากในตอนเหนือและตอนกลางของจังหวัด ปี พ.ศ. 2557 (2014) มีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (Gross Provincial Product - GPP) เท่ากับ 245,248 ล้านบาท อยู่ในลำดับที่ 1 ของภาตตะวันออกเฉียงเหนือ ลำดับที่ 10 ของประเทศ และ ผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อคน (GPP per capita) เท่ากับ 97,963 บาท เป็นอันดับ 2 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และอันดับ 37 ของประเทศ ในปี พ.ศ. 2558 (year 2015) จังหวัดนครราชสีมามีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (Gross Provincial Product - GPP) เท่ากับ 264,964 ล้านบาท อยู่ในลำดับที่ 1 ของภาตตะวันออกเฉียงเหนือ ลำดับที่ 10 ของประเทศ และ ผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อคน (GPP per capita) เท่ากับ 106,000 บาท อยู่ในลำดับที่ 2 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลำดับที่ 32 ของประเทศ ภาคการเงินการธนาคาร จังหวัดนครราชสีมามีจำนวนสำนักงานของธนาคารทั้งสิ้น 187 สำนักงาน(มีนาคม พ.ศ. 2560) เงินรับฝากรวมทุกประเภท (มีนาคม พ.ศ. 2557) ทั้งสิ้น 115,893 ล้านบาท และ เงินให้สินเชื่อรวมทุกประเภท (มี.ค.2557) ทั้งสิ้น 123,798 ล้านบาทนิคมอุตสาหกรรมนิคมอุตสาหกรรม. - นิคมอุตสาหกรรมนวนคร 2 นครรราชสีมา - เขตอุตสาหกรรมสุรนารี - นิคมอุตสาหกรรมสูงเนิน (โครงการ) ประชากรศาสตร์ชาติพันธุ์ ประชากรศาสตร์. ชาติพันธุ์. ปัจจุบันจังหวัดนครราชสีมามีประชากรมากเป็นอันดับหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมากเป็นอันดับสองของประเทศรองจากกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยประชากรหลากหลายเชื้อชาติหรือหลายชาติพันธุ์ แต่กลุ่มชาติพันธุ์ในจังหวัดนครราชสีมาที่มีจำนวนมากมีอยู่สองกลุ่มใหญ่คือ ไทย (หรือเรียกอีกอย่างว่า ไทโคราช) และอีกกลุ่มคือชาวลาว (ตอนบนและด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเขตจังหวัด) และมีชนกลุ่มน้อยอีกได้แก่ มอญ กุย (หรือส่วย) ชาวบน จีน ไทยวน ญวน และแขกไทโคราช ไทโคราช. กลุ่มชาติพันธุ์ไทยที่อยู่ในนครราชสีมาเรียกอีกอย่างว่า ไทโคราช เป็นคนกลุ่มใหญ่ที่สุดในจังหวัดนครราชสีมา คนกลุ่มนี้ใช้ภาษาคล้ายคนไทยภาคกลาง เพียงแต่เสียงวรรณยุกต์เพี้ยนไปบ้าง และมีคำศัพท์สำนวนบางอย่างที่มีลักษณะเป็นของตนเอง เดิมถิ่นนี้ชาวพื้นเมืองเป็นละว้า ชาวไทยภาคกลางได้อพยพเข้ามาอยู่อาศัย สมัยกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าอู่ทองให้ขุนหลวงพะงั่วยกกองทัพมารวบรวมดินแดนแถบนี้เข้ากับกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าอู่ทองโปรดฯให้กองทหารอยุธยาตั้งด่านอยู่ประจำ และส่งช่างชาวอยุธยามาก่อสร้างบ้านเรือนและวัดวาอารามเป็นอันมาก ชาวไทยอยุธยาได้อพยพเข้ามาอยู่อาศัยเพิ่มขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และได้อพยพมาอยู่นครราชสีมาอีกระลอกหนึ่งคือ คราวเสียกรุงครั้งที่2 โดยมีชาวไทยชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกได้อพยพเข้ามาเพิ่มด้วย ชาวไทยกลุ่มนี้และชาวไทยพื้นเมืองเดิม (เข้าใจว่าเป็นชาวสยามลุ่มน้ำมูล) สืบเชื้อสายเป็นชาวไทยโคราชและรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีสืบทอดกันมา กลุ่มไทโคราชเป็นกลุ่มที่แสดงเอกลักษณ์ของเมืองนครราชสีมา เพราะสำเนียงแตกต่างจากกลุ่มอื่น เป็นกลุ่มที่พูดภาษาไทยโคราชซึ่งคล้ายคลึงภาษาไทยกลางแต่สำเนียงเพี้ยน เหน่อ ห้วนสั้น เกิ่นเสียง มีคำไทยลาว (อีสาน) ปะปนบ้างเล็กน้อย ชาวไทยโคราชแต่งกายแบบไทยภาคกลาง รับประทานข้าวเจ้า อาหารทั่วไปคล้ายคลึงภาคกลาง ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมคล้ายไทยภาคกลาง ปัจจุบัน กลุ่มไทยโคราชอาศัยอยู่ในทุกอำเภอในจังหวัดนครราชสีมา ยกเว้นบางอำเภอที่มีชาวไทยอีสานมากกว่า (อำเภอบัวใหญ่ ปักธงชัย และสูงเนิน) และยังพบชาวไทยโคราชในบางส่วนของจังหวัดสระบุรี จังหวัดลพบุรี จังหวัดชัยภูมิ (อำเภอบำเหน็จณรงค์และจัตุรัส) และจังหวัดบุรีรัมย์ (อำเภอเมืองบุรีรัมย์ นางรอง และหนองกี่)ชาวไทอีสาน ชาวไทอีสาน. ชาวไทอีสานเป็นกลุ่มหนึ่งที่มีจำนวนประชากรมากรองจากกลุ่มไทโคราช อาศัยอยู่มากในบางอำเภอของจังหวัดนครราชสีมา เช่น อำเภอบัวใหญ่ อำเภอบัวลาย อำเภอสีดา อำเภอแก้งสนามนาง อำเภอประทาย อำเภอโนนแดง อำเภอบ้านเหลื่อม อำเภอเมืองยาง อำเภอลำทะเมนชัย อำเภอปักธงชัย อำเภอสูงเนิน และบางส่วนของอำเภอคง อำเภอห้วยแถลง อำเภอชุมพวง อำเภอครบุรี อำเภอเสิงสาง และอำเภอสีคิ้ว เป็นต้น ชาวไทยอีสานพูดภาษาอีสานท้องถิ่นคล้ายกับจังหวัดอื่นๆในภาคอีสาน และมีขนบธรรมเนียมประเพณีเหมือนชาวอีสานทั่วไป กลุ่มชาวไทยอีสานอพยพเข้ามาอยู่ในจังหวัดนครราชสีมาหลายรุ่นตามความเจริญของเศรษฐกิจ ในบางข้อสันนิฐานให้ข้อมูลว่า เดิมชาวโคราชพูดภาษากลางแบบชาวสยาม และมีชาวไทยอีสานอพยพเข้ามาอยู่ปะปนกัน จึงเกิดการผสมผสานเป็นภาษาไทโคราช แต่อย่างไรก็ดีชาวไทยอีสานดั้งเดิมมีถิ่นอาศัยอยู่ในภาคอีสานมานานแล้ว มิได้อพยพมาจากฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง มีความพัวพันกับอาณาจักรไทยในอดีต เช่น โคตรบูรณ์ ศรีจะนาศะ ซึ่งเป็นอาณาจักรของศาสนาพุทธ มิใช่พราหม-ฮินดู แบบจักรวรรดิ์เขมร กล่าวได้ว่าชาวไทยอีสานเป็นชนพื้นเมืองเดิมของภาคอีสานมาช้านานแล้วชาวไทยเชื้อสายลาว ชาวไทยเชื้อสายลาว. อพยพเข้ามาอยู่สมัยสงครามปราบปรามเมืองเวียงจันทน์ในสมัยกรุงธนบุรี และสมัยปราบเจ้าอนุวงศ์ในรัชกาลที่3 มีการกวาดต้อนครอบครัวลาวเข้ามาอยู่ในหัวเมืองชั้นในหลายครั้ง และมีการอพยพเข้ามาโดยสมัครใจเพิ่มขึ้นในระยะหลัง คนกลุ่มที่นี้มักเรียกกันว่า "ลาวเวียง" มีการใช้ภาษาลาวสำเนียงเวียงจันทน์ซึ่งต่างกับภาษาอีสานสำเนียงท้องถิ่นอย่างสิ้นเชิง กระจายอาศัยกันอยู่ทั่วไปในจังหวัดนครราชสีมา ปัจจุบันสืบหาแทบไม่ได้แล้วเนื่อจากการเทครัวมีมานับ200ปีและมีการแต่งงานกับคนพื้นเมือง มีจำนวนน้อยที่สืบหาได้ว่ามีเชื้อสาวลาวเวียงจันทน์ตามคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ เช่น การเก็บรักษาผ้าซิ่นแต่เดิมไว้ และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เนื่องจากชาวลาวเวียงจันทน์อพยพมาจากเมืองที่มีวัฒนธรรมสูง มักจะมีของมีค่าติดตัวมาด้วย เช่น ผ้าซิ่น ข้าวของเครื่องใช้ รวมถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตแบบชาวเวียงจันทน์ที่ยังสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ชาลาวเวียงจันทน์อพยพมากที่สุดในสมัยรัชกาลที่3เนื่องจากมีการทำสงครามกับเวียงจันทน์หลายครั้ง และเป็นครั้งใหญ่ที่ทำลายนครเวียงจันทน์อย่างราบคราบ จึงทำให้ชาวลาวเวียงจันทน์ถูกเกณฑ์เป็นเชลยจำนวนมาก โดยหัวเมืองใหญ่อย่างนครราชสีมารับชาวเชลยไว้เป็นจำหนึ่ง ส่วนที่เหลือกระจายไปตามหัวเมืองต่างๆในภาคกลางมอญ มอญ. จากการสำรวจสำมะโนประชากรของจังหวัดนครราชสีมา เมื่อปี พ.ศ. 2446 ในสมัยรัชกาลที่ 5 พบว่า มีชาวมอญอยู่จำนวน 2,249 คน จากจำนวนประชากรของนครราชสีมา 402,668 คน ชาวมอญอพยพเข้ามาอยู่บริเวณเมืองนครราชสีมา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2318 ในสมัยกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พระราชทานครัวมอญที่อพยพเข้ามาสวามิภักดิ์ มีเจ้าพระยามหาโยธา (พญาเจ่ง) ต้นสกุล "คชเสนี" เป็นหัวหน้า แบ่งให้พระยานครราชสีมานำขึ้นมาอยู่ที่เมืองนครราชสีมา ตั้งครัวมอญที่ลำพระเพลิง เขตอำเภอปักธงชัยที่บ้านพลับพลา อำเภอโชคชัย พระยาศรีราชรามัญผู้เป็นหัวหน้าพาญาติพี่น้องมาอยู่ในเมืองเป็นสายกองส่วยทอง ตั้งบ้านเรือนเรียกว่าบ้านมอญ เมื่อเกิดกบฏเจ้าอนุวงศ์ เมื่อปี พ.ศ. 2336 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยามหาโยธา (ทอเรียะ คชเสนี) คุมกองมอญมาสมทบมาร่วมรบกับกำลังฝ่ายไทย เมื่อเสร็จศึกแล้วพวกมอญเห็นเมืองปักธงชัยอุดมสมบูรณ์จึงมาตั้งถิ่นฐาน ปัจจุบันชาวมอญในนครราชสีมายังรักษาวัฒนธรรมประเพณีมอญไว้ เช่น ภาษา การไหว้ผี การเล่นสะบ้าในเขตบ้านท่าโพธิ บ้านสำราญเพลิง ตำบลนกออก อำเภอปักธงชัย ประกอบอาชีพทำนา ทำสวน ทำเครื่องปั้นดินเผา ภาษามอญจะใช้พูดในชาวไทยมอญที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป คนรุ่นหลังจากนี้จะพูดภาษาไทยโคราชทั้งสิ้นส่วย ส่วย. ส่วย หรือ ข่า เป็นชนพื้นเมืองของหัวเมืองเขมรป่าดงและเมืองนครราชสีมา พูดภาษาตระกูลมอญ-เขมร ได้อยู่ในพื้นที่นี้ก่อนที่คนไทยจะเข้ามามีอิทธิพลเหนือดินแดนบริเวณลุ่มแม่น้ำมูลตอนบน เมื่อปี พ.ศ. 2362 เจ้าเมืองนครราชสีมา (ทองอินทร์) ตีข่าได้ แล้วนำมายังเมืองนครราชสีมา ภาษาส่วย เป็นภาษาของชาวส่วยที่อพยพมาจากจังหวัดสุรินทร์ จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดบุรีรัมย์ ที่มาตั้งหลักแหล่งอยู่ที่ ตำบลห้วยแถลง อำเภอห้วยแถลง ปัจจุบันมีเฉพาะผู้ที่อายุเกิน 40 ปีขึ้นไป ที่ยังคงใช้ภาษาส่วยในกลุ่มของตนเอง นอกจากนั้นจะใช้ภาษาไทยโคราชเป็นพื้นญัฮกุร ญัฮกุร. ญัฮกุร หรือ เนียะกุล เป็นชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ตามไหล่เขาหรือเนินเขาเตี้ย ๆ บริเวณด้านในของที่ราบสูงโคราช ชาวบนอาจสืบเชื้อสายมาจากคนในสมัยทวารวดี อยู่ในบางหมู่บ้านของอำเภอปักธงชัย อำเภอครบุรี และอำเภอหนองบุญมาก ภาษาชาวบน เป็นภาษาตระกูลมอญ-เขมร ปัจจุบันชาวบนพูดภาษาชาวบนเฉพาะผู้ที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป นอกจากนั้นใช้ภาษาไทยโคราชไทยวน ไทยวน. ไทยวน หรือ ไทยโยนก เป็นเผ่าไทยในภาคเหนือของไทย ได้อพยพเข้ามาอยู่ที่อำเภอสีคิ้วสองทางด้วยกันคือ พวกแรกอพยพจากทางเหนือมาอยู่ที่อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี ต่อมาเจ้าเมืองสระบุรีต้องการตั้งกองเลี้ยงโคนมที่เมืองนครจันทึก จึงได้แบ่งครอบครัวชาวไทยวนจากอำเภอเสาไห้ไปอยู่ที่อำเภอสีคิ้ว ส่วนอีกพวกหนึ่งอพยพมาจากเวียงจันทน์ ชาวไทยวนยังรักษาประเพณีและวัฒนธรรมแบบโยนกไว้ได้ดีมาก ภาษาไทยวน ใช้พูดในหมู่ไทยวนด้วยกันเองซึ่งมีอยู่ประมาณ 5,000 คน ในเขตอำเภอสีคิ้ว ในท้องที่ตำบลลาดบัวขาว ตำบลสีคิ้ว และตำบลบ้านหัน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มเชื้อสาย ชาวจีน, ชาวเวียดนาม, และแขก(อินเดีย, บังคลาเทศ, ปากีสถาน ฯลฯ)การศึกษา การศึกษา. จังหวัดนครราชสีมามีสถาบันการศึกษาหลายแห่ง โดยแบ่งเป็นระดับประถมศึกษา ทั้งหมด 7 เขต และมัธยมศึกษา 1 เขต (ไม่รวมสังกัด อปท.)การแบ่งเขตพื้นที่มัธยมศึกษาการแบ่งเขตพื้นที่มัธยมศึกษา. - สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 31 - ครอบคลุมโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดนครราชสีมา 50 แห่ง - สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา - ครอบคลุมโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดนครราชสีมา 59 แห่งการแบ่งเขตพื้นที่ประถมศึกษา การแบ่งเขตพื้นที่ประถมศึกษา. แบ่งเป็นระดับประถมศึกษา ทั้งหมด 7 เขต- เขต 1 - อำเภอเมืองนครราชสีมาและอำเภอโนนสูง - เขต 2 - อำเภอจักราช อำเภอหนองบุญมาก อำเภอห้วยแถลง อำเภอเฉลิมพระเกียรติและอำเภอโชคชัย - เขต 3 - อำเภอปักธงชัย อำเภอครบุรี อำเภอเสิงสาง และอำเภอวังน้ำเขียว - เขต 4 - อำเภอสีคิ้ว อำเภอสูงเนินและอำเภอปากช่อง - เขต 5 - อำเภอเทพารักษ์ อำเภอพระทองคำ อำเภอขามสะแกแสง อำเภอขามทะเลสอ อำเภอโนนไทยและอำเภอด่านขุนทด - เขต 6 - อำเภอสีดา อำเภอบัวลาย อำเภอบ้านเหลื่อม อำเภอแก้งสนามนาง อำเภอคงและอำเภอบัวใหญ่ - เขต 7 - อำเภอประทาย อำเภอเมืองยาง อำเภอชุมพวง อำเภอลำทะเมนชัย อำเภอพิมายและอำเภอโนนแดงโรงเรียนโรงเรียน. - โรงเรียนชายล้วนประจำจังหวัด: โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย - โรงเรียนสตรีประจำจังหวัด: โรงเรียนสุรนารีวิทยา - โรงเรียนสหศึกษาประจำจังหวัด: โรงเรียนบุญวัฒนา - โรงเรียนสหศึกษาประจำจังหวัด: โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์สถาบันอุดมศึกษาสถาบันอุดมศึกษาของรัฐสถาบันอุดมศึกษา. สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ. - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี - มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (ศูนย์กลางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นครราชสีมา) - มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา - มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครราชสีมา - มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย มหาปชาบดีเถรีวิทยาลัย และศูนย์การศึกษาโคราช - สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า สีคิ้ว) - สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (วนศ.นครราชสีมา) - วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมาสถาบันอุดมศึกษาเอกชนสถาบันอุดมศึกษาเอกชน. - มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล - วิทยาลัยนครราชสีมา - วิทยาลัยเทคโนโลยีพนมวันท์ - สถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชน ศูนย์การเรียนรู้จังหวัดนครราชสีมา - วิทยาลัยพิชญบัณฑิต นครราชสีมา - วิทยาลัยพุทธศาสนานานาชาติ วิทยาเขตนครราชสีมาสถาบันอาชีวศึกษาสถาบันการอาชีวศึกษาของรัฐสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 สถาบันอาชีวศึกษา. สถาบันการอาชีวศึกษาของรัฐ. สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5. สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 ประกอบด้วยวิทยาลัยในสังกัด 9 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา,วิทยาลัยอาชีวศึกษานครราชสีมา,วิทยาลัยเทคนิคหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ, วิทยาลัยเทคนิคสุรนารี,วิทยาลัยเทคนิคชัยภูมิ,วิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์,วิทยาลัยเทคนิคคูเมือง,วิทยาลัยเทคนิคสุรินทร์ และวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุรินทร์ มีที่ตั้งสำนักงานสถาบัน(ชั่วคราว) อยู่ภายในวิทยาลัยเทคนิคหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เป็น 1ในสถาบันการอาชีวศึกษา 19 สถาบัน ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎกระทรวงการรวมสถานศึกษาอาชีวศึกษาเพื่อจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2555 สำหรับวิทยาลัยในสังกัดในจังหวัดนครราชสีมา ได้แก่- วิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา เปิดสอนระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ-ปริญญาตรี (สายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการ) - วิทยาลัยเทคนิคสุรนารี อ.โชคชัย - วิทยาลัยเทคนิคหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ อ.ด่านขุนทด - วิทยาลัยอาชีวศึกษานครราชสีมา - วิทยาลัยเทคนิคพิมาย (การอาชีพพิมายเดิม)วิทยาลัยอาชีวศึกษาอื่น ๆวิทยาลัยอาชีวศึกษาอื่น ๆ. - วิทยาลัยสารพัดช่างนครราชสีมา - วิทยาลัยเกษตรกรรมและเทคโนโลยีนครราชสีมา อ.สีคิ้ว - วิทยาลัยเทคนิคปักธงชัย - วิทยาลัยบริหารธุรกิจและการท่องเที่ยวนครราชสีมา (NR-CBAT) เปิดสอนระดับ ปวช.-ปวส. ในด้านบริหารธุรกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว - วิทยาลัยการอาชีพปากช่อง - วิทยาลัยการอาชีพปากช่อง วิทยาเขตสูงเนิน - วิทยาลัยการอาชีพบัวใหญ่ - วิทยาลัยการอาชีพชุมพวงสถาบันอาชีวศึกษา (เอกชน)สถาบันอาชีวศึกษา (เอกชน). - วิทยาลัยเทคโนโลยีชนะพลขันธ์ นครราชสีมา - วิทยาลัยเทคโนโลยีช่างกลพณิชยการนครราชสีมา - วิทยาลัยเทคโนโลยีอาชีวศึษานครราชสีมา - โรงเรียนเทคโนโลยีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ - วิทยาลัยอาชีวศึกษาเมรี่เทคโนโลยี - วิทยาลัยเทคโนโลยีมารีย์บริหารธุรกิจ นครราชสีมา (สถาบันในเครือมารีย์วิทยา) - โรงเรียนเทคโนสุระ - บัวใหญ่เทคโนโลยีพณิชยการ - วิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการปากช่อง - วิทยาลัยเทคโนโลยีสายมิตร นครราชสีมา - โรงเรียนกุสุมภ์เทคโนโลยีวิทยาลัยเฉพาะทางวิทยาลัยเฉพาะทาง. - วิทยาลัยนาฏศิลปนครราชสีมา เปิดสอนหลักสูตรนาฏศิลป์ชั้นต้น กลาง และสูงสถาบันวิจัยสถาบันวิจัย. - สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) - ศูนย์วิจัยข้าวโพดข้าวฟ่างแห่งชาติการสาธารณสุขการสาธารณสุข. - โรงพยาบาลศูนย์- โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา (1,619 เตียง) เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข- โรงพยาบาลทั่วไป- โรงพยาบาลปากช่องนานา (300 เตียง) - โรงพยาบาลบัวใหญ่ (268 เตียง) - โรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมา (200 เตียง) - โรงพยาบาลพิมาย (144 เตียง)- โรงพยาบาลชุมชน - โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย- โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (608 เตียง)- โรงพยาบาลทหาร- โรงพยาบาลค่ายสุรนารี (420 เตียง) - โรงพยาบาลกองบิน 1 (50 เตียง)- โรงพยาบาลเอกชน - โรงพยาบาลเฉพาะทาง- โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ (300 เตียง)- อื่นๆ- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 5 กรมอนามัย (60 เตียง)การคมนาคมทางอากาศ การคมนาคม. ทางอากาศ. -วันที่ 2 กันยายน 2554 ที่ท่าอากาศยานนครราชสีมา อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา บริษัท Thai Regional Aviation จำกัด ได้ทำการเปิดเที่ยวบิน สุวรรณภูมิ-โคราช-สุวรรณภูมิ บริษัทเลือกใช้เครื่องบินรุ่น Piper Navajo Chieftain ซึ่งเป็นเครื่องบินที่ได้รับความนิยมสูง และ มีความปลอดภัยจากประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้เวลาในการเดินทาง 40 นาที -วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2558 สายการบิน กานต์แอร์ ได้ทำการเปิดเที่ยวบิน จาก ท่าอากาศยานเชียงใหม่ - ท่าอากาศยานนครราชสีมา โดยทำการบิน 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ( จันทร์,พุธ,พฤหัสบดี,เสาร์ ) โดยใช้เครื่องบินรุ่น ATR-72 (ปัจจุบันหยุดให้บริการในสายนี้แล้ว) -วันที่ 3 ธันวาคม 2560 สายการบินนิวเจน แอร์เวย์ส เปิดให้บริการเส้นทางบิน นครราชสีมา - เชียงใหม่ และภูเก็ต -วันที่ 21 ธันวาคม 2560 สายการบินนิวเจน แอร์เวย์ส เปิดให้บริการเส้นทางบิน นครราชสีมา - กรุงเทพฯ(ดอนเมือง)รายชื่อสายการบินรถยนต์ รถยนต์. จากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ มายังจังหวัดนครราชสีมาได้หลายเส้นทาง คือ- เส้นทางผ่านทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ผ่านรังสิต วังน้อย จนถึงจังหวัดสระบุรี ข้ามทางต่างระดับมิตรภาพ ทางทิศตะวันออก ไปยัง ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ผ่านอำเภอแก่งคอย มวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เรื่อยไปจนถึงอำเภอปากช่อง สีคิ้ว สูงเนิน และจังหวัดนครราชสีมา รวมระยะทางประมาณ 256 กิโลเมตร - ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 เส้นทางผ่านเขตมีนบุรี อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา อำเภอพนมสารคาม อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอวังน้ำเขียว อำเภอปักธงชัย จนถึงจังหวัดนครราชสีมา รวมระยะทางประมาณ 273 กิโลเมตร - ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 305 เส้นทางรังสิต-นครนายก ต่อทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 33 ไปกบินทร์บุรี แล้วแยกเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 ผ่านอำเภอวังน้ำเขียว ปักธงชัย เรื่อยไปจนถึงจังหวัดนครราชสีมารถโดยสารประจำทาง รถโดยสารประจำทาง. มีรถโดยสารธรรมดา และ รถปรับอากาศชั้น 1 ชั้น 2 และรถตู้ปรับอากาศ สาย 21 (กรุงเทพฯ - นครราชสีมา) วิ่งให้บริการจาก สถานีขนส่งหมอชิต 2 กรุงเทพฯ มายังจังหวัดนครราชสีมา ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีบริษัทเอกชน ที่ได้รับสัมปทานเปิดบริการเดินรถโดยสารสาย 21 ดังนี้ รถปรับอากาศชั้น 1 รถปรับอากาศชั้น 2 รถตู้ปรับอากาศ (ไม่รับรายทาง) ซึ่งจะให้บริการ รับ-ส่ง ผู้โดยสารที่สถานีขนส่งทั้งสองแห่ง คือ สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 1 (ถนนบุรินทร์) และ สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 (ถนนมิตรภาพ-หนองคาย) นอกจากนั้น ยังสามารถที่จะเลือกเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางจากกรุงเทพฯ ปลายทางจังหวัดต่าง ๆ ในภาคอีสานที่ผ่านจังหวัดนครราชสีมาได้ การเดินทางภายในเขตเทศบาลและพื้นที่ใกล้เคียง มีขนส่งสาธารณะให้บริการดังนี้คือ ถ้าต้องการเดินทางไปต่างอำเภอ จะมีรถโดยสารประจำทางหมวด 4 ให้บริการไปยังอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดนครราชสีมา หลายสายด้วยกัน สามารถขึ้นรถได้ที่สถานีขนส่งแห่งที่ 1 ถนนบุรินทร์ มีทั้งประเภทรถสองแถว และ รถบัสโดยสารประจำทางให้บริการ จะมีรถโดยสารไป อำเภอปักธงชัย อำเภอประทาย อำเภอด่านขุนทด อำเภอปากช่อง อำเภอสูงเนิน สำหรับสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 นั้น จะมีรถโดยสาร ไปเฉพาะ อำเภอพิมาย และ ด่านเกวียน, อำเภอโชคชัย มีทั้งรถโดยสารประจำทางธรรมดา และปรับอากาศ หมวด 2 และ 3 จำนวนหลายเส้นทางในจังหวัดต่าง ๆ วิ่งให้บริการผ่านจังหวัดนครราชสีมาที่สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 (ถนนมิตรภาพ-หนองคาย) ทุกวัน นอกจากนี้ มีรถโดยสารประจำทาง ให้บริการรับส่งผู้โดยสารจาก ต้นทางจังหวัดนครราชสีมา ไปยังปลายทางจังหวัดอื่น ในภาคต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ ในการเดินทางข้ามแดนจากจังหวัดนครราชสีมา ไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สามารถใช้หลักฐาน คือหนังสือเดินทางคือหนังสือผ่านแดน หรือหนังสือผ่านแดนชั่วคราวโดยมีแนวปฏิบัติและขั้นตอนดังต่อไปนี้ จังหวัดนครราชสีมา มีสถานีขนส่งผู้โดยสารที่ให้บริการแก่ผู้ที่ต้องเดินทางไปยังอำเภอ หรือ จังหวัดต่างๆ ดังนี้ สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 1 ตั้งอยู่เลขที่ 86 ถนนบุรินทร์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองฯ มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 7 ไร่ 2 งาน 98 ตารางวา เปิดใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 บริหารจัดการโดยเทศบาลนครนครราชสีมา ใช้เป็นสถานีขนส่งภายในจังหวัดเป็นหลัก และมีรถโดยสารปรับอากาศ สายที่ 21 กรุงเทพฯ – นครราชสีมา ให้บริการ ประกอบไปด้วย ปัจจุบันสถานีขนส่งฯ แห่งที่ 1 มีรถโดยสารประจำทางเข้าใช้บริการเฉลี่ยวันละ 2,000 เที่ยว/วัน หรือประมาณ 730,000 เที่ยว/ปี และมีผู้โดยสารหมุนเวียนเข้าใช้บริการเฉลี่ย 50,000 คน/วัน หรือประมาณ 18,000,000 คน/ปี สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 ตั้งอยู่ที่ ถนนมิตรภาพ-หนองคาย ตำบลในเมือง อำเภอเมืองฯ มีเนื้อที่ 29 ไร่ 50 ตารางวา เป็นสถานีขนส่งฯที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในจังหวัดนครราชสีมาและในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้ง และดำเนินการสถานีขนส่ง คือ บริษัท ไทยสงวนบริการ จำกัด ใช้เป็นสถานีขนส่งผู้โดยสารระหว่างจังหวัดเป็นหลักเส้นทางที่สำคัญคือ สายที่ 21 กรุงเทพฯ – นครราชสีมา ประกอบด้วย ปัจจุบันสถานีขนส่งฯ แห่งที่ 2 มีรถโดยสารประจำทางเข้าใช้บริการเฉลี่ยวันละ 1,300 เที่ยว /วัน หรือประมาณ 470,000 เที่ยว/ปี และมีผู้โดยสารหมุนเวียนเข้าใช้บริการเฉลี่ย 30,000 คน/วัน หรือประมาณ 11,000,000 คน/ปี สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอโชคชัย ตั้งอยู่เลขที่ 1 หมู่ที่ 12 ตำบลโชคชัย อำเภอโชคชัย มีเนื้อที่ 7 ไร่ บริหารจัดการโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เปิดดำเนินการเมื่อปี พ.ศ. 2539 ประกอบด้วย สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอโชคชัย มีรถโดยสารประจำทางเข้าใช้บริการวันละประมาณ 210 เที่ยว สถานีขนส่งฯ สามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณวันละ 2,000 คน /วัน สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอพิมาย ตั้งอยู่บริเวณตำบลในเมือง อำเภอพิมาย มีเนื้อที่ 6 ไร่ 54 ตารางวา ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้ง และดำเนินการสถานีขนส่งคือ บริษัท ไทยสงวนบริการ จำกัด เปิดดำเนินการเมื่อปี พ.ศ. 2538 ประกอบด้วย สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอพิมาย มีรถโดยสารประจำทางเข้าใช้บริการวันละประมาณ 230 เที่ยว สถานีขนส่งฯ สามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณวันละ 2,000 คน / วันรถไฟ รถไฟ. มีรถไฟสายภาคตะวันออกเฉียงเหนือกรุงเทพ - อุบลราชธานีและกรุงเทพ - หนองคายทั้งขบวนรถด่วนพิเศษ รถด่วน รถเร็วและรถธรรมดาวิ่งให้บริการจากสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ผ่านจังหวัดนครราชสีมาทุกวัน นอกจากนี้ยังมีขบวนรถท้องถิ่นวิ่งให้บริการระหว่างสถานีรถไฟนครราชสีมาไปยังสถานีรถไฟจังหวัดอื่นๆ เช่น สุรินทร์ อุบลราชธานี อุดรธานี หนองคาย และอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรีอีกด้วย สถานีรถไฟนครราชสีมาสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดนครราชสีมาและในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นสถานีรถไฟชั้น 1 ตั้งอยู่ที่ถนนมุขมนตรี อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา อยู่ห่างจากสถานีรถไฟกรุงเทพเป็นระยะทาง 264 กิโลเมตรรถไฟความเร็วสูง รถไฟความเร็วสูง. โครงการรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ในระหว่างการก่อสร้างเฟสแรก กรุงเทพ - นครราชสีมา (21 ธันวาคม 2560) คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี พ.ศ. 2564- สถานีรถไฟความเร็วสูงปากช่อง - สถานีรถไฟความเร็วสูงนครราชสีมาระยะทางจากอำเภอเมืองไปอำเภอต่างๆระยะทางจากอำเภอเมืองไปอำเภอต่างๆ. - อำเภอเฉลิมพระเกียรติ 24 กิโลเมตร - อำเภอขามทะเลสอ 25 กิโลเมตร - อำเภอโนนไทย 30 กิโลเมตร - อำเภอโชคชัย 33 กิโลเมตร - อำเภอปักธงชัย 36 กิโลเมตร - อำเภอสูงเนิน 36 กิโลเมตร - อำเภอโนนสูง 39 กิโลเมตร - อำเภอจักราช 44 กิโลเมตร - อำเภอขามสะแกแสง 52 กิโลเมตร - อำเภอสีคิ้ว 53 กิโลเมตร - อำเภอหนองบุญมาก 54 กิโลเมตร - อำเภอพระทองคำ 60 กิโลเมตร - อำเภอพิมาย 61 กิโลเมตร - อำเภอด่านขุนทด 62 กิโลเมตร - อำเภอครบุรี 64 กิโลเมตร - อำเภอห้วยแถลง 70 กิโลเมตร - อำเภอโนนแดง 75 กิโลเมตร - อำเภอคง 80 กิโลเมตร - อำเภอวังนํ้าเขียว 82 กิโลเมตร - อำเภอปากช่อง 89 กิโลเมตร - อำเภอสีดา 89 กิโลเมตร - อำเภอเทพารักษ์ 92 กิโลเมตร - อำเภอเสิงสาง 93 กิโลเมตร - อำเภอบัวใหญ่ 95 กิโลเมตร - อำเภอชุมพวง 99 กิโลเมตร - อำเภอประทาย 100 กิโลเมตร - อำเภอบัวลาย 102 กิโลเมตร - อำเภอบ้านเหลื่อม 105 กิโลเมตร - อำเภอแก้งสนามนาง 105 กิโลเมตร - อำเภอลำทะเมนชัย 118 กิโลเมตร - อำเภอเมืองยาง 129 กิโลเมตรทางหลวงทางหลวงพิเศษทางหลวง. ทางหลวงพิเศษ. - ทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 หรือ ถนนมอเตอร์เวย์บางปะอิน-นครราชสีมา(กำลังก่อสร้าง)ทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงแผ่นดิน. ทางหลวงสายสำคัญของจังหวัดนครราชสีมามีดังนี้- ทางหลวงหมาดเลขหลักเดียว1. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เริ่มจาก กลางดง - ปากช่อง - คลองไผ่ - สีคิ้ว - สูงเนิน - โคกกรวด - นครราชสีมา - จอหอ - ตลาดแค - บ้านวัด - สีดา - สิ้นสุดจังหวัดนครราชสีมาในเขตอำเภอบัวลาย- ทางหลวงหมายเลขสองหลัก1. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24 (ถนนโชคชัย-เดชอุดม และถนนสถลมารค) ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เริ่มจากทางแยกต่างระดับสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา - รอยต่ออำเภอหนองบุนนากกับอำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์- ทางหลวงหมายเลขสามหลัก1. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 (ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนรามอินทรา ถนนสุวินทวงศ์) ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เริ่มจากรอยต่อจังหวัดปราจีนบุรีกับอำเภอวังน้ำเขียว - อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา 2. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เริ่มจากอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา - รอยต่ออำเภอด่านขุนทดกับอำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ 3. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 202 ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เริ่มจากรอยต่ออำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิกับอำเภอแก้งสนามนาง - รอยต่ออำเภอประทาย กับ อำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ จังหวัดบุรีรัมย์ 4. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 204 (ถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมา) อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา 5. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 205 (ถนนสุรนารายณ์) ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เริ่มจากรอยต่ออำเภอด่านขุนทดกับอำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ - อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา 6. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 206 (ทางเข้าเมืองพิมาย และ เลี่ยงเมืองพิมาย) จาก ถนนมิตรภาพ อำเภอโนนสูง - อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา 7. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 207(ถนนพาณิชย์เจริญ) จากอำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา - รอยต่ออำเภอพล จังหวัดขอนแก่น 8. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 224 ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เริ่มจากอำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา - รอยต่ออำเภอเสิงสางกับจังหวัดบุรีรัมย์ 9. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 226 ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เริ่มจากอำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา - รอยต่ออำเภอห้วยแถลงกับจังหวัดบุรีรัมย์ 10. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 290 (ถนนวงแหวนรอบเมืองนครราชสีมา) อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมาทางหลวงชนบทกีฬา กีฬา. เนื่องจากจังหวัดนครราชสีมามีศักยภาพหลายด้าน ทำให้จังหวัดนครราชสีมามีโอกาสจัดการแข่งขันกีฬาในระดับชาติ และระดับนานาชาติอยู่เสมอกีฬาระดับชาติกีฬาระดับชาติ. - กีฬาแห่งชาติ- พ.ศ. 2513 จัดกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 4 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2513 - พ.ศ. 2557 จัดกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 43 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-19 ธันวาคม พ.ศ. 2557- กีฬาเยาวชนแห่งชาติ- พ.ศ. 2528 จัดกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 1 ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 1 ซึ่งกำหนดการให้มีการแข่งขันระหว่างวันที่ 26 เมษายน 2528 ถึง 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2528- กีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งชาติ- พ.ศ. 2560 จัดกีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งชาติ ย่าโมเกมส์ ครั้งที่ 38 วันที่ 23-31 ม.ค. 2560 - กีฬาระดับอุดมศึกษา- พ.ศ. 2541 กีฬาสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 15 "ราชมงคลเกมส์" ประจำปีการศึกษา 2540 แข่งขันระหว่างวันที่ 24 – 31 มกราคม 2541 ณ สนามกีฬาวิทยาเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดนครราชสีมา - พ.ศ. 2548 จัดกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 32 (สุรนารีเกมส์) จัดการแข่งขันวันที่ 8- 15 มกราคม พ.ศ. 2548 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา - พ.ศ. 2557 จัดกีฬามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 30 “อีสานเกมส์” ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ศูนย์กลางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 31 มกราคม - 7 กุมภาพันธ์ 2557 - พ.ศ. 2560 จัดกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 44 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ระหว่างวันที่ 21กุมภาพันธ์ - 2 มีนาคม 2560กีฬานานาชาติ กีฬานานาชาติ. จังหวัดนครราชสีมา เป็นรับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติหลายครั้ง- พ.ศ. 2536- วอลเลย์บอลชายชิงแชมป์เอเชีย 1993 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 ถึง 19 กันยายน พ.ศ. 2536 - พ.ศ. 2544- วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2001 การแข่งขันในครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23- 30 กันยายน กันยายน พ.ศ. 2544 - พ.ศ. 2550- วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี - วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2007 จัดขึ้นระหว่างวัน 5-13 กันยายน 2550 โดยสนามแข่งขันจัดขึ้น ณ เอ็มซีซีฮอลล์ ศูนย์การค้าเดอะมอลล์นครราชสีมา - กีฬาซีเกมส์ 2007 ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวา 2550 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 ถึง 15 ธันวาคม พ.ศ. 2550 การจัดการแข่งขันครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในการเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช - พ.ศ. 2551- กีฬาอาเซียนพาราเกมส์ 2008 ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวา 2550 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 มกราคม ถึง 26 มกราคม พ.ศ. 2551 - วอลเลย์บอลชายชิงแชมป์เอเชียนคัพ 2008 จัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 20-26 กันยายน 2008 ที่ MCC Hall Convention Center The Mall Korat จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย - วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชียนคัพ 2008โดยจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 1-7 ตุลาคม 2008 ที่ MCC Hall Convention Center The Mall Korat จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย - พ.ศ. 2552- วอลเลย์บอลยุวชนหญิงชิงแชมป์โลก 2009 จัดตั้งแต่วันที่ 3–12 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 - พ.ศ. 2553- ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 40 สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวา 2550 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-23 มกราคม พ.ศ. 2553 - พ.ศ. 2554- จักรยาน ลู่-ถนน ชิงแชมป์เอเชีย 2011 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 - พ.ศ. 2555- ฟุตซอลชิงแชมป์โลก ที่อาคารโคราช ชาติชาย ฮอลล์ ในสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวา 2550 ร่วมกับกรุงเทพมหานครอีกด้วย โดยจัดในช่วงวันที่ 1 – 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - พ.ศ. 2556- วอลเลย์บอลยุวชนหญิงอายุไม่เกิน 18 ปีชิงแชมป์โลก 2013 ที่อาคารชาติชาย ฮอลล์ และ ลิปตพัลลภ ฮอลล์ จัดการแข่งขันตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม ถึง 4 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2013 โดยใช้อาคารชาติชาย ฮอลล์ ร่วมกับ สนาม MCC Hall Convention Center The Mall Korat จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 กันยายน - 21 กันยายน พ.ศ. 2556 - พ.ศ. 2557- วอลเลย์บอลยุวชนหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2014 สนาม MCC Hall Convention Center The Mall Korat จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 ตุลาคม–19 ตุลาคม พ.ศ. 2557 - พ.ศ. 2558- ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 43 สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวา 2550 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 - จักรยานชิงแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 35 ในเวลากลางคืน โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 - 16 กุมภาพันธ์ 2558 - พ.ศ. 2559- วอลเลย์บอลเยาวชนหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2016 (u19) ครั้งที่ 18 โดยจัดขึ้นในเดือน กรกฎาคม 2559 - พ.ศ. 2560- วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2017 ระหว่างวันที่ 13-21 พฤษภาคม 2560 - พ.ศ. 2561- วอลเลย์บอลหญิงเอวีซีคัพ 2018 (ทีมหญิง) วันที่ 17-23 กันยายน 2561 ที่จังหวัดนครราชสีมาการพัฒนากีฬา การพัฒนากีฬา. จังหวัดนครราชสีมา เป็นจังหวัดที่มีความโดดเด่นด้านกีฬาทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ เนื่องจากมีการพัฒนาด้านกีฬาตลอดเวลา ในหลากหลายชนิดกีฬา เช่น- นักมวยโคราช ได้สร้างชื่อจนเป็นที่ยอมรับในวงการมวยไทย และมวยสากล มาเป็นระยะเวลายาวนาน วอลเลย์บอล- ทีมวอลเลย์บอลของโรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา ได้ผลิตนักกีฬาที่มีชื่อเสียงหลายคนเข้าสู่ทีมชาติอย่างต่อเนื่อง - ทีมวอลเลย์บอลประจำจังหวัด คือ สโมสรวอลเลย์บอลนครราชสีมา (แคทเดวิล) โดยมีทั้งทีมชายและทีมหญิง ปัจจุบันเล่นอยู่ในวอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีก - วันที่ 17- 25 เมษายน 2557 ทีมสโมสรวอลเลย์บอลนครราชสีมา (หญิง) เข้าร่วมการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์สโมสรเอเชีย 2014 ที่ยิมเนเซียมเทศบาลเมืองนครปฐม ได้อันดับที่ 5 ของทวีเปอเชีย- ไทยแลนด์ฟุตซอลลีก- ทีมสโมสรฟุตซอลนครราชสีมา เดอะเดอะมอลล์ วีวัน (ซุปเปอร์แคท) - ฟุตซอลลีก ดิวิชั่น 1- ทีมสโมสรฟุตซอลนครราชสีมา SAT3- ไทยลีก (T1)- ทีมสโมสรฟุตบอลนครราชสีมามาสด้า เอฟซี (สวาทแคท)- ไทยลีก 4 (T4)- ทีมสโมสรฟุตบอลนครราชสีมา ห้วยแถลง ยูไนเต็ด- ไทยลีก อเมเจอร์ ทัวร์นาเมนต์- ทีมสโมสรฟุตบอลเพื่อนปากช่อง - ทีมสโมสรฟุตบอลโคราช (นักรบที่ราบสูง) - ทีมสโมสรฟุตบอลโคราช ยูไนเต็ด (ไอ้กระทิงดุ) - ทีมสโมสรฟุตบอลนครราชสีมา ยูไนเต็ด - ทีมสโมสรฟุตบอลโคราช ซิตี้ - ทีมสโมสรฟุตบอลห้วยแถลง - ทีมสโมสรฟุตบอลมหาวิทยาลัยวงชวลิตกุล - ทีมสโมสรฟุตบอลจิมทอมสัน ฟาร์ม- ทีมสโมสรตะกร้อนครราชสีมา (แมวป่าทมิฬ) ปัจจุบันทำการแข่งขันในตะกร้อ ไทยแลนด์ ลีก บาสเกตบอล- ในจังหวัดนครราชสีมามีการจัดการแข่งขันบาสเกตบอลลีกภายในจังหวัด ในชื่อ โคราชบาสเกตบอล ลีกสนามกีฬาสนามกีฬา. - สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวา 2550- โคราช ชาติชาย ฮอลล์ - สนามกีฬากลาง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (นครราชสีมา) - สนามกีฬามหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล - สนามกีฬาเทศบาลนครราชสีมา - สนามกีฬาสุรพลากีฬาสถาน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี - สนามกีฬากลาง ค่ายสุรนารีบุคคลที่มีชื่อเสียงบุคคลในประวัติศาสตร์พระสงฆ์นายกรัฐมนตรีผู้บัญชาการทหาร/ตำรวจนักการเมืองนักมวยไทย/นักมวยสากลอาชีพนักกีฬานักวิชาการผู้กำกับการแสดงนักเขียนนักแสดง / นายแบบ / นางงามบุคคลที่มีชื่อเสียง. นักแสดง / นายแบบ / นางงาม. - นันทวัน เมฆใหญ่ - จรัสพงษ์ สุรัสวดี - ธงชัย ประสงค์สันติ - เพ็ญพิสุทธิ์ เลิศรัตนชัย - ธนา สุทธิกมล - โสภิตสุดา อิทธิเมธินทร์ - วรัทยา นิลคูหา - วงศกร ปรมัตถากร - พิมพ์อักษิพร วินโกมินทร์ - สุชารัตน์ มานะยิ่ง - กรวรรณ หลอดสันเทียะ - เดอะเฟซไทยแลนด์ ซีซัน 3, เดอะเฟซไทยแลนด์ ซีซัน 4 - เจเน็ต เขียว - ธงธง มกจ๊ก - สุทธิพงษ์ สีสวาท - รพีพร พ่วงเพ็ชร - ชาลิตา แย้มวัณณังค์ - มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2556 - อมร พันธ์ชมภู - ปรภัสสร วรสิรินดา - มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2014, รองอันดับ 1 มิสซูปราเนชันแนล 2014 - ภาคิน บวรศิริลักษณ์ - ปภาดา กลิ่นสุมาลย์นักร้อง/นักดนตรีเพลงไทยสากลเพลงลูกกรุง, ลูกทุ่ง และเพื่อชีวิตสถานที่ท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยว. - อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี - อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย - อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ - หมู่บ้านทำเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน - หมู่บ้านหินทราย บ้านหนองโสน - วัดบ้านไร่ - สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ - พิพิธภัณฑ์จิตรกรรมสามมิติโคราช - สวนสัตว์นครราชสีมา - วัดศาลาลอย - สวนทุ่งลุงพี - วัดโนนกุ๋ม - ตลาดน้ำกลางดง - เขี่อนลำตะคลอง - เขื่อนลำมูลบน/หาดจอมทอง - ผาเก็บตะวัน - เขาแผงม้า - ตลาดเมืองย่า 100 ปี - ตลาดเซฟวัน - เมืองเสมา (รัฐศรีจนาศะ) - ปราสาทหินเมืองแขก - ปราสาทหินเมืองเก่า - ปราสาทหินโนนกู่ - วัดธรรมจักรเสมาราม - สะพานดำ สถานีรถไฟสูงเนิน - สถานีรถไฟสูงเนินเทศกาลและงานประเพณีเทศกาลและงานประเพณี. - งานฉลองวันแห่งชัยชนะของท้าวสุรนารี กำหนดจัดระหว่างวันที่ 23 มีนาคม - 3 เมษายน ของทุกปี ซึ่งถือเป็นวันที่คุณหญิงโมได้รับชัยชนะจากข้าศึก จัดบริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี - งานแห่เทียนพรรษาโคราช เสริมบุญสร้างบารมี กำหนดจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษา ณ บริเวณสวนรักษ์และลานอนุสาวรีย์ ท้าวสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีความวิจิตรสวยงามตระการตา และมีจำนวนนักท่องเที่ยวมากที่สุดในภูมิภาค กว่า 500,000คน - งานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่โคราช คนร่วมนับถอยหลังสู่ปีใหม่ร่วมกัน นับแต่ปีเป็นการตอกย้ำที่สำคัญว่าเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เป็นเทศกาลสากลที่ประชาชนให้ความสำคัญ และเป็นศูนย์กลางแห่งการเฉลิมฉลอง ส่งท้ายปีของชาวโคราช และนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดอีกครั้งเพราะเราเชื่อมั่นว่าโคราชเป็นเมืองซึ่งเป็นศูนย์รวมการท่องเที่ยวเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งรอยยิ้ม และความสวยงามที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยสีสัน - งานตรุษจีนนครราชสีมา งานตรุษจีนนครราชสีมา กิจกรรมที่เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์อันดีต่อกันระหว่างชาวไทยและชาวจีน ซึ่งถือว่าเป็นงานที่มีความยิ่งใหญ่ภายใต้ความเชื่อที่มีมานาน และเป็นการฉลองวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีนสุดยิ่งใหญ่อลังการ ณ บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และบริเวณสวนอนุสรณ์สถาน อำเภอเมืองนครราชสีมา - สงกรานต์โคราช เทศกาลสงกรานต์ที่โคราชจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีแต่ละปีจะยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ - บีบีคิวเฟสติวัลแอตโคราช โดยหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา - งานเบญจมาศบาน ในม่านหมอก จัดขึ้นในช่วงฤดูหนาวของทุกปี ณ หน้าที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลไทยสามัคคี มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนในท้องถิ่น อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของอำเภอวังน้ำเขียวซึ่งมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ การประกวดและจำหน่าย “ดอกเบญจมาศ” แปลงสาธิตดอกเบญจมาศหลากสายพันธุ์ หลากการแสดงและจำหน่ายสินค้าผักเมืองหนาวและกิจกรรมการขี่จักรยานท่องเที่ยวรับสายหมอกและลมหนาวของอำเภอวังน้ำเขียว - การแข่งเรือพิมาย การแข่งเรือเป็นรูปแบบของการเล่นในฤดูน้ำหลากที่สร้างความสามัคคีของคนในหมู่บ้าน และคนต่างหมู่บ้านได้พบปะกัน เป็นการสร้างความสมานสามัคคีของสังคมได้ทางหนึ่งช่วงเวลา จัดหลังวันออกพรรษา แต่ไม่เกินวันเพ็ญเดือนสิบสอง - งานเทศกาลเที่ยวพิมาย จัดในวันเสาร์-อาทิตย์ สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤศจิกายน จัดขึ้นเพื่อเป็นการสร้างสรรค์กิจกรรมส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวหลักของจังหวัด คือ อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดียวกับงานประเพณีแข่งเรือพิมาย ภายในงานมีกิจกรรมหลายอย่าง เช่น การแข่งเรือยาวประเพณี การแสดงทางวัฒนธรรม ขบวนแห่พุทธราชาและพุทธประวัติ ขบวนแห่พุทธประทีปและการแสดงประกอบแสง เสียง - งานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา คณะสงฆ์อำเภอเสิงสางโดยความร่วมมือของเทศบาลตำบลเสิงสาง วัฒนธรรมอำเภอเสิงสาง และพุทธสมาคมอำเภอเสิงสางได้ร่วมกันจัดกิจกรรมสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในวันวิสาขบูชาอำเภอเสิงสางประจำปี จัดที่เทศบาลตำบลเสิงสาง - ไม้ชวนชมประจำอำเภอคง - เทศกาลประเพณีของดีเมืองคง - ประเพณีบุญบั้งไฟตำบลหนองมะนาว อำเภอคง - งานเห็ดเมืองคง - งานผ้าไหมและของดีเมืองปักธงชัย เป็นงานที่ชาวอำเภอปักธงชัย ได้จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมผ้าไหม และสินค้าต่าง ๆ ของอำเภอปักธงชัย จัดในวันที่ 9-15 ธันวาคม ของทุกปี ที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอปักธงชัย - ปากช่องคาวบอยซิตี ริมถนนมิตรภาพสายเก่า บริเวณสวนสาธารณะเขาแคน อำเภอปากช่อง เทศกาลที่ชาวอำเภอปากช่องต่างแต้มสีสันในแบบอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ การเนรมิตเมืองปากช่องให้เป็นเมืองคาวบอยตะวันตก - เทศกาลกินหมี่ ประเพณีแห่เทียนพรรษา อำเภอโชคชัย - แข่งเรือพาย ตำบลท่าลาดขาว อำเภอโชคชัย เดือนพฤศจิกายนของทุกปี - แข่งเรือ ตำบลละลมใหม่พัฒนา อำเภอโชคชัย - งานสมโภชพระบรมสารีริกธาตุ วัดบ้านไร่ วัดบ้านไร่ ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด วันที่ 11 มกราคมของทุกปี - งานของดีอำเภอขามสะแกแสง บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอขามสะแกแสง เพื่อประชาสัมพันธ์ผลผลิตจากเกษตรกรโดยเฉพาะพริก ถือเป็นของดีของอำเภอ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับรู้ พร้อมส่งเสริมให้เกษตรกรตระหนักถึงความสำคัญในอาชีพเกษตรกร ได้รับความรู้เชิงวิชาการและความรู้ใหม่ในการเพิ่มผลผลิต อีกทั้งการสร้างเสริมการตลาด ส่งเสริมความสามัคคี และอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นของอำเภอ - ประเพณีกินเข่าค่ำของดีเมืองสูงเนิน จัดขึ้นเป็นประจำในเสาร์ที่2ของเดือนมีนาคมของทุกปี โดยมีการแสดงแสง สี เสียง ชุดนิรมิตกรรมเหนือลำตะคลอง และการแสดงโอทอปประจำตำบลของอำเภอสูงเนิน การประกวดธิดากินเข่าค่ำ จัดขึ้นที่ปราสาทเมืองแขก ตำบลโคราช - เทศกาลกวนข้าวทิพย์ออกพรรษา - เทศกาลน้อยหน่า ของดีปากช่อง และงานกาชาด - เทศกาลเฟื้องฟ้างาม อำเภอหนองบุญมาก - งานเทศกาล มหัศจรรย์ทุ่งดอกจานบานสะพรั่ง อำเภอแก้งสนามนาง - งานบุญข้าวจี่ อำเภอแก้งสนามนาง - งานทอดผ้าไหม อำเภอแก้งสนามนาง - งานบุญบั้งไฟ ตำบลดอนยาวใหญ่ อำเภอโนนแดง - วังน้ำเขียวฟลอร่าแฟนตาเซีย ณ บริเวณแยกวัดโพธิ์เฉลิมพระเกียรติ อำเภอวังน้ำเขียว - งานเทศกาลชมพระอาทิตย์ตกดิน ดอยเจดีย์ อำเภอเทพารักษ์ - พิธีสักการะรูปหล่อหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ตำบลบึงปรือ อำเภอเทพารักษ์ - ประเพณีงานข้าวใหม่ปลามัน จัดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคของทุกปีซึ่งเป็นระยะเวลาที่การเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นแล้วและเชื่อกันว่าหากได้ข้าวและปลาในช่วงดังกล่าวจะมีรสชาติดีเป็นเลิศ อำเภอเมืองยาง - การแข่งขันพายเรืออีโปงในเทศกาลวันสงกรานต์ อำเภอลำทะเมนชัย - งานงิ้วประจำปี ประจำปีของชาวตลาดหนองบัวลายเป็นการบูชาและบวงสรวงแก่เจ้าพ่อที่เป็นที่เคารพของอำเภอบัวลายถือเป็นงานประเพณีที่จัดกันเป็นประจำทุกปีกว่า 30 ปี โดยจะจัดในช่วงเดือนตุลาคมหรือเดือนพฤศจิกายนของทุกปี - งานท้องถิ่นอำเภอสีดา - การจัดงานเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราช และวันครบรอบการเปิดที่ว่าการอำเภอ หน้าที่ว่าการอำเภอเฉลิมพระเกียรติ 5 ธันวาคมของทุกปี - การจัดงานวันสงกรานต์และวันผู้สูงอายุ หน้าที่ว่าการอำเภอเฉลิมพระเกียรติ วันที่ 13 เมษายน ทุกปีกระบวนการยุติธรรมกระบวนการยุติธรรม. - ศาลอุทธรณ์ภาค 3 - ศาลแรงงานภาค 3 - ศาลจังหวัดนครราชสีมา - ศาลจังหวัดสีคิ้ว - ศาลจังหวัดสีคิ้ว(ปากช่อง) - ศาลจังหวัดบัวใหญ่ - ศาลจังหวัดพิมาย - ศาลแขวงนครราชสีมา - ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครราชสีมา - ศาลปกครองนครราชสีมา
| ดอกไม้ประจำจังหวัดนครราชสีมาในประเทศไทยคือดอกอะไร | {
"answer": [
"ดอกสาธร"
],
"answer_begin_position": [
837
],
"answer_end_position": [
844
]
} |
3,998 | 20,722 | ประเทศโมร็อกโก โมร็อกโก (; ชื่อทางการคือ ราชอาณาจักรโมร็อกโก, เป็นรัฐเดี่ยวและรัฐเอกราชที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคมาเกร็บในแอฟริกาเหนือ เป็นหนึ่งในถิ่นกำเนินชนเบอร์เบอร์ ในทางภูมิศาสตร์โมร็อกโกมีเทือกเขาหินขรุขระตรงกลาง มีทะเลทรายขนาดใหญ่และมีชายฝั่งยาวมาตั้งแต่มหาสมุทรแอตแลนติกจนถึงทะเลเมดิเตอเรเนียน โมร็อกโกมีพื้นที่ประมาณ 710,850 ตารางกิโลเมตรและประชากรกว่า 33.8 ล้านคน เมืองหลวงชื่อราบัตและมีเมืองใหญ่สุดชื่อกาซาบล็องกา นอกจากนี้ยังมีเมืองสำคัญอื่น ๆ อีกอาทิมาร์ราคิช แทงเจียร์ ซาเล่ห์ แฟ็ส แม็กแน็สและ วัจด้า ในทางประวัติศาสตร์โมร็อกโกเป็นประเทศอำนาจนำภูมิภาคมีความเป็นอิสระและไม่ได้ถูกยุ่งเกียวหรือรุกรานโดยเพื่อนบ้านตั้งแต่สุลต่าน โมเลย์ อิดริส ที่ 1ก่อตั้งรัฐโมร็อกโกครั้งแรกใน พ.ศ. 1332 ประเทศถูกปกครองโดยระบบราชวงศ์และเจริญสุดขีดในช่วงราชวงศ์อัลโมราวิดและราชวงศ์อัลโลฮัดซึ่งครอบครองส่วนหนึ่งของคาบสมุทรไอบีเรียและแอฟริกาตะวันตกเฉียงเหนือ ราชวงศ์มารีนิดและราชวงศ์ซาดีได้ยืนหยัดต่อต้านการรุกร่านจากต่างประเทศ อีกทั้งโมร็อกโกเป็นประเทศในแอฟริกาเหนือประเทศเดียวที่เลี่ยงการยึดครองจากจักรวรรดิออตโตมันได้ ราชวงศ์อเลาอัวซึ่งปกครองประเทศอยู่ในปัจุบันนั้นขึ้นมามีอำนาจในโมร็อกโกตั้งแต่ พ.ศ. 2174 ใน พ.ศ. 2455 โมร็อกโกถูกแบ่งเป็นโมร็อกโกในอารักขาของฝรั่งเศส โมร็อกโกในอารักขาของสเปนกับเขตสากลในแทนเจียร์และกลับมาได้รับเอกราชใน พ.ศ. 2499 วัฒนธรรมชาวโมร็อกโกจะเป็นแบบผสมผสานตามอิทธิพลของเบอร์เบอร์ อาหรับ แอฟริกาตะวันตกและยุโรป โมร็อกโกอ้างว่าเวสเทิร์นสะฮาราซึ่งเป็นดินแดนที่ไม่ได้ปกครองตนเองซึ่งเคยเป็นสะฮาราของสเปนนั้นเป็นจังหวัดทางใต้ของโมร็อกโก หลังจากสเปนตกลงที่จะปลดปล่อยดินแดนนี้ให้โมร็อกโกและมอริเตเนียใน พ.ศ. 2518 ชาวซาห์ราวีได้ทำสงครามแบบกองโจร มอริเตเนียถอนตัวออกจากดินแดนที่มีสิทธิครอบครองใน พ.ศ. 2522 และสงครามอันยืดเยื้อก็ยุติจากการหยุดยิงใน พ.ศ. 2534 ปัจจุบันโมร็อกโกครอบครองดินแดนสองในสาม โมร็อกโกปกครองแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญกับรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้ง กษัตริย์โมร็อกโกมีอำนาจบริหารและอำนาจนิติบัญญัติอย่างมาก โดยเฉพาะการทหาร นโยบายต่างประเทศและศาสนา อำนาจบริหารออกใช้โดยรัฐบาล ขณะที่สภานิติบัญญัติเป็นของรัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎรโมร็อกโกและราชมนตรีสภาทั้งสองสภา กษัตริย์สามารถออกพระราชกฤษฎีกาที่เรียกว่าดาฮีร์ซึ่งมีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย นอกจากนี้กษัตริย์สามารถยุบสภาหลังจากปรึกษานายกรัฐมนตรีและประธานศาลรัฐธรรมนูญ ชาวโมร็อกโกส่วนมากนับถือศาสนาอิสลามมีภาษาราชการคือภาษาอาหรับและภาษาเบอร์เบอร์ ภาษาเบอร์เบอร์เป็นภาษาหลักของโมร็อกโกก่อนที่อาหรับจะมามีบทบาทในคริสศ์ศตวรรษที่ 600 ภาษาอาหรับในโมร็อกโกเรียกว่า Darija โมร็อกโกเป็นสมาชิกของสันนิบาตอาหรับ สหภาพเมดิเตอร์เรเนียนและสหภาพแอฟริกา และมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ห้าของแอฟริกาภูมิศาสตร์ ภูมิศาสตร์. โมร็อกโกมีชายฝั่งยาวตั้งแต่มหาสมุทรแอตแลนติกยาวขึ้นไปผ่านช่องแคบยิบรอลตาร์จนถึงทะเลเมดิเตอเรเนียน ทางเหนือติดกับสเปน (เซวตา เมลียาและโขดหินเบเลซเดลาโกเมรา) ทางทิศตะวันออกจรดแอลจีเรีย จรดซาฮาราตะวันตกทางทิศใต้ ตั้งแต่โมร็อกโกควบคุมส่วนใหญ่ของซาฮาราตะวันตกจึงมีพรมแดนด้านใต้ติดกับประเทศมอริเตเนียโดยพฤตินัย ประเทศโมร็อกโกตั้งอยูที่ละติจูด 27 องศาถึง36 องศาเหนือและจากลองจิจูด 1 องศาถึง 17 องศาตะวันตก แต่หากร่วมพื้นที่ซาฮาราตะวันตกโมร็อกโกจะตั้งอยู่ระหว่างละติจูด 21 องศาถึง36 องศาเหนือและจากลองจิจูด 1 องศาถึง 17 องศาตะวันตก พื้นที่ของโมร็อกโกครอบคลุมตั้งแต่ชายฝั่งแอตแลนติก พื้นที่ภูเขาตรงกลางและทะเลทรายซาฮาร่า โมร็อกโกเป็นประเทสในแอฟริกาเหนือติดกับมหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียนระกว่างแอลจีเรียกับซาฮาราตะวันตก และเป็นหนึ่งในสามประเทศที่มีชายฝั่งติดกับมหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (อีกสองประเทศคือสเปนและฝรั่งเศส) พื้นที่ส่วนใหญ่ของโมร็อกโกเป็นภูเขา เทือกเขาแอตลาสตั้งอยู่ตรงกลางและทางตอนใต้ของประเทศ เทือกเขาริฟอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ เทือกกเขาทั้งสองนี้มีชาวเบอร์เบอร์อาศัยอยู่ หากไม่นับซาฮาราตะวันตกจะมีพื้นที่ 446,550 กิโลเมตรมีขนาดเป็นอันดับที่ 57ของโลก ติดกับแอลจีเรียทางตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้แม้ว่าชายแดนระหว่างสองประเทศถูกปิดตั้งแต่ พ.ศ. 2537 มีดินแดนห้าแห่งของสเปนบนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในแอฟริกาเหนือที่ติดและอยู่ใกล้กับโมร็อกโกได้แก่เซวตาและเมลียา หมู่เกาะชาฟารีนัส โขดหินอาลูเซมัสและโขดหินเบเลซเดลาโกเมราและดินแดนพิพาทอีก 1 แห่งคือเกาะเล็กแพราจิล นอกจากนี้ชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกยังใกล้กับหมู่เกาะคะแนรีของสเปน และมาเดราของโปรตุเกสทางเหนือของโมร็อกโกมีพรมแดนติดกับช่องแคบยิบรอลตาร์ที่สามารถส่งสินค้าระหว่างประเทศไปมาระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้ เทือกเขาริฟทอดตัวยาวตามชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจากตะวันตกเฉียงเหนือไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ เทือกเขาแอตลาสที่อยู่กลางคล้ายกระดูกสันหลังของประเทศนั้นทอดตัวตั้งแต่ตะวันออกเฉียงเหนือไปตะวันตกเฉียงใต้ ทางตะวันออกเฉียงใต้ประเทศมีทะเลทรายซาฮาราซึ่งไม่ค่อยมีประชากรอาศัยและไม่มีการก่อผลทางเศรษฐกิจ ประชากรส่วนใหญ่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือบริเวณ 2 เทือกเขานี้ ขณะที่ประชากรทางใต้จะอยู่ในซาฮาราตะวันตกซึ่งเป็นอาณานิคมของสเปนในอดีตที่ถูกผนวกโดยโมร็อกโกเมื่อ พ.ศ. 2518 และอ้างว่าเป็นจังหวัดทางใต้ เมืองหลวงของโมร็อกโกคือเมืองราบัต เมืองใหญ่สุดเป็นเมืองท่าชื่อกาซาบล็องกา และเมืองอื่น ๆ ที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คนในการสำรวจสำมะโนประชากรโมร็อกโก 2557 อย่างมาร์ราคิช แฟ็ส แม็กแน็ส แทงเจียร์และซาเล่ห์ โมร็อกโกใช้ MA ในมาตรฐาน ISO 3166-1 alpha-2 รหัสนี้ใช้เป็นพื้นฐานของโดเมนระดับบนสุดของโมร็อกโก.ma
| เมืองหลวงของประเทศโมร็อกโกมีชื่อว่าอะไร | {
"answer": [
"ราบัต"
],
"answer_begin_position": [
468
],
"answer_end_position": [
473
]
} |
3,999 | 355,975 | คิง เพาเวอร์ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ (อังกฤษ: King Power Group) เป็นบริษัทด้านธุรกิจค้าปลีกสินค้าปลอดอากรของไทย ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2532 โดยวิชัย ศรีวัฒนประภา ใช้ชื่อเดิมว่า บริษัท ดาวน์ทาวน์ ดี.เอฟ.เอส (ไทยแลนด์) จำกัด ได้ร่วมทุนกับ ททท. เปิดดำเนินกิจการร้านค้าปลอดอากรในเมืองเป็นรายแรกในประเทศไทย ณ อาคารมหาทุนพลาซ่า ถนนเพลินจิต ต่อมาในปี พ.ศ. 2536 - 2549 ได้รับสัมปทานจากการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ปัจจุบันคือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)) เข้าบริหารร้านค้าปลอดภาษี ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต และหาดใหญ่ ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท คิง เพาเวอร์ แท็กซ์ฟรี จำกัด และในปี พ.ศ. 2549 ได้เข้ามาดำเนินการสินค้าปลอดอากร ที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2552 บริษัทได้รับพระราชทานตราตั้งห้างครุฑ ตั้งอยู่ที่สำนักงานใหญ่ ถนนรางน้ำ ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2553 วิชัยพร้อมด้วยผู้ร่วมทุนในนามกิจการร่วมค้าเอเชียนฟุตบอลอินเวสต์เมนท์ ได้ซื้อกิจการสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี พร้อมเปลี่ยนชื่อสนามจาก วอล์กเกอร์ส สเตเดี้ยม เป็น คิงเพาเวอร์สเตเดียม และในปี 2014 ได้บริหารทีมสโมสรเลสเตอร์ซิตี จนคว้าแชมป์ เดอะแชมเปี้ยนชิพ และเข้าไปเล่นในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จในฤดูกาล 2014-2015 ในฤดูกาล 2015–16 เลสเตอร์ซิตีสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร ต่อมาในวันที่ 16 พฤษภาคม 2560 ทางกลุ่มคิงเพาเวอร์ได้รับอนุมัติให้มีการซื้อขายสโมสร เอาด์-เฮเฟอร์เลเลอเฟิน ซึ่งเป็นสโมสรในระดับดิวิชั่น 2 ของประเทศเบลเยี่ยม และได้มีการดึงตัว กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ผู้รักษาประตูทีมชาติไทย ให้มาร่วมกับทีมในช่วงเปิดตลาดซื้อขายนักเตะของลีกเบลเยียมช่วงเดือนมกราคม พ.ศ. 2561ธุรกิจของบริษัทธุรกิจของบริษัท. - ห้างสรรพสินค้าปลอดอากร- ดาวน์ทาวน์ คอมเพล็กซ์ ถนนรางน้ำ - อินทาวน์ สโตร์ (มหานครคิวบ์) - ศรีวารี - พัทยา - ภูเก็ต - ร้านค้าปลอดอากร- สุวรรณภูมิ - ดอนเมือง (อาคารผู้โดยสาร 1) - เชียงใหม่ - ภูเก็ต - หาดใหญ่ - โรงละครอักษรา - โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ คิง เพาเวอร์ - กิจการร่วมค้าเอเชียนฟุตบอลอินเวสต์เมนท์- สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี - สโมสรเอาด์-เฮเฟอร์เลเลอเฟิน (ประเทศเบลเยียม) - คิง เพาเวอร์ มหานคร
| กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เป็นบริษัทด้านธุรกิจค้าปลีกสินค้าปลอดอากรของไทย ก่อตั้งในปี พ.ศ. ใด | {
"answer": [
"2532"
],
"answer_begin_position": [
217
],
"answer_end_position": [
221
]
} |
4,000 | 355,975 | คิง เพาเวอร์ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ (อังกฤษ: King Power Group) เป็นบริษัทด้านธุรกิจค้าปลีกสินค้าปลอดอากรของไทย ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2532 โดยวิชัย ศรีวัฒนประภา ใช้ชื่อเดิมว่า บริษัท ดาวน์ทาวน์ ดี.เอฟ.เอส (ไทยแลนด์) จำกัด ได้ร่วมทุนกับ ททท. เปิดดำเนินกิจการร้านค้าปลอดอากรในเมืองเป็นรายแรกในประเทศไทย ณ อาคารมหาทุนพลาซ่า ถนนเพลินจิต ต่อมาในปี พ.ศ. 2536 - 2549 ได้รับสัมปทานจากการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ปัจจุบันคือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)) เข้าบริหารร้านค้าปลอดภาษี ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต และหาดใหญ่ ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท คิง เพาเวอร์ แท็กซ์ฟรี จำกัด และในปี พ.ศ. 2549 ได้เข้ามาดำเนินการสินค้าปลอดอากร ที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2552 บริษัทได้รับพระราชทานตราตั้งห้างครุฑ ตั้งอยู่ที่สำนักงานใหญ่ ถนนรางน้ำ ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2553 วิชัยพร้อมด้วยผู้ร่วมทุนในนามกิจการร่วมค้าเอเชียนฟุตบอลอินเวสต์เมนท์ ได้ซื้อกิจการสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี พร้อมเปลี่ยนชื่อสนามจาก วอล์กเกอร์ส สเตเดี้ยม เป็น คิงเพาเวอร์สเตเดียม และในปี 2014 ได้บริหารทีมสโมสรเลสเตอร์ซิตี จนคว้าแชมป์ เดอะแชมเปี้ยนชิพ และเข้าไปเล่นในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จในฤดูกาล 2014-2015 ในฤดูกาล 2015–16 เลสเตอร์ซิตีสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร ต่อมาในวันที่ 16 พฤษภาคม 2560 ทางกลุ่มคิงเพาเวอร์ได้รับอนุมัติให้มีการซื้อขายสโมสร เอาด์-เฮเฟอร์เลเลอเฟิน ซึ่งเป็นสโมสรในระดับดิวิชั่น 2 ของประเทศเบลเยี่ยม และได้มีการดึงตัว กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ผู้รักษาประตูทีมชาติไทย ให้มาร่วมกับทีมในช่วงเปิดตลาดซื้อขายนักเตะของลีกเบลเยียมช่วงเดือนมกราคม พ.ศ. 2561ธุรกิจของบริษัทธุรกิจของบริษัท. - ห้างสรรพสินค้าปลอดอากร- ดาวน์ทาวน์ คอมเพล็กซ์ ถนนรางน้ำ - อินทาวน์ สโตร์ (มหานครคิวบ์) - ศรีวารี - พัทยา - ภูเก็ต - ร้านค้าปลอดอากร- สุวรรณภูมิ - ดอนเมือง (อาคารผู้โดยสาร 1) - เชียงใหม่ - ภูเก็ต - หาดใหญ่ - โรงละครอักษรา - โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ คิง เพาเวอร์ - กิจการร่วมค้าเอเชียนฟุตบอลอินเวสต์เมนท์- สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี - สโมสรเอาด์-เฮเฟอร์เลเลอเฟิน (ประเทศเบลเยียม) - คิง เพาเวอร์ มหานคร
| ใครคือผู้ก่อตั้งบริษัทด้านธุรกิจค้าปลีกสินค้าปลอดอากรของไทยชื่อว่า กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ | {
"answer": [
"วิชัย ศรีวัฒนประภา"
],
"answer_begin_position": [
225
],
"answer_end_position": [
243
]
} |